เผยเหตุการณ์เสียชีวิตของ"อี ออน" (Lee Eon) คาดเกิดจากชนแล้วหนี

นับเป็นรายงานข่าวคราวล่าสุดถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ "อี ออน" (Lee Eon) ผู้รับบท "มินยับ" ในละครซีรีย์เกาหลีชื่อดัง Coffee Prince ที่ลาโลกนี้ จากอุบัติเหตุทางรถมอเตอร์ไซค์ ไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยต้นสังกัดคาดว่าน่าจะมาจากการชนแล้วหนี

ซึ่งตามรายงานระบุว่า การเปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ เป็นการสรุปจากผู้จัดการและต้นสังกัดของอีออน ที่ทำการสืบสวนจากพยานแวดล้อมทั้งหลาย โดยต้นสังกัดของอีออนระบุว่า "หลังจากตรวจสอบจากกล้องวงจรปิดและตามรายงานจากผู้เห็นเหตุการณ์ เป็นไปได้อย่างสูงว่าอีออนน่าจะถูกชนแล้วหนี"

โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ มอเตอร์ไซค์ของอีออนข้ามเส้นกลางแบ่งถนนมาอยู่อีกเลน จากนั้นรถของเขาก็ถูกชน ซึ่งขณะนั้นตัวเขากระเด็นออกไปไม่ได้อยู่บนรถมอเตอร์ไซค์แล้ว โดยรถที่ชนตามรายงานระบุด้วยว่าเป็นรถยนต์สีดำ ซึ่งตามหลังมาด้วยรถแท๊กซี่

"ตอนที่เกิดเหตุ ไม่เห็นใครอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์ เชื่อว่าอีออนถูกชนตกไปก่อนแล้ว มอเตอร์ไซค์ไถลไปไกลพอสมควรตอนนั้นไม่มีใครอยู่ที่รถ ซึ่งการชนกันน่าจะมาจากทางด้านหลัง"

ถ้าหากเขาถูกชนแล้วหนีจริง ก็จะพอดีกับที่ทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ ผู้มาถึงเป็นคนแรกได้รายงานแล้วในขั้นต้น ซึ่งเจ้าหน้าที่รายงานว่า ร่างของอีออนถูกเผาไหม้ไปบางส่วนแล้ วเมื่อพวกเขาเดินทางมาถึง ใบหน้าของเขาบวมเป่งและมีบาดแผลค่อนข้างรุนแรง ข้อมือซ้ายหักและมีแผลฉกรรจ์ที่หน้าอก

พวกเขาเชื่อว่าตอนเกิดเหตุ ร่างของอีออนคงถูกลากไปบนถนนไกลพอสมควร ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากบาดแผลฉกรรจ์

จากเหตุการณ์ดังกล่าว ทางด้านต้นสังกัดของอีออนเอ่ยปากยื่นมือเข้าช่วยเหลือครอบครัวของนักแสดงหนุ่มแล้ว และแม้ว่าตำรวจจะทำการสืบสวนถึงเหตุการณ์อย่างยุติธรรมที่สุด แต่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้มาก เมื่อทางต้นสังกัดของอีออนระบุแค่ว่า มันเป็นการชนแล้วหนีเท่านั้น

ซึ่งตามรายงานจากทีมสืบสวนของสถานีตำรวจยองซานระบุว่า จะยังคงสืบสวนถึงเหตุการณ์ดังกล่าวต่อไป แม้จะได้รับคำยืนยันว่าเป็นการชนแล้วหนีก็ตาม

"เราจะยังคงสืบสวนต่อไป ดังนั้นตอนนี้เราไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้มากกว่านี้ เราจะพิจารณาทั้งสองทางว่าเป็นการชนแล้วหนีหรือไม่ ตอนนี้เราจะดำเนินการสืบสวนถึงความเป็นไปได้ เราหวังว่าทางต้นสังกัดผู้จัดการของอีออนจะยังคงอยู่ และไม่จัดการสืบสวนทุกอย่างด้วยตัวของพวกเขาเอง เราจำต้องอดทนรอผลการพิสูจน์ที่แน่ชัดอีกครั้งต่อไป"