ตำนานกังฟู หลิวเจียเหลียง ( Liu Chia-liang) ลาโลกแล้ว

จากสตันต์แมน, สู่ผู้กำกับคิวบู๊ยอดฝีมือในวงการ และกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนานแห่งวงการหนังกังฟู “หลิวเจียเหลียง” (Liu Chia-liang / Lau Kar-leung / 劉家良 / 刘家良) ที่มีผลงานอมตะมากมายตั้งแต่ยุค 60s เป็นต้นมา ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 76 ปี นับเป็นความสูญเสียอีกครั้งสำหรับวงการหนังฮ่องกง
       
       สื่อในฮ่องกงได้เปิดเผยว่า หลิวเจียเหลียง ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 มิ.ย. ด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวขณะที่มีอายุ 76 ปี หลังมีอาการป่วยมาหลายปี และแทบไม่มีผลงานให้เห็นเลยในระยะหลัง
       
       หลิวเจียเหลียง เกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 1936 ใน กวางโจว เป็นลูกชายของ หลิวชาน ครูมวยหงกวน ซึ่งเป็นศิษย์หลานของหวงเฟยหงผู้โด่งดัง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเองจะได้เริ่มเรียนมวยสายนี้มาตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบ
       
       โดยในช่วงวัยรุ่นเขามีโอกาสได้ใช้ความสามารถด้านหมัดมวย ทำงานเป็นสตันต์แมนในวงการภาพยนตร์ และได้เล่นหนังเกี่ยวกับ “หวงเฟยหง” ในยุคหนังขาวดำอยู่หลายเรื่อง จนอาชีพก้าวหน้าได้รับมอบหมายให้ทำงานเป็นผู้กำกับคิวบู๊ออกแบบฉากต่อสู้ในหนังขณะที่มีอายุได้แค่ 20 เศษเท่านั้น
       
       กระทั่งในกลางยุค 60s ความยิ่งใหญ่ของ หลิวเจียเหลียง จึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้มีส่วนร่วมออกแบบฉากต่อสู้ในหนังกำลังภายในยุคใหม่หลายเรื่อง ถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมต่อการปฏิวัติฉากต่อสู้ในหนังฮ่องกง โดยเฉพาะ “เดชไอ้ด้วน” ของ จางเชอะ ที่กลายเป็นต้นแบบของหนังกำลังภายในยุคนั้นไปโดยปริยาย
       
       หลิวเจียเหลียง มีโอกาสทำงานกับ จางเชอะ อยู่พักใหญ่ ร่วมกันสร้างหนังออกมามากมาย และยังได้ช่วยฝึกฝนทักษะด้านคิวบู๊ให้กับดาราของชอว์บราเดอร์หลายคน
       
       กระทั่งในปี 1975 หลิวเจียเหลียง จึงเริ่มกำกับหนังของตัวเอง ด้วยการมอบบทนำให้กับศิษย์น้องที่ชื่อว่า หลิวเจียฮุย โดยมี “ไอ้เณรจอมคาถา” เป็นผลงานเรื่องแรก หลังจากนั้นจึงมีผลงานตามออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น ถล่มเจ้าระฆังทอง, ไอ้เณรยอดเทวฤทธิ์, นักสู้กระบองกล และ ยอดมนุษย์ยุทธจักร
       
       หลังบริษัท ชอว์บราเดอร์ หยุดสร้างหนังไปในกลางยุค 80s หลิวเจียเหลียง จึงผันตัวไปทำงานกับบริษัทอื่นบ้าง และมีผลงานที่น่าจดจำอย่าง “โหดทะลุแดด” ที่ทำให้เขาได้ทำงานกับดาราดังอย่าง โจวเหวินฟะ (Chow Yun Fat) นอกจากนั้นยังได้โคจรมาพบกับตำนานกังฟูอีกคนอย่าง เฉินหลง (Jackie Chan) ใน “ไอ้หนุ่มหมัดเมา 2
       
       ด้วยปัญหาสุขภาพทำให้ หลิวเจียเหลง แทบไม่ได้มีงานหนังเลยในช่วง 20 ปี หลังของชีวิต มีเพียงผลงานกำกับหนังเรื่องเดียวออกมาคือ “ไอ้หนุ่มหมัดเมา ภาคหมัดวานร” เมื่อปี 2002 ส่วนงานสุดท้ายในชีวิตก็คือการร่วมแสดงนำ และกำกับคิวบู๊ใน “เจ็ดกระบี่เทวดา” (2005) ของ ฉีเคอะ แต่เพราะการถ่ายทำหนังในภูมิประเทศภูเขาสูง ที่มีอากาศหนาวเหน็บ จึงทำให้เขาไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ ฉีเคอะ ก็ยืนยันมาตลอดว่าคิวบู๊ที่เห็นในหนังเรื่องนี้ คือผลงานของ หลิวเจียเหลียง แน่นอน
       
       ด้านชีวิตส่วนตัว หลิวเจียเหลียง แต่งงานกับดาราสาว องชิ่งจิง ซึ่งตอนนี้ผันตัวไปเป็นนักกฎหมาย หลังเคยมีงานอยู่ช่วงสั้นๆ กับบริษัท ชอว์บราเดอร์ ในต้นยุค 80s โดยทั้งสองอาศัยอยู่ที่ฮ่องกงจนถึงปัจจุบัน และมีลูกสาวด้วยกันสองคน

 

 

Manager Online