ความท้าทายของ “จีน” ตลาดหนังอันดับ 2 ของโลก

      เอเอฟพี - นักดูหนังในจีนแผ่นดินใหญ่จ่ายเงินค่าตั๋วหนังรวมกันถึง 17,000 ล้านหยวน (82,800 ล้านบาท) ในตลอดปี 2012 จนทำให้จีนกลายเป็นตลาดหนังที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของโลกอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาหนังท้องถิ่นของจีน ยังพ่ายแพ้ เสียส่วนแบ่งการตลาดครึ่งหนึ่งให้กับหนังต่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วย
       
       สำนักงานวิทยุ, ภาพยนตร์ และโทรทัศน์แห่งรัฐฯ (SARFT) ยังเปิดเผยว่า ยอดรายได้ของวงการหนังจีนในปี 2012 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึง 30% เป็นอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็วมากของตลาดหนังจีน จนกลายเป็นเป้าหมายใหม่ของบรรดาผู้สร้างในฮอลลีวูด แม้จีนจะยังคงมีกฎระเบียบเกี่ยวกับการฉายหนังต่างประเทศที่เข้มงวดก็ตาม
       
       ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนมีนโยบายจำกัดจำนวนหนังต่างประเทศที่จะได้เข้าโรงฉายในแต่ละปี อย่างไรก็ตาม หลังมีการกดดันกันมาพักใหญ่ เมื่อปีก่อนจีนได้ยอมตกลงที่จะเพิ่มจำนวนโควต้าของการฉายหนังจากสหรัฐฯ จากเดิมปีละ 20 เรื่อง เป็น 34 เรื่อง ส่วนหนังที่สร้างโดยคนทำหนังจีนเองที่ฉายตลอดปี 2012 ก็มีมากถึง 893 เรื่อง เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โรงภาพยนตร์จีนสามารถเก็บเงินได้มากมายตลอดปีที่แล้ว
       
       และถึงจำนวนหนังต่างประเทศที่ได้รับอนุญาตให้ฉายในโรงภาพยนตร์จีนจะยังมีอยู่ไม่มากนักเมื่อเทียบกับหนังท้องถิ่น แต่ก็ยังกินส่วนแบ่งการตลาดถึง 51% ถือว่าเป็นการเอาชนะหนังท้องถิ่นของจีนได้เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี ส่วนหนังฮอลลีวูดก็มีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้นจาก 18% เป็น 25% เลยทีเดียว
       
       แม้ในท้ายที่สุดปี 2012 หนังท้องถิ่นจีนจะเสียส่วนแบ่งการตลาดไป แต่ ถงกัง หัวหน้าแผนกภาพยนตร์ของ SARFT ก็มองว่าหากประเมินจากสถานการณ์ต่างๆ แล้วหนังในประเทศก็ยังถือว่าทำได้ดีกว่าที่คาดการณ์กันเอาไว้
       
       แต่ในอนาคตวงการหนังจีนอาจต้องพบกับการท้าทายจากต่างชาติมากขึ้นเรื่อยๆ ปลายปีก่อนผู้บริหารระดับสูงของ SARFT ก็แสดงความเห็นว่า คนทำหนังจีนต้องพยายามใช้ความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น ในสถานการณ์ที่หนังท้องถิ่นพบกับการกดดัน และต้องมีการแข่งขันมากขึ้น
       
       ซึ่งนอกจากการจำกัดจำนวนหนังต่างประเทศที่จะเข้าฉายในแต่ละปีแล้ว จีนยังมีกฎระเบียบเรื่องการควบคุมเนื้อหาที่เข้มงวด ในการดูแลสิ่งที่ประชาชนจะได้ชม และมักจะออกคำสั่งแบนกับการนำเสนอเนื้อหาที่พูดถึงด้านลบของการเมืองในยุคปัจจุบัน หรือประเด็นใดก็ตามที่มีสิทธิ์นำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยของสังคม และไม่ใช่เพียงแต่หนังต่างประเทศเท่านั้น หนังจีนเองก็ต้องปวดหัวกับการควบคุมอันเข้มงวดด้วย
       
       แต่ท่ามกลางกฎระเบียบมากมาย Lost in Thailand หนังตลกทุนต่ำ ที่เริ่มต้นฉายเมื่อเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา กลับสามารถกวาดเงินไปได้ถึง 1,200 ล้านหยวน (5,800 ล้านบาท) กลายเป็นหนังจีนที่ทำเงินได้มากที่สุดเท่าที่เคยมีมา

 

Manager Online