ดาวตลกผู้ผันตัวเป็นผู้กำกับ ที่ครั้งหนึ่งเคยสร้างหนังเกาหลี ซึ่งสามารถไปสร้างความเกรียวกราวให้กับบ็อกซ์ออฟฟิศสหรัฐอเมริกามาแล้วอย่าง “ชิมฮยองเร” (Shim Hyung-rae) กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากหนัก หลังจากผลงานเรื่องล่าสุดของเขาล้มเหลว ต้องค้างจ่ายค่าจ้างพนักงานบริษัทของตัวเอง และกำลังถูกเจ้าหน้าที่ทางการเกาหลีตรวจสอบพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง
ครั้งหนึ่ง Younggu-Art Movies เคยมีผลงานเป็นหนังแอ็กชั่นแฟนตาซี D-War ที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง 75 ล้านเหรียญฯ และเป็นงานในระดับนานาชาติที่เข้าฉายทั่วโลกเมื่อปี 2007 แต่ตอนนี้ชะตาของบริษัทผลิตภาพยนตร์แห่งนี้กลับต้องพลิกผัน ตกอยู่ในสภาพล้มละลาย หลังผลงานเรื่องล่าสุดประสบกับความล้มเหลว
อย่างไรก็ตามกลับมีปัญหาที่ตามมามากกว่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมอันน่าเคลือบแคลงสงสัย ของ ชิมฮยองเร เจ้าของบริษัท อดีตนักแสดงตลก และผู้กำกับที่ชาวเกาหลีใต้รู้จักกันดี
โดยล่าสุดอาคารที่เป็นทรัพย์สินของ Younggu-Art Movies ได้ถูกบังคับประมูลขายไปในราคา 4,000 ล้านวอน (ประมาณ 110 ล้านบาท) เพื่อนำเงินไปชำระค่าจ้างของบรรดาลูกจ้าง 43 คน รวมถึงค่าชดเชยการเลิกจ้าง ส่วนที่เหลือก็ถูกนำไปชำระหนี้ให้กับธนาคาร ที่บริษัทค้างจ่ายอยู่ด้วย นอกจากนั้นข่าวยังระบุว่าขณะนี้ยังมีการนำคอนโดมิเนียมหรู สมบัติส่วนตัวของ ชิมฮยองเร ออกประมูลขายแล้วด้วย
ในเวลาเดียวกันเจ้าหน้าที่ตำรวจยังเริ่มสอบสวนกรณีที่ผู้กำกับดังรายนี้ถูกสงสัยว่ามีพฤติกรรมยักยอกทรัพย์ และยังมีข้อหาอีกหลายกระทง โดยเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่ายักยอกเงินจากบริษัทของตัวเองไปถึง 4,100 ล้านวอน (112 ล้านบาท) ระหว่างปี 2008 – 2011 ที่อดีตลูกจ้างหลายคนอ้างว่า ชิม ได้ใช้เงินส่วนใหญ่ของบริษัทไปกับการเล่นพนัน และจ่ายสินบนให้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล
แต่ที่กลายเป็นประเด็นทางการเมืองขึ้นมาก็คือ การสอบสวนในกรณีที่เขาต้องสงสัยว่าได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลในการสร้างหนังเรื่องล่าสุด The Last Godfather ไปถึง 4,200 ล้านวอน (115 ล้านบาท) แบบไม่ชอบมาพากล