"อาเฉิน" (Edison Chen) เคลียร์คดีภาพฉาวต่อ CNN รับสุดอายจนต้องซ่อนในกระโปรงหลังแท็กซี่

"เฉินกว้านซี" (Edison Chen) ออกมาเปิดใจครั้งแรกต่อสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นถึงชีวิตที่ผ่านมาตั้งแต่คดีภาพหลุดสุดสยิวของเขาและดาราสาวหลายๆ คนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่งเมื่อต้นปีที่แล้ว

เฉินกว้านซี ดาราหนุ่มคนดังได้เดินทางกลับมายังฮ่องกงอีกครั้งเมื่อสองสัปดาห์ก่อน ด้วยเหตุผลเพื่อการเจรจาทางด้านธุรกิจ หลังจากมีรายงานมาก่อนหน้านี้ว่าผู้เป็นพ่อของเขาได้ประกาศตนเป็นผู้ล้มละลายไปแล้ว ซึ่งการมาเยือนครั้งนี้เขายังได้ไปออกรายการ Talk Asia ของสถานีข่าวซีเอ็นเอ็น เพื่อเปิดเผยเบื้องหลังเหตุการณ์ภาพฉาวที่ส่งให้เขาต้องหายหน้าหายตาไปจากวงการบันเทิงเป็นปีๆ

ผมก็เป็นเหยื่อเหมือนกัน

ภาพฉาวครั้งนั้นที่พัวพันกับสาวคนดังอย่างน้อย 6 ราย ทั้งที่ยังอยู่ในวงการอย่าง จางป๋อจือ (Cecilia Cheung) และ อาเจียว (Gillian Chung) หรือที่ลาวงการไปแล้วอย่าง โบโบ เฉิน (Bobo Chen) ซึ่งแต่ละนางต่างก็ต้องเผชิญวิบากกรรมจากภาพหลุดครั้งนั้นอย่างถ้วนหน้า แต่อาเฉินเองก็เผยว่าเขาก็เป็นหนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์นี้เช่นกัน

"ผมเชื่อว่าผมตกเป็นเหยื่อเช่นกัน ผมต้องเจ็บปวดกับมันอย่างมาก และผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเผยแพร่ของมันแม้แต่น้อย" อาเฉินเปิดใจต่อทางซีเอ็นเอ็น

การกลายเป็นข่าวดังอย่างไม่ตั้งตัวทำให้เขาเกิดอาการหวาดระแวงอย่างรุนแรง "ผมกลัวไม่ว่าผมจะไปที่ไหน ตอนที่ผมยังอยู่ที่ฮ่องกงผมต้องเดินทางอยู่ในกระโปรงหลังของรถแท็กซี่ ผมต้องอยู่ในนั้นเป็นเวลาถึง 15 นาที ซึ่งผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมจะมีอ็อกซิเจนพอหรือเปล่าในที่แบบนั้น"

"แม้แต่ตอนที่ผมบินมาอยู่ที่อเมริกากับแคนนาดาแล้ว มันต้องใช้เวลาถึง 3 เดือนกว่าผมจะออกมาใช้ชีวิตอย่างปกติได้ ผมเคยต้องเก็บตัวเองอยู่ในความมืดมิดถึงห้าวันห้าคืน ผมปิดม่านและไม่อยากจะออกไปไหนทั้งสิ้น"

ทำไมไม่ออกมาขอโทษต่อเหยื่อสาว?

หนึ่งในเหยื่อของเหตุการณ์นี้ที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดอาจจะเป็น จางป๋อจือ เพราะข่าวฉาวออกมาในช่วงที่เธอกำลังเริ่มชีวิตครอบครัวใหม่กับดาราหนุ่ม เซี่ยถิงฟง (Nicholas Tse) และลูกชายตัวน้อย ลูคัส ซึ่งภาพดังกล่าวเพียงพอที่จะทำให้ครอบครัวใหม่นี้ต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ทุกเมื่อ

โดยในการให้สัมภาษณ์ต่อทาง iCable เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา จางป๋อจือ ได้ออกมากล่าวโทษอาเฉินว่าแสร้งทำเป็นเสียใจเพื่อเรียกร้องความเห็นใจต่อสาธารณชนเท่านั้น

"เขาไม่เคยมาขอโทษพวกเราแบบเป็นส่วนตัวเลยซักครั้ง อย่างน้อยก็น่าจะโทรมากล่าวคำขอโทษกันบ้างถ้าเขาคิดจะยอมรับผิดด้วยความจริงใจ รูปพวกนั้นยังคงลอยนวลอยู่ในโลกไซเบอร์ แล้วพวกเราจะมีชีวิตอยู่เป็นสุขอย่างแท้จริงได้อย่างไร เราจะกลับมายืนหยัดได้เหมือนเมื่อก่อนกันอย่างไร" ดาราสาวเปิดใจ

ซึ่งทางอาเฉินได้อธิบายถึงข้อกล่าวหานี้ว่าเพราะเขาไม่รู้จะติดต่อสาวๆ ที่เคยเป็นเหยื่อของเขาอย่างไร

"ข้อแรกคือผมติดต่อกับพวกเธอไม่ได้ อีกอย่างผมไม่รู้ว่าพูดกับพวกเธออย่างไรดี เพราะภาพเหล่านั้นมันเผยแพร่ออกไปมากแล้ว ซึ่งผมทำอะไรกับมันไม่ได้จริงๆ ผมไม่ได้กำลังจะบอกว่าไม่ใช่ความผิดของผม ผมถึงได้มาขอขมาในครั้งนี้ ผมเพียงแค่อยากจะบอกว่าเรื่องอื้อฉาวครั้งนี้ทำให้ผมต้องผ่านช่วงเวลาที่เลวร้ายมามากมายเช่นกัน"

"ผมไม่ได้มาบอกปัดความผิดใดๆ ที่ผมเคยทำเอาไว้กับจางป๋อจือ แต่ผมหวังเพียงว่าเธอจะเข้าใจ และในวันนี้หรือซักวันหนึ่งเธอจะยอมยกโทษให้กับผม และเธอจะเข้าใจว่าผมก็ผ่านสิ่งที่เลวร้ายมาเช่นกัน และไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นกับใคร และผมยังคงนับถือเธออยู่เช่นเดิม"

ไม่เคยบอกว่าจะทิ้งวงการ

หลังจากสื่อรายงานว่าเขาตัดสินใจอำลาวงการบันเทิงอย่าง "ถาวร" เพื่อไถ่โทษความผิดครั้งนั้น แต่ในการเปิดใจครั้งนี้เขาเผยว่าไม่เคยพูดคำนั้นออกมา เป็นเพียงความเข้าใจผิดของสื่อมวลชนในฮ่องกงกันเองจากการแถลงข่าวของเขาเมื่อปีที่แล้ว

"พอพูดถึงเรื่องนี้มันน่าตลกมากเพราะสื่อมวลชน โดยเฉพาะสื่อชาวจีน ที่บอกว่าผมจะออกจากวงการบันเทิงฮ่องกงไปตลอดกาล ที่จริงแล้วคำที่ผมใช้พูดวันนั้นแปลความหมายตรงตัวก็คือชั่วคราว(indefinitely) คราวนี้หลายคนน่าจะเข้าใจความหมายของคำว่าชั่วคราวกันเสียที ชั่วคราวบางครั้งอาจจะหมายถึง 5 นาที หรือ 2 ปีก็ได้ ผมไม่เคยพูดว่าจะจากไปตลอดกาลซักหน่อย"

เกี่ยวกับจดหมายขู่ฆ่า

อาเฉินยอมรับว่าจดหมายขู่ฆ่าที่ได้รับทำให้เขารู้สึกกลัว "ถ้าผมบอกคุณว่าผมเฉยๆ ถ้าใครจะส่งลูกปืนมาเป็นของขวัญให้กับผม ผมก็เป็นไอ้ขี้โม้แล้วล่ะ ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีใครส่งจดหมายขู่ฆ่ามาให้ผม จนทุกวันนี้ผมก็ยังไม่เข้าใจ ผมอยากจะลงนั่งจับเข่าคุยกับคนเขียน ผมไม่แคร์ว่าเขาจะเป็นใคร เพราะผมไม่คิดว่าชีวิตคนเราควรต้องพังพินาศเพราะน้ำมือของคนอื่น"

ชีวิตรักยังมั่นคงดี

หนึ่งในสาวที่มีภาพออกมาเป็นข่าวครั้งนั้นยังรวมไปถึง วินซี เหยียง (Vincy Yeung) แฟนสาวของอาเฉินเองด้วย แต่นอกจากมันจะไม่ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เขายังต้องขอบคุณที่เธอยังคงอยู่เคียงข้างเขาตลอดเวลาด้วย

"เวลาที่ผมอยู่ที่บ้าน ผมไม่ต้องอธิบายอะไรอีก เธอเหมือนกับทหารหรือไม่ก็สาวน้อยมหัศจรรย์ ผมไม่อยากจะบอกว่าผมเหมือนคนตาขาว แต่ในช่วงนั้นเป็นตอนที่สภาพจิตใจของผมย่ำแย่ที่สุด"

การให้อภัยของจางป๋อจือ

หลังจากเคยเหน็บการออกมาขอโทษผ่านสื่อของอาเฉินก่อนหน้านี้ว่าเป็นเหมือนกับ "จรเข้บีบน้ำตา" จนเมื่อวานนี้ผู้สื่อข่าวไปพบเธอกำลังช็อปปิ้งอยู่กับลูกชายด้วยใบหน้าที่แจ่มใส จนกระทั้งเธอมาเห็นนักข่าวจึงตัดสินใจเดินกลับ แต่พอมาเจอนักข่าวที่รออยู่เธอก็ยอมเปิดใจให้สัมภาษณ์อย่างเป็นกันเอง

เมื่อถามว่าเธอยอมรับคำขอโทษของอาเฉินที่พูดผ่านทางซีเอ็นเอ็นหรือไม่ "ฉันรับมันอย่างเต็มใจ แต่ฉันไม่ได้ดูซีเอ็นเอ็นวันนั้น" เมื่อถามว่ามันสายเกินไปหรือเปล่าที่จะขอโทษเอาป่านนี้ "มันดีแล้ว เร็วหรือช้ามันไม่สำคัญ ที่สำคัญคือมันต้องออกมาจากใจ ฉันดีใจอย่างมากที่เขาพูดมันออกมา" ก่อนจะฝากนักข่าวให้ช่วยเรียกร้องความยุติธรรมให้กับเหยื่อสาวๆ ที่โดนมรสุมชีวิตแบบเดียวกับเธอครั้งนั้นว่า "ฉันหวังว่าทุกๆ คนจะให้โอกาสลูกผู้หญิงอย่างพวกเรามีความเป็นส่วนตัวกันบ้าง" จากนั้นเธอก็เดินไปขึ้นรถและจากไป

Sze Ho Chun ช่างคอมพ์ชาวฮ่องกงผู้มีความผิดในข้อหาลักขโมย, คัดลอก และเผยแพร่ภาพลามกอนาจารจำนวน 1,300 ภาพที่เกี่ยวข้องกับกรณีภาพฉาวของอาเฉินครั้งนี้ เพิ่งจะถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือนครึ่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา

Manager Online