ผู้สร้างยกเลิก Harry Potter ฉบับ 3-D แจงทำไม่ทันกลัวคุณภาพไม่ถึง

บริษัท Warner Brothers ผู้จัดจำหน่ายหนังชุด Harry Potter ออกมาประกาศข่าวการยกเลิกฉบับ 3 มิติของหนังภาคที่ 7 ซึ่งจะเข้าฉายภายในเดือน พ.ย. นี้ พร้อมให้เหตุผลว่า ด้วยเวลาอันกระชั้นชิดจนเกินไป ผู้สร้างจึงไม่สามารถแปลงหนังจาก 2-D ให้กลายเป็น 3-D ที่มีคุณภาพตามมาตรฐานได้

ตามแผนการเดิม Warner Brothers Entertainment ต้องการส่งภาพยนตร์เรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows ให้เข้าฉายทั้งในระบบ 2-D ปกติ และระบบ 3-D ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ อย่างไรก็ตามแผนการดังกล่าวต้องถูกยกเลิกไปในที่สุด หลังจากทีมงานไม่สามารถสร้างภาพสามมิติได้ในคุณภาพระดับมาตรฐาน ภายใต้เวลาอันจำกัดเพื่อเข้าฉายในกำหนดเดิมได้ "แม้ว่าทุกคนจะพยายามอย่างสุดความสามารถแล้ว เรายังไม่สามารถแปลงหนังทั้งเรื่องให้ออกมาเป็น 3-D มีคุณภาพสูงสุดตามมาตรฐานได้" บริษัทจัดจำหน่ายหนังชื่อดังแถลงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

ตัวแทนของ Warner Brothers ยังเสริมว่า"เราไม่ต้องการสร้างความผิดหวังให้กับแฟน ๆ ที่รอยคอยบทสรุปของการเดินทางอันยาวนานครั้งนี้ ซึ่งสุดท้ายแล้วหนังยังจะเข้าฉายในกำหนด 19 พ.ย. ตามแผนการเดิม ซึ่งทางคนทำหนังเชื่อว่านี่คือทางเลือกที่ดีที่สุด เพื่อประสบการณ์ทางบันเทิงของผู้ชม Harry Potter" ในการประกาศข่าวครั้งนี้ เดวิด เฮย์แมน หนึ่งในทีมผู้อำนวยการสร้างกล่าวยืนยันว่า "สิ่งที่ได้รับการพิจารณาอันดับแรกก็คือ ความซื่อตรงต่อหนังสือของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ในการดัดแปลงสู่แผ่นฟิล์ม และการตัดสินใจครั้งนี้ก็คือสิ่งที่สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในข้อนี้"

ภาพยนตร์ที่จากหนังสือเล่มสุดท้ายของนิยายจากปลายปากการของ เจ. เค. โรว์ลิ่ง ถูกแบ่งออกเป็นหนังสองเรื่อง Harry Potter and the Deathly Hallows: Part 1 จะมีกำหนดเข้าฉายในเดือน พ.ย. ที่จะถึงนี้ ขณะที่ภาคจบจะเข้าโรงภาพยนตร์ทั่วโลกในเดือน ก.ค. 2011 ซึ่งเดิมทีผู้สร้างหวังเก็บเงินทั้งในโรง 2-D และ 3-D แบบเดียวกับหนังตอนก่อน Harry Potter and the Half-Blood Prince แตกต่างที่ในหนังภาคที่แล้วมีเฉพาะช่วงต้นของหนังเท่านั้น ที่เป็นระบบภาค 3-D

นับจาก Avatar กลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำเงินสูงสุดตลอดกาล ระบบภาพ 3 มิติ กลายเป็นเครื่องมือในการเพิ่มรายได้ของสตูดิโอหลาย ๆ แห่งในฮอลลีวูด แต่ในเวลาเดียวกัน กระแสความนิยมดังกล่าวก็สร้างความด่างพร้อยให้กับเทคโนโลยีทางภาพแบบใหม่นี้ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อวิจารณ์ที่ว่าสตูดิโอต่าง ๆ ดัดแปลงหนังปกติให้กลายเป็นหนังสามมิติอย่างสุขเอาเผากิน โดยเฉพาะกับกรณี Clash of The Titans และ The Last Airbender ที่ถูกตีตราเป็นหนัง 3-D ไร้คุณภาพ ซึ่งสร้างความกังวลให้กับคนในวงการว่า ความนิยมของหนังสามมิติอาจจะเริ่มถดถอยลงเรื่อย ๆ ถ้าทุกอย่างยังคงเป็นเช่นนี้

เจฟฟรีย์ แคตเซนเบิร์ก ผู้บริหารแห่ง Dreamworks Animation กล่าวว่า Clash of The Titans คือตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีที่ผิดพลาด จนทำให้แฟนหนังเริ่มมองหนังสามมิติในแง่ลบ "ไม่มีอะไรที่จะคุณภาพแย่ และเกรดต่ำไปกว่าสิ่งที่พวกเขาทำกับ Clash of the Titans อีกแล้ว มันเหมือนเป็นการขับไล่ไสส่งแฟนหนังออกไปชัด ๆ" ผู้สร้างคนดังกล่าวออกมาในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง "การกระทำแบบนี้คือความไม่จริงใจ ที่อาจเอาตัวรอดไปได้ในครั้งแรก ๆ แต่ไม่ใช่ในระยะยาว เมื่อแฟนหนังเริ่มรู้สึกตัว พวกเขาจะเดินหนีออกจากพวกเราไป"

แม้ระยะหลังรายได้จากหนัง 3-D จะเริ่มลดลงตามลำดับ แต่ยังมีหนังสามมิติรอเข้าฉายอยู่อีกหลายเรื่อง นอกจากหนังใหม่ ๆ แล้วมหากาพย์สงครามอวกาศ Star Wars ก็เตรียมกลับมาเข้าโรงแบบ 3-D ในปีหน้า ขณะที่ภาพยนตร์ทำเงินสูงสุดอันดับ 2 ตลอดกาลอย่าง Titanic ก็จะถูกแปลงเป็นหนังสามมิติเช่นเดียวกัน โดยผู้กำกับเจ้าของงาน เจมส์ คาเมรอน กล่าวว่ากระบวนการแปลงภาพต้องทำอย่างพิถีพิถัน ซึ่งทำให้กว่าจะได้ดู Titanic 3-D ก็ต้องรอไปถึงปี 2012 กันเลยทีเดียว

Harry Potter and the Deathly Hallows Part 1 Trailer 2 Official HD

Manager Online