Ghibli ประกาศหยุดพักทำหนังขอเวลาปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

Studio Ghibli ประกาศหยุดสร้างภาพยนตร์ชั่วคราวเพื่อการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ หลัง “ฮายาโอะ มิยาซากิ” (Hayao Miyazaki) ผู้กำกับระดับตำนานของสตูดิโอเกษียณไปเมื่อปีก่อน โดยมีข่าวว่าบริษัทกำลังมีปัญหาเรื่องต้นทุนสร้างหนังที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้ Ghibli แทบจะไม่สามารถหากำไรจากการสร้างหนังเรื่องต่างๆ ได้เลย
       
       สุดท้ายข่าวลือที่ว่าสตูดิโออนิเมชัน Studio Ghibli อาจจะหยุดสร้างหนังก็เป็นความจริง เมื่อ โทชิโอะ ซูซูกิ (Toshio Suzuki) ผู้บริหารของสตูดิโอได้ประกาศเรื่องนี้ผ่านรายการโทรทัศน์ที่ญี่ปุ่น พร้อมเขียนแถลงการณ์ผ่านบล็อกของสตูดิโอ ยืนยันถึงการตัดสินใจดังกล่าว อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวหลายแห่งได้ยืนยันว่าทาง Studio Ghibli คงยังไม่ถึงกับ “เลิกสร้างหนัง” อย่างที่มีสื่อหลายสำนักรายงานแต่อย่างใด แต่อาจจะแค่พักเพื่อการปรับโครงสร้างเท่านั้น
       
       ก่อนหน้านี้เมื่อผลงานเรื่องล่าสุดขอ Ghibli ที่ชื่อว่า When Marnie Was There ได้ลงโรงฉายเมื่อกลางเดือน ก.ค. ก็มีข่าวลือออกมาว่าบริษัทผลิตอนิเมชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการภาพยนตร์นานาชาติอาจจะปิดตัวลง เพราะแกนนำคนสำคัญของบริษัทต่างเกษียณอายุการทำงานกันไปทีคนคน ทั้ง ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ขอยุติการทำงานในฐานะผู้กำกับ ส่วน โทชิโอะ ซูซูกิ ก็ก้าวลงจากตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างของบริษัท คงเหลือเอาไว้แค่ตำแหน่งผู้บริหารของ Ghibli เท่านั้น
       
       ซูซูกิ ได้ยอมรับว่าหลังจากนี้ Ghibli คงต้องปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าการเกษียณอายุของ มิยาซากิ มีผลกับเรื่องนี้มาก “เกี่ยวกับอนาคตของ Studio Ghibli เราคงจะทำหนังตลอดไปไม่ได้แน่ อย่างไรก็ตาม เราคงต้องขอหยุดสักช่วงเวลาหนึ่งเพื่อพิจารณาว่าจะไปต่อกันอย่างไรดี” ซึ่งเขาได้ย้ำว่าขณะนี้ Ghibli ต้องการ “การเก็บกวาดบ้าน” ครั้งใหญ่เพื่อสร้างสตูดิโอขึ้นมาใหม่ ให้มีบรรยากาศการทำงานที่เหมาะกับคนรุ่นต่อไปมากกว่านี้
       
       โดยหลังจากนี้ Studio Ghibli จะเน้นการดำเนินงานไปที่ด้านดูแลลิขสิทธิ์ผลงาน และเครื่องหมายการค้าจากหนังเรื่องต่างๆ แทน อย่างที่ มิยาซากิ ก็เคยเปรยเอาไว้เมื่อ 4 ปีก่อนว่าเมื่อถึงวันหนึ่ง Studio Ghibli อาจจะเลิกทำหนังไปเลย และเมื่อถึงตอนนั้นสตูดิโอก็ต้องการพนักงานเพียง 5 คนเพื่อมาดูแลเรื่องลิขสิทธิ์ต่างๆ ก็พอ
       
       จากข้อมูลของหนังสือพิมพ์ Asahi Shimbun ได้เปิดเผยว่าการหยุดทำอนิเมชันของ Ghibli เกิดขึ้นจากปัญหาเรื่องต้นทุนที่สูงขึ้นมาก และทางสตูดิโอยังยืนยันที่จะไม่กระจายงานไปให้สตูดิโอย่อยๆ นอกประเทศญี่ปุ่นช่วยทำงานบางส่วนให้ แตกต่างจากสตูดิโอผลิตอนิเมชันส่วนใหญ่ในญี่ปุ่น ที่ตอนนี้เลือกที่จะส่งงานไปให้สตูดิโอในต่างประเทศช่วยแบ่งเบาภาระ และลดต้นทุน ทำให้ทุนสร้างหนังของ Studio Ghibli สูงมากจนหนังของบริษัทไม่สามารถทำกำไรได้เลย
       
       อย่างเมื่อปีก่อน แม้อนิเมชั่นเรื่อง The Wind Rises ที่ ฮายาโอะ มิยาซากิ ลงมือกำกับด้วยตนเองสามารถทำเงินได้ถึง 11,000 ล้านเยน แต่สื่อญี่ปุ่นได้เปิดเผยว่าสุดท้าย Studio Ghibli ก็ไม่ได้กำไรอะไรมากมายนัก เพราะหนังใช้ทุนสูงมาก นอกจากนั้น ผลงานอีกเรื่องที่ฉายคู่กันอย่าง The Tale of Princess Kaguya ของ อิซาโอะ ทากาฮาตะ กลับทำเงินเพียงแค่ 2,500 ล้านเยน ทั้งๆ ที่ใช้ทุนสร้างไปถึง 5,000 ล้านเยน
       
       ซึ่งแม้ว่าที่ผ่านมา Studio Ghibli จะเคยสร้างหนังที่ทำสถิติรายได้ถล่มทลายมากมาย แต่แทบทั้งหมดเป็นผลงานการกำกับของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ทั้งสิ้น จึงหมายความว่าการยุติบทบาทในฐานะผู้กำกับของเขาก็ทำให้ Ghibli ต้องพบกับความลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ
       
       โดยเมื่อกลางเดือนก่อน When Marnie Was There ผลงานเรื่องล่าสุดของ Studio Ghibli ที่ว่าด้วยมิตรภาพของหญิงสาวสองคน อันเป็นงานที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ โจน โรบินสัน (Joan G. Robinson) ได้ลงโรงเข้าฉายไปเมื่อวันที่ 19 ก.ค. และได้รับเสียงชมจากนักวิจารณ์ว่าเป็นงานที่ยอดเยี่ยม จนน่าจับตามองว่ายุคใหม่ของ Studio Ghibli น่าจะยังน่าสนใจเช่นเดิม แม้จะไม่มี มิยาซากิ คอยดูแลการสร้างหนังด้วยตัวเองแล้ว แต่ในเวลาเดียวกันหนังเรื่องนี้กลับเปิดตัวในตารางบ็อกซ์ออฟฟิศได้เพียงอันดับ 3 เท่านั้น แพ้หนัง Pokemon ภาค 17 ที่เข้าฉายในสัปดาห์เดียวกัน และครองแชมป์เป็นหนังทำเงินประจำสัปดาห์

 

 

Manager Online