Bosco & Kevin ร่วมงาน"เจมส์"จับมือพากันโกอินเตอร์

หลังจากที่บินมาเปิดตัวละครเรื่อง "ยอดกระบี่เงาปีศาจ" ที่กำลังจะออกอากาศทางไทยทีวีสีช่อง 3 ไปเมื่อกลางเดือนที่ผ่านมา คราวนี้ทั้ง 2 หนุ่ม "Bosco & Kevin" กลับมาเมืองไทยอีกครั้งด้วยการมาร้องเพลงประกอบละครเวอร์ชั่นภาษาไทยสุดพิเศษเพื่อแฟนๆชาวไทยโดยเฉพาะ โดยมีหนุ่ม "เจมส์ เรืองศักดิ์" หวนมาจับไมค์โดดร่วมแจมในเพลงนี้หลังไปนั่งแท่นเป็นผู้บริหารอยู่นาน เรียกได้ว่าเป็นการโกอินเตอร์ร่วมกันของทั้ง 3 หนุ่มเลยทีเดียว
       
       โดยการร้องเพลงประกอบละคร "ยอดกระบี่เงาปีศาจ" ในเวอร์ชันภาษาไทยภายใต้ชื่อว่า " คือฉันผู้ชนะ " ได้หนุ่ม เจมส์ เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์ ที่หันหน้าไปเอาดีทางด้านการเป็นผู้บริหารอยู่นาน ก็หวนคืนไมค์กลับมาเบื้องหน้าอีกครั้ง ซึ่งงานแรกก็เล่นเอาดังทีเดียวเมื่อได้ทำงานร่วมกับ 2 หนุ่มสุดหล่อจากฮ่องกงทั้ง Kevin Cheng ( เจิ้งเจียหวิ่น ) และ Bosco Wong ( หวังจงเจ๊อะ ) 2 พระเอกจากละครเรื่องนี้ที่มาร้องเพลงไทยเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาอีกครั้งของเจมส์อย่างไม่ธรรมดา พร้อมกันนั้นทั้ง 3 คนยังเปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์ถึงการร่วมงานกันครั้งแรกอย่างเป็นกันเองอีกด้วย
       
       รู้สึกอย่างไรกับโครงการแลกเปลี่ยนศิลปินของทางฮ่องกงและไทยครั้งนี้?
       Bosco : โครงการนี้เป็นครั้งแรกเรียกได้ว่าเป็นการเปิดตลาดอย่างหนึ่ง นับเป็นโอกาสของนักแสดงเองที่จะได้มีโอกาสออกอัลบั้มที่ไทย ตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมากๆ แต่หวาดระแวงเล็กน้อยที่ต้องมาร้องเพลงภาษาไทย เพราะภาษาไทยยากจริงๆครับ
       Kevin : ดีใจที่ได้มาเมืองไทย แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงเป็นห่วงในเรื่องภาษาของผม สิ่งที่ผมเป็นห่วงมากที่สุดคงไม่ใช่ภาษาที่เอาไว้คุยกันแต่เป็นเรื่องที่ว่าจะทำยังไงถึงจะร้องเพลงที่เป็นภาษาไทยได้ดีที่สุด รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับคนไทยแล้วก็นักร้องที่อยู่ระดับท็อปของเมืองไทย รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ
       
       ละครเรื่องนี้มาฉายในเมืองไทยจึงมีเพลงเวอร์ชั่นภาษาไทยถ้าได้ไปฉายที่อื่นจะมีเวอร์ชั่นภาษาอื่นอีกหรือเปล่า?
       
"จริงๆภาษาไทยเป็นเวอร์ชั่นที่ 3 แล้ว ก่อนหน้านี้ทำเป็นภาษาจีนกวางตุ้ง จีนกลาง แล้วครั้งนี้ก็ภาษาไทย จะมีเพิ่มอีกหรือเปล่ายังไม่ทราบเหมือนกันครับ"
       
       เนื้อหาในเวอร์ชั่นภาษาไทยกับภาษาจีนเหมือนกันไหม?
       Bosco & Kevin : ถ้าเป็นทีละท่อนคงจะไม่เหมือนกัน แต่ว่าโดยรวมแล้วเนื้อหาสื่อความหมายตรงกัน กล่าวถึงเนื้อเรื่องของละครเรื่องนี้เหมือนกัน
       เจมส์ : เนื้อเพลงภาษาไทยเขียนไว้ดีมาก ชอบมากครับ ซึ่งเนื้อหาแอบซ่อนและแฝงไว้ด้วยปรัชญาต่างๆในการดำเนินชีวิต รู้สึกได้ว่าเวลาร้องต้องใช้อารมณ์และความรู้สึกค่อนข้างมากเลยครับ
       
       เมื่อเพลงเป็นภาษาไทยเวลาสื่ออารมณ์ในการร้องยากไหม เข้าใจเนื้อหาเพลงได้อย่างไร?
       Bosco & Kevin :
ตอนร้องจะมีเนื้อเพลง 3 แถว คือ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทยแล้วก็คาราโอเกะ จะรู้คำแปลเป็นท่อนๆมากกว่า ไม่รู้ทุกคำทุกประโยคจะรู้โดยคร่าวๆมากกว่าครับ
       
       ฝึกร้องเพลงนี้นานไหม?
       Bosco :
ผมได้รับเนื้อเพลงที่เป็นคาราโอเกะแล้วก็เดโมเพลงก่อนประมาณ 2-3 อาทิตย์ตอนที่มาเมืองไทยครั้งที่แล้ว ภาษาไทยยากมากแต่ได้พี่เจมส์ช่วยไว้ เพราะร้องไกด์ไว้ดีมากครับ
       Kevin : รับมาก่อนล่วงหน้า 2-3 อาทิตย์เหมือนกันครับ แต่กว่าจะได้ฝึกร้องก็ก่อนมาที่นี่ 6 วัน ซึ่งตอนนั้นผมต้องไปเมืองจีนแล้วด้วยความที่เมืองจีนกว้างมากเวลานั่งรถก็ใช้เวลานานหน่อย ก็ต้องฟังระหว่างที่นั่งรถแล้วก็ฟังตลอดทางระหว่างที่นั่งเครื่องบิน ก็จะได้ยินเสียงเจมส์อยู่ในหัวตลอดเวลาจนถึงตอนนี้เลยครับ
       
       แล้วตอนนี้พอจะจำเนื้อได้บ้างหรือเปล่า?
       ( หัวเราะ ) "พอจำได้บ้าง" พร้อมพูดภาษาไทยว่า "นิดหน่อยๆ"
       
       ตอนที่ได้ฟังเพลงไทยครั้งแรกคิดว่าเพลงไทยเพราะไหม?
       Kevin : ผมชอบเพลงไทยนะเพราะว่าเพลงไทยเพราะ( พร้อมกับฮัมเพลง ลิ้นกับฟัน ) ก่อนหน้านี้ที่ฮ่องกงก็มีการนำเพลงไทยอย่างเพลงนี้ ( ลิ้นกับฟัน ) มาร้องโดยใส่เนื้อภาษาจีน หลายเพลงมากเลย แล้วเพลงนี้ก็ดังมากๆด้วย
       
       ถ้าอย่างนั้นก็ต้องพอจะรู้จักศิลปินไทยบ้าง?
       Kevin :
เจมส์ ( แล้วถ้าไม่ใช่เจมส์ ) Bosco
       Bosco : Kevin
       Kevin: ( หัวเราะ พร้อมพูดภาษาไทย ) พี่นก ฉัตรชัย ( พร้อมกับหันไปถามผู้สื่อข่าวว่านก ฉัตรชัย ร้องเพลงหรือเปล่า พอบอกว่าร้องถึงขั้นตกใจถามว่าจริงเหรอ ! )
       
       แล้วในสายตาของทั้ง 2 คน วงการเพลงไทยกับวงการเพลงฮ่องกงแตกต่างกันอย่างไร?
       Bosco :
มีจุดที่คล้ายๆกันค่อนข้างเยอะ เพราะส่วนมากจะเป็นเพลงรักๆทั้งหลาย ส่วนมากจะเป็นป็อป ร็อก หรือป็อปบาลานซ์ ที่ฮ่องกงก็เหมือนกันครับ ไม่ค่อยแตกต่าง
       
       การทำงานของทีมงานไทยกับฮ่องกงเหมือนกันหรือเปล่า ?
       Kevin : ต่างกันครับ เพราะที่เมืองไทยเทคแคร์ดูแลศิลปินมากกว่า มีการเสิร์ฟน้ำ เปิดพัดลมให้ ที่ฮ่องกงจะเน้นเรื่องของโปรดักชัน การผลิตมากกว่าคือยังไงก็ต้องให้ได้ตามเป้า แล้วก็ไม่ค่อยสนใจเรื่องการเซอร์วิสเหมือนเมืองไทย การทำงานของคนฮ่องกงยาวกว่าเมืองไทยด้วย
       
       ได้ฟังเจมส์ร้องเพลงแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง?
       ( พร้อมใจประสานเสียง ) Good!
       Kevin : ตอนที่ฟังเจมส์ร้องโชว์เคสสดๆบนเวที ร้องได้ดี ร้องดี
       Bosco : ครั้งแรกที่ฟังเสียงเจมส์ในเดโม คิดว่าเขาต้องเป็นคนที่ร้องเพลงร็อกๆเป็นแนวฮาร์ดคอร์ แต่พอเจอตัวจริงแล้ว พี่เจมส์หล่อดี
       
       เพิ่งถ่ายทำมิวสิควิดีโอเสร็จไปเป็นอย่างไรบ้าง บรรยากาศแตกต่างกับฮ่องกงอย่างไร?
       Kevin :
บรรยากาศดีมากเพราะแค่บอกว่าอยากกินข้าวมันไก่ ข้าวมันไก่ก็ลอยมาอยู่ตรงหน้า บอกอยากกินกาแฟเย็น กาแฟเย็นก็มาวางไว้ให้แล้วทุกอย่างพร้อมหมด
       Bosco : ถ้าเป็นแบบนี้ขอถ่ายทุกวันเลยครับ ดูแลดีมาก ถ้าไม่ว่าอะไรอยากมาปักหลักทำงานอยู่เมืองไทยเลยครับ
       เจมส์ : บรรยากาศการถ่ายทำเป็นแบบง่ายๆ ถ่ายเส้นร้องกันอย่างเดียว ทั้ง 2 คนมีสปิริตที่ดี ถึงแม้เขาจะเป็นดาราดังของฮ่องกงแต่ว่าพอมาทำงาน พวกเขาก็วางตัวสบายๆเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน ไม่เรื่องมาก เวลาทำงานก็เต็มที่ตลอด ต้องขอชมทั้งคู่มากเลยครับ
       
       ความรู้สึกก่อนและหลังจากที่ได้ร่วมงานกับBosco & Kevin เจมส์รู้สึกอย่างไรบ้าง?
       
"ตอนแรกได้ยินมาว่าทั้งคู่อยู่ใน 4 จตุรเทพรุ่นใหม่ของฮ่องกง คิดว่าพวกเขาต้องออกแนวเทพๆแน่เลย แต่พอเจอตัวจริงพวกเขาธรรมดามาก ง่ายๆ สบายๆ เจอกันครั้งแรกก็แซวๆกัน"
       
       ใน VTR ที่ฉายเปิดตัวเผยให้เห็นทักษะการเต้นของ Bosco ว่าเต้นเก่งมาก คิดจะออกอัลบั้มแบบแดนซ์ๆด้วยหรือเปล่า ?
       "จริงๆผมเป็นคนชอบเต้นอยู่แล้วครับ เรียนเต้นมาก่อน ถ้ามีโอกาสก็ดีครับ"
       
       แล้วมีโอกาสจะออกอัลบั้มเพลงเป็นภาษาไทยบ้างหรือเปล่า?
       ( ทำหน้าเหวอ ) " แค่เพลงเดียวก็ใช้เวลานานแล้วครับ 1 อัลบั้มมี 14 เพลง เพลงหนึ่งต้องใช้เวลาประมาณเดือนนึงในการเตรียมตัว อัลบั้มนึงก็คงต้องใช้เวลาประมาณ 2 ปีเลยล่ะครับ ถามว่าอยากไหม ต้องอยากแน่นอนเพราะการทำงานครั้งนี้สนุกมาก ถ้ามีโอกาสได้ทำอัลบั้มจริงๆคงต้องขอเวลาเรียนภาษาไทยก่อนเลยครับ "
       
       ทั้ง 2 คนดูแข็งแรงสุขภาพดี มีวิธีดูแลตัวเองยังไง?
       "ต้องสบายใจ ความสบายใจต้องมาก่อนเลย แล้วก็ออกกำลังกายด้วยครับ( พร้อมหยอดคำหวานเป็นภาษาไทย ) มาเที่ยวเมืองไทย"
       
       ไปเที่ยวที่ไหนในไทยมาบ้างแล้ว?
       "พังงา ภูเก็ต พัทยา ส่วนครั้งนี้ทั้ง 2 หนุ่มบอกอยู่แต่ในกรุงเทพฯ"
       
       มีโปรแกรมไปเที่ยวไหนอีกหรือเปล่า?
       
"มีคนแนะนำเกาะใหม่ๆให้ผมในเมืองไทย แต่ผมจำชื่อไม่ได้แล้วครับ ว่าจะลองไปดู"
       
       ที่เมืองไทยได้ฉายละครเรื่องนี้เป็นที่แรก คาดหวังหรือไม่ว่ากระแสตอบรับจะออกมาเป็นอย่างไร?
       
"คาดหวังครับ อยากให้คนไทยชอบละครเรื่องนี้เยอะๆจะได้กลับมาเมืองไทยอีกครับ"
       
       ได้เจอแฟนคลับที่มาให้กำลังใจตอนมาเมืองไทยครั้งก่อนหรือยัง รู้สึกอย่างไรกับแฟนคลับชาวไทยบ้าง?
       
"ได้เจอแล้วครับ ทุกคนมีมารยาท ทุกคนNiceมาก ทุกคนดูน่ารัก อบอุ่นมากครับ"
       
       ผลงานเรื่องต่อไปคืออะไร?
       Kevin : ผมกำลังจะมีผลงานเรื่องใหม่เป็นนักโทษที่ถูกใส่ร้าย ต้องเข้าไปอยู่ในคุกนานถึง 13 ปี แล้วเพิ่งออกจากคุก ตอนที่ได้รับบทนี้ผมดีใจมาก ได้แสดงบทบาทใหม่ที่ไม่เคยได้รับมาก่อน ลุคของผมรวมทั้งวิธีการแสดงของผมจะพยายามแสดงให้แตกต่างจากเดิม
       Bosco : ของผมมีอยู่ 2 เรื่องครับ กำลังภายในย้อนยุค กับละครสมัยใหม่ ละครกำลังภายในมีอยู่ 80 ตอน ส่วนสมัยใหม่มีอยู่ประมาณ 20 ตอนครับ
       
       สุดท้ายมีอะไรอยากฝากแฟนๆชาวไทยบ้าง
       Kevin : รู้สึกดีใจที่ได้มีโอกาสมาร้องเพลงไทยที่นี่ครั้งแรก อยากให้แฟนๆติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้ ถ้ามีโอกาสอยากกลับมาทำงานที่เมืองไทยบ่อยๆครับ
       Bosco : ขอบคุณแฟนๆทุกคนที่ให้การต้อนรับมาเป็นอย่างดี ขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ให้การต้อนรับพวกเราเป็นอย่างดี หวังเป็นอย่างยิ่งว่าในอนาคตจะมีโอกาสได้มาทำงานที่เมืองไทยอีกครั้งครับ
       
       ทางด้านเจมส์ เรืองศักดิ์ ยังได้เปิดโอกาสให้ผู้สื่อข่าวซักถามเป็นกรณีพิเศษถึงการย้ายมาอยู่ในบ้านหลังใหม่พร้อมทั้งการทำงานร่วมกับ2หนุ่มฮ่องกงด้วยว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดี และได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
       "การย้ายมาอยู่บ้านใหม่ก็ดีนะครับ ตอนนี้ก็เดือนที่ 6 กำลังก้าวสู่เดือนที่ 7 ก็มีแต่เรื่องอะไรดีๆเข้ามาในชีวิตทั้งเรื่องของงานที่เรารับผิดชอบอยู่ รวมถึงเรื่องของมีฟ้า แล้วก็งานเบื้องหน้ามีแต่เรื่องดีๆเข้ามาครับ"
       
       โดยเจมส์ยังได้ย้ำถึงความสำเร็จที่เข้ามาอยู่ในฐานะของผู้บริหารมีฟ้าว่าทำให้ทุกคนสามารถตื่นเต้นกับโครงการต่างๆที่เกิดขึ้นได้มากเลยทีเดียว
       "คนที่เคยติดตามมีฟ้ามาก่อนจะเห็นได้ว่าตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว มีโปรเจ็คท์ใหม่ๆ ทุกคนเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีเราเองก็ภูมิใจไปด้วยครับ ไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแต่เข้ามาปรับปรุงมากกว่านำเอาประสบการณ์ที่ผ่านๆมาใช้ครับ"
       
       ก่อนจะพูดถึงการทำงานกับ 2 หนุ่ม ฮ่องกงซึ่งเจ้าตัวบอกดีใจมาก เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้น ดีใจที่ได้ร่วมงานกับ 2 หนุ่มพร้อมบอกเป็นการกลับมาเบื้องหน้าอีกครั้งในแบบที่น่าภูมิใจมากทีเดียว พร้อมยืนยันว่าตอนนี้เขาและเพื่อนใหม่สนิทกันแล้ว
       "เราสนิทกันเร็วครับ แล้วก็ภาษาไทยยากสำหรับเขา ผมก็จะสอนภาษาสอนเรื่องวัฒนธรรมให้กับเขามากกว่าว่า คนไทยชอบอะไรไม่ชอบอะไร แล้วทั้ง 2 คนก็เป็นคนที่ร้องเพลงดี อาจติดเรื่องภาษานิดหน่อยที่อาจจะฟังดูแปร่งๆนิดหน่อย แต่ด้วยเนื้อเสียงหรือว่าวิธีการร้อง ร้องดีถือว่าเป็นนักร้องคุณภาพคนหนึ่งเลยล่ะ"
       
       รวมถึงยังพูดแบบติดตลกถึงการได้รับเลือกให้มาร่วมงานอินเตอร์ครั้งนี้ว่า น่าจะเป็นเพราะหน้าตาที่พอจะสูสีกับ 2 ดาราหนุ่มฮ่องกงได้ โดยยังกล่าวอีกว่า อาจจะมีโอกาสได้โกอินเตอร์ไปร่วมงานกับทางฮ่องกงอีกสักครั้ง
       "การเข้ามาร่วมงานครั้งนี้เป็นการคัดเลือกมาจากศิลปินหลายคน ที่ดูว่าใครน่าจะเหมาะโดยดูว่า ใครพอที่จะร้องเพลงได้ เคยผ่านงานแสดงมาก่อน แล้วก็อยู่กัน 3 คนแล้วดูเข้ากันได้ดี ( หัวเราะ ) วันใดวันหนึ่งเราอาจจะมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนกันบ้าง บางทีเราอาจจะได้ไปแจมในเพลงของเขา อันนี้ก็เป็นเรื่องของอนาคต ถ้ามีโอกาสก็อยากลองดูเหมือนกันครับ"
       
       การกลับมาทำงานเบื้องหน้าอีกครั้งโดยร้องเพลงประกอบละครเรื่องนี้นับได้ว่าเป็นการกลับมาที่ไม่ธรรมดา ผู้สื่อข่าวจึงถามว่าเป็นการชิมลางก่อนจะเปิดตัวอัลบั้มอย่างเป็นทางการกับบ้านหลังใหม่นี้หรือไม่ เจ้าตัวกล่าวว่าเป็นไปได้ แต่ในส่วนของอัลบั้มขอเก็บไว้เป็นความลับ
       "จะว่าอย่างนั้นก็ได้ครับ ถือว่าเป็นการเปิดตัวในการกลับมาเบื้องหน้าอีกครั้ง โดยเราเลือกที่จะเปิดตัวแบบนี้ครับ ส่วนอัลบั้มน่าจะออกปลายปีนี้แต่ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต สเปเชียลมาก ขอเก็บเป็นความลับไว้ก่อนนะครับ"
       
       พร้อมกันนั้นยังได้ฝากผลงานของตนเองและเพื่อนใหม่จากฮ่องกงให้แฟนๆคอยติดตามผลงานละครรวมถึงเพลงประกอบละครเรื่องนี้ไว้ด้วย "ผมขอฝากแฟนๆผู้จัดการไว้ด้วยนะครับ( ยิ้ม ) การกลับมาครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการเริ่มต้น เป็นการเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้งหนึ่ง อยากให้แฟนๆให้กำลังใจเหมือนเดิม เหมือนที่เคยให้มาตลอด 12 ปี คิดว่าจะทำโอกาสครั้งนี้ให้ดีที่สุด แล้วก็ติดตามชมละคร "ยอดกระบี่เงาปีศาจ" และเพลงประกอบละครเรื่องนี้ด้วยนะครับ"
       
       ก่อนจะทิ้งท้ายว่า ข่าวดีของตนเองกับเอ๊ะ ศศิกานต์แฟนสาวที่คบกันอยู่คงอีกนาน พร้อมฝากถึงลูกหม้อเก่าที่ปั้นมากับมืออย่าง 2 สาว โฟร์ - มด ที่เพิ่งมีผลงานอัลบั้มใหม่ออกมาจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูในขณะนี้ด้วยว่า ตนเองไม่ขอวิจารณ์ ก่อนจะบอก 2 สาวว่าทุกอย่างไม่ได้อยู่แค่รูปร่างหน้าตาแต่อยู่ที่ฝีมือ

       "คงไม่ขอวิพากษ์วิจารณ์ละกันนะครับ แต่ต้องบอกว่า ขอชื่นชมแล้วก็ดีใจที่โฟร์ - มด สามารถที่จะมีพัฒนาการเพิ่มขึ้นไปได้อีก แล้วผมว่า น้องเขาเองก็ดูมีความสุขกับการทำงานนะ เราเห็นเขามาตั้งแต่เด็กๆ ตั้งแต่เด็ก ที่แทบจะร้องเพลงไม่เป็นทั้งคู่เลย จนวันนี้ถ้าพูดถึงศิลปินวัยรุ่น ผมว่าเขาก็อยู่แถวหน้าแล้วล่ะ ยังมีเจอกับน้องบ้างตามงาน น้องเขาก็เข้ามาสวัสดี แล้วเราก็ให้กำลังใจเขา ตอนนี้ก็อยากจะฝากน้องๆว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดของการเป็นนักร้องที่ดี ไม่ใช่ขายเพียงแค่รูปร่างหน้าตา รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียว เพราะสุดท้ายแล้ว น้องๆก็ต้องฝึกร้องให้ได้ดี ฝึกเต้นให้ได้ดี ยังไงก็อย่าหยุดการฝึกฝนเพื่อที่เราจะได้ยืนอยู่ตรงนี้ได้อีกยาวๆ"

ManagerOnline