นิชคุณ (Nichkhun): ผู้ชายขี้อายที่กลายเป็นที่โด่งดังในวงการเพลง K-Pop!

ข่าวจาก CNN Go เกี่ยวกับนิชคุณ (Nichkhun) โดย Niels Footman วันที่ 8 พฤศจิกายน

นิชคุณมาจากจุดที่ “ต่ำกว่าศูนย์” แต่เขาและวงของเขา 2PM ได้กลายเป็นเรื่องที่พบได้ยากมาก ชาวไทยอเมริกันที่ประสบความสำเร็จอย่างมากที่ประเทศเกาหลีใต้

นิชคุณชาวไทยอเมริกันที่น่าดึงดูดในวงการ K-Pop

เมื่อวัยรุ่นไทยอเมริกันนิชคุณถูกทาบทามโดยพวกแมวมองถามเขาว่า เขาอยากลองไปทดสอบที่จะเป็นซุปเปอร์สตาร์ป็อปหรือไม่ เขาไม่ได้ลังเลที่จะปฏิเสธไปเลยทันที

นิชคุณกล่าวว่า "ผมตอบไปแบบว่า ไม่!” “ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พวกคุณเป็นใคร ผมร้องไม่เป็นหรือเต้นก็ไม่เป็น ผมเป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายขี้อาย ผมก็เลยบอกไปว่า ผมไม่มีทางทำเรื่องนี้เด็ดขาด!"

แต่แล้วก็เป็นเรื่องโชคดีสำหรับแฟนๆ K-Pop ที่แมวมองศิลปินจากประเทศเกาหลีใต้โดยโปรดิวเซอร์ปาร์คจินยอง (Park Jin Young) จากบริษัท JYP Entertainment ยังคงพยายามอย่างเต็มที่ แล้วมีการโทรไปตื้อจนทำให้เกิดการออดิชั่นแบบทุลักทุเลขึ้นจนได้ ที่ด้านนอกของร้านสตารบัคส์ในลอสแอนเจอลิส ซึ่งเป็นที่ๆ พวกเขาไปร่วมงาน South Korean Cultural Festival

“พวกเขาบอกทำนองว่า ให้ร้องอะไรก็ได้! เพราะฉะนั้นผมจึงร้องออกมา แต่ว่ามันเป็นการร้องที่แย่มาก ซึ่งพวกเขาบอกว่า โอเค นี่คงจะไม่เวิร์คจริงๆ หลังจากนั้นอีกประมาณ 3สัปดาห์พวกเขาก็โทรกลับมาหาผม และบอกว่า พวกเราอยากให้คุณเดินทางมาที่ประเทศเกาหลีใต้และเริ่มฝึก”

การคัดเลือกให้เข้ามาแบบแปลกแหวกแนวของนิชคุณนี้แตกต่างจากศิลปินคนอื่น สำหรับวงการบันเทิงเกาหลี กรณีของนิชคุณถือว่าเป็นกรณีที่หาได้ยากที่สุด คือ เป็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง

กรณีที่หายาก

นิชคุณเกิดที่ประเทศสหรัฐฯ โดยคุณพ่อเป็นชาวไทยและคุณแม่เป็นชาวไทยเชื้อสายจีน นิชคุณย้ายกลับมาที่ประเทศไทยตอนที่อายุได้ 2 ปี และใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศไทย 10 ปี แล้วย้ายไปเรียนภาษาอังกฤษต่อที่นิวซีแลนด์อยู่ประมาณ 2-3 ปี แล้วกลับไปเรียนต่อจนจบต่อที่สหรัฐฯ ขณะที่ศึกษาอยู่ที่สหรัฐฯ เขาได้พบกับคนที่เป็นแมวมองพาเขามาสู่ JYP แล้วมีชื่อเสียงกับวงบอยแบนด์ 2PM

มันเป็นการเปลี่ยนแปลงชีวิตแบบงงๆ อย่างสิ้นเชิง แต่กลับไม่ได้สับสนกับการเปลี่ยนแปลง เขากำลังรอคอยการเดินไปสู่บ้านใหม่ของเขาในอนาคตของเขา

นิชคุณกล่าวว่า "ผมย้ายไปย้ายมาบ่อย" "ดังนั้น (นอกจากเรื่องของภาษาแล้ว) ผมไม่เคยมีปัญหาในเรื่องวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคยเลย” แต่พอเริ่มเจองานหนักๆ เข้า ผมก็เริ่มชักไม่แน่ใจขึ้นมา"

"แล้วเมื่อตอนที่ผมได้พบกับคนอื่น พวกเขาเก่งในทุกๆ ด้าน ทั้งการร้อง การเต้น และพวกเขายังเป็นคนเกาหลีอีกด้วย เพราะฉะนั้นผมเลยจินตนาการตัวเองไม่ออกเลยว่า ผมจะเหมาะกับวงการนี้ได้ยังไง” และ “แต่คุณพ่อคุณแม่ของผมเป็นประมาณว่า อย่าเพิ่ง อย่ายอมแพ้ เพราะฉะนั้นผมก็เลยเชื่อฟังพวกท่าน"

ดังนั้นนิชคุณที่มีแรงบันดาลใจนี้พยายามอย่างมุ่งมั่นในการฝึกที่แสนโหดที่ขึ้นชื่อของ JYP พร้อมกับเพิ่มแรงดลใจเพื่อต้องการจะพิสูจน์ตัวเองเข้าไป

"ผมไม่ค่อยชอบนัก แต่ผมก็ยอมรับว่าผมเป็นที่รู้จักด้วยหน้าตาของผม" นิชคุณกล่าว "เพราะฉะนั้นผมจึงทำให้ตัวเองอยู่ภายใต้แรงกดดันมากยิ่งขึ้น ผมอยากให้คนอื่นเห็นว่าผมได้พัฒนาไปมากแค่ไหน"

ผมได้พยายามไปพร้อมๆ กับเพื่อนร่วมวง 2PM ซึ่งหมายความว่าต้องตื่นตั้งแต่ตี 5 เริ่มต้นด้วยการทำงานตามคิวงานที่แน่นสำหรับการโปรโมทและการซ้อม แล้วก็ปีนกลับขึ้นเตียงได้ประมาณตี 1 ของวันรุ่งขึ้น

นิชคุณกล่าวว่า "เวลาที่ผมเจอศิลปินอเมริกันบางคน พวกเขาก็ถามประมาณว่า แบบนั้นไม่ผิดกฎหมายเหรอ?"

ด้วยการทำงานที่มากนี้กลับกลายเป็นข้อเสีย เขาได้กลับบ้านเพียงแค่เดือนละครั้ง ซึ่งนั่นคือช่วงเวลาที่เขาได้ไปเติมพลังให้ตัวเขาเองด้วยอาหารไทย และใช้เวลาสั้นๆ กับครอบครัว ส่วนเรื่องการเดทนั้น (เพื่อเป็นเรื่องสบายใจให้สำหรับแฟนๆ ที่ชื่นชมเขา) เขากล่าวว่า มันเป็นไปไม่ได้เลย

Still 2:00PM

จนถึงตอนนี้พวกเขาได้มีผลงาน 1 อัลบั้มเต็มและ 4 EP ซึ่งก็เป็นไปตามแนวทางทั่วๆ ไปของวงบอยแบนด์ ด้วยอัลบั้มล่าสุด Still 2:00 PM นิชคุณและเพื่อนร่วมวงของเขาต่างใฝ่ฝันในสิ่งที่ใหญ่ยิ่งขึ้น ในเดือนมิถุนายนปีนี้พวกเขาได้เข้าร่วมออกทัวร์อย่างต่อเนื่องแบบ 9 วัน 9 เมืองที่ประเทศสหรัฐฯ เพื่อเป็นการสนับสนุนเพื่อร่วมค่ายวง Wonder Girls

นิชคุณกล่าวว่า "มันเป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมมากต่อหน้าคนดูที่หลากหลาย โดยมีทั้งหลายคนที่เป็นคนผิวดำและผิวขาว" "และมันน่าประหลาดใจมากที่ได้ยินพวกเขาเรียกชื่อของพวกเรา ผมรู้สึกประมาณว่า นี่ผมกำลังฝันอยู่หรือเปล่า?"

ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากจุดยืนที่เขาเคยบอกว่า เด็กหนุ่มขี้อายคนหนึ่ง จากประเทศไทย คนที่เคยบอกว่า เขาสามารถกลับบ้านของเขาโดยปราศจากคำยกยอ ที่ตอนนี้คำชมเชยต่างๆ ติดตามตัวเขาไปตลอดที่ประเทศเกาหลีใต้

นิชคุณกล่าวว่า "ผู้คนก็รู้จักผม แต่เป็นเพราะว่าผมไม่ได้มีกิจกรรมที่ประเทศไทยมาก พวกเขาก็แค่พูดว่า อ๋อ คนนั้นคือคนที่ไปเป็นศิลปินเกาหลี ก็แค่นั้นเอง"

"ผมคิดว่าไม่จำเป็นว่าจะเป็นแค่เฉพาะคนไทยเท่านั้น แต่ใครๆ ก็สามารถมาอยู่ตรงจุดเดียวกับผมได้ เพราะว่าผมเริ่มจากจุดที่ต่ำกว่าศูนย์ อย่างที่ทราบกันแล้วว่า ผมไม่มีพื้นฐานการร้อง การเต้น ไม่มีอะไรเลย ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความตั้งใจทำงานอย่างหนักมากแค่ไหน และมากแค่ไหนที่คุณอยากจะได้มันมา"