"ฮันมีอ๊ก"หนึ่งอุทาหรณ์เตือนใจสาวเสพติดศัลยกรรม
นับเป็นอุทาหรณ์สอนใจใครหลายคนที่ชื่นชอบการทำศัลยกรรมได้มากทีเดียว สำหรับการเผยโฉมของนักร้องสาว "ฮัน มี อ๊ก" วัย 47 ผู้มีหน้าตาประหลาดหลังจากทำศัลยกรรมมานับครั้งไม่ถ้วนด้วยฝีมือของตนเอง!
ฮัน มี อ๊ก เคยปรากฏตัวอย่างโด่งดังเมื่อปี 2004 ในสภาพของสาวตกงาน, น่าหดหู่ และมีศีรษะที่ใหญ่กว่าคนธรรมดาถึง 3 เท่า เนื่องจากน้ำมันที่เธอใช้ในการทำศัลยกรรมจับตัวเป็นก้อนแข็งอยู่ใต้ผิวหนัง
นักร้องสาวคนนี้ ครั้งหนึ่งเธอเคยต้องเข้ารับบำบัดอาการเสพติดศัลยกรรม เนื่องจากความคลั่งไคล้ในการเสริมความงามพลาสติกของเธอเข้าขั้นรุนแรง ด้วยการฉีดน้ำมันทำอาหารและพาราฟินเข้าที่ใบหน้าของเธอเองหลังจากแพทย์ปฏิเสธที่จะทำศัลยกรรมให้เธออีกต่อไป
ส่งให้เธอกลายเป็นโรคจิตเภทเข้าขั้นรุนแรง ซึ่งหลังการปรากฏตัวออกทีวีเมื่อปี 2004 ธารน้ำใจจากผู้ชมได้หลั่งไหลเงินบริจาคมาช่วยในการผ่าตัดให้เธอกลับมามีสภาพเหมือนคนปกติได้อีกครั้ง ตอนนี้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมานับจากนั้นเธอผ่านการผ่าตัดไปถึง 15 ครั้ง และสามารถนำสิ่งแปลกปลอมบนใบหน้าเธอออกไปได้ถึง 4 ก.ก. ส่งให้เธอเริ่มกลับมามีใบหน้าที่เกือบจะเท่าคนปกติได้อีกครั้ง
แต่หลักฐานแห่งการทำลายโฉมของตัวเธอเองในช่วงหลายปีที่ผ่านมานั้นยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้า แม้ว่าเธอจะกลับมามีศีรษะเกือบเท่าคนปกติแล้วก็ตาม เพราะใบหน้าที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิมของเธอนั้นยังคงไม่สามารถแก้ไขได้
ชาง ชุง ฮยุน ผู้เชี่ยวชาญและดำรงตำแหน่งผู้บริหารของโรงพยาบาลคังบุก ซัมซุง แผนกศัลยกรรมผู้ทำการผ่าตัดแก้ไขให้กับนักร้องสาว 15 ครั้งที่ผ่านมาเผยว่า "ผมคิดถึงจุดประสงค์ของการเสริมความงาม มันเป็นเรื่องสำคัญกับขั้นตอนต่างๆที่ยุ่งยากมากขึ้นในการผ่าตัดแต่ละครั้ง แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการที่จะทำการผ่าตัดอีกแล้ว เพราะว่าตอนนี้เธอมีความสุขกับใบหน้าของเธอตอนนี้แล้ว"
นอกจากนั้นเขายังกล่าวด้วยว่า อดีตนักร้องสาวที่เคยเป็นตัวประหลาดในสังคม ตอนนี้เธอมีงานทำแล้ว ซึ่งทำงานเกี่ยวกับการออกแบบแฟชั่นเสื้อผ้าเลยทีเดียว
"ตอนนี้หน้าของเธอเล็กลงแล้ว และผู้คนต่างจำเธอได้เพราะว่าเธอเคยออกทีวี ทำให้ตอนนี้เธอทำงานได้อย่างปกติสุขและเป็นงานที่ดีด้วย"
ครั้งหนึ่งฮัน มี อ๊ก เคยเป็นนักร้องสาวที่สวยมากคนหนึ่งโดยเป็นที่รู้จักกันดีในนาม ฮาง มี กู แต่ชื่อเสียงของเธอเริ่มเป็นที่รู้จักลดลง เมื่อเธอย้ายจากโซลไปเปิดการแสดงที่ประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่อายุได้ 28 ปี
ตอนนั้นเธอเริ่มไม่พอใจในคางของตัวเอง จึงเข้ารับการทำศัลยกรรมเสริมซิลิโคนกับหมอเถื่อนในประเทศญี่ปุ่น
โดยเธอเคยให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ฉันรับไม่ได้ที่จะมีใครมาสวยกว่าฉัน ฉันจะรู้สึกอิจฉาพวกเขา ฉันจะต้องสวยที่สุด ดีที่สุด ฉันต้องการเป็นคนที่สวยสมบูรณ์แบบที่สุด"
แม้ว่าหน้าตาของเธอจะผิดรูปไปจากการศัลยกรรมบ่อยครั้ง เธอก็ยังคิดว่าเธอสวยอยู่ดี และเมื่อเธอเดินทางกลับมาที่เกาหลีในปี 1998 เธอก็ทำให้ครอบครัวถึงกับช็อคเมื่อทุกคนไม่สามารถจำได้ว่าเธอคือใคร และเมื่อตระหนักได้ว่านักร้องสาวทำอะไรลงไป พวกเขาจึงได้โน้มน้าวให้เธอเข้ารับการผ่าตัดศัลยกรรมอย่างถูกวิธีและถูกกฏหมาย
แต่ทางด้านนักร้องสาวได้ทำการปฏิเสธคำแนะนำของครอบครัว และตัดสินใจที่จะจัดการด้วยวิธีของตัวเธอเอง โดยครั้งนั้นเธออ้างว่าเธอได้ยินเสียงคำสั่งในหัวของเธอ ว่าให้ฉีดน้ำมันถั่วเหลืองที่ใช้ทำอาหารเข้าไปที่ใบหน้า และมันคือจุดเริ่มต้นแห่งความเลวร้ายนับตั้งแต่นั้นมา
หลังจากที่ใบหน้าของเธอเริ่มแปรเปลี่ยนไม่เป็นรูปเป็นร่าง ทีมงานของสถานี SBS ของเกาหลีก็ได้พบตัวเธอในเดือน พ.ย. ปี 2004 ซึ่งในเวลานั้นเธอกำลังทุกข์ทรมานจากการทำศัลยกรรมอย่างมาก ความสามารถทางการมองเห็นลดลง มีอาการเจ็บที่หู และใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอมและทำให้ขยายใหญ่มากขึ้น จนไม่สามารถหันศีรษะและปิดปากตัวเองได้เลย
เธอหลบหน้าทุกคนในครอบครัวและหันมาใช้ชีวิตแบบสันโดษมากขึ้น อาศัยอยู่ในบ้านที่เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อหลีกเลี่ยงสายตาหวาดกลัวที่เธอจะได้รับจากทุกคน
นอกจากจะถูกมองแบบรังเกียจแล้ว ใบหน้าที่แปลกประหลาดของเธอยังถูกล้อเลียนด้วย เมื่อเธอเดินไปซื้ออาหารที่ซูเปอร์มาร์เก็ต เด็กๆเพื่อนบ้านที่รู้จักเธอต่างก็เรียกเธอว่า "ป้าพัดลม" หรือ "พัดลมตั้งพื้น" เพราะศีรษะที่มีขนาดใหญ่กว่าลำตัว
"ฉันเกลียดการดูกระจก ฉันเกลียดหน้าตัวเอง ฉันรู้สึกทรมาน" เธอกลายเป็นคนถังแตกและรอรับความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลเท่านั้น พร้อมกันนั้นขณะที่เธอไปออกรายการในปี 2004 เธอยังโชว์สมุดบัญชีเงินฝากที่ตอนนั้นมีอยู่เพียง 1,836 วอน หรือไม่ถึง 100 บาท
โดยชีวิตที่ผ่านมาของเธอต้องใช้ชีวิตอยู่ในความมืดนานถึง 6 เดือน เพราะเธอถูกตัดน้ำตัดไฟเนื่องจากไม่มีเงินจ่าย ซึ่งหลังจากที่เรื่องราวของเธอออกอากาศไป เรื่องราวเหล่านี้ได้กลายเป็นอุทาหรณ์สอนใจให้กับสาวๆที่เสพติดศัลยกรรมเป็นอย่างมาก พร้อมกันนั้นเธอยังได้รับเงินบริจาคเป็นจำนวนสุงถึง 27 ล้านวอน ที่จะช่วยจ่ายค่าผ่าตัดให้เธอกลับมามีชีวิตที่เป็นปกติอีกครั้ง
หมอชาง ผู้ผ่าตัดให้เธอครั้งแรกในเดือน ก.พ. ปี 2005 หลังจากที่เธอออกจากโรงพยาบาลที่รักษาอาการทางจิต ซึ่งตอนนั้นเธอบอกกับหมอให้มั่นใจได้ว่าเธอจะไม่ฉีดอะไรให้ตัวเองอีกแล้ว
หลังจากการผ่าตัดถึง 15 ครั้ง หมอชางผู้ผ่าตัดให้เธอกล่าวว่า "นี่ไม่ใช่การผ่าตัดศัลยกรรมความงาม เราไม่ได้ตั้งใจที่จะผ่าตัดให้เธอกลับมาสวย เราแค่ต้องการที่จะลดขนาดใบหน้าของเธอให้เล็กลงเท่านั้น เพื่อให้เธอได้มั่นใจและกลับมาใช้ชีวิตแบบคนปกติได้อีกครั้ง"
โดยการผ่าตัดครั้งแรกนั้นแม่ของเธอเดินทางมาเยี่ยม สร้างความประหลาดใจให้กับนักร้องสาวเป็นอย่างมาก ซึ่งเธอหลั่งน้ำตาแสดงความยินดี ที่ยังเห็นว่าแม่เธอยังมีชีวิตอยู่ หลังจากที่เธอขาดการติดต่อจากทางบ้านมาเป็นเวลานานหลายปี แต่ก็นับว่านั่นคือครั้งสุดท้ายที่เธอได้เห็นหน้าแม่ เพราะหลังจากนั้นเพียง 5 วัน แม่ของเธอก็นอนหลับไปและไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย ซึ่งในพิธีศพเธอถึงกับหลั่งน้ำตาอย่างควบคุมตนเองไมอยู่
และหลังการผ่าตัดเธอกลับมาใช้ชีวิตสันโดษอีกครั้ง แต่ยังคงอยู่ใกล้ๆกับบริเวณบ้านของสมาชิกในครอบครัว นักร้องสาวยังคงกลับมาเยี่ยมเยียนเจ้าหน้าที่ที่โรงพยาบาลอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธการผ่าตัดศัลยกรรมไปแล้วก็ตาม
"เมื่อปีที่แล้ว เรามีปาร์ตี้อำลาให้กับเธอ เธอได้ร้องเพลงหลายเพลงให้กับเจ้าหน้าที่ได้ฟัง เธอร้องเพลงเพราะมากทีเดียว" หมอชางผู้รักษาเธอกล่าว
และเขายังเห็นเธอออกทีวีครั้งสุดท้ายเมื่อ 2 เดือนก่อนในรายการทีวีของญี่ปุ่น ซึ่งเธอกล่าวว่า "ฉันขาดสติตอนที่ฉีดสารต่างๆเข้าหน้าตัวเอง ฉันรู้สึกเสียใจมาก แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก และมีความสุขมากที่ได้กลับมามีชีวิตแบบปกติได้อีกครั้ง"
Manager Online