ในวันที่หนังเป็นเพียงงานอดิเรก "หลี่เหลียงเจี๋ย" (Jet Li) เผยซึนามิจุดเปลี่ยนของชีวิต

“หลี่เหลียนเจี๋ย” ออกมาเผยถึงสาเหตุที่เขารับงานแสดงน้อยลงในช่วงหลังๆ ว่า ในตอนนี้หนังคืองานอดิเรกเท่านั้น เพราะเขาได้ทุ่มเทกำลังกายและกำลังทรัพย์ ให้กับงานการกุศล หลังจากค้นพบสัจธรรมบางอย่างจากเหตุการณ์ซึนามิเมื่อหลายปีก่อน

ระหว่างการพบปะสื่อมวลชนครั้งล่าสุด “หลี่เหลียนเจี๋ย” นักแสดงชื่อดังที่ชาวตะวันตกรู้จักกันในชื่อว่า เจ็ท ลี (Jet Li) ปฏิเสธที่จะโพสต์ท่าตั้งการ์ดแบบเดิมๆ ให้นักข่าวถ่ายรูปอย่างที่เคยเป็นมา พร้อมกับอธิบายว่า ในโอกาสเช่นนี้ เขาไม่อยากจะทำอะไรที่เป็นการส่งเสริมความรุนแรงขึ้นมา

ในการรับมอบรางวัลจากการช่วยเหลืองานสังคมอย่างต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา หลี่เหลียนเจี๋ย นักแสดงวัย 46 กล่าวว่า พักหลังเขาหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องศาสนา และงานการกุศล และเรียกสิ่งพวกนี้ว่าเป็นงานหลัก และยังย้ำว่าสำหรับเขาในตอนนี้หนังเป็นแค่งานอดิเรกเท่านั้น

หลี่เหลียนเจี๋ยกล่าวว่า จุดเปลี่ยนในชีวิตของเขาเกิดขึ้นในปี 2004 ระหว่างการพักร้อนของครอบครัวที่หมู่เกาะมัลดีฟ ซึ่งต่อมา ได้พบกับเหตุการณ์สำคัญที่หลายๆ คนยังจำได้ เมื่อคลื่นยักษ์ซึนามิจากมหาสมุทธอินเดีย โหมเข้าถล่มชายฝั่งของหลายประเทศประเทศ อาทิ ไทย, อินโดนีเซีย, อินเดีย, ปากีสถาน และมัลดีฟที่เขาพำนักอยู่ในเวลานั้นด้วย

"มันแตกต่างจากในหนังโดยสิ้นเชิงครับ น้ำมาเร็วมาก ผมอุ้มลูกสาววัย 4 ปี ส่วนพี่เลี้ยงอุ้มลูกอีกคน เราวิ่งจากชายหาดไปที่โรงแรม น้ำขึ้นมาถึงที่เอวของผม อีกไม่กี่วินาทีก็ขึ้นมาถึงระดับหน้าอก" หลี่เหลียนเจี๋ย เล่าถึงประสบการณ์ที่เขาไม่มีวันลืม

พระเอกชาวจีนพูดถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า ทำให้เขารู้สึกว่า ความสามารถ หรือความสำเร็จใดๆ ที่เคยได้รับมา ไม่สามารถเทียบเคียงได้เลยกับพลังของธรรมชาติ ... "ทั้งเงิน, อำนาจ หรืออะไรก็ตามในโลกนี้ ไม่สามารถช่วยคุณจากคลื่นครั้งนั้นได้เลย" หลี่เหลียนเจี๋ยกล่าวว่า หลังจากนั้นเขาใช้เวลาส่วนใหญ่ ไปในการศึกษาพระธรรม เดินทางไปทั่วโลก หาความหมายของชีวิต

หลังจากปรึกษากับภรรยา นีน่า ลี อดีตมิสฮ่องกง เขาบริจาคเงิน 500,000 เหรียญฮ่องกงให้กับผู้ประสบภัยซึนามิ ส่วนอีก 500,000 เหรียญฯ ใช้เป็นทุนสำหรับก่อตั้งมูลนิธิ ที่ให้ความช่วยเหลือทั้งในเรื่องภัยธรรมชาติ, การศึกษา, สุขภาพ และปัญหาสิ่งแวดล้อม

The One Foundation ก่อตั้งในปี 2007 โดยมีแนวคิดให้ผู้ร่วมบริจาคช่วยกันเสียสละเงินคนละ 1 หยวนต่อเดือน (หรือ 1 เหรียญสหรัฐฯ สำหรับผู้อยู่ต่างประเทศ) จากหลักพันหลักหมื่นคนเป็นหลักล้าน

ดารากังฟูชื่อดังให้เหตุผลว่า เขาไม่ต้องการเงินก้อนโตจากเศรษฐีคนใดคนหนึ่ง แต่ต้องการระดมความช่วยเหลือจากทุกฝ่ายมากกว่า "ผมอยากเผยแพร่แนวคิดที่ว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นมหาเศรษฐี, คนดัง, หรือผู้นำของประเทศ ตัวของคุณเองก็สามารถแบ่งบัน และรับผิดชอบชีวิต ช่วยเหลือคนอื่นได้ เรามีศักยภาพตรงนี้ ในการระดมความช่วยเหลือจากทุกคน"

ตอนนี้ The One Foundation มีสมาชิกที่ลงทะเบียนถึงหลักล้าน ที่ช่วยทั้งเงินทุน และกำลังกาย อาสาสมัครของมูลนิธิยังรวมไปถึงผู้มีชื่อเสียง เช่น เหยาหมิง, หลิวเต๋อหัว, หลี่ปิงปิง เป็นต้น

นักแสดงวัย 46 ปีเกิดที่ปักกิ่ง เป็นนักกีฬาวูซูชั้นแนวหน้าของประเทศตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เขาได้เดินทางไปในที่ต่างๆ มากมาย เมื่ออายุได้ 11 ปี หลี่เหลียนเจี๋ยได้เห็นโลกภายนอกสังคมคอมมิวนิสท์ของจีนเป็นครั้งแรก เขาบอกว่ายังจดจำความรู้สึกตอนนั้นได้เป็นอย่างดี ... "ผมจำได้ว่าที่เมืองจีนเรามีไอศครีมเพียงรสเดียว แต่ที่อเมริกามีไอศครีมมากกว่า 60 รส"

หลี่เหลียนเจี๋ยกล่าวว่าโลกภายนอกแตกต่างจากที่เขาเคยเรียนรู้มา นับจากปี 1998 ดารากังฟูชาวจีนแผ่นดินใหญ่เดินทางไปถ่ายทำหนังเกือบทุกทวีป แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าความทะเยอทะยานของเขาได้จบสิ้นลงไปแล้ว "ชีวิตของผมจบไปตั้งแต่ตอนอายุ 40 ปีแล้วครับ ที่เหลือจากนี้ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ หรือต้องการจากโลกอีกแล้ว ผมไม่ต้องการเงินมากกว่านี้ ไม่ต้องการชื่อเสียง ชีวิตที่เหลือผมอยากอยู่เพื่อคนอื่นบ้าง"

เรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงนี้ เป็นสิ่งที่พระเอกชื่อดังกล่าวว่าสำหรับเขา เป็นความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีกว่าเดิมอย่างแน่นอน

Manager Online