หมอไต้หวันโดนโวยทำผิดจรรยาแพทย์ แฉความลับการแปลงเพศพิธีกรคนดัง

เมื่อพิธีกรสาวคนดังของไต้หวัน โดนเปิดโปงความลับว่าจริงๆ แล้วเธอเป็น กะเทยแปลงเพศ หาใช่คนสองเพศ อย่างที่ตัวเองอ้าง โดยการโดนแฉครั้งนี้ มีต้นตอมาจากอดีตแพทย์ของตัวเอง ที่อ้างว่าเป็นการเผยข้อมูลเพื่อวิชาการ แต่ถูกหลายฝ่ายตำหนิว่ากำลังทำผิดจรรยาแพทย์ ที่ทำการเปิดเผยความลับค้นไข้

โผล่อีกรายแล้วสำหรับ การเผยความลับเรื่องเพศที่แท้จริงของคนบันเทิงสาวชาวไต้หวันยังก็เกิดกรณีใกล้เคียงขึ้นอีกครั้ง หลังจากเมื่อประมาณสองสัปดาห์ก่อน นางแบบสาว อลิเชีย หลิว ถูกเพื่อนสมัยเรียนแฉว่าเธอเคยเป็นชายมาก่อน ตอนนี้มีกรณีการแฉความลับประเภทนี้ขึ้นมาอีกแล้ว แต่เรื่องราวซับซ้อนกว่าเดิม และยังเกี่ยวข้องกับจรรยาของแพทย์ด้วย

นายแพทย์ จางจื่อจง เขียนบทความที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการทางการแพทย์ ของไต้หวันเมื่อประมาณ ปีครึ่งที่ผ่านมา เป็นการบอกเล่าประสบการณ์กว่า 35 ปีในวิชาชีพแพทย์ของเขา ในบทความ หมอจาง เล่าเรื่องที่เขาเคยช่วยเหลือให้คำแนะนำ การผ่าตัดแปลงเพศให้กับชายคนหนึ่ง ที่ต้องการเป็นผู้หญิง ซึ่งในส่วนท้ายๆ ของบทความ ก็มีการเปิดเผยว่า อดีตคนไข้ของเขาก็คือ หลี่จิง พิธีกรหญิงคนดังวัย 48 ปี แห่งไต้หวันนั่นเอง

เรื่องความเป็นหญิงไม่แท้ของ หลี่จิง นั้นเป็นที่รู้กันอยู่แล้วในไต้หวันอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวเคยประกาศออกมาว่าตัวเองเป็นคนสองเพศ อย่างไรก็ตามสิ่งที่อดีตนายแพย์ของเธอนำมาเปิดเผย กลับแตกต่างกับสิ่งที่ พิธีกรคนนี้เคยแจ้งกับสาธารณะชนเอาไว้

ในหนังสือชีวประวัติส่วนตัวที่ตีพิมพ์เมื่อ 6 ปี หลี่จิง เผยว่าตัวเองเกิดเมื่อปี 1962 ในครอบครัวที่มีบิดาเป็นนายกเทศมนตรีในเมืองแห่งหนึ่งในไต้หวัน เธอเกิดมาพร้อมกับความผิดปกติตั้งแต่กำเนิด โดยระบุถึงเพศแต่กำเนิดของตัวเองว่า เป็นกะเทยแท้ หรือคนที่มีสองเพศ คือมีอวัยวะเพศชายและหญิงแต่กำเนิด ซึ่งครอบครอบครัวได้เลือกที่แจ้งเกิด ลงทะเบียนเธอในฐานะเด็กผู้ชายจนเมื่อเติบโตขึ้นมา เจ้าตัวเลือกที่จะเข้ารับการผ่าตัด เฉือนความเป็นชายบางส่วนออก คงไว้แต่ความเป็นหญิง

อย่างไรก็ตามยังไม่มีการยืนยันว่าเธอได้เปลี่ยนคำนำหน้าชื่อ และสถานะทางกฏหมายให้เป็นหญิงด้วยรึเปล่า

แต่ตอนนี้กลับมีข้อมูลอีกด้าน เมื่อหมอให้แนะนำในการผ่าตัดเมื่อหลายปีก่อน เป็นผู้ออกมายืนยันว่า การผ่าตัดครั้งนั้น คือการผ่าตัดแปลงเพศธรรมดาๆ และพิธีกรสาวคนนี้ก็ไม่ได้เกิดมามีสองเพศแต่กำเนิดอย่างที่อ้างเอาไว้ แต่เธอคือผู้ชายทั้งแท่ง

ตามข้อมูลในบทความทางการแพทย์ที่ว่า หมอจางจื่อจง เป็นผู้แนะนำให้ หลี่จิง ไปทำการผ่าตัดแปลงเพศที่สิงคโปร์เมื่อปี 1981 เพราะการผ่าตัดลักษณะดังกล่าวยังเป็นเรื่องผิดกฎหมายของไต้หวันในเวลานั้น

นายแพทย์ผู้นี้ซึ่งทำการตรวจร่างกายของพิธีกรสาวคนดัง ยืนยันด้วยผลการตรวจโครโมโซม ว่าพิธีกรคนดังกล่าวเป็นผู้ชายร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่ได้เป็นสองเพศอย่างที่เธอกล่าวอ้าง เขายังตอบคำถามเรื่องนี้กับนักข่าวว่าการพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ได้มีเจตนาเปิดเผยความลับของอดีตคนไข้ แต่ต้องการเล่าประสบการณ์การทำงานของตัวเองเท่านั้น

จนกระทั่งต่อมาข้อมูลดังกล่าวถูกนำเสนอผ่านนิตยสารประเภทรายสัปดาห์ฉบับหนึ่ง จึงเกิดเป็นความวุ่นวายขึ้นมา

นอกจากนั้น นายแพทย์ท่านนี้ยังได้อ้างว่าสิ่งที่เขาเปิดเผยออกมานั้น เป็นสิ่งที่พิธีกรสาวคนนี้เคยเผยด้วยตัวเองผ่านหนังสือชีวประวัติของตัวเองมาแล้ว “เธอเคยออกหนังสือประวัติที่พูดถึงประเด็นการ การจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น และเป็นการประกาศต่อสาธารณะชนว่าเธอเป็นคนแปลงเพศด้วยตัวเองไปแล้ว” หมอคนนี้ยังอ้างว่าต้องการเผยเรื่องนี้ เพื่อต้องการให้คนอื่นๆ ได้ตระหนักการการเผชิญหน้าปัญหาในลักษณะเดียวกันนี้

หลังจากเผยแพร่ของเอกสารวิชาการฉบับดังกล่าว ที่ถูกนำมาขยายต่อโดยนิตยสารชื่อดัง ก็เกิดกระแสสังคมขึ้น เมื่อคนจำนวนมากกล่าวโทษว่า หมอจาง ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และบกพร่องทางจรรยาแพทย์ ในการเปิดเผยข้อมูลอันเป็นความลับของคนไข้ในบทความ ซึ่งในระเบียบการของกระทรวงสาธารณะสุขไต้หวัน หมอที่กระทำการลักษณะดังกล่าวอาจถูกลงโทษปรับเงินถึง 250,000 เหรียญไต้หวันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามในหมู่แพทย์ยังร่วมออกมาปกป้องการกระทำของหมอคนนี้ หมอจางต้าเจิง หัวหน้าองค์กรแพทย์เมืองไท่จง ผู้พิมพ์วารสารการทางแพทย์เจ้าปัญหาฉบับนี้ ออกมาให้ความเห็นว่าบทความดังกล่าวไม่น่าจะมีอะไรผิด

มีการอธิบายว่า ข้อเขียนดังกล่าวเป็นการถกเถียงทางวิชาการ และเป็นการตีพิมพ์ลงในสิ่งพิมพ์ทางวิชาการที่ไม่ได้เผยแพร่ทั่วไปอยู่แล้ว เขายังเสริมว่าองค์กรแพทย์ มีสิทธิ์ดำเนินการทางกฎหมาย กับสิ่งพิมพ์รายอื่นๆ โดยเฉพาะ Next Magazine ผู้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าว โดยปราศจากการอนุญาตจากองค์กรทางการแพทย์มาตั้งแต่ต้น

หลี่จิง เป็นพิธีกรในรายการประเภทประมูลของในโทรทัศน์ของไต้หวัน เป็นดาวเด่นของช่องที่สามารถขายของได้อย่างรวดเร็ว และในราคาที่สูงลิ่ว จนได้รับฉายาว่าเป็น "ราชินีประมูลของ" เลยทีเดียว

สาววัย 48 ยังอ้างด้วยว่าเธอเริ่มต้นอาชีพในวงการด้วยการเป็นนักร้อง แต่ต้องผันตัวไปเป็นนางแบบหลังประสบอุบัติเหตุจนกระทบกระเทือนกับเส้นเสียง ที่ทำให้ไม่สามารถร้องเพลงแบบเดิมได้อีก ซึ่งเมื่อปี 2002 เธอคนนี้ก็เคยสร้างความเกรียวกราวมาแล้ว ด้วยการแต่งงานกับหนุ่มรุ่นน้องที่อายุน้อยกว่าถึง 14 ปี โดยครั้งนั้นเธอยืนยันว่า ตัวเอง มีคุณสมบัติของผู้หญิงแท้ๆ ที่ใช้ผ้าอนามัย และสามารถตั้งครรภ์ได้เหมือนสาวๆ คนอื่น แต่ได้อ้างว่าตัวเองไม่ประสงค์ที่จะมีบุตร

Manager Online