จางเหว่ยเจี้ยน (Dicky Cheung) หวิดล้มละลายถ้าไม่ได้ หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) ยื่นมือช่วย

        เจ้าของบท “เห้งเจีย” เปิดเผยถึงช่วงเวลาทั้งรุ่งเรือง และตกต่ำในวงการบันเทิงที่ครั้งหนึ่งเขาเกือบถึงขั้นล้มละลาย แต่สุดท้ายก็ได้ “หลิวเต๋อหัว” (Andy Lau) ช่วยจนเอาตัวรอดไปได้
       
       นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง จางเหว่ยเจี้ยน (Dicky Cheung) โลดแล่นในวงการบันเทิงมาเกือบ 3 ทศวรรษแล้ว ซึ่งบทที่ดังที่สุดในชีวิต จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นบทที่อยู่ติดตัวเขาจนถึงวันนี้ก็คือ การรับบทเป็น “เห้งเจีย” ในซีรีส์ ไซอิ๋ว หลายเวอร์ชั่น แต่หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าอันที่จริงแล้ว จางเหว่ยเจี้ยน เข้าวงการด้วยการประกวดร้องเพลงต่างหาก ซึ่งล่าสุดนักแสดงชื่อดังวัย 50 ปี ได้เปิดเผยถึงแง่มุมต่างๆ ในชีวิตของเขาผ่านสื่อฮ่องกงรายหนึ่ง
       
       ซึ่งสุดท้ายกลายเป็นว่า จางเหว่ยเจี้ยน ได้มีโอกาสออกผลงานเพลงจริงๆ ก็เมื่อเขาประสบความสำเร็จในฐานะนักแสดงชื่อดังแล้วนั่นเอง โดยในปี 1991 หลัง จางเหว่ยเจี้ยน เพิ่งจะดังจากซีรีส์ตลก “เพื่อนต่างภพ” ทาง TVB เขาจึงได้ปล่อยผลงานเพลงอัลบั้มแรกที่ชื่อว่า Real or Fake และโด่งดังไม่น้อยเลยทีเดียว ก่อนที่ในปี 1996 จางเหว่ยเจี้ยน จะดังเป็นพลุแตกจากซีรีส์ ไซอิ๋ว ที่ทำให้เขากลายเป็นนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ของวงการโทรทัศน์
       
       แต่สุดท้ายเส้นทางในฐานะนักร้องของ จางเหว่ยเจี้ยน ก็ไปได้ไม่ไกลนัก อัลบั้มชุดหลังๆ ของเขาไม่ค่อยได้รับความนิยมเท่าเดิม ซึ่งเขาก็ไม่ได้รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ หรือกล่าวโทษบริษัทที่ไม่ค่อยจะโปรโมตผลงานของเขาในตอนนั้นนักแต่อย่างใด “ความสามารถผมไปได้แค่นั้น ผมไม่ได้ร้องเพลงเก่งนัก ไม่ได้เต้นเก่งอะไร แต่งเพลงก็ไม่ได้ แล้วเขาจะโปรโมตผมไปทำไม
       
       นอกจากเรื่องทางการเป็นนักร้องที่ไม่ค่อยจะราบรื่นแล้ว จางเหว่ยเจี้ยน ยังเคยมีปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อปี 1997 ที่เขาสูญเงินไปจากการลงทุนอย่างมหาศาล จนเกือบจะตัดสินใจยื่นขอเป็นบุคคลล้มละลายแล้ว แต่สุดท้ายก็รอดพ้นวิกฤติไปได้ ด้วยความช่วยเหลือจากเพื่อนคนหนึ่ง “หลิวเต๋อหัว เลือกให้ผมแสดงในหนังเรื่องหนึ่งของเขา นอกจากนั้นก็ยังให้ยืมเงินด้วย ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณเขามาก รู้สึกจนถึงตอนนี้เลย
       
       ในวัย 50 ปี จางเหว่ยเจี้ยน บอกว่าเขาเคยผ่านทั้งจุดสูงสุด และต่ำสุดมาแล้ว ซึ่งแม้จะเจอปัญหาที่หนักหนาสาหัสมาบ้าง แต่เพราะได้เพื่อนๆ และผู้คนรอบตัวที่คอยให้กำลังใจ สุดท้ายก็สามารถผ่านทุกเรื่องราวมาได้
       
       “ช่วงที่ดีที่สุดผมแทบจะได้รับข้อเสนองานแสดงทุกวันต่อเรื่องเลยก็ว่าได้ครับ มีงานการันตีอยู่ตลอด แต่ช่วงที่แย่ที่สุด ผมเคยไม่มีงานเลย จึงเรียนรู้ว่าควรจะทำงานให้หนักที่สุดไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ทำแบบนั้นจึงจะได้รับผลสำเร็จ ต้องฝึกฝนตัวเองอยู่เสมอ และกระตุ้นให้ตัวเองพัฒนาตลอดเวลา คุณต้องพร้อมเสมอสำหรับทุกความท้าทาย” เจ้าของบทราชาวานรกล่าว

 

 

Manager Online