ผกก.ดังยอมรับยุคนี้ฮอลลีวูดเอาใจจีน - ชี้ไม่เสียหายถึงขั้นทำลายหนัง
เอพี - ด้วยมูลค่าทางธุรกิจ และยอดคนดูที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมหนังจีน ได้ทำให้หนังฮอลลีวูดหลายเรื่องพยายามใส่ “องค์ประกอบ” ความเป็นจีนเข้าไปด้วย หวังสร้างจุดขายในการฉายที่แดนมังกร ซึ่ง ผกก.ชื่อดังเจ้าของหนังอย่าง ID4 ได้ยืนยันว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น จะไม่ได้มีผลมากมายต่อหนังฮอลลีวูดโดยเฉพาะพล็อตเรื่องอย่างที่หลายคนกังวลกัน
“ก็คงจะมีความร่วมมือกัน, มีองค์ประกอบต่างๆ ที่ใส่เข้ามา แต่มันจะมีผลกระทบกับตัวหนังมากขนาดนั้นรึเปล่า? ผมคิดว่าไม่ เพราะคนจีนคงไม่ได้อยากดูหนังที่พูดถึงแต่เมืองจีน แต่อยากดูหนังที่พูดถึงสิ่งต่างๆ ในโลกด้วย” โรแลนด์ เอมเมอริช (Roland Emmerich) กล่าวระหว่างที่เขาเดินทางไปโปรโมต White House Down ในกรุงปักกิ่ง ถึงกระแสที่หนังฮอลลีวูดพยายามใส่ความเป็นจีนเข้าไปในเนื้อเรื่อง ซึ่งตอนนี้กลายเป็นเรื่องปกติของภาพยนตร์สหรัฐฯ ไปแล้ว
ตอนนี้ในขณะที่ตลาดหนังสหรัฐฯ เองกำลังอยู่ในช่วงอิ่มตัว รายได้หนังไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างหวือหวาอีกต่อไป ทำให้ประชากรประมาณ 1,300 ล้านคนของจีนแผ่นดินใหญ่ คือเป้าหมายของคนทำหนังทั่วโลก แต่ด้วยนโยบายจำกัดจำนวนหนังต่างประเทศ ที่จะอนุญาตให้เข้าฉายในจีนได้เพียงไม่กี่เรื่องต่อปี และกฎระเบียบเรื่องการเซนเซอร์อันเข้มงวด การนำหนังไปฉายให้คนจีนดูกันในโรงภาพยนตร์ ก็ยังไม่ใช่เรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดายนัก
เมื่อต้นปี นักดูหนังชาวจีนได้ดู Skyfall ฉบับที่ตัดเนื้อหาออกนิดหน่อย พร้อมยังมีการขึ้นตัวอักษรอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาที่พูดถึงธุรกิจการค้าบริการทางเพศในจีน ที่ปรากฏอยู่ในหนัง ส่วน Cloud Atlas หนังที่เล่าเรื่องตัดสลับเหตุการณ์มากมาย ก็โดนเซนเซอร์จีนตัดหนังไปถึง 38 นาที โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศ และฉากรักมันโจ๋งครึ่ม
ในอีกด้านความรุ่งเรืองของธุรกิจภาพยนตร์จีนยังทำให้ผู้สร้างจากฮอลลีวูด เพิ่มดาราจีน หรือเดินทางเข้ามาถ่ายทำส่วนหนึ่งส่วนใดของเรื่องในจีนมากขึ้น เพื่อเรียกร้องความสนใจจากคนดูที่นี่ Iron Man 3 ถึงกับมีหนังฉบับสำหรับฉายในจีนโดยเฉพาะ ที่จะมีนักแสดงสาวขวัญใจชาวจีน ฟั่นปิงปิง (Fan Bing Bing) ปรากฏตัวขึ้นมาในตอนหนึ่งของเรื่อง เป็นฉากที่ไม่มีในหนังฉบับใดๆ ในประเทศอื่นทั่วโลก
“องค์ประกอบความเป็นจีนในหนังเป็นอะไรที่สำคัญอยู่เหมือนกัน แต่มันก็ต้องสมเหตุสมผลกับเนื้อเรื่องด้วย คุณคงไม่สามารถใส่อะไรที่เป็นจีนลงไป และคิดง่ายๆ ว่า “หนังคงจะรุ่งในจีนแน่” คุณจำเป็นต้องเขียนเรื่องให้มันเข้าท่าด้วย” เอมเมอริช ให้สัมภาษณ์กับ The Associated Press ระหว่างเดินทางเข้าไปโปรโมตหนังใหม่ในจีน
2012 ผลงานเรื่องหนึ่งของผู้กำกับชาวเยอรมันคนนี้ มีเนื้อหาส่วนหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับคนจีนโดยตรง ซึ่งหนังผูกเรื่องว่าในขณะที่โลกกำลังเข้าสู่สถานการณ์อันวิกฤตจากความร้อนเกินขีดจำกัดของแกนโลก ผู้นำของประเทศต่างๆ ได้ร่วมกันวางแผนลับๆ สร้างเรือขนาดยักษ์ขึ้นในภูเขาที่เมืองจีน
ในฉากหนึ่งของเรื่องยังมีคำพูดจากเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ ที่เอ่ยออกมาว่า “มีแต่จีนเท่านั้นที่จะสร้างเรือแบบนี้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว” ซึ่งสำหรับชาวจีนนี่คือมุมมองใหม่จากฮอลลีวูด ที่ก่อนหน้านี้หลายทศวรรษมองเห็น และนำเสนอพวกเขาเพียงด้านเดียวมาตลอด เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่ดูลึกลับ และล้าหลัง
เอมเมอริช ยังยืนยันว่า 2012 ที่ทำเงินมหาศาลในเมืองจีน ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อเอาใจคนจีนเป็นพิเศษ แม้เนื้อเรื่องของหนังในบางส่วนจะเกี่ยวข้องกับเมืองจีนก็ตาม “บางทีไอเดียเริ่มต้นของ 2012 ของผมอาจจะมาจากการได้เห็นภาพ ที่น้ำท่วมภูเขาหิมาลัย สำหรับผมมันเป็นภาพที่ทรงพลังมาก และคิดว่าอยากจะสร้างหนังด้วยการอ้างอิงภาพนี้ ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีจีนอยู่ในส่วนหนึ่งของหนังด้วย”
White House Down จะเปิดฉายที่จีนภายในสัปดาห์นี้ โดยหนังเล่าถึงเหตุการณ์ก่อการร้ายโดยมีฉากหลังอยู่ในทำเนียบขาว ซึ่งได้ เจมี ฟอกซ์ มารับบทเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และ แชนนิง ตาตัม เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่กลายเป็นบอดีการ์ดจำเป็นของผู้นำสหรัฐฯ
ผกก.วัย 57 ปี ยังกล่าวว่าสำหรับหนังของเขาแล้ว ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเซนเซอร์ของจีน เพราะแม้จะมีตัวละครชาวจีนมีบทบาทอยู่นิดหน่อย แต่ White House Down พูดถึงวิกฤตของสหรัฐฯ เองมากกว่า
เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไป ว่าการเซนเซอร์อันเข้มงวด คือหนึ่งในปัญหาที่ทั้งหนังต่างประเทศ และคนทำหนังท้องถิ่นจีนต้องเผชิญ หากคิดจะฉายหนังให้คนจีนได้ดูกันในวงกว้าง ตามนโยบายของรัฐบาล ที่ยังคงระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับเนื้อหาที่พูดถึงประเด็นทางการเมือง นอกจากนั้นหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังต้องตรวจสอบหนังแต่ละเรื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าจะเหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัยจริงๆ เพราะถึงตอนนี้จีนก็ยังไม่มีระบบเรตติ้ง จำกัดอายุคนดูภาพยนตร์
จีนยังจำกัดจำนวนหนังต่างประเทศที่อนุญาตให้เข้าฉายในแต่ละปี ให้อยู่ในจำนวนเพียง 34 เรื่องเท่านั้น เป็นนโยบายที่ต้องการปกป้องหนังท้องถิ่น
แม้จะมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ แต่จีนแผ่นดินใหญ่ก็ยังเป็นดินแดนที่หอมหวานสำหรับคนทำหนังฮอลลีวูด เพราะตอนนี้จีนได้กลายเป็นตลาดหนังอันดับ 2 ของโลกไปแล้ว อ้างอิงจากข้อมูลของสมาคมภาพยนตร์อเมริกา ตลอดปี 2012 ยอดขายตั๋วหนังในจีนมีมูลค่าสูงถึง 2,700 ล้านเหรียญฯ และอาจจะเพิ่มขึ้นจนเป็นอันดับ 1 ของโลกได้ในอนาคตอันใกล้
Manager Online