จู จิน โม อยากเป็นนักแสดง ที่ผู้ชมยอมรับ

ถ้าใครเป็นแฟนซีรีส์เกาหลีทางทีวี คาดว่าคงไม่พลาดซีรีส์เรื่อง 'Queen of the Game' หรือ 'เกมแค้นเดิมพันรัก' เป็นแน่ แล้วจากบทบาทของพระเอกหนุ่ม จูจินโม (Joo Jin Mo) ก็ถูกกล่าวถึงอีกครั้ง พระเอกหนุ่มตาคมคนนี้ ถูกจัดให้เป็นนักแสดงรุ่นใหม่หลังยุค 70 โดยเป็นเพื่อนรักกับพระเอกหนุ่ม อัน แจ วุค มีผลงานที่เริ่มเป็นที่รู้จักในเอเชียคือเรื่อง 'Musa : The Warrior' ที่แสดงร่วมกับกับ จางจื่ออี๋ เป้าหมายสูงสุดของจูจินโมคือ การเป็นนักแสดงที่ได้รับการยอมรับ

ถ้ากล่าวถึงซีรีส์เรื่อง Queen of the Game เป็นครั้งแรก ที่เขาร่วมงานกับนางเอกสาว ลี โบ ยอง เขาเปิดเผยให้ฟังถึงวันแรกที่เจอเธอว่า 'เพราะต้องไปถ่ายทำกันที่นิวซีแลนด์ วันที่ออกเดินทางนั้น เป็นวันแรกที่ผมได้เจอหน้ากับ ลี โบ ยอง แต่เพราะก่อนหน้าวันนั้น ผมทำงานทั้งคืน ไม่ได้นอนเลยเหนื่อยมาก ก็คิดว่า จะเอาเวลาไปนอนบนเครื่องบิน แต่พอคนที่มานั่งข้างๆ ผมคือลี โบ ยอง จะให้ทักทายเสร็จแล้วก็นอนเลยมันจะดูไม่มีมารยาท ผมจึงต้องคุยกับเธอ แต่ตอนนั้นผมก็ง่วงมาก รู้สึกว่ามันไม่มีอะไรที่ทรมานไปกว่าการง่วงนอนแล้วไม่ได้นอนเลย จำได้ว่า ความรู้สึกตอนนั้น เหมือนถูกตำรวจไล่สอบปากคำทีเดียว' และหลังจากนั้น เมื่อทั้งคู่สนิทกันจู จิน โม ก็บอกว่า 'ลี โบ ยอง เองก็พูดถึงวันนั้นเหมือนกันว่า จริงๆ แล้ววันนั้น เธอก็ง่วงมากเช่นกัน แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากเหมือนกัน' ผลเลยทรมาน เพราะความง่วงทั้งคู่

ที่ผ่านมา นักแสดงส่วนมาก จะรับแสดงปีละหลายๆเรื่อง บางคนถึงกับรับแสดงในช่วงเวลาเดียวกันหลายๆเรื่องเลยก็มี แต่สำหรับ จู จินโม แล้ว เขาว่ามันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ 'ในเกาหลี คนที่ได้ชื่อว่านักแสดงอย่าง แจ ดอง กัน, คิม ฮี ซอน, ผม และอีกหลายคน ปีหนึ่งจะมีผลงานเพียงแค่หนึ่งเรื่องเท่านั้น ที่ทำอย่างนี้ ก็เพื่อเป็นการควบคุมคุณภาพไม่ใช้เน้นเฉพาะปริมาณ' นอกจากนี้ จู จิน โม ยังเผยอีกว่า คำว่านักแสดงกับดาราในเกาหลีมีขีดจำกัดความเด่นชัด นักแสดงนอกจากแสดงหนังกับเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าบางอย่าง นอกจากช่วงเวลาโปรโมตแล้ว ก็จะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ และที่เห็นดาราต้องไปออกรายการทีวีต่างๆ ทำตัวเป็นข่าว ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มเรตติ้งให้กับตัวเองนั่นเอง

นอกจากนี้ จู จิน โม ยอมรับว่า ตัวเขาเองมีเป้าหมายของตัวเองอย่างแน่ชัด คือเป็นนักแสดงที่ผู้ชมให้การยอมรับ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผลงานชิ้นใด เขาจะทุ่มเททำให้ดีที่สุด 'วัฒนธรรมของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน การที่จะทำยังไงให้ความรู้สึกของตัวละครที่แสดง เข้าถึงใจผู้ชมทุกคนได้ เป็นสิ่งที่ผมให้ความสำคัญ' ส่วนคำกล่าวที่ว่า เขาเป็นหนึ่งในดาราที่อยู่ในกระแสเกาหลีฟีเวอร์นั้น เขาตอบอย่างจริงใจว่า 'ก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมาก ผมเคยได้รับเชิญจากผู้กำกับฯ ชื่อดังของจีนให้ไปทำงานด้วย แต่ผมก็เหมือนนักแสดงเกาหลีหลายๆ คน ที่ไม่อยากให้กระแสเกาหลีฟีเวอร์นั้น เหมือนวงการภาพยนตร์ฮ่องกง ที่ดังเพียงช่วงเดียว แล้วก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลง' ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะรับงานชิ้นไหน นอกจากจะต้องคัดสรรแล้ว เขาก็จะตั้งใจเต็มที่ เพื่องานที่ออกมาจะได้มีคุณภาพตลอดไป... แหมใครเป็นนักแสดงรุ่นน้องฟังแล้วน่าเอาอย่างนะ

สยามดารา