วันนี้ลีจุนกี พร้อมทีมงาน “The Hour of Dog and Wolf” เยือนไทยแถลงข่าว

วันที่ 22 พฤษภาคม 2550 เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้บริหารโรงแรมใบหยก และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดงานแถลงข่าว การสนับสนุนการถ่ายทำละครดราม่า แอ็คชั่น ของสถานีโทรทัศน์ MBC TV จากสาธารณรัฐเกาหลี เรื่อง “The Hour of Dog and Wolf” ณ โรงแรมใบหยกสกาย เพื่อเป็นการโปรโมท และส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยผ่านหนัง, ละคร และมิวสิควีดีโอ ภายในงาน ได้มีการพูดคุยในบรรยากาศสบายๆ กับพระเอกสุดหล่อ Lee Jun Ki, พระรอง Jung Kyung Hl และผู้ช่วยผู้กำกับ Kim Jae Hong
การถ่ายทำภาพยนตร์ในครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาการถ่ายทำในประเทศไทย 1 เดือน ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เมืองไทยประมาณ 6 ตอน (จากทั้งหมด 16 ตอน) คาดว่าจะเริ่มแพร่ภาพในประเทศเกาหลีช่วงเดือนกรกฎาคม ทุกพุธ และพฤหัส ตอนละ 70 นาที ตั้งแต่เวลา 22.00 น.

สำหรับในบรรยากาศการแถลงข่าว การให้ความสนับสนุนละครเรื่องนี้ระหว่าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยและตึกใบหยก (สนับสนุนที่พัก) มีการพูดคุยระหว่างผู้ช่วยผู้กำกับและเหล่าดารานำรวมไปถึงผู้ให้การสนับสนุน

Q: ทำไมถึงเลือกสถานที่การถ่ายทำเป็นประเทศไทย
A: ในตอนแรกไม่ได้กำหนดว่าเป็นประเทศไทย แต่ผู้กำกับและผู้เขียนบทได้มาสำรวจประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และประเทศไทยก็เป็นประเทศสุดท้ายที่มาสำรวจ แต่ปรากฏว่าชอบมากที่สุด และมีบรรยากาศและภูมิประเทศที่เหมาะต่อการถ่ายทำเรื่องนี้มาก

Q: ละครเรื่องนี้เป็นยังไง ?
A: เรื่องราวนี้เป็นเรื่องราวของอีจุนกิที่มาเกิดในประเทศไทย โดยแม่ถูกฆาตรกรรมถูกรับเลี้ยงที่เกาหลี และโตในครอบครัวเดียวกับคยองโฮ และหลังจากโตมาก็ได้เข้าทำงานเป็นตำรวจและได้กลับมาที่ประเทศไทยเพื่อสืบหาฆาตรกรที่ฆ่าแม่เขา

Q: จะไปถ่ายทำที่ไหนหรือเปล่า
A: ยังไม่ได้กำหนดว่าเป็นที่ไหน แต่ว่าถ่ายทำในเมืองไทยอย่างแน่นอน

Q: เคยมาที่ประเทศไทยหรือเปล่า
จุนกิ : ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วครับ สำหรับครั้งแรกที่มามาเที่ยวเป็นส่วนตัว
คยองโฮ : พึ่งเคยมากรุงเทพครั้งแรก แต่ว่าเคยมาเที่ยวที่ภูเก็ตหลายครั้งแล้วครับ

Q: รู้สึกยังไงที่ได้มาถ่ายละครในเมืองไทย
จุนกิ : ผมได้ยินมานานแล้ว ว่าคนไทยใจดี ส่วนตัวผมก็ดีใจ และสบายใจว่าจะได้มาถ่ายละครกับคนใจดี และเชื่อว่าภูมิประเทศและทิวทัศน์ต่างๆ จะช่วยเพิ่มสีสันให้กับละครเรื่องนี้
คยองโฮ : คล้ายๆกับคุณอีจุนกิ และพอได้มาเห็นบรรยากาศในกรุงเทพก็คิดว่าเหมาะกับละครเรื่องนี้มากเลย และคิดว่าจะทำให้ละครน่าดูน่าชมมากยิ่งขึ้น และดีใจมากที่ได้มาพบกับแฟนๆที่เมืองไทย

Q: ถ้าว่างจากถ่ายละครอยากจะทำอะไร และอยากไปเที่ยวที่ไหนในเมืองไทย
จุนกิ : ครั้งที่แล้วมาแต่ว่าไม่ได้มีโฮกาสมาเที่ยวที่ทะเล แค่มาเฉียดๆ สำหรับครั้งนี้เลยอยากจะลงไปเล่นน้ำด้วย
คยองโฮ : อยากไปที่หัวหินครับ เคยได้ยินมาว่าเป็นที่เที่ยวที่ดีที่สุด

Q: บทบาทที่รับเล่นในละครเรื่องนี้เป็นอย่างไร
จุนกิ : เติบโตมาพร้อมกับคยองโฮ และเป็นตัวละครที่เก็บความแค้นมาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้บทที่รับในครั้งนี้ยากและกดดันมากกว่าละครเรื่องอื่นๆ ที่ผ่านมา แล้วก็ฝากละครเรื่องนี้กับแฟนๆ ด้วยครับ
คยองโฮ : เป็นเหมือนเพื่อนในครอบครัว รับมาเลี้ยงและโตไปพร้อมๆกัน และได้เป็นตำรวจตามคุณพ่อ และได้หลงรักนางเอกคนเดียวกัน

Q: เริ่มถ่ายเมื่อไหร่ครับ
A: จะเริ่มถ่ายทำวันที่ 26 พฤษภาคม เพราะว่าต้องรอดารานำฝ่ายหญิงมาด้วย (นัมซังมิ - ดารานำฝ่ายหญิง จะเดินทางถึงประเทศไทยวันที่ 23 พฤษภาคม 2550)

Q: โลเกชั่นที่ถ่ายจะถ่ายทำที่ไหน
A: ส่วนใหญ่จะถ่ายทำในกรุงเทพแต่อาจมีบางฉากที่ไปถ่ายทำที่ต่างจังหวัด

Q: เตรียมตัวอย่างไรบ้าง
จุนกิ : เตรียมคำพูดมาสองคำครับ คือ สวัสดีครับ กับ ขอบคุณครับ และนับจากวันนี้ต้องเรียนภาษาไทยเพิ่มเติมครับ
คยองโฮ : รู้ว่าเมืองไทยอากาศร้อน เลยเตรียมกางเกงขาสั้นมาครับ หัวเราะ หลังจากนั้นก็พูดว่า ผมรักคุณ

Q: มีการเตรียมตัวสำหรับฉากแอ็คชั่นอย่างไรบ้าง
จุนกิ : ละครเรื่องนี้บทบู้เยอะมากเลยครับ เป็นเรื่องแรกที่ผมเล่นบทบู้มากๆ ทำให้ตื่นเต้นและกังวลใจนิดหน่อยครับ

Q: ใช้เวลาถ่ายทำในประเทศไทยนานเท่าไหร่
A:
ประมาณ 3-4 สัปดาห์

Q: มีการเตรียมพร้อมร่างกายอย่างไรบ้าง
จุนกิ : ตัวผมเองเล่นเทควันโดตั้งแต่เด็กๆแล้ว และออกกำลังกายตลอดเวลา เลยไม่ค่อยมีปัญหาทางด้านร่างกาย จะมีปัญหาแค่เตรียมใจในการแสดงครั้งนี้
คยองโฮ : ประมาณ 1 เดือนก่อนที่แสดงมีการไปฝึกที่โรงเรียนสอนการแสดงเพื่อจะได้รับบทได้อย่างสมจริง

Q: สำหรับเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกของคุณอีจุนกินที่รับบทเป็นคนเก็บกด และเป็นการพลิกบทบาทการแสดงด้วย เสียงแฟนๆตอบรับในประเทศเกาหลีเป็นอย่างไรบ้าง
จุนกิ : ได้เปิดดูในอินเตอร์เน็ต ได้ดูกระแสแฟนๆ พวกเขาก็ตื่นเต้นที่ผมได้พลิกบทบาทและจะได้เห็นผมในมุมมองใหม่ๆ ส่วนผมก็มีโอกาสได้แสดงความสามารถใหม่ๆ อีกด้วยครับ

 

Source: Pingbook