อู๋เจี้ยนหาว เป็น F4 คือการดิ้นรน ไม่เข้ากับนิสัย

อู๋เจี้ยนหาว (Vanness Wu) หรือแวนเนส หนึ่งในกลุ่ม F4 ที่เมื่อไม่นานมานี้ พวกเขาทั้ง 4 คนก็ได้กลับมารวมตัวออกงาน เรียกเสียงฮือฮากันไป หลังจากนั้นก็เกิดคำถามว่าออกมาอีกเช่นเคยว่า สรุปแล้วอนาคตของ F4 จะเป็นอย่างไร ที่เคยมีข่าวว่าจะออกอัลบั้มรวมกันอีกจริงหรือไม่ แม้หนุ่มแวนเนสจะบอกว่า เราจะมีผลงานเพลงร่วมกันอีก แต่จากคำพูดของเขาครั้งล่าสุด ก็ทำให้ต่างสงสัยอนาคตของ F4 ว่ายังคงมีแน่หรือ

นับตั้งแต่แสดง 'รักใสใสหัวใจ 4 ดวง' จนโด่งดัง อู๋เจี้ยนหาว, เหยียนเฉิงซวี่, โจวอวี้หมิ่น, จูเสี้ยวเทียน ที่รวมกลุ่มเป็น F4 ในละคร ก็ถูกตีตราภาพลักษณ์เป็นหนุ่มเจ้าสำอางทันที กับสิ่งนี้แวนเนสได้เผยความรู้สึกว่า "ที่จริงตอนเริ่มแรกผมไม่หวังให้ทุกคนมองผมแต่เพียงภายนอก แต่มันช่วยไม่ได้ตอนนั้น รักใสใสหัวใจ 4 ดวง เป็นละครที่สร้างภาพหนุ่มหล่อไอดอล แต่กระนั้นผมก็ขอบคุณประสบการณ์ช่วงนั้น ไม่อย่างนั้นผมก็คงไม่มาถึงจุดนี้ แต่บอกตามตรงเป็น F4 สำหรับผมแล้วต้องดิ้นรนอย่างหนัก เพราะนิสัยของผมกับภาพลักษณ์ F4 ไม่เหมือนกันเลยสักนิด ผมอยากร้องเพลงที่เป็นแนวของผมเอง หาบทละครที่มีความท้าทาย ทำให้ทุกคนเห็นว่าอู๋เจี้ยนหาวไม่ใช่ F4 เท่านั้น และหลังจากนั้นก็ช่างบังเอิญที่สมาชิก F4 อีกคน หนุ่มไจ่ไจ๋ โจวอวี้หมิ่น ที่ช่วงนี้ออกอัลบั้มใหม่ก็มีเพลง ผมไม่ใช่F4 เหมือนกัน" นั่นหมายความว่าหนุ่ม F4 ทั้ง 4 คนต่างต้องดิ้นรนอยู่ในฐานะ F4 ใช่มั้ย กับเรื่องนี้แวนเนสมองว่า "ผมไม่รู้สึกว่าอย่างนั้น เพราะเหตุการณ์อย่างนั้นมันเป็นอดีตไปแล้ว ผมว่าพวกเรา 4 คนตอนนี้ต่างรู้แล้วว่า เส้นทางที่ตัวเองต้องเดินต่อไปเป็นยังไง" จะว่าไปแล้วตอนนี้ F4 ทั้ง 4 คนต่างก็มีแผนงานของตัวเอง อย่างนี้แสดงว่าชื่อ F4 คงจะเป็นเพียงชื่อในตำนานไปแล้วใช่มั้ย แวนเนส ถึงกับหัวเราะหึๆ ก่อนกล่าวต่อว่า "ผมจำเป็นต้องบอกกับทุกคนว่า เดิมที F4 ก็ไม่ใช่กลุ่มอยู่แล้ว เพียงเพราะบทบาทที่แสดงใน รักใสใสหัวใจ 4 ดวง รวมเรียกตัวละคร 4 ตัวนี้ว่า F4 สุดท้ายทุกคนจึงถือว่า พวกเราที่มารับบทพวกนี้เป็นกลุ่มเดียวกัน และทุกครั้งที่นักข่าวอยากหาเรื่องมากระตุ้นวงการ ก็จะเขียนว่า F4 แตกแล้ว ที่จริงในเมื่อมันไม่ได้เป็นกลุ่มตั้งแต่แรก แล้วจะมีปัญหาเรื่องกลุ่มแตกได้ยังไง"

นอกจากนี้หลายปีนี้แวนเนส โดดมารับงานแสดงในภาพยนตร์แอ็กชั่นหลายเรื่อง ส่วนหนึ่งเขายอมรับว่าเขาอยากเปลี่ยนทัศนคติของผู้ชม สลัดคราบหนุ่มเจ้าสำอางออกไป อีกส่วนหนึ่งก็เพราะเขามีความสนใจในวิชากังฟูจีนเป็นอย่างมาก โดยแวนเนสเปิดเผยว่า "ตั้งแต่เด็กได้ดูหนังเรื่อง 'วัดเส้าหลิน' ที่หลี่เหลียนเจี๋ยแสดง ก็ทำให้รู้สึกชอบกังฟูมาก ตอนอายุ 14 -15 ปี ผมได้ไปเข้าคอร์สเรียนอย่างเป็นทางการด้วย และวัดเส้าหลินเป็น 'แดนศักดิ์สิทธิ์ด้านกังฟู' ที่ผมอยากไปเหยียบ" ด้วยเหตุนี้เมื่อ 3 ปีก่อนพอเขารู้ว่ามีโอกาสได้เป็นศิษย์ฆราวาสของวัดเขาดีใจมาก พอบริษัทอนุญาตเขา ก็เข้าพิธีกราบเจ้าอาวาสวัดเส้าหลินเป็นอาจารย์ หวนนึกถึงช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ได้อยู่ในวัดเส้าหลินเรียนกังฟูกับท่านอาจารย์ แวนเนสหน้าตาอิ่มเอมขึ้นมาทันที ตอนนั้นทุกวันเขาต้องตื่นเช้าขึ้นมาฝึกวิชา ต่อจากนั้นก็ตามอาจารย์ไปปีนเขา "ทัศนียภาพบนนั้นสวยมาก ทุกครั้งที่ขึ้นไปถึงบนยอดเขา พวกเราจะนั่งอยู่บนนั้น 20 นาทีไม่พูดอะไร ฟังเสียงลมเสียงใบไม้ไหวซึมซับกับบรรยากาศ มันเป็นความรู้สึกที่สบายอย่างบอกไม่ถูก" สุดท้ายเมื่อเป็นแบบนี้ก็อดถามไม่ได้ว่า ถ้าอย่างนั้นเขาอยากเป็นดารายอดนักกังฟูใช่หรือไม่ แวนเนสออกอาการเขินๆ เล็กน้อยก่อนตอบว่า ที่จริงผมก็มีความฝันที่อยากจะเป็นดารายอดนักกังฟู แต่ยังต้องฝึกฝนต้องเรียนรู้อีกเยอะ ถ้าอย่างนั้นจะรับแสดงเฉพาะหนังแอ็กชั่นอย่างเดียวใช่รึเปล่า เขาปฏิเสธว่า หนังดรามาหรือหนังศิลปะอื่นๆ ผมก็อยากลองดู ไม่ได้เลือกเจาะจงเฉพาะแอ็กชั่นหรอกครับ อ้าว เหล่าผู้สร้างทั้งหลายเรียกใช้บริการได้

สยามดารา