G-Dragon นับถือวงดงบังชินกิ (TVXQ) เป็นรุ่นพี่!
ไม่นานมานี้ G-Dragon หัวหน้าวง Big Bang ได้นั่งลงจับเข่าคุยกันกับทาง Asia E สำหรับการสัมภาษณ์ที่ยาวเหยียด ในส่วนของการสัมภาษณ์นี้ เขาได้พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างวง Big Bang ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคู่อริกับวงดงบังชินกิ (TVXQ)
รายละเอียดมีดังนี้
“ไม่นานมานี้ผมได้พักผ่อนเยอะมากตั้งแต่เสร็จสิ้นคอนเสิร์ตโซโล่ของผมไป ข้อห้ามหลายๆ อย่างเช่น ห้ามไปคลับ ห้ามดื่มแอลกอฮอล์ และห้ามมีแฟนนั้นได้ถูกยกเลิกชั่วคราวทั้งสิ้น ผมได้เจอเพื่อนๆ และได้ไปคลับ ไปช้อปปิ้งที่ดงแดมุนในตอนเช้าด้วยครับ และมีภาพของผมในเครื่องแต่งกายมากมาย ดังนั้นผมจึงถามว่า “เสื้อผ้าแนวนี้มันคือแนวไหน?” และเขาตอบว่า “ก็สไตล์ G-Dragon ไง” แต่กลับจำไม่ได้ผมคือใคร” (หัวเราะ)
ปี 2009 เป็นปีที่สำคัญสำหรับ G-Dragon ซึ่งเป็นปีที่มีความหมาย เพราะเขาได้มีอัลบั้มเป็นของตัวเอง และมีคอนเสิร์ตให้โลกได้รับรู้ เขาเป็นที่รู้จักกันดีว่าเขารู้จักการพักผ่อนอย่างไรให้เหมาะสมจากการที่ทำงานหนักมาตลอด ซึ่งเป็นระยะเวลาถึง 5 ปีแล้วตั้งแต่เขาเข้าวงการมาในนามของวง Big Bang
“ผมเคยพยายามที่จะพูดหรือปฏิบัติตนให้ดูเท่ห์และดูเจนจัดเมื่อผมไปที่งานรับรางวัล แต่เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้ไปมางานหนึ่งที่ผมคิดว่าเหมือนอย่างกับปาร์ตี้ ผมสวมยีนส์และนำหมาของผมไป ซึ่งผมมีช่วงเวลาที่ดีมากๆ ผมได้พบปะผู้คนมากมาย และไม่ต้องไปใส่ใจกับกล้องถ่ายภาพ ผมสามารถตะโกนโหวกเหวกในเวลาที่ผมมีความสุข และมีช่วงเวลาดีๆ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของผู้ชมบ้าง”
G-Dragon ได้กลายมาเป็นเพื่อนกับนักร้องต่างๆ จากค่ายต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะวงดงบังชินกิของค่าย SM Entertainment ที่เป็นรุ่นพี่ของเขาทั้งที่ญี่ปุ่นและเกาหลี
เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้ใกล้ชิดและสนิทสนมกับรุ่นพี่ของผม “วงดงบังชินกิ” เมื่อสมัยก่อนอาจจะมีเรื่องการเป็นอริกันของ 2 ค่าย แต่เนื่องจากที่พวกเราทั้ง 2 วงเป็นนักร้องกลุ่ม จึงมีอยู่หลายๆ อย่างที่คล้ายๆ กัน รุ่นพี่แจจุง (Jae Joong) เข้ามาหาผมก่อน หลังจากนั้นผมก็กลายเป็นเพื่อนกับพี่ยูชอน (Yoo Chun) และพี่จุนซู (Junsu) โดยปริยาย และนั่นทำให้ผมรู้ว่าพวกเราอาจจะรักใคร่เป็นพี่น้องกันได้”
G-Dragon ยังได้รบกวนพี่ๆ ในวงดงบังชินกิให้ช่วยซื้ออาหารให้เขา เมื่อตอนที่พวกเขาอยู่ที่ญี่ปุ่น และพวกสมาชิกวงดงบังชินกิยังให้คำแนะนำกับ G-Dragon มากมาย
“ผมชื่นชมพวกพี่ๆ เขามาก เพราะว่าพวกเขาสามารถอยู่รอดในประเทศที่แตกต่างด้วยวัฒนธรรมที่แตกต่าง มันไม่ใช่สิ่งสำคัญแล้วว่าจะเป็น SM หรือว่า JYP อีกต่อไป ผมชอบทุกๆ คน บางครั้งผมก็เคยรู้สึกว่า “โอ้...คนๆ นั้นคงต้องผ่านเรื่องราวที่เจ็บปวดมามากมาย” หรือ “ผมอยากจะแนะนำสิ่งๆ นี้ให้กับคนๆ นี้” ผมคิดว่าตอนนี้ใจของพวกเราเปิดยอมรับกัน ผมก็คงจะชอบถ้ารุ่นน้องของผมจะเข้ามาหาผมและพูดคุยกับพวกเราเช่นกัน”
แต่เขาก็ยังคงยังเยาวัยและมีความกลัวเกี่ยวกับอนาคตของเขา
“ผมจะต้องพยายามขยันทำงานต่อไป ปีนี้ทั้งแดซอง (Dae Sung) และท็อป (T.O.P) จะมีอัลบั้มเป็นของตัวเอง และวง Big Bang ก็จะมีอัลบั้มใหม่ในช่วงท้ายปี ผมก็ยังคงสงสัยอยู่ว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนหรือไม่ พวกเราได้มีการวางแผนกันไว้ก่อนและจะปรับเปลี่ยนตามเวลาที่เหมาะสมของการเปิดตัว ขึ้นอยู่กับโปรดักชั่นจะเร็วซักเพียงใด”
ในฐานะหัวหน้าวง เขาจะต้องตามกิจกรรมต่างๆ ของสมาชิกแต่ละคน พร้อมๆ กับกิจกรรมของวงไปด้วย
“น่าจะต้องมีเรื่องที่ช่วยจัดการสำหรับแดซอง เพื่อเตรียมอัลบั้มโซโล่ของเขา ผมคิดว่าผมจะต้องแนะนำเขาอีกเยอะมาก แดซองน่าจะทำเพลงสไตล์ R&B บัลลาด ซึ่งจะเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากแนวเพลงของวง Big Bang และท็อปน่าจะเป็นสไตล์ฮิปฮอป ผมคิดว่าผมจะช่วยเขาบางเพลง”
วง Big Bang มีแผนที่จะกลับมาอีกครั้งในปี 2010 ด้วยอัลบั้มใหม่ และนิวลุค แล้วก็เช่นเดิมคือส่วนต่อไปเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
“พวกเราจะต้องพัฒนาให้มากขึ้นในฐานะวง Big Bang ผมคิดว่าพวกเรายืนอยู่ที่จุดเดิมสำหรับ 2 อัลบั้มสุดท้าย ไม่ใช่ว่าผมไม่ชอบผลงาน 2 อัลบั้มนั้น แต่มันไม่ได้เป็นไปตามที่ผมอยากให้มันเป็น แล้วถ้าผมไม่ชอบอัลบั้มที่จะออกล่าสุดนี้ล่ะก็ ผมคงจะเกลียดตัวเองแน่ๆ พวกเราจะต้องพัฒนาฝีมือให้มากขึ้น ถึงแม้จะเป็นการพัฒนาเพียงครึ่งขั้นก็ตาม ตอนนี้ซึงริไม่ใช่อายุน้อยเกินไปแล้ว ผมคิดว่าในอัลบั้มหน้า พวกเราจะแสดงอิมเมจความเป็นแมนให้มากกว่าเด็กหนุ่ม (หัวเราะ)”
G-Dragon ได้ทำให้พวกเราไม่รู้ตัวมาก่อนเลยว่าเขาได้กลายมาเป็นผู้ชายเต็มตัวแล้ว ความกล้าหาญของเขาที่มีผลต่อวงการเพลงของประเทศ และได้สร้างตำนานไว้ เรื่องราวตำนานของเขาจะนำพาเขาไปอย่างไร? ตอนนี้คงถึงเวลาที่จะต้องคอยและจับตามองว่าตำนานของเขาจะเป็นอย่างไร
แต่ที่น่าชื่นชมคือ ไม่ว่าศิลปินทั้ง 2 ค่ายจะมีเสียงเล่าลือว่าเป็นอริกันสักเพียงใด แต่ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งน้ำใจเดียวกันก็จะสามารถคอยช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ อย่างที่เขาว่า “ไม่มีมิตรแท้ และศัตรูถาวรในโลกนี้”