โชเฟอร์แท็กซี่พยานปากเอกเห็นใจ "แดซอง" (DaeSung) มองเป็นเหยื่ออีกคนในอุบัติเหตุ

คนขับแท็กซี่ที่เป็นพยานคนสำคัญ ในอุบัติเหตุซึ่งไอดอลหนุ่ม "แดซอง" แห่ง Big Bang เกี่ยวข้องอยู่ด้วย ได้ออกมากล่าวถึงมุมมองแง่ต่างๆ เกี่ยวต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขายังแสดงความเห็นใจไปถึงตัวของศิลปินหนุ่มแห่งวง Big Bang ว่าเป็นเหยื่ออีกคนของเรื่องราวครั้งนี้
       
       "ผมอยากจะแก้ไขทุกอย่างที่อยู่ในรายงานข่าวที่ผิดพลาดทั้งหมดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น" หนุ่มใหญ่วัย 45 ปี "คิม" คนขับแท็กซี่พยานของอุบัติเหตุที่มีหนุ่ม แดซอง แห่ง Big Bang เกี่ยวข้องอยู่ด้วยได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับ Nate.com เพื่อแจกแจงถึงรายละเอียดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
       
       สภาพผู้เสียชีวิต-แดซอง คือเหยื่อคนหนึ่งของเรื่องทั้งหมด
       
       "แดซอง ก็ถือว่าเป็นเหยื่อคนหนึ่งของคดีครั้งนี้ ดูเหมือนว่าคนขับรถมอเตอร์ไซค์บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว จากอุบัติเหตุซึ่งเกิดขึ้นก่อนหน้านั้น เขาถูกพบห่างจากรถมอเตอร์ไซค์ไปราวๆ 30 เมตร คุณสามารถมองเห็นอาการบาดเจ็บที่สาหัสมากของเขาได้จากตาเปล่าเลย มีเลือดเปรอะบริเวณที่เขาเสียชีวิตเต็มไปหมด ศีรษะของเขาก็ดูเหมือนจะมีเลือดออกมาเรื่อยๆ อาจจะเพราะแรงของการถูกกระแทก หมวกกันน็อคของเขาจึงกระเด็นจนไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ ซึ่งต่อมาเมื่อตำรวจหาหมวกกันน็อคเจอ ก็พบว่ามันก็เสียหายมากด้วย"
       
       อุบัติเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
       
       "สาเหตุซึ่ง แดซอง ไม่สามารถเลี่ยงหลบร่างของ ฮยอน (ผู้เสียชีวิต) ได้ ก็เพราะว่ามีรถอีกคันอยู่ด้านหน้าของแดซอง พูดง่ายๆ ผมเปิดไฟสัญญาณฉุกเฉินแล้ว หลังจากพบผู้ได้รับบาดเจ็บคนนี้ และหยุดรถไว้บนถนน แต่ก่อนที่ผมจะได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็มีรถอีกคันขับมาใกล้ๆตัวของ ฮยอน รถคันนั้นสามารถหักหลบไปอีกเลนได้ทัน แต่รถคันที่ขับตามมาก็คือของ แดซอง นั่นเอง ผมคิดว่า แดซองคงไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่เมื่อรถคันหน้าหักหลบอะไรบางอย่าง รถคันหลังก็จะไม่เห็นว่าเกิดขึ้นอะไรกันแน่ แดซอง ต้องเจอกับสถานการณ์อย่างนั้นนั่นแหละ"
       
       "แดซอง ไม่ได้รู้เรื่องคนขับรถมอเตอร์ไซค์เลย มารู้เอาตอนที่ผมบอกเท่านั้นเองว่ามีคนอยู่บนถนน เพราะรถคันหน้าหักหลบ ทำให้เขาไม่ทันได้เห็นว่ามีอะไรอยู่ข้างหน้าเลย"
       
       ประเด็นขับรถเร็วเกินกำหนด / พลาดเหยียบคันเร่งแทนเบรค ?
       
       "ผมคิดว่าเขาขับรถด้วยความเร็วในระดับ 60 กม./ชม. เพราะรถคันข้างหน้าของเขาก็ไม่ได้ขับเร็วเกินกำหนด พูดกันว่าเขายอมรับว่าขับรถด้วยความเร็ว 80 กม./ชม. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจระหว่างสอบสวน แต่ผมคิดว่านั่นเป็นความเร็วขณะที่เขาพุ่งเข้าชนกับรถแท็กซีมากกว่า ... ในความคิดของผมนะครับ เขาคงจะไปเหยียบคันเร่ง แทนที่จะเป็นเบรค เพราะมันควรจะมีรอยเบรคอยู่บนพื้นถนน แต่ก็ไม่มี หลังจากเกิดการชนแล้ว แท็กซี ก็ไถลไปไกลถึง 30 เมตร จากบริเวณที่รถจอดอยู่ ถ้ารถถูกชนไปไกลขนาดนั้น ก็แสดงว่าเขาไม่ได้เหยียบเบรค แม้แต่ตอนที่เกิดการชนขึ้น ผมก็คิดว่าเขาไม่ได้เหยียบเบรค อาจจะเพราะเขาตกใจ ทำอะไรไม่ถูก เลยไปเหยียบคันเร่งเข้า"
       
       ปฏิกิริยาของ แดซอง หลังเกิดเรื่องขึ้น
       
       "แดซอง ไม่มีโอกาสทำอะไรเลย แค่เพียงสองนาทีหลังเกิดอุบัติเหตุขึ้น ตำรวจก็มาถึงที่เกิดเหตุแล้ว เขาจึงถูกนำตัวไปสอบสวนทันที ผมคิดว่าเขาไม่ทราบว่ามีคนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ ตอนที่เกิดเรื่องขึ้น เขาคงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง รู้แต่ว่าเกิดการชนกับรถแท็กซี่ขึ้น หลังจากนั้นเมื่อตัวแทนของเอเยนซี่ของเขามาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็ไม่รู้เรื่องคนขับรถมอเตอร์ไซค์เหมือนกัน"
       
       "มีเรื่องราวเกิดขึ้นมากเหลือเกิน เกิดอุบัติเหตุ ต่อมาถึงได้พบผู้เสียชีวิต อีกซัก 10 นาที กองทัพนักข่าวก็มาถึง เขาเป็นคนดังที่อายุไม่มากนัก ผมคิดว่าเขาช็อคนะ ตอนที่ถูกสอบสวนเขาก็ดูเหมือนว่าจะมือสั่นอยู่ตอลดเวลา"
       
       ความเสียหายของรถแท็กซี่ และเรื่องการชดใช้ค่าเสียหาย
       
       "เมื่อเปรียบเทียบจากความเสียหายของรถ ผมเองก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากมาย คิดว่าเป็นเพราะผมรู้สึกว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เลยเตรียมตัวรับเอาไว้บ้าง โรงพยาบาลบอกว่าผมไม่ได้มีอะไรสึกหรอแตกหัก แต่ตอนนี้กำลังทำกายภาพบำบัดบริเวณหัวไหล่, หลัง และคอ ... กับฝ่ายของ แดซอง ขณะนี้ยังไม่ได้มีการตกลงเจรจาอะไรกันทั้งสิ้น ผมยังไม่ได้รับการติดต่อจากพวกเขา พวกเราไม่ได้แลกเปลี่ยนนามบัตรกันในเวลานั้น ผมยังไม่อยากจะพูดคุยอะไรตอนนี้ เพราะรู้สึกว่าการรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆเป็นเรื่องสำคัญที่สุด"
       
       ความรู้สึกในฐานะพยานเพียงคนเดียวของอุบัติเหตุ
       
       "มันเป็นเรื่องน่าผิดหวังอยู่เหมือนกัน ที่ด้วยความขาดประสบการณ์ในการขับรถ ทำให้เขาไม่ทันสังเกตเห็นคนขับรถมอเตอร์ไซค์ จนขับรถทับไป แต่สถานการณ์ยุ่งยากกว่าเดิม เพราะมันเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นด้วย จึงยังไม่ชัดเจนเลยว่าใครเป็นคนทำให้เกิดขึ้นกันแน่ เป็นเหตุผลที่ผมต้องรวบรวมความกล้าเพื่ออกมาพูดอะไรบางอย่างบ้าง"

Manager Online