"มิสึชิม่า ฮิโร" (Mizushima Hiro) ไม่ท้อแม้โดนโจมตีหนัก หลังเปิดตัวเป็นนักเขียน

นักแสดงหนุ่ม "มิสึชิม่า ฮิโร" (Mizushima Hiro) ผู้โด่งดังเป็นที่รู้จักจากการรับบท ไอ้มดแดง "คาเมนไรเดอร์ คาบูโตะ" (Kamen Rider Kabuto) ในซีรีส์แนวยอดมนุษย์ที่สร้างติดต่อกันมาหลายภาค ได้เบนเข็มไปสู่วงการน้ำหมึกกับอาชีพนักเขียนนิยาย และได้รับรางวัลการันตีฝีมือมาแล้วอีกด้วย ในทางตรงกันข้ามเขายังต้องพบกับถ้อยคำวิพากษ์วิจารณ์อันรุนแรงด้วยเช่นเดียวกัน

รางวัลที่มาพร้อมเสียงวิจารณ์

กลายเป็นที่พูดถึงทั้งในวงการวรรณกรรม และวงการบันเทิง เมื่อ KAGEROU นิยายเรื่องแรกของ มิสึชิม่า ฮิโร พระเอกหนุ่มวัย 26 ปี ได้รับรางวัล Popular Publishing Grand Prize จากหนังสือกว่า 1,285 เล่มที่มีการส่งเข้าประกวด สำหรับผลงานประเภทนิยาย ซึ่งมีรางวัลเป็นเงินสูงถึง 20 ล้านเยนแล้ว โดยเขากลับปฏิเสธที่จะรับเงินก้อนดังกล่าว แต่มิสึชิม่าก็ได้กลายเป็นนักเขียนหน้าใหม่ที่ได้รับการจับตามองไปแล้ว และหนังสือเล่มดังกล่าวก็มียอดขายพุ่งกระฉูด มียอดจองถึง 430,000 เล่ม ตั้งแต่ยังไม่ได้มีการวางแผง

แต่ความสำเร็จครั้งนี้ กลับมาพร้อมกับคำวิจารณ์มากมาย ทั้งต่อตัวของนักเขียนหนุ่ม, สำนักพิมพ์ผู้มอบรางวัล และบานปลายไปถึงวงการวรรณกรรมของญี่ปุ่นกันเลยทีเดียว

มีคนให้ความเห็นว่า ความสำเร็จของ มิสึชิม่า คือความสำเร็จที่มาจากต้นทุนการเป็นนักแสดงชื่อดังของเขาต่างหาก ไม่ได้มาจากคุณภาพงานโดยรวม ซึ่งเพียงแค่หนังสือจำหน่ายไปได้วันเดียว ก็มีคำวิจารณ์จากผู้อ่านเข้าไปในเว็บไซต์ Amazon.co.jp ถึงกว่า 150 ข้อความและส่วนใหญ่ล้วนเป็นไปในแง่ลบ

โดยรวมแล้วงานเขียนของ มิสึชิม่า ได้คะแนนไปเพียง 2.5 ดาวจาก 5 ดาวเต็ม ซึ่งผู้โหวตลงคะแนน 400 คน มีถึง 200 คนที่ให้ดาวกับหนังสือ KAGEROU เพียง 1 ดาวเท่านั้น

ส่วนหนึ่งของความคิดเห็นจากผู้อ่าน ต่อผลงานเล่มแรกของ มิสึชิม่า ก็มีถ้อยคำที่รุนแรงไปเภทที่ว่า "KAGEROU เป็นหนังสือที่มีมาตรฐานระดับมัธยม และมีคุณค่าพอที่จะตีพิมพ์ในนิตยสารทั่ว ๆ ไปเท่านั้น" และ "ในโทรทัศน์มีการเปรียบเทียบยอดขายของหนังสือเล่มนี้กับงานของ มูราคามิ ฮารุกิ มันเป็นความอัปยศโดยสิ้นเชิง"

ขณะที่ฝ่ายสำนักพิมพ์ และผู้มอบรางวัลนักเขียนยอดเยี่ยมให้กับ มิสึชิม่า ก็ถูกโจมตีไปด้วย ว่าพยายามใช้ความโด่งดังของนักแสดงหนุ่มมากระตุ้นยอดขายหนังสือ แต่ในทางตรงกันข้ามมันกลับกลายเป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของรางวัล และวงการวรรณกรรมของญี่ปุ่นไปด้วย

ในทางตรงกันข้ามยังมีคนที่แสดงความเห็นใจนักแสดงหนุ่ม นักเขียนมือใหม่ และมองว่าเขาถูกกล่าวหาเกินความเป็นจริง เพราะหลาย ๆ คนโจมตีผลงานและตัวของเขาทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยซ้ำ

นักเขียนหนุ่มเปิดใจ

ซึ่งในโอกาสที่หนังสือเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในช่วงกลางเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ Yonmiuri News ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์กับเจ้าตัว เพื่อพูดคุยถึงเรื่องราวต่าง ๆ ตั้งแต่ชีวิตจากนักแสดง สู่เส้นทางนักเขียน และข่าวลือด้านลบต่าง อันเป็นสิ่งที่เจ้าตัวยอมรับว่า ทำให้เขามีความรู้สึกหลายอย่างระคนกันไป ทั้งความยินดีที่หนังสือได้วางจำหน่าย และรู้สึกสับสนที่มีข่าวลือต่าง ๆ ออกมาในเวลาเดียวกัน

อันที่จริงแล้ว มิสึชิม่า เขียนหนังสือเรื่อง KAGEROU โดยใช้นามปากกาว่า 'ซาโตชิ ไซโต้' (โดยเขามีชื่อจริงว่า ไซโต้ โทโมฮิโร) เพราะต้องการดูว่าตัวเองสามารถเดินทางไปในเส้นทางนักเขียนมืออาชีพได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช้ชื่อเสียงของการเป็นนักแสดง รวมถึงไม่ต้องการให้ผู้อ่านซื้อ และอ่านหนังสือเล่มนี้เพียงเพราะมีผู้เขียนที่ชื่อว่า มิสึชิม่า ฮิโร นักแสดงชื่อดังผู้สวมบทบาทเป็น คาเมนไรเดอร์ คาบูโตะ เท่านั้น แต่อ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะรู้สึกสนใจการผูกเรื่อง และตัวละครอย่างแท้จริง

แต่แผนการเป็นนักเขียนของ มิสึชิม่า กลับไม่ได้ราบรื่นอย่างที่เจ้าตัวต้องการ กับรางวัลที่หนังสือได้รับ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่มีผู้สงสัยว่าทั้งหมดเป็นแผนการที่วางเอาไว้แล้ว ระหว่างตัวนักเขียน, สำนักพิมพ์ และผู้มอบรางวัล โดยนักแสดงหนุ่มออกจากต้นสังกัดเพื่อมุ่งมั่นกับการเป็นนักเขียนในเดือน ก.ย. แต่เพียงเดือนเดียว นิยายของเขาก็ได้รับรางวัลที่ว่าแล้ว

ซึ่ง มิสึชิม่า อธิบายว่าขั้นตอนการเป็นนักเขียนของเขานั้น ได้เริ่มต้นนานแล้ว เป็นแผนการที่วางเอาไว้ก่อนจะได้รับงานในวงการบันเทิงด้วยซ้ำ "มันอาจจะดูเหมือนว่าทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างสวยหรูเกินไปสำหรับผม แต่ความจริงแล้วผมเริ่มต้นเขียนนิยายเรื่องนี้มา 2 ปีแล้วนะครับ และส่งประกวดในเดือน พ.ค. ผมควรจะยินดีกับรางวัล แต่ตอนนี้ผมแทบจะกินอะไรไม่ลงแล้ว"

งานเขียนจากชีวิตจริง

KAGEROU เป็นงานที่เขียนขึ้นมาจากประสบการณ์ส่วนตัว ที่เล่าเรื่องในวัยเด็กของตัวเอง “มันเป็นประสบการณ์ที่เจ็บปวด กับการใช้ชีวิตในต่างแดน ผมเองนั้นคิดถึงเรื่องเกี่ยวกับการมีชีวิตอยู่ ตั้งแต่ยังเด็ก ๆ แล้วครับ” มิสึชิม่า กล่าวว่า 'ชีวิต' คือแนวคิดของนิยายเรื่อง KAGEROU "เมื่อ 3 ปีก่อน ผมได้ทราบว่ามีคนมากกว่า 30,000 ฆ่าตัวตายในแต่ละปี ผมไม่สามารถสลัดเรื่องนี้ออกจากหัวได้เลย เพราะครั้งหนึ่งผมก็เคยมีความคิดแบบนี้เหมือนกัน"

มิสึชิม่าพูดได้สองภาษา เป็นเพราะเขาต้องเดินทางไปอาศัยที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตั้งแต่ยังเด็ก จากเรื่องงานของพ่อ ซึ่งชีวิตและความโดดเดี่ยวระหว่างอยู่ที่ต่างแดน กลายเป็นต้นทุนสำหรับงานเขียนในวันนี้ "ผมเป็นเด็กที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง เกลียดชังใบหน้าเกลียดชังเสียงของตัวเอง ถึงตอนนี้ผมก็ยังไม่สบายใจนัก เมื่อมองเห็นตัวเองในกระจกครับ"

ขณะที่เมื่อเดินทางกลับมายังญี่ปุ่น มิสึชิม่า ยอมรับว่าเขาปรับตัวได้ค่อนข้างยาก เพราะเรื่องกำแพงภาษา ทำให้ไม่สามารถสื่อสารและพูดถึงความรู้สึกต่าง ๆ ของตัวเองให้ผู้อื่นเข้าใจได้ เขาเริ่มใช้เวลากับการอ่านหนังสือภาษาญี่ปุ่น แม้จะอ่านไปได้อย่างเชื่องช้า เพราะต้องพึ่งพิงพจนานุกรมในแทบทุกหน้าก็ตาม แต่การอ่านหนังสือทำให้ มิสึชิม่า เริ่มสนใจในภาษาและหนังสือ จนเขาเริ่มต้นงานเขียนตั้งแต่เข้าสู่ชั้นมัธยม

ซึ่งแม้จะต้องตกเป็นเป้าหมายแห่งการวิจารณ์ มิสึชิม่า กล่าวว่าเขาได้เตรียมตัวกับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว "ผมเตรียมตัวรับปัญหาต่าง ๆ สำหรับหนังสือเล่มนี้ไว้แล้วครับ ไม่ว่าอย่างไรผมก็พอใจเสมอ ถ้าสามารถทำให้คนอ่านได้ตระหนักถึงคำว่า 'ชีวิต' ได้"

Manager Online