สัมภาษณ์เรน

แม้ว่าตอนนี้คอนเสิร์ตของหนุ่ม เรน-ชองจีฮุน ในแถบเอเชียจะจบสิ้นลงไปแล้ว แต่คะแนนความนิยมก็ใช่ว่าจะจบตามไปด้วย เพราะยังคงมีแฟนๆ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ของนักร้องหนุ่มคนนี้ เข้ามาเพิ่มมากขึ้นทุกวัน ล่าสุด เรน ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ของบุคคลที่มีใบหน้าสวยที่สุด และเมื่อปีที่แล้ว ก็ติดอันดับบุคคลที่ทรงอิทธิพลของนิตยสาร TIME เราเลยขอหยิบบทสัมภาษณ์บางส่วนของเขาในนิตยสาร TIME มาฝากกันค่ะ

คุณเริ่มเต้นรำ และร้องเพลงมา ตั้งแต่ยังอายุน้อยๆ รู้สึกแตกต่างไปจากตอนนี้ ที่ทำมันเป็นอาชีพหรือเปล่าค่ะ ?

ผมไม่เคยคิดว่า ผมมีอะไรพิเศษไปจากคนอื่น ผมแค่โชคดีที่ได้ทำงานดีๆ ในฐานะคนที่มีชื่อเสียง ผมร้องเพลงและเต้นรำก็เพราะผมชอบ และส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมมีความสุขก็คือ ผมสามารถหาเงินได้จากการทำสิ่งที่รัก ผมเองก็ต้องพยายามอย่างหนัก และก็ต้องพยายามนำเสนอสิ่งแปลกๆ ใหม่ๆ ออกมา มันยากมากๆ ในการที่จะทำเพลงใหม่ๆ ออกมาภายใน 1 หรือ 2 ปี เพื่อที่จะทำให้มันกลายเป็นเพลงยอดนิยม

คุณบอกว่า คุณเต้นรำและร้องเพลงตั้งแต่อยู่มัธยมต้นปี 2 ฉันจึงแน่ใจว่า พ่อแม่ของคุณคงไม่สบายใจแน่ๆ ?

พ่อแม่ทุกคนอยากให้ลูกเข้าเรียนในโรงเรียนดีๆ และก็ได้งานดีๆ ทำ ผมเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อแม่ ผมมักจะออกไปเตร็ดเตร่นอกบ้านจนโดนดุเป็นประจำ ใช่แล้วครับ ผมทำให้พวกท่านกลุ้มใจมากๆ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พ่อพาผมไปที่ภัตตาคารจีนแห่งหนึ่ง ท่านสั่งอาหารและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และก็เทให้ผมแก้วนึง ทั้งๆ ที่ผมยังเรียนมัธยมอยู่เลย ท่านพูดกับผมว่า จิบแรกของเหล้าแก้วนี้ ต่อไปลูกจะได้รับอนุญาตให้ดื่มเหล้าได้ แต่ลูกจะต้องสัญญากับพ่อว่า ลูกจะไม่ทำอะไรที่ไม่ดีหรือผิดศีลธรรม และจะไม่สูบบุหรี่ ถ้าลูกไม่สัญญา พ่อจะไม่อนุญาตให้ลูกดื่ม พ่อจะไม่ว่ากล่าวอะไรลูกด้วย ถ้าลูกกลับบ้านดึกหรือเมากลับมา ตอนอายุเท่านั้น ผมรู้ว่าถ้าเพื่อนๆ ของผมถูกพ่อจับได้ว่าดื่มเหล้าก็จะโดนตี ดังนั้นผมก็เลยดื่มเหล้าแก้วที่พ่อส่งให้ และก็สัญญากับพ่อว่า ผมจะไม่ทำอะไรที่พ่อบอกไม่ให้ทำ ผมไม่สูบบุหรี่ แต่ผมดื่มเหล้า และผมก็ไม่เคยทำอะไรที่ไม่ดีหรือทำให้คนอื่นเสียใจ

คิดยังไงค่ะ ที่พ่อของคุณอนุญาตให้คุณดื่มเหล้าได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ?

ผมคิดว่า เพราะท่านเข้าใจเส้นทางที่ผมกำลังจะก้าวไป ธุรกิจของพ่อผมประสบกับความล้มเหลว สำหรับครอบครัวของเราแล้ว การหาเงินให้พอกับค่าใช้จ่ายในแต่ละวันเป็นเป้าหมายใหญ่ ตอนนั้นผมสัญญากับตัวเองว่า เมื่อผมโตขึ้น ผมจะต้องหาเงินให้ได้มากพอที่จะเลี้ยงดูพ่อแม่ และสำหรับครอบครัวของตัวเอง เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ไม่ต้องกลัดกลุ้มเรื่องเงินๆ ทองๆ โชคไม่ดีที่แม่ของผมเสียไปตั้งแต่ผมเรียนอยู่ปีสุดท้ายของมัธยมปลาย

คุณคงจะคิดถึงคุณแม่บ่อยๆ สินะคะ ? (ถึงตอนนี้ดวงตาของ เรน เริ่มกลายเป็นสีแดงระเรื่อ )

ตอนเด็กผมเคยฝันอยากจะขึ้นเครื่องบิน ทุกวันนี้ ผมต้องเดินทางโดยเครื่องบินบ่อยมาก ทำให้คิดว่า คงจะดีไม่น้อย ถ้าผมสามารถพาแม่มาขึ้นเครื่องบินด้วยได้ ครอบครัวของผมไม่เคยมีบ้านของตัวเอง ดังนั้นเมื่อผมสามารถซื้อบ้านได้ แม่คือคนที่ผมคิดถึงมากที่สุด ถ้าแม่ยังคงมีชีวิตอยู่เธอคงจะไปป่าวประกาศให้เพื่อนบ้านได้รับรู้ว่า ลูกชายฉันซื้อบ้านให้ฉันด้วยล่ะ

ได้รับฉายา ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก เพราะการแสดงคอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก ตอนปลายปีที่แล้ว ?

คอนเสิร์ตที่นิวยอร์ก เป็นเหตุผลหนึ่งครับ การที่ผมได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ของผู้มีอิทธิพลที่สุดของโลกโดยนิตยสารไทม์ ก็มีส่วนอย่างมาก แต่ฉายา ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ที่สื่อมอบให้ผม เพราะเขาคิดว่าผมจะกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลกได้ ซึ่งบางครั้ง ก็ทำให้ผมรู้สึกอายนะ ผมยังไม่ได้เข้าสู่ตลาดอเมริกาอย่างเป็นทางการ ผมยังไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่ หรือแสดงภาพยนตร์ที่นั่น เมื่อใดที่ผมได้ทุ่มเทเต็มที่ และได้รับผลลัพธ์ที่ดีในตลาดอเมริกา นั่นแหละผมจึงสมควรที่จะถูกเรียกว่าเป็น ซูเปอร์สตาร์ระดับโลก อย่างแท้จริง

เคยคิดมั้ยว่าการเต้นรำ และการร้องเพลงของคุณ กำลังเป็นที่นิยมไปทั่วเอเชีย จะกลายเป็นที่นิยมในอเมริกาด้วย ?

ผมอยากจะเข้าสู่ตลาดอเมริกา และแสดงให้พวกเขาเห็นว่า ศิลปินเอเชียก็สามารถทำได้ดีเช่นเดียวกับศิลปินอเมริกา อยากจะแสดงให้เห็นว่าเอเชียเราก็มีวัฒนธรรมอันโดดเด่น คนที่มาพร้อมกับจิตใจอันมั่นคงและวัฒนธรรม จะดูน่าเกรงขามกว่าคนที่มาพร้อมมีดในมือ บรรพบุรุษของพวกเราได้สร้างสรรค์ความพิเศษของเพลงโฟล์กซองเอาไว้อย่างหนึ่ง ซึ่งนั่นรวมถึงความพิเศษของวิธีการ โค้งตัวลง เพื่อร้องเพลง การใช้วิธีพิเศษมากมายของชาวเกาหลีนี้ ทำให้สามารถร้องเพลงอเมริกันสไตล์ R&B ได้ง่ายขึ้น ถ้าผมนำสิ่งที่ผมได้เรียนมาในเกาหลี เอาไปใช้ร่วมกับโปรดิวเซอร์ที่เยี่ยมที่สุดของอเมริกา เราก็จะสามารถทำงานร่วมกัน เพื่อผลิตเพลงที่เป็นส่วนผสมของสองวัฒนธรรมที่ดีกว่าเดิมได้

เคยคิดมั้ยคะว่ามันคงจะง่ายกว่านี้มาก ถ้าคุณเกิดในอเมริกา ?

คุณไม่มีวันรู้หรอกนะครับว่า ผมจะกลายเป็นใคร ถ้าผมเกิดในอเมริกา ผมอาจจะเกิดในฮาเร็ม หรือเป็นลูกชายของครอบครัวมหาเศรษฐี และนั่นก็คงจะไม่มีโอกาสที่ผมจะมาประกอบอาชีพทางดนตรี ไม่รู้ถึงวิธีการเต้นแบบที่ผมเป็นอยู่ ผมมักจะขอบคุณเสมอ ที่ผมได้เกิดมามีชีวิตแบบที่ผมเป็นอยู่ทุกวันนี้ ตอนผมยังอายุน้อยกว่านี้ ผมมีความปรารถนาที่จะได้แจกลายเซ็น ได้ออกทีวี และตอนนี้ผมบรรลุความปรารถนาทั้งหมดนั่นแล้ว

ได้ยินมาว่า ในการคิดเลือกเป็นนักร้อง คุณถูกวิจารณ์เรื่องหน้าตาด้วย ?

ผมเริ่มเข้ารับการคัดเลือกตั้งแต่ตอนเรียนอยู่มัธยมต้นปี 2 ช่วงนั้น บริษัทบันเทิงส่วนใหญ่มักจะมองหาแต่คนที่มีรูปร่างหน้าตา โดยเจาะจงว่าต้องเป็นแบบนั้นๆ ๆ พวกเขาบอกผมว่า ผมมีใบหน้าและรูปร่างที่ดูเด็กเกินไป พวกเขามักจะบอกให้ผมไปทำศัลยกรรมดวงตา แต่หมอก็จะบอกผมว่า ทางที่ดีอย่าทำอะไรกับใบหน้าของเธอเลยจะดีกว่านะ ผมก็เลยพยายามอย่างหนัก ที่จะเสริมสร้างร่างกายและใบหน้า ให้กลายเป็นอย่างที่บริษัทพวกนั้นอยากได้ ผมเริ่มสร้างกล้ามเนื้อและลดไขมัน จากนั้นก็มีคนแนะนำ ปาร์คจินยัง ให้ผมรู้จัก เขาถือว่าเป็นผู้ที่เปิดถนนสายใหม่ให้กับชีวิตของผมนะครับ

แต่คุณไม่คิดหรือคะว่า จะมีหนุ่มน้อยที่ชื่อ ชองจีฮุน ?

ช่วงที่ผมไปรับการคัดเลือกกับ JYP นั้น ผมเหมือนกำลังยืนอยู่ริมปากเหว ผมไม่มีทางไปทางอื่นอีกแล้ว บิลค่ารักษาพยาบาลของแม่ก็ยังไม่ได้จ่าย ผมไม่มีเงิน ไม่มีแม้แต่ค่ารถเมล์ และผมก็ยังมีน้องสาวอีกคนที่ต้องดูแล ผมไม่มีที่ที่จะไปซ่อนตัว และไม่มีแม้แต่ที่จะคุ้มกะลาหัว ในระหว่างการคัดเลือก ทั้งหมดที่อยู่ในหัวผมก็คือ ความจริงที่ว่า ถ้าผมไม่ผ่านการคัดเลือก ผมก็จะไม่มีที่ไป วันนั้นผมก็เลยเต้นไปร่วมๆ 5 ชั่วโมง

เคยแอบอิจฉาเด็กคนอื่นๆ ที่เรียนเก่งๆ ตอนสมัยเรียนบ้างมั้ย ?

ผมอิจฉามากเลยนะ พวกเขามักจะได้รับคำชมจากบรรดาคุณครู และไม่เคยทำให้พ่อแม่กังวลใจ แต่ตัวผมสิ ที่ไม่สามารถนั่งนิ่งๆ อยู่ที่เก้าอี้ได้นานกว่า 1 ชั่วโมงเลย ถ้าผมต้องนั่งนานขนาดนั้น ผมก็จะเริ่มมองกระจก ซ้อมเต้น ฟังเพลง หรือแม้แต่ขยับเขยื้อนร่างกาย แล้วตอนอ่านหนังสือสอบ ผมก็มักจะอ่านไปพร้อมกับเปิดเพลงฟังไปด้วย

สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัย Kyung Hee ( Post Modern Music Major ) ได้ นับว่าคุณเก่งมากนะ ?

JYP บอกกับผมว่า ถ้าผมสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ เขาจะไม่ปั้นผมเป็นนักร้อง พอเขาบอกกับผมแบบนั้น ผมก็ทำอะไรไม่ถูกเลย มีเวลาเหลืออีกแค่ 102 วันเท่านั้น ผมก็จะต้องไปเข้าสอบครั้งสำคัญ ที่จะตัดสินว่า ผมจะเข้ามหาวิทยาลัยได้หรือไม่ ผมก็เลยไปที่ร้านหนังสือ และซื้อหนังสือติวสอบที่หนาประมาณ 300 หน้ามาเล่มหนึ่ง ผมก็บอกกับตัวเองว่า เราสามารถอ่านหนังสือได้วันละ 3 หน้า จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมก็จะอ่านหนังสือวันละ 3 หน้า และท่องจำทั้งคำถามและคำตอบ ผมจ้องหนังสือติวเล่มนั้นทั้งยามกิน ยามเดิน และตอนที่ผมฝึกซ้อมการเต้น และในวันที่ผมรู้สึกเหนื่อยจากการเต้น ผมก็จะนั่งอ่านหนังสือทั้งคืน จนผมสอบเข้าได้ในที่สุด

ก่อนที่จะมามีชื่อเสียง ช่วงไหนของชีวิตคุณที่ยากลำบากที่สุด ?

ถึงผมจะผ่านการคัดเลือก แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่า ผมจะได้เป็นนักร้องในทันที JYP ทำการทดสอบผมทุกอาทิตย์หลังจากนั้น ผมกังวลใจมาก ผมคิดเสมอว่า จะเป็นยังไงถ้ามีวันใดวันหนึ่งที่ JYP เดินเข้ามา และบอกผมให้เก็บกระเป๋าและไปซะ หลายครั้งที่ผมอยากจะยอมแพ้ แต่ในที่สุดผมก็ต้องต่อสู้กับตัวเองเพื่อที่จะเอาชนะมันให้ได้

กับรูปร่างที่แฟนๆ สาวๆ ชื่นชอบมากเนี่ย คุณเกิดมาแล้วเป็นแบบนี้เลยหรือเปล่า ?

ตอนผมอายุยังน้อย ผมอ่อนแอมากนะครับ ตอนเรียนชั้นประถม ผมมักจะโดนรุมรังแก แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อผมรู้สึกว่าไม่อยากถูกรังแกอีกแล้ว ผมก็เลยไปเรียนคาราเต้ และเริ่มไป Health Club ร่างกายของคุณเป็นสินทรัพย์ที่มีค่า ดังนั้นคุณควรจะต้องมีสุขภาพดี และผมคิดว่าในอนาคต เมื่อผมได้ไปยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน ผมก็ควรจะมีรูปร่างที่ผมสามารถอวดได้อย่างภาคภูมิใจ

รู้มั้ยว่า ความคิดคุณโตกว่าอายุมาก ?

ผมได้อยู่ในวงการนี้ โดยการสังเกตคนที่มีชื่อเสียงคนอื่นๆ มานานนับ 10 ปีนะครับ มันมักจะมีความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ และความผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้แหละ ที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมจะจดโน้ตในหลายๆ เรื่อง และเมื่อยามที่ผมเบื่อๆ ผมก็จะนั่งอ่านโน้ตพวกนี้ นิสัยแบบนี้ทำให้ผมได้รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง และเมื่อสิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น ผมก็จะหลีกเลี่ยงความผิดพลาดเหล่านั้นได้ แน่นอนว่า ก็มีบ้างที่ผมอยากจะไปพบกับผู้หญิง และผมก็อยากจะทำอะไรที่มันอาจจะกลายเป็นปัญหาได้ ผู้คนมักจะอยากรู้อยากเห็น แต่เหตุผลที่ผมอดทนไม่ทำสิ่งเหล่านั้นก็เพราะว่า ผมยังคงมีโอกาสที่จะได้ทำสิ่งเหล่านั้นเมื่อผมอายุเยอะขึ้น ตอนนี้ผมควรมุ่งมั่นอยู่กับสิ่งที่ผมอยากจะทำในงานของผมก็พอ

และผู้หญิงแบบไหน ที่จะดึงดูดความสนใจของคุณ ?

ผู้หญิงในอุดมคติของผมก็คือ ผู้หญิงฉลาดครับ คุณอาจจะเบื่อความสวยงามที่คุณเห็นภายนอกในเวลาไม่นาน แน่นอนว่า มันคงเป็นการดี ถ้าเธอผู้นั้นจะสวยด้วย แต่ไม่ว่าเธอจะสวยแค่ไหน รูปโฉมภายนอก ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว หลังจากผ่านพ้นไปสัก 2-3 เดือน ปีหนึ่ง หรือสองปี ผมได้เรียนรู้จากคุณพ่อของผมมากมาย และท่านก็บอกผมว่า การได้พบกับผู้หญิงที่ฉลาด เป็นสิ่งที่สำคัญกว่าการได้พบกับผู้หญิงที่มีแต่ความสวยงามเพียงแค่เปลือกนอก

Source: AsianPlus