Lost in Thailand ทุบสถิติ Titanic / คนจีนขอฮาไม่เอาเครียด

       ท่ามกลางหนังทุนยักษ์ฟอร์มใหญ่ในช่วงเดือนสุดท้ายของปี 2012 หนังตลกที่ในชื่อเรื่องมีคำว่า Thailand กลับสามารถทำเงินอย่างมหาศาลถึงขั้นทุบสถิติบ็อกซ์ออฟฟิศในจีนแผ่นดินใหญ่ได้เลยทีเดียว
       
       หนังตลก Lost in Thailand ( 人再囧途之泰囧 [豆瓣] ) ที่มีการถ่ายทำที่ไทยตลอดทั้งเรื่อง เริ่มต้นสร้างความฮือฮา ด้วยการเปิดตัวกวาดรายได้เมื่อช่วงปลายปีก่อนตั้งแต่ 12-15 ธ.ค.ไปสูงถึง 320 ล้านหยวน (ประมาณ 1,600 ล้านบาท) ถือว่าเป็นหนังจีนที่ทำรายได้เปิดตัวสูงสุด ทุบสถิติเดิมของ Painted Skin II: The Resurrection ที่ทำเอาไว้ในปีเดียวกันนี้เอง นอกจากนั้น รายได้ในวันเสาร์ 100 ล้านหยวน (500 ล้านบาท) ก็ยังเป็นสถิติรายได้ของหนังวันเดียวที่สูงสุดตลอดกาลในจีนมากกว่าหนังฮอลลีวูดอย่าง Titanic 3-D และ Transformers 3 เสียอีก
       
       ถึงตอนนี้ Lost in Thailand ทำเงินเกิน 1 พันล้านหยวน (4,890 ล้านบาท) ไปแล้ว กลายเป็นหนังจีนที่ทำเงินสูงสุดในประเทศ เอาชนะเจ้าของสถิติเดิมอย่าง Painted Skin: The Resurrection ลงไปได้อย่างสวยงาม และยังคงเดินหน้าเก็บเงินต่อไปอย่างไม่มีทีท่าว่าจะอ่อนแรง ทำเงินแซง Titanic 3-D หนังต่างประเทศที่ทำเงินสูงสุดแห่งปี 2012 ด้วยรายได้ 976 ล้านหยวน (4,770 ล้านบาท ) ได้แล้วด้วย ส่วนหนังทำเงินสูงสุดตลอดกาลในจีนยังเป็น Avatar ที่สร้างสถิติเอาไว้ 1,310 ล้านหยวน (6,400 ล้านบาท)
       
        Lost in Thailand : คนจีนเบื่อหนังเครียด
       
       ด้วยทุนสร้างเพียง 30 ล้านหยวน (146 ล้านบาท) ที่ถือว่าไม่ใช่หนังทุนสูงในจีน Lost in Thailand เล่าเรื่องของหนุ่มๆ ชาวจีน ที่นำแสดงโดย หวังเป่าเฉียง, สวี่เจิง และ หวงเป่า ที่เดินทางมาเมืองไทยในทริป “ก่อนโลกแตก” จนได้พบกับเรื่องวุ่นวายมากมายที่เกิดขึ้นด้วยความแตกต่างทางภาษา และวัฒนธรรมที่พวกเขาไม่คุ้นเคย จนกลายเป็นเรื่องน่าหัวเราะสำหรับคนดู เป็นหนังที่หลายคนให้คำจำกัดความว่า The Hangover ของเมืองจีน
       
       Lost in Thailand เป็นภาคต่อของ Lost on Journey หนังฮิตเมื่อปี 2010 ที่เล่าเรื่องของ ประธานบริษัทแห่งหนึ่งที่ต้องการกลับบ้านเกิดในฉางซาเพื่อฉลองวันปีใหม่กับครอบครัว แต่สุดท้ายการเดินทางที่ควรจะปกติธรรมดากลับกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย เมื่อเขาต้องร่วมเดินทางไปกับหนุ่มบ้านเดียวกันที่ต้องการกลับไปทวงหนี้ และนำปัญหาอันไม่คาดคิดมาให้
       
       สวี่เจิง ดาวตลกชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่มีผลงานในหนังตลกสุดฮิตหลายเรื่องในรอบหลายปีที่ผ่านมา ทั้ง Crazy Stone, Call for Love, Crossed Lines และ Crazy Racer ยังถือว่าขึ้นชั้นเป็นดาราแถวหน้าอย่างเต็มตัวในหนังเรื่องนี้ นอกจากนั้น เขายังนั่งเก้าอี้ผู้กำกับเต็มตัวใน Lost in Thailand เป็นครั้งแรกด้วย
       
       ท่ามกลางหนังทุนสูงที่มีท่าทีเคร่งเครียดจริงจังอย่าง “The Last Supper” ที่เล่าเรื่องราวการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของ “ฉ้อปาอ๋อง” และ “หลิวปัง” หรือ “Back To 1942” หนังว่าด้วยประวัติศาสตร์ความสูญเสียด้วยภัยแล้งและความอดอยากในอดีต Lost in Thailand กลับเป็นดาวเด่นของวงการภาพยนตร์จีนขึ้นมาได้อย่างเหลือเชื่อ
       
       “ผู้ชมส่วนใหญ่อยากดูหนังตลกดีๆ กันมากซวนซือเหา นักวิจารณ์แห่ง mtime.com แสดงความเห็นถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงในวงการหนังจีน ที่ก่อนหน้านี้ผู้สร้างหนังคิดว่า ชาวจีนส่วนใหญ่ที่มีรายได้ต่ำ พร้อมจะจ่ายเงินค่าตั๋วหนังให้กับผลงานที่ลงทุนสูง เต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพื่อความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายลงไปมากที่สุดเท่านั้น แต่ตอนนี้ดูเหมือนวงการหนังเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง หนังตลกเป็นที่ต้องการมากขึ้น และถึงแม้จะมีผลิตออกมาบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่คุณภาพที่ไม่ค่อยน่าพอใจนัก จนกระทั่งการมาถึงหนังตลกที่มีฉากหลังอยู่ในเมืองไทย
       
       และแม้จะเป็นหนังตลกโปกฮาที่ขายความขบขัน แต่ Lost in Thailand ก็ยังได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์ และคนดูด้วยโดยได้รับคะแนนเฉลี่ยไปถึง 8.1/10 จากผู้ชมมากกว่า 120,000 ในเว็บไซต์สุดฮิต Douban.com ส่วนสื่อมวลชนก็มองว่าหนังเรื่องนี้ประสบความสำเร็จอย่างงดงามกับการสื่อสารกับคนในวงกว้าง อย่างที่นักวิจารณ์รายหนึ่งให้คำจำกัดความว่า “คุณไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเอกก็สามารถสนุกกับ Lost in Thailand ได้
       
       “เผิงเสียวกัง (ผู้กำกับที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำหนังตลกที่ว่าด้วยวัฒนธรรมของคนปักกิ่ง) ก็ไม่ได้ทำหนังตลกมา 2 ปีแล้ว แทนที่จะทำให้คนดูได้หัวเราะกัน เขากลับพยายามทำให้คนดูเศร้า (ด้วยหนังอย่าง Aftershock และ Back to 1942) คิดดูซิขนาดหนังอย่าง On His Majesty's Secret Service ยังทำเงินได้เกิน 100 ล้านหยวน เห็นได้ชัดเจนว่าขาดแคลนหนังตลกกันแค่ไหน” นักวิจารณ์จาก mtime.com แสดงความเห็น
       
       จูอี้หมิง ผู้จัดการทั่วไปของ China 3D Digital Entertainment ยังมองว่า ความสำเร็จของ Lost in Thailand ว่า อาจทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง ซึ่งหนังตลกและหนังทุนที่ไม่สูงนักราว 20-30 ล้านหยวน อาจมีโอกาสในตลาดมากขึ้น เมื่อนายทุนมองว่าไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินให้หนังฟอร์มใหญ่เท่านั้น แต่หนังขนาดเล็ก หรือกลางก็อาจทำกำไรได้เหมือนกัน ซึ่งนี่อาจเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของวงการหนังจีน ตลาดหนังที่มีมูลค่าอันดับ 2 ของโลกในขณะนี้ต่อไป

 

Manager Online