มาทำความรู้จักกับ มาซามิ นางาซาวะ

นักแสดงสาว มาซามิ นางาซาวะ (Masami Nagasawa)ซึ่งตอนนี้ ก็เป็นนางเอกที่มาแรงอีกคนหนึ่งของญี่ปุ่น เพราะด้วยความน่ารักสดใสของเธอนี่เอง ที่ทำให้เธอนั้น มีงานละครเข้ามาไม่ขาดสาย นอกจากนี้ เธอก็ยังได้ประกบคู่กับนักแสดงหนุ่มๆ ที่ทำเอาสาวๆ ทั้งญี่ปุ่น และสาวไทยอิจฉากัน ไม่ว่าจะเป็นหนุ่ม ซาโตชิ ซึมาบุกิ จากภาพยนตร์เรียกน้ำตาอย่าง Nada Sou Sou

หรือหนุ่มหล่อผิวเข้มอย่าง โมโคมิจิ ฮายามิ จากภาพยนตร์เรื่อง ราล์ฟ และล่าสุด เธอก็กำลังมีละครที่แสดงคู่กับ ยามะพี-โทโมฮิสะ ยามาชิตะ ในละครเรื่อง Propose Daisakusen หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วใน Dragon Sakura ที่เคยออนแอร์ในบ้านเรานั่นเอง

บทบาท โยชิดะ เรย์ ที่มาซามิจังได้รับเป็นยังไงบ้าง ?
• เธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนไหว แต่ก็เข้มแข็งกว่าที่คิด แต่กับ เคน เท่านั้นที่เรย์ยอมอ่อนด้วย ความรักนี่แหละ ที่เป็นจุดอ่อนของเธอ เรย์กับเคนทั้งคู่ ถือได้ว่าเป็นเพื่อนสนิทกัน เวลาทำอะไรก็จะเห็นทั้งคู่อยู่ด้วยกันตลอด ทุกคนก็จะมองว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก แต่ว่าเคนก็ต้องพยายามเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อเรย์ เรย์เองก็ต้องพยายามเปลี่ยนตัวเองเหมือนกัน หลังจากที่พวกเขามีกลุ่มเพื่อนสนิท 5 คน ก็ทำให้ความสัมพันธ์กลายเป็นแบบเพื่อนมากขึ้นด้วย เรย์เป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายแล้วก็ใจดีอีกด้วย

เคยร่วมงานกับ ยามะพี มาตั้งแต่ Dragon Sakura รู้สึกประทับใจอะไรในตัวเขาบ้าง ?
• เขาเป็นคนที่พึ่งพาอาศัยได้ ให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆ ฐานะรุ่นพี่ การได้ร่วมงานกับเขาอีกครั้ง ก็รู้สึกว่าเขาโตขึ้นมาก ดูเป็นผู้ใหญ่ จนรู้สึกว่าตัวเองโตขึ้นมานิดเดียวถ้าเทียบกันแล้ว ก่อนหน้านี้ วิธีการพูดเขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น มาคราวนี้เจอกันก็ทักทายกัน และทำความสนิทสนมกันมากขึ้น มีโอกาสได้คุยกันก็รู้ว่า ยามาชิตะคุง ในตอนนั้น กับตอน Dragon Sakura เขาเปลี่ยนไปมาก ดูเป็นรุ่นพี่ที่พึ่งพาอาศัยได้ เป็นเหมือนทั้งรุ่นพี่ที่โรงเรียนแล้วก็รุ่นพี่ในการทำงาน เวลาที่ทำงานด้วยกันก็เลยรู้สึกสบายใจ

บรรยากาศในกองถ่ายเป็นยังไงบ้าง แล้วแสดงฉากไหนที่สนุกที่สุด ?
• บรรยากาศในกองถ่ายเหรอ? สนุกมากเลย ทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก เพราะอยากให้ทุกคนได้ดูละครนี้ด้วยความสนุก เหมือนตอนที่เราทำงานพอได้ทำงานร่วมกันบ่อยๆ ก็เลยทำให้พวกเราสนิทกันมากขึ้นด้วย ดังนั้นเวลาเข้าฉากด้วยกันก็พลอยทำให้สนุกไปด้วย โดยเฉพาะฉากที่อยู่ด้วยกัน 5 คนจะเยอะมากเกือบทุกฉากเลยก็ว่าได้ ตอนนี้แค่มองหน้าก็รู้แล้วว่าจะพูดอะไร

Source: AsianPlus