งานแถลงข่าวและ Meet & Greet กับลีจุนกิ "Central World with K.T.C.C: Lee Jun Ki Meet and Greet"

เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ทางบริษัท K.T.C.C. เปิดโอกาส ให้แฟนคลับชาวไทย ได้เจอกับหนุ่ม "ลี จุน กิ" โดยเฉพาะ พร้อมร่วมกระทบไหล่อย่างเป็นกันเอง งานนี้ได้รับความสนใจอย่างมาก มีแฟนคลับแห่ร่วมงานหลายพันคนเลยทีเดียว

ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ เป็นกิจกรรมที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์จัดขึ้น ร่วมกับ K.T.C.C (Korea – Thailand Communication Center) ซึ่งเป็นผู้ได้รับสิทธิ์โดยตรง จากประเทศเกาหลี ในการดูแล ลี จุน กี อย่างเป็นทางการ ในประเทศไทย จัดงาน “CentralWorld with K.T.C.C: Lee Jun Ki Meet and Greet” ให้บรรดาสาวก และแฟนคลับ ได้ร่วม Meet & Greet อย่างใกล้ชิด โดยประกาศผู้ส่ง SMS สูงสุด 20 คน และผู้โชคดีอีก 5 คน จากการร่วมเป็นเจ้าของสร้อยรุ่นพิเศษ ลิมิเตด อิดิชั่น เข้าร่วมดินเนอร์สุดเก๋ กับ ลี จุน กี และผู้โชคดี ที่จะได้มีโอกาสถ่ายรูป และรับรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นของ ลี จุน กี ซึ่งในงานยังมีกิจกรรม ประมูลของส่วนตัวของลี จุน กี ทั้งหมวก, แว่นตา และ DVD ชุดพิเศษอีก 1 ชุดส่งตรงจากเกาหลี โดยรายได้ทั้งหมด สมทบทุนมูลนิธิ พระดาบส เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาส ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550

โดยก่อนที่หนุ่มหน้าสวย ลี จุน กี จะได้มาเจอกับแฟนๆในงาน Meet and Greet เขาก็เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าสัมภาษณ์อย่างเป็นกันเองก่อน ถึงการมาอยู่เมืองไทยเป็นเวลาเกือบ 3 อาทิตย์แล้ว ซึ่งพิธีกรสาวสวย นาเดีย นิมิตรวานิช จึงได้ถามถึงอากาศเมืองไทยว่าร้อนมากหรือเปล่า เพราะแค่นั่งสัมภาษณ์ เจ้าตัวก็ออกอาการเหงื่อท่วมตัวเลยทีเดียว
"ตอนมาครั้งแรกรู้สึกร้อนมากครับ แต่ครั้งที่สองนี้เริ่มชินแล้ว ก็พยายามจะทำตัวให้คุ้นเคยกับอากาศร้อน เพราะว่าที่เกาหลีอากาศไม่ได้ร้อนทั้งปีครับ"

ซึ่งก่อนที่ลี จุน กิจะเดินทางมาที่เซ็นทรัลเวิล์ด เขาได้เดินทางไปร่วมเปิดสำนักงานใหม่ ขององค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาหลีประจำประเทศไทย ที่เอสพลานาด ซึ่งในงานเนืองแน่นไปด้วยบรรดาแฟนคลับ ที่แห่มายลโฉมหนุ่มหน้าสวย ทำเอาวุ่นวายกันพอสมควร เจ้าตัวก็ได้เผยความรู้สึกถึงการเจอแฟนๆครั้งแรกว่า "รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนเปิดสำนักงานของ KTO และก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะไม่ได้พบแฟนๆนานแล้ว เพราะในช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาผมถ่ายแต่ละครอย่างเดียวเลยครับ"

พร้อมกันนั้น เจ้าตัวยังขอบคุณแฟนๆชาวไทยเป็นภาษาไทย เมื่อทราบว่า แฟนคลับมารอตั้งแต่ห้างยังไม่เปิด พร้อมยังส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย โดยจะบอกเพื่อนๆว่า มาเมืองไทยมีสถานที่น่าเที่ยวมากมาย "ที่เมืองไทยมีที่น่าท่องเที่ยวเยอะมาก และประทับใจน้ำใจของคนไทย ทำให้ผมรู้สึกสบายใจตลอดการถ่ายทำละครตลอด 2 - 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา"

เมื่อถูกถาม ถึงการถ่ายทำละครในเมืองไทย ว่าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้าตัวก็บ่นว่ายุ่งมาก แต่ก็มีเวลาแอบไปเที่ยวมาบ้างเล็กน้อย "ทำงานยุ่งมากเลยครับ เพราะว่าเป็นการถ่ายละครที่เมืองนอก ไม่ใช่ที่ประเทศเกาหลี ทีมงานและผมต่างก็ยุ่งมาก แต่ก็มีเวลาไปเที่ยวมาบ้างแล้วครับนิดนึง ทั้งพัทยา หัวหิน และในกรุงเทพฯ เที่ยวกลางคืนก็ไปมาแล้วชอบมากครับ"

พร้อมกันนั้นเจ้าตัวยังพูดถึงละครเรื่อง The Time Between of Dog and Wolf ด้วยว่าละครยาวมาก อธิบายไม่หมด แต่สามารถเปลี่ยนภาพลักษณ์ของเขา จากผู้ชายหน้าสวยหวานในภาพยนตร์เรื่อง The King and The Clown มาเป็นหนุ่มมาเฟียมาดเข้มได้ จึงอยากให้ทุกคนคอยติดตามผลงาน พร้อมย้ำว่า อย่ายึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆ ที่มองว่าเขาเป็นผู้ชายหน้าสวย "ที่ว่าหน้าสวยกว่าผู้หญิงน่าจะได้อิมเมจที่คล้ายผู้หญิง มาจากเรื่อง The King And The Clown มั้งครับ แต่ส่วนตัวผมคิดว่า ผมไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่ ( สวยกว่า เสียงพิธีกรสาวแอบแซว ) และตอนนี้ผมก็กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่ เลยอยากให้แฟนๆดูอิมเมจใหม่ๆ มากกว่าไปติดกับอิมเมจเก่าๆครับ"

เมื่อถูกสื่อมวลชนถามถึง เรื่องที่คิดจะหันหน้าสู่วงการเพลงบ้างหรือไม่ เจ้าตัวรีบออกตัวว่าถึงจะชอบร้องเพลง แต่ก็ยังอยากทำงานการแสดงต่อไป "ไม่เคยคิดจะเป็นนักร้องแบบจริงๆจังๆครับ แต่ผมชอบร้องเพลงเป็นงานอดิเรก ตอนนี้อยากทำงานภาพยนตร์ และละครมากกว่าครับ" เมื่อถูกขอร้องให้ร้องเพลงให้ฟัง เจ้าตัวอมยิ้มพร้อมส่ายหัวอย่างเดียว ก่อนจะแก้ตัวว่าตอนนี้คอไม่ค่อยดี ( หัวเราะ )

พร้อมกันนั้นเมื่อทางผู้สื่อข่าวบอกให้พูดภาษาไทยให้ฟัง พอเจ้าตัวพูดออกมา เล่นเอานักข่าวอึ้ง!ส่งเสียงฮือฮากันเลยทีเดียว "ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" ( พร้อมยกเมือไหว้ ) ก่อนจะบอกย้ำแฟนชาวไทยทุกคนว่า "ผมรักคุณ ผมรักคุณ" ( หัวเราะ )

นอกจากนั้นยังพูดถึงสิ่งที่ชอบมากที่สุดในเมืองไทย ที่เจ้าตัวบอกว่า คงเป็นสถานที่เที่ยว แต่ไม่มีเวลาจึงต้องถ่ายทำไปด้วย เที่ยวไปด้วย พร้อมเผยความรู้สึก กรณีที่มีแฟนคลับตามไปเกือบทุกที่ว่า "ช่วงแรกๆรู้สึกตกใจครับ สมาธิหลุดเลย เวลาที่จะถ่ายละคร แต่พอชินแล้วก็รู้สึกสนุกสนานดีครับ แล้วถ้าวันไหนแฟนๆไม่ติดตามผมก็น้อยใจครับ "

พร้อมกล่าวถึงแผนการว่าจะกลับเกาหลีวันที่ 15 มิ.ย. นี้และถ้ามีโอกาสจะกลับมาเมืองไทยอีกครั้งแน่นอน ก่อนจะทิ้งท้ายว่าแฟนชาวไทยน่ารัก และขอให้ติดตามผลงานของเขาด้วย "รู้สึกประทับใจกับแฟนๆคนไทยมากเลยครับ การที่มีแฟนๆต่างประเทศที่ไม่ใช่เกาหลี ทำให้ผมรู้สึกภูมิใจมากเลยครับ ยังไงก็ขอให้ติดตามผลงานของผมต่อไปนะครับ ผมอยากให้คนไทยสนใจวัฒนธรรมเกาหลีมากขึ้น อาจจะไม่ใช่ผมคนเดียว แต่อาจจะเป็นศิลปินคนอื่นๆด้วย เพื่อเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมเกาหลี ผมก็จะพยายามต่อไปครับ"

หลังจากจบงานแถลงข่าวลี จุน กิ ก็มีคิวสัมภาษณ์ยาวเหยียด ก่อนที่จะเข้าร่วมงาน CentralWorld with K.T.C.C: Lee Jun Ki Meet and Greet ต่อในช่วงเย็น ซึ่งบรรยากาศภายในงาน เนืองแน่นไปด้วยบรรดาแฟนคลับที่แห่มายลโฉมนักแสดงหนุ่มกันอย่างมากมาย ทำให้พื้นที่โดยรอบ รวมทั้งรอบรั้วด้านบนของทุกชั้น ถูกแฟนคลับมานั่งจับจองพื้นที่กันตั้งแต่ช่วงบ่าย ก่อนที่งานจะเริ่มในเวลา 18.00 น.

ซึ่งพอหนุ่มลี จุน กิ ปรากฏตัวทางด้านหลังเวทีแฟนคลับ บริเวณชั้นบนต่างก็ส่งเสียงกรี๊ด พร้อมโบกไม้โบกมือทักทาย และเมื่อเจ้าตัวเดินขึ้นเวทีเสียงกรี๊ดก็ดังกระหึ่มเล่นเอาลี จุน กี ต้องเอามือปิดหูกันเลยทีเดียว พร้อมกันนั้น ยังได้มอบของให้กับผู้ที่ร่วมประมูลสิ่งของแต่ละชิ้นซึ่งเจ้าตัวสวมให้เองกับมือ ทั้งหมวกและแว่นตา ก่อนที่จะจับมือแสดงความขอบคุณ ซึ่งผู้ที่ประมูลของได้ ต่างก้ไม่ทิ้งโอกาสดีของตนเอง ขอลี จุน กี กอดเจ้าตัวก็ใจดียินดีให้กอด แต่งานนี้ก็เล่นเอาเจ้าตัวเขินกันเลยทีเดียว เมื่อหนึ่งในผู้ประมูลที่เป็นชาวต่างชาติ กอดรัดแน่น พร้อมหอมแก้มไปอีกหนึ่งฟอด เล่นเอาแฟนคลับที่ยืนดูอยู่โดยรอบ ส่งเสียงกรี๊ดไม่หยุด ก่อนที่เข้าสู่พิธีการนำเงินรายได้ทั้งหมด จากการประมูลสิ่งของ 7 ชิ้น ซึ่งรวมเป็นเงินจำนวนกว่า 93,000 บาท มอบให้กับทางตัวแทนของมูลนิธิ ก่อนที่จะนั่งให้สัมภาษณ์ กับพิธีกรสาวสวยของงาน พร้อมโบกมือทักทายแฟนๆโดยรอบ

ซึ่งพิธีกรสาวถามว่าเหนื่อยบ้างไหม เจ้าตัวบอกไม่เหนื่อย พร้อมบอกรู้สึกประทับใจ ที่มีแฟนๆให้การต้อนรับเยอะขนาดนี้ ก่อนจะหยอดคำหวานเป็นภาษาไทย ฝากแฟนชาวไทยทุกคน "ไม่เหนื่อยเลยครับ รู้สึกประทับใจ และขอบคุณแฟนๆชาวไทยทุกคน ที่คอยติดตามผมครับ ผมรักคุณ ( ลากเสียงยาวมาก )"

พร้อมกันนั้นยังพูดถึงอาหารไทยที่ตนเองชื่นชอบว่า ชอบอาหารทะเล แต่ยังไงก็ยังไม่ชินกับต้มยำกุ้ง อาหารขึ้นชื่อของเมืองไทย " ผมทานอาหารไทยมาเยอะมากเลยครับ และชอบอาหารทะเลครับ ชอบซีฟู้ด แต่ว่าต้มยำกุ้งเนี่ยผมยังทานไม่ค่อยได้ครับ เพราะยังไม่ชินกับกลิ่น ถ้าชินมากกว่านี้น่าจะทานได้ครับ"

นาเดีย : งานอดิเรกคืออะไร เวลาว่างชอบทำอะไรคะ ?
จุนกิ : ก็เหมือนคนทั่วๆไปครับ ฟังเพลง ดูหนัง เที่ยวกับเพื่อน ขับรถเล่นอะไรทำนองนี้ครับ ( ในระหว่างนั้นมีเสียงเรียกจากแฟนคลับด้านบนพร้อมตะโกนว่า "ลี จุ กิ โอปปา ซารางเฮโย" ( พี่ลี จุน กี ฉันรักคุณ ) เจ้าตัวหันไปมองและตอบกลับว่า "ครับ Thank You" ลากเสียงยาวเหมือนเดิม )

นาเดีย : คราวหน้าสงสัยต้องไปเรียนภาษาเกาหลีมาคุยบ้างแล้ว ?
จุนกิ : ผมก็อยากเรียนภาษาไทยครับ แต่ว่าภาษาไทยยาก แต่ก็กำลังเรียนๆอยู่ครับ

นาเดีย : น้องๆอยากทราบว่าคุณ ลี จุน กิมีแฟนหรือยังคะ ?
จุนกิ : ทำไมครับ ? (หันมามองหน้าพิธีกรสาว นาเดียรีบบอก เขาถามค่ะ ) ยังไม่มีครับ !

นาเดีย : สาวไทยเป็นยังไงบ้าง พอจะใช้ได้หรือเปล่า ?
จุนกิ : ผู้หญิงไทยสวยครับ และก็มีเสน่ห์มาก

นาเดีย : ขอถามสเป็คว่า ชอบผู้หญิงแบบไหนคะ ?
จุนกิ : จริงๆผมชอบภาพลักษณ์ที่เจอกันครั้งแรกมากกว่าครับ ก็เลยไม่มีอะไรที่เจาะจงไว้ แต่ถ้าจะให้ดีผมชอบผู้หญิงขี้อ้อนครับ ( พร้อมกันนั้นแฟนคลับต่างก็ส่งเสียงกรี๊ดอ้อนลี จุน กิ เจ้าตัวจึงทำท่าซารางเฮโย ( รูปหัวใจ ) เรียกเสียงกรี๊ดกลับไปถล่มทลาย )

นาเดีย : ตั้งใจในการประมูลนี้ยังไง ที่จะเอาเงินไปทำบุญคะ ?
จุนกิ : ปกติผมชอบทำบุญอยู่แล้วครับ ชอบช่วยเหลือคนอื่น ผมได้รับความรักมาจากแฟนๆ ซึ่งผมควรจะแบ่งความรักให้แฟนๆกลับไปด้วยเช่นกันครับ แล้วในหลวงของคนไทย ก็ทรงทำอะไรให้ประชาชนของพระองค์มามาก ผมเลยอยากทำอะไรได้บ้างจึงเป็นที่มาของการประมูลตรงนี้ครับ

นาเดีย : สุดท้ายนี้ไม่กวนแล้ว ขอให้มีความสุขมากๆ และดีใจกับความสำเร็จในเมืองไทยด้วยนะคะ
จุนกิ : ครับ ขอบคุณมากครับ

ก่อนที่เจ้าตัวจะทิ้งท้ายว่ามีอะไรอยากจะพูดคำหนึ่ง ซึ่งเขาได้กล่าวต่อหน้าแฟนคลับนับพันคนว่า "ทรงพระเจริญ ทรงพระเจริญ" ( พร้อมยกมือไหว้ ก่อนที่แฟนคลับทั้งหมดจะพูดว่า "ทรงพระเจริญ" เช่นเดียวกัน )

เรียกได้ว่าเล่นเอาแฟนคลับปลื้มใจกับความน่ารักสดใส และประทับใจที่พระเอกหนุ่มรักในหลวงเช่นเดียวกับประชาชนชาวไทยทุกคน

Manager Online