"X Japan" ส่งท้ายสุดพลัง สมใจสาวกพันธุ์เอ็กซ์

ผ่านพ้นไปแล้วสำหรับคอนเสิร์ตที่รอคอยกันมายาวนานกว่าสิบปีสำหรับ "โออิชิ ชาคูลล์ซ่า พรีเซนท์ เอ็กซ์ เจแปน 2011 เวิลด์ ทัวร์ อิน แบ็งคอค" ที่งานนี้เหล่าสาวกพันธุ์เอ็กซ์มากันเพียบ

หลังจากที่ลุ้นกันอยู่นานว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ เอ็กซ์ เจแปน จะเลื่อนและยกเลิกไปเลยหรือไม่หลังเกิดวิกฤติน้ำท่วมขึ้นในประเทศไทย แต่ในที่สุดคอนเสิร์ตของเจ-ร็อคระดับตำนานก็เกิดขึ้นจนได้โดยพวกเขาหวังจะหารายได้ช่วยภัยน้ำท่วม และส่งกำลังใจให้ผู้ประสบภัยทุกคน ซึ่งต้องบอกว่างานนี้แม้คอนเสิร์ตจะไม่ยิ่งใหญ่อลังการเหมือนที่รอคอยเมื่อ 2 ปีก่อน แต่ก็ทำความฝันของหลายๆคนที่รอคอยมานานนับสิบปีให้เป็นจริงได้สำเร็จ

เอ็กซ์ เจแปน เป็นกลุ่มศิลปินร็อคระดับตำนานที่ประสบความสำเร็จที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ด้วยยอดขายอัลบั้มเพลงกว่า 30 ล้านก็อปปื้ ที่มีเพลงดังมากมายทั้ง Endless Rain, Say Anything, Tears, X, Silent Jealousy, Forever Love, Rusty Nail, Born To Be Free ฯลฯ และการแสดงคอนเสิร์ต 18 ครั้งของพวกเขา มีผู้เข้าชมเต็มความจุกว่า 55,000 ที่นั่งของโตเกียวโดม พวกเขาถือเป็นซูเปอร์ไอดอลวิช่วลเคที่สร้างปรากฎการณ์วัฒนธรรมเพลงร็อคของญี่ปุ่น และจุดชนวนความคลั่งไคล้การ์ตูนแอนิเมชั่นให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และหลังจากที่ เอ็กซ์ เจแปน ประกาศยุบวงและได้สูญเสียมือกีตาร์อย่าง ฮิเดะ (Hide) ไปอย่างไม่มีวันกลับนั้น แฟนเพลงทั่วโลกทุกคนต่างรอคอยที่จะได้ชมความยิ่งใหญ่ของพวกเขาอีกครั้ง

ปี 2551 เอ็กซ์ เจแปน ได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้งกับสมาชิกวงซึ่งประกอบไปด้วย โยชิกิ (Yoshiki) มือกลอง และเปียโน, โทชิ (Toshi) ร้องนำ, พาตะ (Pata) กีตาร์, ฮีท (Heath) เบส, และ สึงิโซ (Sugizo) กีตาร์ และไวโอลิน พร้อมกับการออกแสดงสดต่อหน้าแฟนเพลงหลายหมื่นคนนอกประเทศญี่ปุ่น และได้รับความสนใจจากแฟนๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โดยตั๋วเข้าชมทุกการแสดงของพวกเขาถูกขายหมดเกลี้ยงทุกครั้ง และในปี 2553 พวกเขาก็มีโอกาสได้เล่นคอนเสิร์ตที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของวงกับการแสดงติดต่อกัน 2 ครั้งที่ นิสสัน สเตเดียม โดยมีแฟนเพลงเข้าชมกว่า 140,000 ที่นั่ง แม้แต่การทัวร์ทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงการแสดงที่โรสแลนด์ บอลรูมในมหานครนิวยอร์ค บัตรเข้าชมก็ขายหมดเกลี้ยงเช่นกัน

เช่นเดียวกับประเทศไทยที่บัตรก็ sold out ภายในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ยังนับว่าเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายปิดฉากเอเชียทัวร์รวมถึงเวิล์ดทัวร์ของพวกเขาด้วย หลังจากที่เริ่มเดินสายกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

คอนเสิร์ตครั้งนี้แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนที่เคยประกาศจัดที่สนามราชมังคลาฯเมื่อ 2 ปีที่แล้ว แต่เรื่องของการแสดงนับว่าพวกเขาก็ปล่อยพลังกันไม่ยั้งสมกับเป็นคอนเสิร์ตสุดท้ายเช่นกัน

คอนเสิร์ตเริ่มขึ้นโดยการเปิดตัวโยชิกิ ที่มาในชุดกางเกงหนังรัดรูป พร้อมเสื้อคลุมตัวยาวสีขาว ยืนอยู่บนเก้าอี้ด้านหลังกลองชุดที่ตั้งเคียงข้างอยู่กับเปียโนอครีลิกใสที่มีชื่อโยชิกิแสดงความเป็นเจ้าของอยู่ด้านข้าง และแม้งานนี้จะไม่มีโฮโลแกรมฮิเดะมาด้วย แต่ก็มีตุ๊กตาตัวน้อยใส่ชุดฮิเดะมานั่งอยู่บนเปียโนเพื่อเป็นตัวแทนของเขาเช่นกัน ซึ่งทันทีที่โยชิกิปรากฏตัวขึ้นเหล่าสาวกก็โห่ร้องลุกขึ้นทำท่าตัวเอ็กซ์กันทั้งฮอลล์

และทันทีที่สมาชิกที่เหลือปรากฏตัวประจำตำแหน่งบนเวที โทชิ นักร้องนำก็พาทุกคนเข้าสู่บทเพลงแรกในเพลง Jade ทางวงมีการผสมผสานกันระหว่างเสียงกรีดร้องของกีตาร์และความเป็นคลาสสิคัล รวมทั้งพลังเสียงร้องสไตล์เมทัลของโทชิเองก็ส่งพลังสร้างความเอนเตอร์เทนได้เป็นอย่างดี และนอกจากพลังทางดนตรีแล้วต้องยอมรับว่าการวาดลวดลายลีลาการแสดงต่อเครื่องดนตรีของแต่ละคนนั้นเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวกสาวๆได้ไม่น้อย งานนี้จัดเต็มทั้งแสงสี แต่คงผิดที่ระบบเสียง ที่ดูเหมือนว่าคอยส่งปัญหารบกวนอยู่เรื่อยๆ นอกจากเสียงหอนรบกวนกันของไมค์และกีตาร์ของสึงิโซแล้ว จอภาพด้านข้างยังติดๆดับๆอยู่ตลอดทั้งคอนเสิร์ตเลยทีเดียว

คอนเสิร์ตครั้งนี้มีการผสมผสานระหว่างงานเพลงทั้งเก่าและใหม่ที่ทำให้ตลอดการแสดงดูมีสีสัน มีความหลากหลายและไม่น่าเบื่อ โดยขนมาทั้ง Rusty Nail, Silent Jealousy, Drain, Kurenai, Born to be free, I.V. และ X

ซึ่งระหว่างการแสดงมีการโซโลของแต่ละคนด้วย นำโดยพาตะที่ออกมาโซโลกีตาร์ก่อนจะตามมาสมทบด้วยการโซโลเบสของฮีธ ก่อนที่โทชิจะออกมาแจมพร้อมกันในเพลง Drain

จากนั้นหนุ่มสึงิโซ ก็ออกมาสีไวโอลินด้วยลีลาสุดพลิ้วและทีเด็ดของการโชว์ครั้งนี้อยู่ตรงที่มีการโชว์สำเนียงหมอลำสีไวโอลินแบบลำซิ่งให้แฟนๆเซิ้งตามด้วย จากนั้นเขาก็ได้วาดลวดลายการสีไวโอลินดูเอ็ตร่วมกับลีลาการดีดเปียโนของโยชิกิซึ่งนับว่าเป็นอีกโชว์ที่สวยงาม

และที่เด็ดแบบสุดๆเห็นจะเป็นการเดี่ยวเปียโนและการโซโลกลองของโยชิกิ ที่เขาสลับฉากเปลี่ยนบุคลิกทั้งรุนแรงขณะตีกลองและอ่อนหวานขณะบรรเลงเปียโนเพลงคลาสสิค พร้อมทั้งทำให้ทั้งฮอลล์ถึงกับตะลึงเมื่อเขาบรรเลงเพลงเดือนเพ็ญตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งแฟนๆก็ร้องเพลงคลอตามไปจนจบเช่นกัน

แม้ว่าแต่ละคนจะวัยล่วงเลยเข้าสู่หลักสี่กันแล้วแต่พลังทางการแสดงของพวกเขาไม่ได้ถดถอยสวนทางกับอายุที่เพิ่มขึ้นเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ในเพลง Born to be free และสุดมันส์กับพลังเอนเตอร์เทนที่ใส่ไม่ยั้งของโยชิกิในเพลง X ที่ทั้งฮอลล์ต่างกระโดดทำตัวเอ็กซ์เข้าจังหวะเพลง ก่อนที่โยชิกิจะออกมาตะโกน We are ให้แฟนๆตอบรับพร้อมกันว่า X จนดังกระหึ่ม ก่อนจะโบกมือลาเข้าหลังเวทีไป

งานนี้แฟนๆต้องร้องอังกอร์กันยาวนาน โดยมีการทำกิจกรรมแก้เบื่อร่วมกันทั้งร้องเพลง Endless Rain ,ตะโกนโต้ตอบ We are X ,กระทืบสแตนด์ ,เล่นเวฟพร้อมกันทั้งฮอลล์ เล่นสลับวนไปมาอยู่หลายรอบนานกว่าครึ่งชั่วโมงจนหมดมุขถึงขนาดร้องเพลงลอยกระทง และบางคนตะโกนบอกให้ออกมาเล่นเร็วๆเพราะที่บ้านน้ำท่วมเรียกเสียงหัวเราะคลายเครียดด้วย

แต่แล้วก็ไม่ผิดหวังหลังจากรอกันอยู่นาน โยชิกิปรากฏตัวอีกครั้งแต่งชุดไทยห่มสไบยืนไหว้สวยๆบนเวที เล่นเอาตะลึงกันทั้งฮอลล์ ซึ่งทางโทชิเองก็ถึงกับแซวไม่หยุดไม่รู้จะเรียก he หรือ she ทำเอาโยชิกิเขินถึงขั้นยกมือตีโทชิ ซึ่งเขาก็เอ่ยปากชมตลอดว่าสวยมาก ทางด้านโยชิกิเองก็ขำตัวเองเช่นกัน โดยเล่าว่าเขาเคยมาเมืองไทยและคนใส่ชุดแบบนี้มีแต่ผู้หญิง แต่ถึงอย่างไรเจ้าตัวก็คิดว่าชุดนี้ดูเหมาะกับเขาดีเหมือนกัน

แต่อยู่ในสภาพห่มสไบได้ไม่นานโยชิกิก็ต้องเดินหลบฉากไปถอดสไบออกเหลือแต่ผ้านุ่งห่มทับด้วยเสื้อคลุม เดินออกมาเล่าตำนานที่ผ่านมาของวงที่ผ่านเรื่องราวต่างๆมามากมายรวมถึงการสูญเสียสมาชิกอันเป็นที่รักทั้งฮิเดะ และทาอิจิ ที่เพิ่งจากโลกนี้ไปเมื่อ 3 เดือนก่อน จากนั้นก็กล่าวถึงอุบัติภัยที่เกิดขึ้นกับประเทศญี่ปุ่นที่ประสบภัยสึนามิ รวมถึงเหตุการณ์ของประเทศไทยที่กำลังเผชิญกับภาวะน้ำท่วมซึ่งมีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โยชิกิ ได้เรียกเพื่อนๆสมาชิกวงออกมาพร้อมเพรียงและขอให้ทุกคนยืนสงบนิ่งไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตด้วย

จากนั้นโทชิก็ร้องเพลง Forever Love แบบสดๆ ก่อนจะส่งท้ายแบบเต็มๆวงด้วย Endless Rain และ Art of Life ซึ่งนับว่าเป็นการปิดฉากการทัวร์คอนเสิร์ตของพวกเขาได้อย่างสวยงาม

Manager Online