ฝางจู่หมิง ลูกชายเฉินหลง ล่อนจ้อน ใน 'The Sun Also Rises''

'The Sun Also Rises' หนังเรื่องใหม่ผลงานการสร้างของบริษัท หวางอิง เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่วางแผนเตรียมฉายทั่วโลก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้ เจียงเหวิน รับหน้าที่ทั้งเขียนบท กำกับและแสดงเอง ซึ่งใช้ต้นทุนสร้าง 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

มีการยกกองไปถ่ายทำในเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง ยูนนาน เจียงซู ที่ใช้เวลาถ่ายทำเกือบหนึ่งปี หลังจากปี 2000 ผลงานเรื่อง 'Devils on the Doorstep' ของเจียงเหวินได้รับรางวัล GrandPrix (เป็นรางวัลใหญ่อันดับสอง รองจากรางวัลปาล์มทองคำ) ในเทศกาลหนังนานาชาติที่เมืองคานส์ ผ่านมา 7 ปี ของการรอคอยในที่สุดเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้ ภาพยนตร์เรื่อง 'The Sun Also Rises' ก็มีวางโปรแกรมลงโรงฉายทั่วโลก แต่จะมีการจัดงานรอบปฐมทัศน์ฉายก่อน ที่ฮ่องกงวันที่ 21 กันยายนนี้พร้อมเมืองจีน

แม้หนังเรื่อง 'The Sun Also Rises' จะยังไม่ได้ลงโรงฉายแต่ก็เปิดตัวเปรี้ยงปร้างไปก่อนแล้ว เพราะไปฉายในงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิสและงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองโตรอนโตมาก่อน แถมยังมีข่าวลือว่าหนังเรื่องนี้จะเป็นตัวแทนจากฮ่องกงไปเข้าชิงรางวัลออสการ์ด้วย ฟอร์มแบบนี้ถือว่าไม่ใช่หนังธรรมดาๆ แน่นอน

ในฐานะนักแสดงลูกชายพระเอกคนดังเฉินหลง ฝางจู่หมิง และทีมงานต่างออกอาการตื่นเต้นเมื่อหนังใกล้วันฉาย ทั้งนี้ฝางจู่หมิง ได้กล่าวว่า 'นอกจากจะดีใจที่ได้ร่วมงานกับนักแสดงรุ่นพี่ฝีมือดีหลายคนอาทิ เฉินชง หวางชิวเซิง แล้ว อีกอย่างที่ฝังใจคือผมต้องเสียสละล่อนจ้อนด้วย' ที่กล่าวแบบนี้เพราะในหนังเรื่องนี้ ฝางจู่หมิงแสดงเป็นหนุ่มรุ่นใหม่ที่กล้าคิดกล้าทำ ผู้กำกับฯ เจียงเหวิน จึงตัดสินใจ ใช้ฉากยืนฉี่ท่ามกลางธรรมชาติ ถ่ายทอดลักษณะนิสัยของตัวละครตัวนี้ โดยให้ฝางจู่หมิงโชว์แผ่นหลังทั้งหมดรวมถึงก้นขาวๆ ยืนฉี่แบบมีความสุข

ทีมงานเปิดเผยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ฝางจู่หมิง ต้องเปลือยบนจอหนังใหญ่ ถึงแม้ต้องเสียสละเพื่อศิลปะแม้ฝางจู่หมิง จะไม่รู้สึกกลัวแต่ส่วนที่ต้องปิดบังก็ควรปิดบังไว้ ฝางจู่หมิง หัวเราะเขินๆ เล่าถึงการถ่ายทำในวันนั้นว่า 'โชคดีที่ในการถ่ายทำฉากวันนั้น ทีมงานทุกคนเป็นผู้ชายหมด แล้วตอนที่ถ่ายก็เป็นเวลาเย็นโพล้เพล้แล้วผมจึงไม่เขินเท่าไหร่ อีกอย่างสถานที่ถ่ายทำก็เป็นกลางเขาสูง นักท่องเที่ยวน้อย ทางทีมงานจึงไม่ได้มีการกั้นอะไรเป็นพิเศษ' แต่ก็มีเหตุการณ์น่าขำเกิดขึ้นเล็กน้อยคือ ขณะที่ฝางจู่หมิง ล่อนจ้อนอยู่นั้น จู่ๆ ทุกคนก็ได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงกำลังเล่นกันดังมา ผู้ช่วยผู้กำกับฯ ตกใจยกใหญ่ รีบวิ่งเข้าไปบังให้ฝางจู่หมิง สุดท้ายก็ไม่เห็นใคร จึงทำให้ทีมงานตกใจฟรี

นอกจากนี้รายละเอียดของฉาก ตอนที่ฝางจู่หมิง ยืนฉี่ลงน้ำ ทางทีมงานไม่อยากให้เกิดปัญหากับสิ่งแวดล้อมจึงไม่ได้ให้ฉี่จริง แต่ใช้วิธีการติดตั้งสายยางไว้ที่ท้องฝางจู่หมิง แล้วใช้น้ำจากแม่น้ำฉีดเป็นฉี่แทนโดยผู้กำกับฯ เป็นคนขอติดตั้งเครื่องมือประกอบการแสดงให้ฝางจู่หมิงด้วยตัวเอง ทั้งนี้เพราะเขากลัวฝางจู่หมิงอาย อีกทั้งก็กลัวว่าถ้าทีมงานไม่ระวังจะทำให้ 'น้องชาย' ฝางจู่หมิง เป็นแผลแล้วจะเกิดเรื่องใหญ่

ซึ่งเมื่อถามฝางจู่หมิง ถึงความรู้สึกที่ต้องแสดงฉากนี้ลึกๆ รู้สึกยังไง เขาตอบว่า 'ที่ผมจำแม่นสุดคือวันนั้นผมต้องใช้กระดาษฟิล์มปิด (น้องชาย) ไว้แค่สองชั้น ซึ่งอากาศก็หนาวมากหนาวจนปากสั่นเลยครับ' แต่การเสียสละอย่างนี้ ได้คำวิจารณ์แง่บวกในเวทีสากล ก็ถือว่าคุ้มค่าไม่น้อยไม่ใช่หรือ

สยามดารา