หลี่อันกับหนังใหม่ "Taking Woodstock" ลงโรงปีหน้า

ประสบการณ์การกำกับหนังของหลี่อัน หรืออั้งลี่ มีไม่น้อย แต่เหมือนกับเขาจะสนใจในเรื่องราวชายรักชายเป็นพิเศษ ต่อจาก "Wedding Banquet" และ "Brokeback Mountain" เขาก็จะเริ่มกำกับหนังเกย์เรื่องที่สาม "Taking Woodstock" เรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของนักจัดงานชื่อเดียวกับชื่อเรื่อง และเส้นทางการก่อกำเนิดมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคในช่วงยุค 60

ที่จริงก่อนหน้านี้หลี่อันเคยประกาศไปแล้วว่า มีโครงการเปิดกล้องหนังฮอลลีวู้ดเรื่องใหม่ที่ชื่อว่า "A Little Game" มี จิม แคร์รี่ นำแสดง มาวันนี้จู่ๆ เขาก็ประกาศเปลี่ยนใหม่แทรกหนังเรื่อง "Taking Woodstock" เข้ามาเปิดกล้องก่อน ทำให้หลายคนให้ความสนใจกันมาก มีข่าวว่าในหนังเรื่องก่อนหน้า "Lust, Caution" ถึงแม้กวาดรางวัลจากหลายเวที แต่เพราะต้นทุนสร้างสูงยอดรายได้ในอเมริกาและยุโรปก็ไม่เข้าเป้า ทำให้บริษัท Focus Features โปรดิวเซอร์ขาดทุนกระเป๋าฉีก แต่ในหนังเรื่อง "Taking Woodstock" ที่เป็นหนังเกย์แนวถนัดบวกกับเรื่องราวมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคที่ชาวตะวันตกรู้จักดี เชื่อว่างานนี้คงทำให้เขากวาดทั้งรางวัลและรายได้ สำหรับรายชื่อนักแสดงนั้นตอนนี้กำลังคัดเลือก ต้องรอดูกันต่อไป

เรื่องราวเกี่ยวกับการก่อกำเนิดมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อค

มหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคมีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 15-19 สิงหาคม 1969 ที่นิวยอร์ก การจัดงาน 3 วัน มีผู้ชมมากกว่า 4.5 แสนคน วงดนตรีกับผู้ชมผสมกลมเกลียวเป็นหนึ่งด้วยเสียงเพลง แม้ช่วงเวลาที่จัดงานจะมีฝนตกรถติดยาวเกือบ 20 ไมล์แต่ก็ไม่ทำให้ผู้ชมลดลง เหตุการณ์เป็นไปอย่างเรียบร้อยแม้จะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นบ้าง (เสียชีวิต 2 คน คนหนึ่งรถชน คนหนึ่งเสพยาเกินขนาด) มหกรรมดนตรีนี้ไม่เพียงเป็นที่รู้จักในแฟนเพลงร็อก ยังเป็นประวัติศาสตร์หน้าพิเศษที่มีความหมายด้วย

Elliot Tiber เกิดในปี 1935 ถึงเขารู้ตัวว่าเป็นเกย์แต่ก็ปิดบังครอบครัวมาโดยตลอด จนถึงช่วงฤดูร้อนปี 1969 เขาได้เห็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ว่าลานตรงที่ใช้จัดมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคถูกขาย หลังจากนั้นเขาได้สืบถามจนได้เบอร์โทรศัพท์ของเจ้าของรายใหม่และโทร.ไปหา จนทำให้เขามีโอกาสจัดงานมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคขึ้นและด้วยเสียงกลองกับสังคมที่ครื้นเครงทำให้เขากล้าเปิดเผยตัวเองว่าเป็นเกย์ ในปี 2007 Elliot Tiber ได้ร่วมกับ Tom Monte ออกหนังสือชื่อ "Taking Woodstock-A True Story of a Riot, a Concert, and a Life" หนังสือเล่มนี้เขียนถึงเส้นทางการก่อสร้างมหกรรมงานดนตรีวู้ดสต็อค และเรื่องราวของนักดนตรีร็อกผู้เป็นตำนาน อาทิ Jimi Hendrix นอกจากนี้ Elliot Tiber ยังเขียนถึงตัวเองที่เป็นเกย์ทำอย่างไรถึงผงาดยืนบนเวทีได้ นับเป็นความกล้าที่กล้าเปิดเผยเรื่องของตัวเอง

สำหรับเนื้อเรื่องของหนังจะวนเวียนอยู่ที่ตัว Elliot กับการจัดงานวู้ดสต็อคของเขา รวมถึงชีวิตความเป็นอยู่ใน Greenwich Village ซึ่งเป็นชุมชนเกย์ยุค 60 โดยในหนังจะมีพระเอกเพียงคนเดียวแต่จะมีตัวประกอบมาเพิ่มสีสันด้วย ซึ่งสำหรับหลี่อันแล้ว เนื้อเรื่องอย่างนี้ต่างเชื่อว่าผู้กำกับฯมากฝีมือคนนี้จะสร้างสรรค์งานคุณภาพได้ ด้านบทภาพยนตร์งานนี้ได้ James Schamus รับหน้าที่เขียน แล้วถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง กำหนดเปิดกล้องคร่าวๆ คงจะปลายปีนี้ แล้วมีกำหนดจะลงโรงช่วงวันฉลองครบรอบ 40 ปีของมหกรรมดนตรีวู้ดสต็อคในปีหน้า

สยามดารา