มาเฟียบันเทิง!? “อัลเบิร์ต หยัง” (Albert Yeung) พูดถึงเรื่องฉาวของ "เฉินหลง" (Jackie Chan) และ "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau)

เจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงแห่งฮ่องกง “อัลเบิร์ต หยัง” (Albert Yeung) ได้เปิดปากให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และได้พูดถึงประเด็นอื้อฉาวต่างๆ ที่มีข่าวว่าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเรื่องของ "เฉินหลง" (Jackie Chan), "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) และ "เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse)
       
       "เขาเริ่มต้นเปิดกิจการร้านนาฬิกาในปี 1964 จนขณะนี้คือจักรพรรดิแห่งธุรกิจนาฬิกา และเครื่องประดับ .... ธุรกิจของ หยัง ภายใต้การบริหารของ Emperor Group อันยิ่งใหญ่ ยังมีผลประโยชน์อยู่ในการลงทุนด้าน ภาพยนตร์, โรงแรม, ดนตรี และร้านอาหาร"
       
       นี่คือคำบรรยาถึง อัลเบิร์ต หยัง ชายผู้ครองตำแหน่งผู้มั่งคั่งที่สุดอันดับ 31 ของฮ่องกง จากการจัดอันดับโดย Forbes ด้วยทรัพย์สินถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 40,000 ล้านบาท
       
       Emperor Entertainment Group ของเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เป็นธุรกิจบันเทิงครบวงจร ที่จัดจำหน่ายทั้งผลงานจากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นเอเยนซี่ของศิลปิน และรับจัดคอนเสิร์ตด้วย นอกจากนั้นยังบริหารโรงภาพยนตร์, สร้างภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย
       
       อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพราะเรื่องความร่ำรวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ชายวัย 66 ปีคนนี้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวฮ่องกง หากแต่เป็นเพราะความ "ทรงอิทธิพล" ของเขาต่อวงการบันเทิงฮ่องกงตากหาก และเป็นอิทธิพลในด้านที่ไม่ค่อยจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการนัก
       
       หยัง ได้ชื่อว่าเป็น "บุคคลอันตราย" ในวงการบันเทิงครั้งหนึ่ง เคยถูกกล่าวหาว่าให้คนของตัวเอง "หักขา" อดีตลูกจ้างหลังเกิดปัญหาเรื่องค่าจ้างขึ้น จนกลายเป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลใหญ่โตในวงการบันเทิง เป็นหนึ่งใน "ตำนาน" ของชายที่มักจะบอกว่าตัวเองก็เป็นคนธรรมดาๆ ไม่แตกต่างอะไรกับทุกคน
       
       เรื่องฉาวของ "เฉินหลง"
       
       ในการให้สัมภาษณ์กับ Mingpao Weekly อัลเบิร์ต หยัง ยอมเปิดปากพูดถึงประเด็นฉาวหลายเรื่องที่เขาได้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ไม่ว่าจะโดยตรง หรือเป็นตัวกลางอย่างตอนที่ เฉินหลง หุ้นส่วนทางธุรกิจของเขามีปัญหาเรื่องผู้หญิง
       
       ความสัมพันธ์ชู้สาวของ เฉินหลง ที่มีภรรยาและลูกชายอยู่หนึ่งคน กับอดีตมีสเอเชีย อู๋ฉีลี่ (Elaine Ng) เป็นประเด็นข่าวใหญ่โตเมื่อปี 1999 หลังเธอออกมาเปิดเผยว่าลูกสาวของตัวเอง เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ แจ็คกี ชาน แต่ที่ไม่มีใครรู้ก็คือ อัลเบิร์ต หยัง ได้เสนอกับ เฉินหลง ว่าเขาจะช่วยเหลือแก้ไขเรื่องนี้ ด้วยการจ่ายเงินก้อนโตเป็นค่าปิดปากฝ่ายหญิง
       
       "ผมเสนอตัวเป็นคนกลาง เพื่อพูดกับ อู๋ฉีลี่ ปิดปากเธอด้วยเงินซักก้อน" อัลเบิร์ต หยัง เปิดเผย อย่างไรก็ตามสุดท้ายข้อเสนอดังกล่าวได้ถูกบอกปัดไปโดยตัวของเฉินหลง ด้วยเหตุผลที่ราชานักบู๊กล่าวในวันนั้นว่า ไม่อยากจะปล่อยให้มีปัญหาค้างคาเรื้อรังเป็นภัยใกล้ตัวในระยะยาว
       
       สุดท้ายแผนครั้งนั้นจึงไม่ได้ดำเนินการ อัลเบิร์ต หยัง บอกว่าเขาไม่ได้ติดต่อกับผู้หญิงคนนั้น และไม่ได้ช่วย เฉินหลง จ่ายเงินก้อนโต 30 ล้านเหรียญฮ่องกงอย่างที่มีการพูดกันแต่อย่างใด เฉินหลง เป็นคนแก้ปัญหาเอง ด้วยการยอมรับผิดต่อสาธารณะชนในที่สุด
       
       อัลเบิร์ต หยัง ยังเล่าถึงเรื่องครั้งนั้นว่าความวิตกกังวลที่แท้จริงของ เฉินหลง ดูจะเป็นเรื่องที่บ้านเสียมากกว่า "ตอนนั้น เฉินหลงกังวลเกี่ยวกับภรรยาของเขามากที่สุด เขาอธิบายเรื่องนี้ให้เธอฟังทางโทรศัพท์ กลายเป็นว่าเธอไม่หวั่นไหว และยังคงให้กำลังใจ หลินฟ่งเจียว (ภรรยาของเฉินหลง) บอก เฉินหลง ในตอนนั้นว่า 'คุณไม่ต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟังหรอก ฉันกับลูกพอจะดูแลตัวเองได้ อยากังวลเกี่ยวกับเราเลย พยายามแก้ปัญหาของคุณไปเถอะ ไม่ต้องพูดอะไรมากหรอก'"
       
       ไม่รู้ไม่เห็นกรณีตีพิมพ์ภาพลับเฉพาะ "หลิวเจียหลิง"
       
       ในตอนนั้นหลังปัญหาของเฉินหลงเริ่มทุเลาเบาบางลง อัลเบิร์ต หยัง ยังต้องปวดหัวกับปัญหาใหม่ ที่คราวนี้เขาเกี่ยวข้องโดยตรง เมื่อถูกกล่าวหาว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตีพิมพ์ภาพเปลือยของ หลิวเจียหลิง
       
       เรื่องครั้งนั้นเป็นฝันร้ายของ หลิวเจียหลิง ที่เคยถูกพวกแก๊งลักพาตัวไปเมื่อปี 1990 ในตอนที่เธอกำลังเป็นขึ้นเป็นดาราหญิงแถวหน้าของวงการ หลิวเจียหลิง ถูกทำร้ายร่างกาย จับเปลือยกาย และถ่ายภาพเก็บเอาไว้ ในสภาพที่เธอเองกำลังร่ำไห้, บอบช้ำหนัก และช่วยเหลืออะไรตัวเองไม่ได้เลย เป็นประสบการณ์แสนเจ็บปวดทั้งต่อตัวเธอเอง และวงการบันเทิงฮ่องกงด้วย
       
       ตัวของ หลิวเจียหลิง เองกล่าวว่าเธอรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องครั้งนั้น พร้อมเล่าว่าเหตุที่เกิดขึ้นมาจากการที่เธอปฏิเสธจะรับเล่นหนังของ "ผู้ทรงอิทธิพล" รายหนึ่ง แต่เธอก็ยังไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นใครกันแน่
       
       12 ปีต่อมา นิตยสาร Eastweek จึงหยิบเอารูปจากเหตุการณ์ครั้งนั้นมาตีพิมพ์ ซึ่งสื่อฉบับนี้มี อัลเบิร์ต หยัง เจ้าพ่อวงการบันเทิงเป็นเจ้าของนั่นเอง
       
       ในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ หยัง ได้กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อร่วม 10 ปีก่อนเป็นครั้งแรก โดยเขายืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ แต่เป็นเรื่องของบรรณาธิการนิตยสารที่ดำเนินการไปเองทั้งหมด "ผมมีธุรกิจมากมาย ไม่ได้ดูแลทุกอย่างด้วยตัวเอง มันเป็นหน้าที่ของกองบรรณาธิการ ซึ่งหลังปรึกษาทนายความแล้ว ปรากฏว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิดกฏหมาย แต่ในทางศีลธรรมก็ถือว่าเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง"
       
       เขายังย้ำว่า หากตนรู้เรื่องก่อน ก็จะไม่ให้ตีพิมพ์ภาพนั้นออกไปอย่างแน่นอน "พูดตามตรงสิ่งพิมพ์เป็นธุรกิจเล็กๆของผม และ หลิวเจียหลิง ก็เป็นเพื่อนคนหนึ่ง เธอเข้าใจว่ามันไม่ใช่ความผิดของผม เรายังคงมีมิตรภาพที่ดีถึงปัจจุบัน"
       
       แม้นิตยสารเล่มที่มีปัญหาจะขายดิบขายดี และราคาหนังสือมือสองก็เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ แต่การตีพิมพ์ภาพต้องห้าม ก็ทำให้เกิดกระแสความเคลื่อนไหวของคนบันเทิงกว่า 500 ชีวิต ที่ถือป้ายเพื่อประท้วงต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบริเวณสำนักงานเขตปกครองพิเศษ
       
       ในที่สุด Eastweek ที่ถูกกระแสสังคมต่อต้านอย่างหนัก ก็ลงเอยด้วยการหยุดพิมพ์ไประยะเวลาหนึ่ง ส่วนบรรณาธิการและทีมงานหลายๆคน ก็ขอลาออกจากหน้าที่ไป
       
       เห็นใจ "เซียะถิงฟง" เชื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก
       
       อีกประเด็นที่ อัลเบิร์ต หยัง ได้กล่าวถึงก็คือเรื่องรักร้าวระหว่าง เซียะถิงฟง และ จางป๋อจือ (Cecilia Cheung)
       
       ในฐานะผู้ใหญ่ของวงการบันเทิง ที่รู้จักกับ เซียะเสียน และอดีตภรรยา เดเบอราห์ ลี พ่อกับแม่ของเซียะถิงฟงมาหลายสิบปี มองเห็นศิลปินหนุ่มคุณพ่อลูกสองคนนี้เติบโตขึ้นมาตั้งแต่เด็ก เหมือนกับเป็นลูกเป็นหลานของตัวเองคนหนึ่ง อัลเบิร์ต หยัง ได้แสดงความเห็นว่า "เซียะถิงฟง เคยเป็นตัวของตัวเองมาก เขาไม่ค่อยจะแคร์ความรู้สึกของคนอื่น แม้กระทั่งผมที่เป็นเจ้านาย ผมรักและตามใจเขามาตลอด"
       
       อย่างไรก็ตามตอนนี้รุ่นใหญ่แห่งวงการบันเทิงรายนี้มองว่า เซียะถิงฟง เติบโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก ไม่ได้ดื้อรั้นอย่างที่เป็นมาอีกแล้ว ซึ่งการแยกทางกันของ เซียะถิงฟง กับจางป๋อจือ เมื่อปีก่อนนั้น อัลเบิร์ต หยัง ยืนยันว่า เซียะถิงฟง ไม่เคยให้ร้ายอดีตภรรยาอย่างที่มีการลือกัน ไม่พยายามแก้ตัวในสิ่งที่ จางป๋อจือ หรือจะเป็นสาธารณะชนเข้าใจผิด อันที่จริงแล้วเขาเองแทบไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเธอ หรือ เฉินกว้านซี (Edison Chen) เลยด้วยซ้ำ
       
       อัลเบิร์ต หยัง นั้นไม่สามารถผลักปัญหา "ภาพหลุด เฉินกว้านซี" ที่เกิดขึ้นเมื่อปี 2008 ออกไปห่างตัวได้อย่างแน่นอน เพราะทั้ง เซียะถิงฟง และ เฉินกว้านซี นั้นก็ถือว่าเป็น (และเคยเป็น) นักแสดงในสังกัด Emperor Entertainment Group ของเขาทั้งคู่ ยิ่งไปกว่านั้น เฉินกว้านซี ยังเคยคบหากับ วินซี หยัง (Vincy Yeung) หลานสาวของเขา (ซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อของประเด็นภาพหลุด) ด้วย
       
       เรื่องของตัวเอง
       
       นอกจากเรื่องของชาวบ้านแล้ว อัลเบิร์ต หยัง ยังได้โอกาสพูดถึงเรื่องของตัวเอง โดยเฉพาะชีวิตรัก ที่เขาผ่านการแต่งงานมาแล้วสองครั้ง โดยครั้งแรกจบลงด้วยการหย่าร้าง เมื่อภรรยาจับได้คาหนังคาเขา ระหว่างที่ตัวเขาเองอยู่ในห้องนอนกับดาราสาวคนหนึ่ง ซึ่ง อัลเบิร์ต หยัง ขอไม่บอกว่าเป็นใคร เพียงใบ้ว่าเป็นดาราทีวี และดังอยู่พอสมควรในช่วงยุค 70s
       
       อัลเบิร์ต หยัง แต่งงานครั้งที่สองเมื่อปี 1985 ถึงตอนนี้ เจ้าพ่อวงการบันเทิงวัย 66 ปี บอกอย่างเต็มปากเต็มคำ ว่าเขาเองก็ยังมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นอยู่บ้าง แต่ก็จะระมัดระวังเป็นพิเศษ พร้อมบอกอีกว่าสำหรับผู้ชายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องรักสาวๆและเงินทั้งนั้น

 

Manager Online