เจาะลึกตัวละครใน The Forbidden Kingdom

เจสัน ทรีพิทิคัส (ไมเคิ่ล แอนการาโน่)

ครั้งแรกที่ เจสัน ปรากฏตัว เราจะเห็นว่าเขาคือวัยรุ่นคนหนึ่งจากบอสตันในอเมริกายุคปัจจุบัน ที่บ้าศิลปะการต่อสู้และวัฒนธรรมจีน เขาคลั่งไคล้ บรูซ ลี, เฉินหลง, เจ็ท ลี และหนังกังฟูจีน ต่อมาเขาได้พบกระบองวิเศษของ ซุนหงอคง ที่โรงรับจำนำแห่งหนึ่งย่านไชน่า ทาวน์ และถูกดึงเข้าไปในยุคจีนโบราณเพื่อปฏิบัติภารกิจคืนกระบองให้ ซุนหงอคง

"เขาเป็นเด็กที่ไม่รู้จักพึ่งตัวเอง และไม่เชื่อฟังคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน แต่กลับใช้ชีวิตเพ้อฝันอยู่กับหนังกำลังภายในที่เขาชอบดู พอกระบองวิเศษพาเขาไปสู่อีกโลกหนึ่ง และได้พบกลุ่มคนที่ช่วยเปลี่ยนแปลงเขา การเปลี่ยนแปลงและการเดินทางครั้งนี้ของ เจสัน เป็นสิ่งที่ผมเข้าถึงได้" ไมเคิ่ล แอนการาโน่ กล่าว

บังเอิญเหลือเกินที่ระหว่างโลกของ เจสัน และโลกคู่ขนานในหนังกังฟูที่เขาชอบทำให้ เฉินหลง นึกถึงตัวละครตัวหนึ่งที่เขาเคยแสดง "เจสัน" ทำให้ผมนึกถึง "หยวนเสี้ยวเทียน" ตัวละครกังฟูหนุ่มมือใหม่ที่ผมแสดงใน "ไอ้หนุ่มหมัดเมา"

ลู่หยาน และ คุณลุงเจ้าของโรงรับจำนำ (เฉินหลง)

ลู่หยาน เหมือนกับไอ้หนุ่มหมัดเมาตรงที่ เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระและชอบกินเหล้า พอได้พบ เจสัน เขาก็กลายเป็นองครักษ์ และครูสอนกังฟูของเด็กหนุ่มคนนี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจ และจากคนที่ไม่เคยจริงจังกับชีวิต ลู่หยาน ได้แสดงทักษะการต่อสู้ พร้อมกับอารมณ์ขันและศักดิ์ศรีให้ทุกคนได้เห็น เขาเป็นตัวละครสำคัญที่มีความคล้ายคลึงกับเซียนทั้งแปดในตำนานลัทธิเต๋าของจีน

ในส่วนของบทคุณลุงเจ้าของโรงรับจำนำในบอสตันที่ เจสัน ชอบไป เฉินหลง บอกว่า "ฉากที่ผมแสดงเป็นลุงคนนี้ เป็นฉากที่ผมชอบที่สุด ผมพยายามเลียนแบบการพูดและท่าทางการเดินของ มาร์ลอน แบรนโด ใน The Godfather แต่ใส่ความเป็น เฉินหลง เข้าไป" เฉินหลงไม่เคยรู้ว่าคุณลุงคนนี้อายุเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นเขาจึงตีความเอาเองตามที่เห็นสมควร โดยที่ผู้กำกับก็ไม่ได้โต้แย้งอะไร สิ่งเดียวที่บอกใบ้เขาคือ เมคอัพหลายชั้นบนหน้าและบนตัวที่ทำให้เขาดูแก่หงำเหงือก

"ทั้งวันผมไม่อยากกินและไม่อยากคุยกับใครเลย เพราะเมกอัพทำให้คุณหงุดหงิด ง่ายมาก" เฉินหลงใช้เวลา 7 ชั่วโมงในการใส่เมคอัพและ 2 ชัวโมงในการถอดออก ซึ่งเขาบอกว่าเป็นขั้นตอนที่ท้าทายความอดทนอย่างมาก "ตั้งแต่ตีห้า ผมต้องนั่งให้ทีมเมคอัพละเลงกาวบนหน้า เหมือนเวลาคุณเทน้ำผึ้งลงบนแพนเค้ก มันทรมานมาก ผมก็เลยรู้สึกชื่นชมนักแสดงอย่าง จอห์น ทราโวต้า จริงๆ ที่ต้องใส่ทั้งชุดอ้วนและแปะเมคอัพหนาเตอะตอนเขาแสดงเรื่อง Hairspray"

นักบวชใบ้ และ ซุนหงอคง (เจ็ท ลี)

ตอนที่ได้รับการทาบทามให้มารับบทเป็น ซุนหงอคง เจ็ท ลี ตื่นเต้นมาก เพราะนี่คือตัวละครระดับตำนานที่เขาไม่เคยแสดงมาก่อน แต่การเมคอัพที่กินเวลา 5 ชั่วโมงครึ่งทำให้เขาเกือบถอนตัว "ผมรู้สึกกลัวและเกือบปฏิเสธบทนี้ไปแล้ว เพราะผมไม่มั่นใจว่าสามารถแสดงและเข้าฉากบู๊ด้วยเมคอัพหนาเตอะแบบนั้นได้" ดังนั้นผู้กำกับ ร็อบ มินคอฟฟ์ และผู้อำนวยการสร้าง เคซี่ย์ ซิลเวอร์ จึงไปปรึกษากับฝ่ายศิลป์และเครื่องแต่งกาย เพื่อปรับภาพลักษณ์ของซุนหงอคงใหม่ ซึ่งทำให้ เจ็ท ลี โล่งใจ เพราะระยะเวลาการเมคอัพลดลงเหลือเพียง 3 ชั่วโมง

ซุนหงอคง ปรากฏตัวเพียง 20 นาทีในหนัง เพราะฉะนั้น เพื่อใช้ทรัพยากรอันมีค่าอย่าง เจ็ท ลี ให้คุ้ม ทีมงานจึงให้เขาแสดงอีกบทหนึ่ง นั่นคือ นักบวชใบ้ ซึ่งกลายเป็นร่างหนึ่งใน 72 ร่างของซุนหงอคง

นักบวชใบ้ ช่วยปกป้อง เจสัน ด้วยท่าทีเยือกเย็นตลอดการเดินทางไปคืนกระบองและปลดปล่อย ซุนหงอคง เจ็ท ลี พูดถึงบทในอุดมคติทั้งสองบทนี้อย่างปลื้มใจว่า "ผมแสดงหนังเรื่องนี้เพื่อลูก"

นางแอ่นทองคำ (หลิวอี้เฟย)

นางแอ่นทองคำ คือเด็กกำพร้าที่มีเป้าหมายเดียวในชีวิตคือแก้แค้น แม่ทัพหยก ที่ฆ่าพ่อแม่ของเธอ นางแอ่นทองคำ มีทักษะการต่อสู้ยอดเยี่ยม และมีลูกดอกเป็นอาวุธประจำกาย ขณะปลอมตัวเป็นนักดีดพิณในโรงน้ำชา เธอได้เข้ามาช่วย เจสัน และ ลู่หยาน ต่อสู้กับลูกสมุนของ แม่ทัพหยก ที่หมายจะชิงกระบองวิเศษ พอ นางแอ่นทองคำ ได้รู้ว่า ลู่หยานและเจสัน กำลังมุ่งหน้าไปที่วังของ แม่ทัพหยก เธอก็ตัดสินใจร่วมทางไปกับพวกเขาด้วย เพราะไปหลายคนย่อมปลอดภัยกว่า

"เรื่องราวของเธอเข้มข้นทั้งอดีต, ปัจจุบัน และโชคชะตาในอนาคต ซึ่งทุกอย่างมาคลี่คลายตอนท้ายของหนัง มันทำให้ฉันมีพื้นที่ในการแสดงมากมาย" หลิวอี้เฟย กล่าว พอ นางแอ่นทองคำ เริ่มมีใจให้ เจสัน อารมณ์ของตัวละครก็ยิ่งซับซ้อนขึ้น "ฉันคิดว่าผู้ชมจะอินกับอดีตที่น่าสงสารและความรักของเธอ บุคลิกที่เข้มแข็งและความเปราะบางทำให้คนชอบเธอได้ง่าย และฉันโชคดีมากที่ได้โอกาสรับบทเป็น นางแอ่นทองคำ ซึ่งเป็นตัวเอกฝ่ายหญิงคนเดียวในเรื่อง"

หนี่จาง / นางพญาผมขาว (หลี่ปิงปิง)

ผู้กำกับภาพ ปีเตอร์ เปา เป็นผู้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับตัวละครหลายตัวในบทหนัง รวมถึง นางพญาผมขาว ด้วย เพราะในปี 1993 เขาเป็นผู้กำกับภาพให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Bride with White Hair ที่สร้างจากนวนิยายกำลังภายในชื่อเดียวกัน แรกเริ่มเดิมที บทนักสู้ฝ่ายร้ายตัวนี้เป็นผู้ชาย แต่เมื่อ เปา เสนอกับทีมงานว่าน่าจะเปลี่ยนบทนี้ให้เป็นนางพญาผมขาว หรือชื่อจริงว่า หนี่จาง แทน ผู้อำนวยการสร้างและมือเขียนบทก็เห็นด้วยทันที

ตอนต้นเรื่อง หนี่จาง พยายามออกจากกลุ่ม เพื่อไปอยู่กับคนรักจนถูกหัวหน้าทรมาน ต่อมาเมื่อรู้ว่าตัวเองถูกคนรักทรยศ ผมของเธอก็กลายเป็นสีขาวด้วยแรงโทสะ หนี่จาง มีทักษะการต่อสู้ดีอยู่แล้ว เพราะหัวหน้าฝึกทักษะการต่อสู้ให้เธอจนช่ำชองเพื่อทำงานสกปรก สภาพบอบช้ำจากความรักทำให้เธอบันดาลความแค้นกับผู้ชายทุกคน โดยเฉพาะผู้ชายที่อ่อนแอกว่าและไม่อาจต่อกรกับเธอได้

ใน Forbidden Kingdom แม่ทัพหยก ไว้ใจให้ หนี่จาง ไปชิงกระบองวิเศษที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้น โดยสัญญาว่าจะให้ทุกอย่างที่เธอต้องการเป็นสิ่งตอบแทน หนี่จาง ตกลงรับงานนี้โดยขอแลกเปลี่ยนกับน้ำอมฤต ที่จะทำให้เธอคงความสาวและเป็นอมตะ

หลี่ปิงปิง ผู้รับบทน หนี่จาง หรือ นางพญาผมขาว บอกว่าเธอมองตัวละครนี้เป็นเหยื่อมากกว่าผู้ร้าย "ฉันสงสารเธอ หนี่จาง ถูกคนที่รักที่สุดทรยศ เธอจึงไม่เคารพผู้ชายอีกต่อไป จริงอยู่ที่เธอสามารถฆ่าคนได้เพื่อให้บรรลุสิ่งที่ต้องการ แต่ก็ไม่มีใครสนใจเธอจริงจัง คนดูจะมองเธอเป็นพวกเลือดเย็นมากกว่า ด้วยความที่มีทักษะการต่อสู้เป็นเลิศ คนจึงกลัวเธอ แต่มันก็เป็นสิ่งที่เธอเปลี่ยนแปลงไม่ได้" หลี่ปิงปิง กล่าว

ในหนัง หนี่จาง เปิดฉากต่อสู้กับตัวละครหลักทุกตัวโดยใช้อาวุธอย่างแส้, ลูกธนู และเส้นผมของเธอเอง ฉากแอ็คชั่นของ หนี่จาง ที่ออกแบบโดย หยวนวูปิง เป็นฉากที่น่าตื่นตาที่สุดฉากหนึ่งที่ผู้ชมจะได้เห็น

แม่ทัพหยก (คอลลิน โจว)

แม่ทัพหยก ไม่ใช่ตัวละครชั่วร้ายเสียทีเดียว อย่างที่ คอลลิน โจว บอก เขาเพียงดูแลให้อาณาจักรเป็นระเบียบเรียบร้อยเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครก็ตามที่เขาเห็นว่าละเมิดกฎหรือไม่เชื่อฟัง เขาจึงไม่ลังเลที่จะกำจัดทิ้งหรือสั่งสอน เช่นที่เขาจองจำ ซุนหงอ คงในก้อนหินเป็นเวลากว่า 5 ศตวรรษ

ทันทีที่รู้ว่ากระบองวิเศษที่สามารถใช้ปลดปล่อย ซุนหงอคง ได้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แม่ทัพหยก ก็ร้อนใจและส่ง นางพญาผมขาว ไปชิงกระบองก่อนที่จะไปถึงมือ ซุนหงอคง

สยามดารา