มังกรครองตลาดหนังใหญ่อันดับ 3 ของโลก

       เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ - จีนผงาดเป็นตลาดภาพยนตร์ขนาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก แต่หนัง ซึ่งผลิตในประเทศยังตกเป็นรองหนังทำเงินจากฮอลลิวูดหลายขุม
       
       จากผลการสำรวจของ EntGroup บริษัทวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านอุตสาหกรรมบันเทิง ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งนั้น รายได้ของภาพยนตร์ที่ฉายบนแผ่นดินใหญ่คาดว่า จะเพิ่มเกือบร้อยละ 30 เป็น 13,000 ล้านหยวนเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทำให้จีนกลายเป็นตลาดผู้บริโภคภาพยนตร์ ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ในโลก รองจากอเมริกา และญี่ปุ่น โดยตลาดภาพยนตร์ของจีนเคยติดอันดับ 6 ด้วยยอดรายได้ 10,170 ล้านหยวน ในปี 2553 เพิ่มร้อยละ 65 จากปี 2552
       
       อย่างไรก็ตาม ภาพยนตร์ทำเงิน 10 อันดับแรกในจีน ยังมีหนังทำเงินของฮอลลิวูดครองอันดับอยู่หลายเรื่อง

       หนังทำเงินสูงสุด 2 อันดับแรกเมื่อปีที่แล้วเป็นหนังฮอลลิวูดคือ ทรานส์ฟอร์เมอร์สภาค 3 (Transformer 3) ซึ่งโกยเงินรายได้ถึง 1,100 ล้านหยวน และกังฟูแพนด้าภาค 2 ( KungFu Panda 2) (617 ล้านหยวน) ตามด้วยเดอะ ฟลาเวอร์ ออฟ วอร์ (The Flowers of War) ของจาง อี้โหมว ผลงานตัวแทนประเทศจีนเข้าชิงรางวัลออสก้าร์สาขาหนังภาษาต่างประเทศเมื่อปีที่แล้ว (488 ล้านหยวน)

       หนังฮอลลิวูดอื่นๆ ใน 10 อันดับแรกยังได้แก่ ไพเรตส์ ออฟ เดอะ แคริบเบียนภาค 4 ( Pirates of the Caribbean 4 ), แฮร์รีพอตเตอร์กับเครื่องรางยมทูตภาค 2 ( Harry Potter and the Deadly Hallows 2 ), สเมิร์ฟส ( Smurfs ) และ ฟาสต์ แอนด์ ฟิวเรียสภาค 5 ( Fast and Furious 5 ) ถัดมาเป็นพยัคฆ์ตะลุยพยัคฆ์ ( The Flying Swords of Dragon Gate ) ของสวี่ เค่อ หรือ "ฉีเคอะ" (Tsui Hark) ผู้กำกับหนังฮ่องกง (433 ล้านหยวน ), บีกินนิง ออฟ เดอะ เกรต รีไวเวิล ( Beginning of the Great Revival ) ของฮั่น ซานผิงและหวง เจี้ยนซิน (412 ล้านหยวน) และเลิฟ อีส น็อต ไบลนด์ ( Love is not Blind ) ของเถิง หัวเถา (352 ล้านหยวน)

       ส่วนในปี 2553 หนังในประเทศ 2 เรื่องคือ อาฟเตอร์ช็อก (Aftershock) และคนท้าใหญ่ (Let the Bullets Fly) ติดอันดับ 2 และอันดับ 3 อันดับหนึ่งคืออวตาร (Avatar) จากฮอลลิวูด
       
       นักวิเคราะห์ระบุว่า ตลาดภาพยนตร์บนแผ่นดินใหญ่กำลังโตเร็วที่สุดในโลก เนื่องจากมีการลงทุนมากขึ้น รวมทั้งจำนวนจอฉาย ซึ่งเพิ่มอีกราว 3,000 จอในปีที่แล้ว รวมจำนวนทั้งสิ้นกว่า 9,000 จอ อย่างไรก็ตาม หนังทำเงินจากฮอลลิวูดเป็นผู้ผลักดันการเติบโตนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ แม้รัฐบาลจีนพยายามส่งเสริมการผลิตภาพยนตร์ในประเทศอยู่ก็ตาม
       
       นอกจากนั้น โควตานำเข้าหนังจากฮอลลิวูดและหนังเทศ ซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อปกป้องการสร้างหนังในประเทศก็ใช้ไม่ได้ผลอย่างแท้จริง
       
       อาจารย์ โจว ซิง แห่งวิทยาลัยศิลปะและการสื่อสารของมหาวิทยาลัยปักกิ่งนอร์มอลชี้ว่า ความโดดเด่นของหนังฮอลลิวูดบอกให้ผู้สร้างหนังจีนตระหนักความจริงว่า ยังอีกห่างไกลนัก ที่หนังในประเทศจะแข่งขันกับหนังฮอลลิวูดได้
       
       “หนังในประเทศหลายเรื่องขาดองค์ประกอบด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ส่วนการเล่าเรื่องก็ห่างไกลจากชีวิตของผู้คนทั่วไป” เขาระบุ
       
       นอกจากนั้น ปัญหาอีกประการหนึ่งของคนทำหนังบนแผ่นดินใหญ่ก็คือความเข้มงวดในการเซ็นเซอร์เนื้อหาในภาพยนตร์ของรัฐบาลปักกิ่ง ซึ่งต้องการควบคุมการผลิตผลงานด้านวัฒนธรรม แม้มีเสียงเรียกร้องจากผู้สร้างผู้กำกับให้ผ่อนคลายการตัดและหั่นก็ตาม โดยตามความเห็นของอาจารย์โจวนั้น ควรมีการผ่อนคลายการเซ็นเซอร์อย่างค่อยเป็นค่อยไปตามการพัฒนาของเศรษฐกิจ

 

Manager Online