เส้นทางที่ขรุขระของหนังเกาหลีโกอินเตอร์

ความล้มเหลวของหนังเกาหลีอินเตอร์ ที่เป็นงานร่วมทุนสร้างกับต่างชาติอย่าง The Warrior's Way, Ghost : In Your Arms Again และ Fetish กลายเป็นคำถามว่านี่คือหนทางที่ถูกต้องของวงการภาพยนตร์เกาหลีใต้จริงหรือ?

ในขณะที่เพลงเกาหลีใต้ และศิลปินไอดอลกำลังเป็นสินค้าออกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และมีมูลค่ามหาศาล แต่วงการหนังแดนกิมจิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดต่างประเทศซึ่งเคยรุ่งเรืองเมื่อหลายปีก่อน ต้องเรียกว่าซบเซาไปมากในตอนนี้

ทางเลือกของคนทำหนังในเกาหลีใต้ ณ ขณะนี้ก็คือ เลือกทำหนังที่ถูกรสนิยมในประเทศให้มากขึ้น หรือไม่ก็เลือกสร้างหนังร่วมทุนกับต่างชาติ ทั้งฮอลลีวูด หรือญี่ปุ่น อาศัยนักแสดง และทีมงานจากต่างชาติ เพื่อสร้างความแปลกใหม่สำหรับชาวเกาหลีใต้ และเพิ่มจุดขายในการฉายที่ต่างประเทศ

หนังร่วมทุนเหล่านี้มีลักษณะคล้าย ๆ กัน คือ นำแสดงโดยนักแสดงเกรด A ของเกาหลีใต้ และใช้ทุนสร้างมหาศาล การสร้างงานลักษณะนี้เกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว แต่ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา มีหนังเกาหลีใต้ ที่เกิดจากการร่วมทุนกับต่างชาติ เข้าฉายติด ๆ กันอยู่หลายเรื่อง ได้แก่ The Warrior's Way หนังแอ็กชั่นย้อนยุคที่มี จางดอนกอน (Jang Dong Gun) รับบทนำ, Ghost : In Your Arms Again หนังรักที่หยิบงานสุดคลาสสิคจากฮอลลีวูดมาสร้างใหม่โดยนักแสดงชาวเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น และ Fetish หนังโกอินเตอร์ของนางเอกสาวสวย ซองเฮเคียว (Song Hye Kyo)

อย่างไรก็ตามสุดท้ายหนังเหล่านี้กลับไม่สามารถประสบความสำเร็จ กวาดเงินได้เป็นกอบเป็นกำเลย ไม่ว่าจะในตลาดต่างประเทศ หรือในเกาหลีใต้เอง

จากข้อมูลของสภาภาพยนตร์แห่งเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ หนังร่วมทุน ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้ Ghost : In Your Arms Again ที่รีเมกงานคลาสสิคของผู้กำกับ เจอร์รี่ ซักเกอร์ แห่งฮอลลีวูดเมื่อปี 1990 เข้าฉายในวันที่ 25 เดือน พ.ย. 2010 และมียอดผู้ชมเพียง 6,763 คนเท่านั้น จนหนังถูกถอดออกจากการฉายในโรงหลาย ๆ แห่งไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ในการฉายที่ญี่ปุ่นก็ไม่เป็นที่ฮือฮานัก เรียกว่างานนี้ซุปเปอร์สตาร์จากสองชาติอย่าง นานาโกะ มัตสึชิม่า (Nanako Matsushima) และซงซึงฮยอน (Song Seung Heon) ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้เลย แม้ทั้งสองจะมีแฟนคลับในประเทศของตัวเองอยู่เป็นจำนวนมากก็ตาม

ที่ล้มเหลวยิ่งกว่ากลายเป็น Fetish ของนักแสดงสาวคนดัง ซองเฮเคียว โดยผู้กำกับเชื้อสายเกาหลีใต้ ที่เดินทางเข้าไปถ่ายทำกันใน นิวเจอร์ซี่ สหรัฐอเมริกา ด้วยนักแสดงชาวอเมริกัน และเข้าฉายไปแบบเงียบ ๆ ที่สหรัฐฯ เมื่อปี 2008 ก่อนจะได้ฉายในเกาหลีใต้เมื่อเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา และมียอดคนดูเพียง 802 คนเท่านั้น ในการเข้าฉายตลอด 2 สัปดาห์ที่เกาหลีใต้

ฝ่ายหนังที่ฟอร์มยักษ์ขึ้นมาอีกอย่าง The Warrior's Way ที่ใช้ทุนสร้างมหาศาล และเปิดตัวในเกาหลีใต้ด้วย 300 โรงฉาย ทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับที่ 5 ของบ็อกซ์ออฟฟิศเท่านั้น ถึงปัจจุบันทำรายได้ในบ้านเกิดไปเพียง 2.9 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ในการฉายทั่วโลกหนังทุนสร้าง 52 ล้านเหรียญฯ เรื่องนี้เพิ่งเก็บไปได้เพียง 9.8 ล้านเหรียญฯ โดยในสหรัฐฯ The Warrior's Way เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยการปูพรมฉายถึง 1,622 โรง แต่เมื่อหนังฉายไปได้ 3 สัปดาห์หนังถูกลดโรงเหลือเพียงแค่ 34 แห่งเท่านั้น

โปรเจ็คร่วมทุนของเกาหลีใต้ และประเทศอื่น ๆ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา อาทิ Sophie's Revenge (2009, เกาหลีใต้กับจีน), Season of Good Rain (2009, เกาหลีใต้ กับจีน) และ Sayonara Itsuka (2009, เกาหลีใต้ กับญี่ปุ่น) ก็ไม่มีเรื่องใดทำรายได้อย่างเป็นกอบเป็นกำในเกาหลีใต้เลย

คนในวงการภาพยนตร์มองว่า ปัญหาของงานเหล่านี้ก็คือ การหาจุดสมดุลระหว่างเอกลักษณ์ของความเป็นเกาหลี และความเป็นสากล ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้อย่างง่าย ๆ แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่จะยอมแพ้

จองดองฮยุน นักวิจารณ์ผู้ติดตามวงการภาพยนตร์เกาหลีใต้มองถึงเรื่องนี้ว่า หนังเหล่านี้ขาดเอกลักษณ์ต่าง ๆ ของความเป็นเกาหลี เพราะพยายามเอาใจผู้ชมชาวต่างชาติมากเกินไป "หนังเหล่านี้พยายามดึงดูดความสนใจจากต่างชาติ จนแทบไม่เหลือเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้เลย" เขากล่าว

ขณะที่ ฌอน ชิน ผู้อำนวยการสร้างชาวนิวซีแลนด์ เชื้อสายเกาหลีใต้ ซึ่งขณะนี้ทำงานอยู่ในประเทศญี่ปุ่นก็มองไปในทิศทางเดียวกัน ชิน ผู้เคยสร้างหนังร่วมทุนระหว่าง ญี่ปุ่น-เกาหลี มาแล้วหลายเรื่อง อาทิ Higanjima (2009) และ Boat (2009) มองว่าการจะทำหนังเพื่อตอบสนองต่อทั้งชาวเกาหลีใต้ และชาวต่างชาติไปพร้อม ๆ กันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย "มันยากมากที่จะผสานวัฒนธรรม และระบบความคิดที่แตกต่างให้เป็นหนึ่งเดียวได้ เมื่อคุณพยายามร่วมทีมผลิตสองทีมจากสองประเทศเข้าด้วยกัน"

อย่างไรก็ตาม ฌอน ชิน ยืนกรานกับ JoongAng Ilbo ว่าการทำงานลักษณะดังกล่าวยังเป็นเรื่องที่จำเป็น โดยเฉพาะสำหรับอนาคตของวงการเกาหลีใต้ ที่ไม่สามารถจำกัดตัวเองอยู่แค่ในประเทศได้ "ถึงแม้ผลจะออกมาน่าผิดหวัง แต่เราก็ต้องพยายามกันต่อไป เพราะตลาดในเกาหลีใต้มันเล็กเกินไปแล้ว"

Manager Online