ฉากเลิฟซีน "เฉินหลง" (Jackie Chan), "หลีปิงปิง" (Li Bing Bing) ใน 1911 โดนหั่นทิ้ง

1911 ภาพยนตร์เรื่องใหม่ของ "เฉินหลง" (Jackie Chan) ได้เปิดฉายรอบปฐมทัศน์ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากพระเอกนักบู๊คนดังแห่งฮ่องกงแล้ว ดาราคนอื่นยังเดินทางมาร่วมงานอย่างคับคั่ง แต่ประเด็นที่หลายคนสนใจก็คือฉากเลิฟซีนร้อนแรงในหนังระหว่าง "เฉินหลง" กับ "หลีปิงปิง" (Li Bing Bing) ซึ่งล่าสุดมีการเปิดเผยว่า ฉากที่ว่าได้ถูกตัดออกจากหนังฉบับสมบูรณ์ไปเรียบร้อยแล้ว

ในหนังเรื่องนี้ เฉินหลง จะรับบทเป็น หวงซิน นายทหารผู้นำแห่งคณะปฏิวัติ ที่ต่อมายังมีบทบาทในการก่อตั้งพรรคก๊กมินตั๋ง ส่วน หลีปิงปิง สวมบทบาทเป็นหญิงคนรักของเขาที่ชื่อว่า สวีจงฮั่น ซึ่งถูกเรียกว่าเป็นวีรสตรีแห่งเซียงซาน ผู้มีบทบาทช่วยเหลือในสงครามปฏิวัติมากมาย

ซึ่งจากเนื้อหาที่อ้างอิงจากเหตุการณ์จริง และฉากสงครามยิ่งใหญ่ตระการตาแล้ว ฉากเลิฟซีนของตัวละครสามีภรรยานักปฏิวัติ ที่รับบทโดยสองนักแสดงชื่อดัง ก็ได้รับความสนใจจากทุกฝ่ายด้วย

โดยนางเอกของเรื่องอย่าง หลีปิงปิง เล่าว่าเธอต้องอาศัยไวน์แดง เพื่อเพิ่มความกล้าในการแสดงฉากเซ็กซี่ และต้องเผยเนื้อตัวในฉากนี้กันเลยทีเดียว

นางเอกสาวคนดังยังกล่าวถึงการร่วมงานกับ เฉินหลง ซึ่งปกติจะถนัดกับฉากประเภทพะบู๊มากกว่าว่า "ตอนถ่ายซีนนี้กัน เขาจะค่อนข้างอาย, ประหม่า และเครียดเหมือนกันนะคะ แต่เราต้องลืมตัวตนและแสดงออกไปให้ได้ค่ะ" ซึ่งเธอเผยว่าสุดท้ายแล้ว เฉินหลง ก็ให้การแสดงที่ดีมากในฉากนี้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าผู้ชมจะไม่ได้พิสูจน์ถึงความร้อนแรงของฉากเลิฟซีนนี้แล้ว เพราะสุดท้ายผู้กำกับเลือกที่จะตัดฉากดังกล่าวออกจากหนังฉบับสมบูรณ์ไปในที่สุด

นอกจากคู่พระนางที่อายุห่างกันประมาณ 22 ปีแล้ว งานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ยังมีดาราคนอื่นมาปรากฏตัวอย่างพร้อมเพรียงกัน ทั้งนักแสดงหญิงยอดฝีมือ "โจน เช็ง", "วินสตัน เชา" ผู้สวมบทบาทเป็น "ดร. ซุนยัดเซ็น" รวมถึง "เจซี ชาน" (Jaycee Chan) ลูกชายของเฉินหลง ก็ร่วมแสดงอยู่ในหนังเรื่องนี้ด้วย

ซึ่งนับว่า 1911 ถือเป็นโอกาสที่พ่อกับลูกจะได้ร่วมงานกันอีกครั้ง เพราะก่อนหน้านี้ เฉินหลง เคยเปรยว่าเขาค่อนข้างจะกังวลกับการถูกวิจารณ์และต้องตกเป็นขี้ปากชาวบ้านอยู่ไม่น้อย หากแสดงออกสนับสนุนลูกตัวเองมากเกินไป ที่ผ่านมาจึงไม่ค่อยได้ร่วมงานกับลูกชายนัก นอกจากไปเล่นบทรับเชิญในหนังที่ลูกแสดงครั้งสองครั้งเท่านั้น

อยากไรก็ตาม หลังเห็นตัวอย่างจากนักแสดงฮอลลีวูดอย่าง วิล สมิธ (Will Smith) ที่ลงทุนสร้างหนังให้ลูกชายแสดง จนประสบความสำเร็จมากมาย เขาก็เริ่มเปลี่ยนความคิด

"ตอนแสดง The Karate Kid ผมเห็น วิล สมิธ ผลักดันลูกชายแบบไม่ต้องมีข้อจำกัดอะไรเลย ผู้กำกับชาวฝรั่งเศสคนหนึ่งก็ทำแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยพูดกับตัวเองว่าเราหัวโบราณเกินไปรึเปล่า ที่ผ่านมาเลยไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนั้น?" พระเอกนักบู๊กล่าวถึงเบื้องหลัง การเลือกให้ลูกชายมาเล่นหนังของตัวเองครั้งนี้

Manager Online