ลียองเอ (Lee Young Ae) มองย้อน แดจังกึม (Dae Jang Geum) พร้อมยอมรับ ใช้แสตนด์อินเข้าฉากทำครัว

       เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานับเป็นวันครบรอบ 10 ปี ซีรีย์สุดฮิตทั่วโลกของเกาหลีอย่าง "แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง" (Dae Jang Geum) ที่สามารถทำเรตติงสูงสุดในประเทศได้ถึง 57.8 % โดยล่าสุด "ลียองเอ" (Lee Young Ae) ได้ออกมามองย้อนวันวานบอกเป็นเกียรติสูงสุดในชีวิต พร้อมยอมรับใช้ตัวแสดงแทนในฉากทำอาหาร
       
       ซีรีย์ย้อนยุคชื่อดังของเกาหลีอย่าง แดจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง สามารถครองใจผู้ชมโดยเข้าฉายใน 90 ประเทศ จนกลายเป็นซีรีย์อันดับต้นๆที่เป็นที่จดจำในช่วงยุคทองของกระแสเกาหลีที่ระบาดไปทั่วโลก
       
       และเพื่อเป็นการฉองครบรอบสิบปี ลียองเอ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์สุดพิเศษถึงซีรีย์เรื่องดังกล่าว โดยระบุว่า "สำหรับฉันซีรีย์แดจังกึมนับเป็นเกียรติที่ยิ่งใหญ่มากเลยค่ะ เป็นซีรีย์ที่ได้รับความรักจากผู้คนทั่วโลก เพราะว่ามีองค์ประกอบที่สมบูรณ์แบบ และยังมีนัยยะเกี่ยวกับความหวังด้วยค่ะ" นักแสดงดังวัย 42 ปีกล่าว
       
       เมื่อถูกถามถึงสิ่งที่น่าจดจำมากที่สุดของการถ่ายทำละครเรื่องนี้ เจ้าตัวกล่าวว่าบรรยากาศที่หนาวเหน็บและการต้อนรับของผู้คน "มันเป็นช่วงที่หนาวมากๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยได้นอนเลย มันยากมากที่จะจำบทภายใต้บรรยากาศแบบนั้น แต่มันก็มีเรื่องดีๆด้วยเหมือนกันค่ะ ที่เราได้ไปถ่ายทำในหลายๆที่ของประเทศ ฉันมีความทรงจำที่งดงามที่ผู้คนต่างก็ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดีในทุกๆที่ที่พวกเราไปถ่ายทำเลยค่ะ"
       
       ในส่วนของฉากที่ต้องเข้าครัวทำอาหาร เจ้าตัวกล่าวยอมรับด้วยว่ามีการใช้ตัวแสดงแทนในการเข้าฉากดังกล่าว เพราะเจ้าตัวได้รับอุบัติเหตุจากการถ่ายทำ
       
       "ฉันเคยได้รับใบประกาศนียบัตรจากสถาบันสอนทำอาหาร Korean Royal Cuisine ก่อนที่ฉันจะเริ่มถ่ายทำด้วยนะคะ ตอนแรกที่ถ่ายทำ ฉันเข้าฉากทำอาหารเองค่ะ แต่หลังจากที่ฉันถูกส่งตัวด่วนไปรักษาหลังทำมีดบาดตัวเอง เราก็เริ่มใช้ตัวแสดงแทนค่ะ แต่ฉันก็ได้เรียนรู้อย่างมากเกี่ยวกับอาหารเกาหลี ดังนั้นบางครั้งฉันก็ทำอาหารชาววังอย่าง Sinseollo ( อาหารในราชสำนักที่ซับซ้อนประกอบด้วย ลูกชิ้น เนื้อ อาหารทะเล ผักหลายๆ ชนิด เห็ด เสิร์ฟในหม้อไฟที่ทำจากเงิน ) กินที่บ้านด้วย ฉันได้รับความรู้และถูกฝึกเกี่ยวกับการหั่นและการใช้มีดจากเรื่องนี้เป็นอย่างดีเลย"
       
       จากการได้แสดงเรื่องนี้ ลียองเอ ยังระบุด้วยว่าทำให้เธอได้มีโอกาสพบกับสตรีคนสำคัญของโลกอย่าง อองซานซูจี ด้วยเมื่อครั้งที่เธอเดินทางมาเยือนเกาหลีใต้ตอนช่วงต้นปีที่ผ่านมา "ท่านกล่าวว่าท่านสนุกกับซีรีย์เรื่องนี้มาก ฉันเคยรู้สึกว่าซีรีย์เรื่องนี้ดังมากเวลาที่ฉันไปต่างประเทศ แม้แต่ตอนนี้ เวลาที่ฉันออกไปเดินกับสามีที่อิแทวอน นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติต่างก็จำฉันได้ค่ะ ตอนนี้ฉันแต่งงานและเป็นคุณแม่แล้ว ฉันได้พักมากขึ้น และก็ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่ฉันไม่ค่อยน่ารักกับแฟนๆชาวต่างชาติเท่าไหร่ตอนที่ฉันอยู่ในช่วงดังสุดๆตอนที่เป็นนักแสดง"
       
       ลียองเอ ห่างหายจากหน้าจอไปนับตั้งแต่ที่เธอแสดงภาพยนตร์เรื่อง Sympathy for Lady Vengeance เมื่อปี 2005 ซึ่งเจ้าตัวกล่าวว่าอยากใช้เวลากับครอบครัว "ฉันแทบไม่มีเวลาใช้ชีวิตส่วนตัวเลยค่ะตอนที่อยู่ในวัย 20 และ 30 เพราะว่าฉันมัวแต่โฟกัสเรื่องงาน ฉันเลยแต่งงานช้าไงคะ ตอนนี้ฉันกลายเป็นคุณแม่แล้ว ฉันเลยอยากใช้เวลาอยู่กับครอบครัวมากๆ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆค่ะ เพราะว่าฉันมีความสุขมากที่ได้เลี้ยงดูลูกแฝดวัย 30 เดือนของฉัน"
       
       ลียองเอได้ย้ายครอบครัวไปอยู่บ้านในชนบทที่ ยางเปียง จังหวัด เกียงจี ได้ประมาณหนึ่งปีแล้ว ซึ่งเจ้าตัวมีความสุขที่ได้ใช้ชีวิตเรียบง่าย "ฉันมีความสุขมากเลยที่ได้ใช้ชีวิตเป็นคุณแม่ธรรมดาๆทั่วไปในยางเปียง ฉันปลูกผักกาดกินเองแล้วก็เลี้ยงลูกๆด้วยอาหารตามฤดูกาล ฉันคงจะคิดหนักหน่อยเกี่ยวกับการศึกษาของพวกเขาตอนที่พวกเขาโตขึ้น แต่ตอนนี้ฉันแค่อยากให้ลูกๆสนุกกับธรรมชาติค่ะ"
       
       เมื่อไม่นานนี้ ลียองเอ ได้รับเกียรติให้เป็นฑูตสันติภาพ จากการรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมและสร้างสันติภาพให้กับเขตปลอดทหารของเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้เพื่อประสานรอยร้าวระหว่างสองประเทศ
       
       "หลังจากที่ฉันได้เป็นแม่คน ฉันก็ตระหนักได้ว่าสันติมีค่ามากขนาดไหน ฉันไม่ขออะไรเลยค่ะถ้าลูกๆของฉันได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างดีและมีความสุขในประเทศที่สงบสุข ดังนั้นด้วยความรับผิดชอบที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจ ฉันจึงเต็มใจยอมรับสถานะนี้ค่ะ"
       
       เมื่อไม่นานนี้เจ้าตัวก็เพิ่งร่วมถ่ายทำรายการอาหารที่เตรียมจะออกอากาศในเดือน ม.ค. ปีหน้านี้ เมื่อถูกถามว่าจะกลับมารับงานในวงการอย่างเต็มตัวเลยหรือไม่เจ้าตัวตอบเพียงว่ารอเวลาที่เหมาะสม
       
       "ฉันมีความสุขมากค่ะที่ได้อยู่หน้ากล้องเวลาที่มีหนังดีๆหรือรายการทีวีดีๆติดต่อมา ฉันว่าบางทีมันอาจจะสนุกมากก็ได้นะคะถ้าได้ถ่ายทำหนังอินดี้เกี่ยวกับชีวิตของฉันในชนบทน่ะค่ะ"

 

 

Manager Online