'โอตาคุ' (Otaku) มะกันโคตรซวย โดนศาลสหรัฐฯสั่งจำคุก ฐานสะสมการ์ตูน 'โลลิคอน'

เพียงการเก็บสะสมการ์ตูนญี่ปุ่น (มังงะ) ก็อาจเราให้เราต้องเข้าไปนอนในเรือนจำได้ โดยเฉพาะถ้าพำนักอยู่ในอเมริกา ที่นักอ่านถูกตั้งข้อหาในคดีอาญา และถูกลงโทษจำคุก หลังมีการพบงาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเพศของเด็กอายุที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะจากการ์ตูนญี่ปุ่นที่เขาสะสมเอาไว้

นายคริสโตเฟอร์ แฮนด์เลย์ (Christopher Handley) ถูกดำเนินคดี หลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบ การ์ตูนญี่ปุ่นจำนวนมาก ซึ่งบางส่วนมีเนื้อหาไปในทางสื่อลามกอนาจาร โดยเฉพาะในส่วนของการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก ซึ่งผิดต่อกฎหมายของสหรัฐฯ

นาย แฮนด์เลย์ ถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2007 เขายอมรับสารภาพในปี 2009 แต่คดียังไม่จบ จนกระทั่งมีคำตัดสินจำคุก 6 เดือน ออกมาในปี 2010

ในชั้นสอบสวนเจ้าหน้าที่ตรวจค้นที่บ้านของผู้ต้องหา และยึดของกลางเป็นหนังสือจำนวนกว่า 1,200 เล่ม รวมถึงหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น (มังงะ) และสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทอื่นๆ อีกจำนวนมาก ซึ่งต่อมามีการคืนของกลางบางส่วนที่ตรวจสอบแล้วไม่พบความผิดปกติ แต่หนังสือจำนวนกว่า 80 เล่มถูกยึดเอาไว้เป็นของกลาง

หนังสือหลายเล่มมีเนื้อหาว่าด้วยความสัมพันธ์แบบ 'โลลิคอน' หรือความสัมพันธ์ทางเพศระหว่างเด็กสาว และหนุ่มใหญ่ ซึ่งแฮนด์เลย์ ยอมรับว่าเขาเป็นผู้ซื้องานเหล่านี้มาจริง ส่วนหนึ่งได้มาจากร้านที่ชื่อว่า Cosplay café ขณะที่อีกจำนวนมากเป็นการสั่งซื้อทางอินเตอร์เน็ต

คริสโตเฟอร์ แฮนด์เลย์ 'โอตาคุ' แดนลุงแซม

คริสโตเฟอร์ แฮนด์เลย์ หนุ่มจากไอโอว่า ในปี 1995 เขาสำเร็จอนุปริญญาในสาขาวิศวกรรม และคอมพิวเตอร์ ด้วยเกรดเฉลี่ย 4.0 และทำงานด้านนี้จนกระทั่งปี 2007 ที่เริ่มต้นถูกดำเนินคดี เป็นผลให้ต้องออกจากงาน และกลับไปอาศัยอยู่กับมารดา และใช้เวลาว่างช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมากับการไปโบสถ์, เล่นวิดีโอเกมส์ และอ่านหนังสือการ์ตูน

ในแถลงการณ์ส่วนตัว แฮนด์เลย์ ให้รายละเอียดข้อมูลส่วนตัวว่า ก่อนหน้านั้นเขาเป็นแฟนนิยายแฟนตาซีของฝั่งตะวันตกอยู่ก่อน แต่เริ่มหันเหมาหาความบันเทิงตะวันออก สมัยที่ยังเรียนอยู่ในระดับมัธยมปลาย ในช่วงประมาณปี 1992 – 1995 หลังจากได้ชม Record of Lodoss War อนิเมชั่นเรื่องแรกๆ ในชีวิต และพัฒนาความชื่นชอบขึ้นมาเรื่อยๆ สำหรับสื่อสำหรับผู้ใหญ่ แฮนด์เลย์ กล่าวว่าเริ่มต้นสนใจตั้งแต่เริ่มใช้ได้อินเตอร์เน็ต

ชายวัยกลางคนผู้นี้ยอมรับว่าในระยะแรก ความชื่นชอบหนังสือการ์ตูนที่เน้นไปที่รูปเซ็กซี่ และฉากเพศสัมพันธ์ของเด็กสาววัยไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นเพียงความสนใจอยากรู้อยากเห็น เท่านั้น จนกระทั่งต่อมามันได้กลายเป็นความลุ่มหลง โดยเขาอ้างว่าไม่ได้ทราบมาก่อน ว่าหนังสือแนวนี้ผิดต่อกฎหมายของสหรัฐฯ ซึ่งถ้าทราบถึงข้อเท็จจริงข้อนี้ ก็คงจะไม่ซื้องานเหล่านี้มาเก็บสะสมไว้ หรืออาจจะทำลายทิ้งไปแล้วก็ได้

โลลิต้า, เชคสเปียร์, อลัน มัวร์ คืองานศิลปะ - การ์ตูนญี่ปุ่นคือเรื่องลามกอนาจาร

จากข้อมูลของอัยการ แฮนด์เลย์ ใช้เวลาประมาณ 17 ปี ในการรวบรวมหนังสือการ์ตูนจากญี่ปุ่นกว่า 1,700 เล่ม ที่มีเนื้อหาล่อแหลม ใช้ภาพของเด็กสาวเป็นวัตถุทางเพศ โดยเขาอ่านหนังสือการ์ตูนสัปดาห์ละ 35 เล่ม มีแผ่น DVD จากญี่ปุ่นสะสมไว้กว่าพันแผ่น

ขณะที่ฝ่ายทนายจำเลยได้แย้งว่า "ตามที่อัยการได้กล่าวอ้างว่า แฮนด์เลย์ ครอบครองหนังสือการ์ตูนเกือบสองพันเล่มนั้น ความจริงแล้วหนังสือที่มีเนื้อหาแบบ 'โลลิคอน' นั้นมีอยู่เพียงส่วนหนึ่ง และเป็นส่วนน้อยเท่านั้น เป็นความตั้งใจของ แฮนด์เลย์ เองที่จะสะสมงานศิลปะแขนงนี้ให้ได้ทุกประเภทเท่าที่จะเป็นไปได้"

อัยการกล่าวว่าแม้แฮนด์เลย์ จะไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมมาก่อน รวมถึงไม่เคยมีประวัติครอบครองวัตถุลามกอนาจารที่เกี่ยวข้องกับเด็ก แต่เขายอมรับว่าเคยค้นหาสื่อประเภทนี้ทางอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะที่มีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็ก

ในส่วนหนึ่งจากถ้อยแถลงของพนักงานอัยการมีว่า "งานเหล่านี้ไม่ได้ทำไปเพื่อส่งเสริมการถกเถียงทาง วิทยาศาสตร์, วรรณกรรม, ศิลปะ หรือทางการเมืองใดๆ ทั้งสิ้น แตกต่างจากนิยายอย่าง โลลิต้า ของ วลาดิเมียร์ นาโบคอฟ, โรมิโอ แอนด์ จูเลียต ของ เชคสเปียร์ หรือแม้กระทั่ง Lost Girls งานอื้อฉาวของนักเขียนการ์ตูนชื่อดัง อลัน มัวร์ แม้กระทั่งในแถลงการณ์ของจำเลยเอง ก็ยอมรับว่าสื่อที่เขาครอบครองเป็นประเภทลามกอนาจาร"

บทลงโทษ 6 เดือน

ในชั้นศาลมีการนำหลักฐานมากมายมาใช้ประกอบการว่าความ เช่น เอกสารข้อมูลความคิดเห็น ต่อพฤติกรรมของจำเลยจากญาติ, เพื่อน และเพื่อนร่วมงาน ผลการตรวจสภาพจิต ซึ่งจิตแพทย์ได้อธิบายว่า "ขณะนี้ไม่มีความเสี่ยงว่าหนุ่มคนนี้จะก่อคดีอาชญากรรมใดๆ ที่เป็นผลมาจากการเสพสื่อลามกอนาจารจากญี่ปุ่น"

ขณะที่อดีตจิตแพทย์ของ แฮนด์เลย์ ได้ให้ข้อมูลถึงสภาพจิตในอดีตของเขาว่า "แม้ว่าชายคนนี้จะให้ข้อมูลหลายๆ อย่าง ด้วยความซื่อตรงมาตลอด แต่เขาค่อนข้างปิดกั้นตัวเอง จนไม่สามารถคาดเดาพฤติกรรม และแนวโน้มในอนาคต โดยเฉพาะด้านเพศของเขาได้"

หลังจากการรับสารภาพ และมีการตัดสิน แฮนด์เลย์ ต้องไปใช้เวลาในคุก 6 เดือน หลังจากนั้นต้องอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญ 3 ปี และทำทัณฑ์บนอีก 5 ปี จากโทษสูงสุดคือจำคุก 15 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 250,000 เหรียญสหรัฐฯ

นอกจากนั้นในการร้องขอไม่ให้มีการบันทึกชื่อของเขา ในรายชื่อประวัติคนที่มีคดีทางเพศ แฮนด์เลย์ ต้องยอมให้ยึดของกลางทั้งหมด รวมถึงเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขา และยอมเข้าโปรแกรมบำบัด, ตรวจสภาพจิต และเข้าเครื่องจับเท็จ ระหว่างที่อยู่ในทัณฑ์บนด้วย

การต่อสู้เพื่ออิสรภาพของวงการการ์ตูนสหรัฐฯ

การดำเนินคดีกับนักสะสมผู้นี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะในสังคมของกลุ่มผู้รักการ์ตูนจากญี่ปุ่น ที่มีอยู่จำนวนไม่น้อยเลยในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ต่างให้ความเห็นถึงคำตัดสิน ว่าเข้าข่ายการเลือกปฏิบัติ และสองมาตรฐาน แฟนๆ การ์ตูนหลายคนยังเริ่มเป็นห่วงถึงสวัสดิภาพของตัวเอง ว่าในอนาคตก็มีสิทธิ์ถูกดำเนินคดีแบบนี้เช่นเดียวกัน

องค์กร CBLDF ที่ให้ความช่วยเหลือทางการเงิน และคำปรึกษาต่อผู้มีปัญหาทางกฎหมาย อันเกิดจากหนังสือการ์ตูน ซึ่งมี นีล ไกแมน นักเขียนการ์ตูนชื่อดังเป็นแกนนำ ได้ออกมาให้ความช่วยเหลือในคดีครั้งนี้ และยังแสดงความคิดเห็นว่า "กรณีของ แฮนด์เลย์ เป็นปัญหาอย่างมาก เพราะรัฐบาลกำลังแทรกแซงในสิทธิ์การสะสม และครอบครองงานศิลปะ”

“ในอดีตที่ผ่านมา CBLDF เคยปกป้องสิทธิ์ของศิลปินในปัญหาลักษณะนี้มาก่อน แต่เราไม่เคยพบว่ารัฐบาลกลางพยายาม ละเมิดเสรีภาพของประชาชน ที่เป็นเจ้าของหนังสือการ์ตูนเล่มใดเล่มหนึ่ง เราจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเสรีภาพ ตามรัฐธรรมนูญซึ่งได้มอบสิทธิ์แก่ประชาชน ผู้รักในศิลปินทุกแขนงในประเทศแห่งนี้ทุกคน” ตัวแทนของ CBLDF กล่าว

Manager Online