แต่งแล้ว "เหลียงเฉาเหว่ย - หลิวเจียหลิง"

"โทนี เหลียง" (Tony Leung) หรือ "เหลียงเฉาเหว่ย" และ "คารินา หลิว" (Carina Lau) หรือ "หลิวเจียหลิง" เข้าพิธีแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ในประเทศ ภูฏาน ซึ่งงานดังกล่าวได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากราชวงศ์ของภูฏาน ที่ทรงประทานความช่วยเหลือจัดงานพิธีให้กับ 2 ดาราดัง พร้อมแหวกม่านประเพณี ประทานอนุญาติให้ใช้ห้องบรรทมของราชวงศ์เป็นฉากหลัง เพื่อให้บ่าวสาวถ่ายภาพแต่งงานด้วย พร้อมกันนี้ยังมีการจัดงานเป็น 2 ช่วง โดยมีเพื่อนสนิทและครอบครัวร่วมยินดีอย่างพร้อมเพรียง

งานนี้เจ้าชายและองค์มเหสีของภูฏาน ต่างประทานความช่วยเหลือคู่แต่งงานใหม่ ด้วยการช่วยทั้งคู่ในการแต่งชุดประเพณีดั้งเดิมของราชวงศ์ และสมาชิกของราชวงศ์ต่างก็ช่วยเหลือ ในเรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ซึ่งงานนี้โทนี เหลียง และ คารินา หลิว ต่างก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากราชวงศ์ภูฏานเป็นอย่างมาก

โดยหลังจากที่โทนี และ คารินา ไปถึงภูฏาน ทั้งคู่ต่างกระตือรือร้นที่จะได้ถ่ายรูปแต่งงาน ซึ่งงานนี้ไม่เพียงแค่สมาชิกของราชวงศ์จะประทานความช่วยเหลือในเรื่องของการแต่งกายเท่านั้น แต่ยังพาทั้งคู่ไปยังราชวัง เพื่อประทานอนุญาติ ให้คู่บ่าวสาวได้ใช้สถานที่ดังกล่าวเป็นฉากถ่ายภาพงานแต่งงาน เพื่อให้ภาพออกมาสวยงามด้วย ซึ่งทั้งหมดเป็นที่มาของภาพที่คารินา หลิว กำลังถือช่อดอกไม้อยู่ในมือนั่นเอง

งานนี้ทั้งคู่ต่างสวมเครื่องแต่งกายของราชวงศ์ภูฏาน และที่มือข้างขวาของคารินายังสวมเครื่องประดับหยกของเชื้อพระวงศ์ และโทนีได้สวมเครื่องแต่งกายของราชวงศ์เช่นกัน ซึ่งกล่าวได้ว่าชุดที่พวกเขาทั้งคู่สวมใส่นั้น เป็นชุดเดียวกันกับที่เจ้าชายและเจ้าหญิงของภูฏานเคยใช้ฉลองพระองค์ ขณะเข้าพิธีอภิเษกสมรสเลยทีเดียว

ซึ่งการที่ทั้งคู่เลือกประเทศภูฏานเป็นสถานที่ในการเข้าพิธีสมรสครั้งนี้ ทางเชื้อพระวงศ์ต่างเชื่อกันว่า เป็นโชคชะตาที่นำพาทั้งคู่ให้ต้องมาแต่งงานกันที่ประเทศของพระองค์ ดังนั้นจึงต่างประทานความช่วยเหลือคู่รักคนดังอย่างเต็มที่ โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น และหวังเพียงว่าทั้งคู่จะประสบความสำเร็จในชีวิตคู่และครองรักกันยืนยาวตราบนานเท่านาน

ทำไมถึงเป็นภูฏาน?

โทนี และ คารินา ต่างก็ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากเชื้อพระวงศ์เป็นอย่างมาก โดยคารินา ได้เปิดเผยว่า เธอเห็นชอบกับโทนีในการตัดสินใจที่จะจัดพิธีแต่งงานในภูฏาน ซึ่งเป็นการตัดสินใจเมื่อ 3 เดือนที่แล้ว "เราต่างก็เลือกสถานที่ไว้มากมายเพื่อจะจัดงานแต่งงานทั้ง ฝรั่งเศส, ฟลอเรนซ์, ปารีส, ญี่ปุ่น และประเทศต่างๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราคิดมาหมดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าแต่ละที่จะขาดอะไรบางอย่างไป จนกระทั่งเรามาเจอภูฏาน ซึ่งเราทั้งคู่ต่างก็คิดว่า นี่คือสถานที่ในฝันที่พวกเราอยากจะจัดงานแต่งงานของพวกเราขึ้น"

เธอยังกล่าวต่อไปด้วยว่า เธอรู้จักประเทศภูฏานเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว และไม่เคยคิดมาก่อน ว่าที่แห่งนี้จะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตที่สำคัญกับเธอมากขนาดนี้ เธอประทับใจที่แห่งนี้ เพราะเป็นเมืองที่ไม่มีมลพิษ และยังอุทิศทุกอย่างเพื่อพระพุทธเจ้า การได้อยู่ที่ภูฏานเพียงไม่กี่วัน ทำให้เธอได้กลับมานั่งตระหนักถึงชีวิตว่า ความสุขที่แท้จริงนั้นไม่ได้มาจากชื่อเสียงหรือเงินทอง ซึ่งทำให้คารินาตัดสินใจที่จัดพิธีแต่งงานขึ้นใน "ประเทศแห่งความสุข" ที่ภูฏานแห่งนี้นั่นเอง

พิธีแต่งงานถูกจัดออกเป็น 2 ส่วน

การจัดพิธีแต่งงานถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วงด้วยกัน ซึ่งในส่วนของพิธีการ ถูกจัดขึ้นในช่วงเวลากลางวัน ขณะที่การรับประทานอาหาร และการเฉลิมฉลองถูกจัดขึ้นในช่วงกลางคืน โดยแขกเหรื่อและบรรดาญาติสนิทของทั้งคู่ ต่างก็เข้าร่วมงานปาร์ตี้อำลาความโสด ที่จัดขึ้นในช่วงกลางคืนที่โรงแรมอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งโทนีได้สวมชุดสูทและชุดพื้นเมืองของภูฏาน ขณะว่าที่เจ้าสาวได้สวมเครื่องประดับเพชรเม็ดโตที่หูและชุดเจ้าสาวอย่างสวยงาม พร้อมๆกันกับที่เตรียมชุดพื้นเมืองไว้ด้วย โดยทันทีที่ทั้งคู่ปรากฏตัว ก็ได้รับเสียงปรบมืออย่างกึกก้อง ซึ่งธีมของงานปาร์ตี้ที่จัดขึ้นครั้งนี้ มีการระบุให้ทุกคนสวมเครื่องแต่งกายแบบภูฏาน และเพื่อให้เข้ากับธีมของงาน คารินา ได้ไปเดินตลาดพื้นเมืองเพื่อเลือกเฟ้นเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย พร้อมกับกว้านซื้อชุดสวยเพื่อใช้ในงานสละโสดของเธอครั้งนี้ด้วย

อีริค ผู้ดำเนินการอยู่ไหน?

อีริค จาง ผู้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้งานแต่งงานของทั้งคู่ราบรื่นนั้น ไม่ได้ปรากฏตัวในพิธีมงคลสมรสของเพื่อนซี้แต่อย่างใด เนื่องจากเขาติดภารกิจที่ต้องรับหน้าที่เป็นพิธีกรในการประกวด มิส ฮ่องกง ซึ่งการพลาดงานสำคัญของเพื่อนซี้ครั้งนี้ ทำเอาเจ้าตัวถึงขั้นบ่นว่าเป็นเรื่องที่แย่มาก และกล่าวได้ว่าการพบกันของเจ้าชายและ 2 ดาราดังนั้นเกิดขึ้นด้วยการจัดแจงของตัวเขา ส่งให้เป็นที่มาของการจัดงานแต่ง ที่บรรดาราชวงศ์ภูฏานต่างก็ประทานความช่วยเหลือให้อย่างสมเกียรตินั่นเอง โดยเขากล่าวว่า "พอผมรู้ว่าคารินาตัดสินใจที่จะแต่งงานที่ภูฏาน ผมจึงรีบต่อโทรศัพท์ถึงเจ้าชายทันที แต่ก็บังเอิญเหลือเกินที่เจ้าชายกำลังประทับอยู่ในฮ่องกงพอดี ผมจึงได้จัดแจงให้พระองค์ได้เจอกับคารินาและโทนี" ( แล้วคุณได้เตรียมของขวัญพิเศษอะไรให้กับเพื่อนซี้คู่นี้บ้าง? ) "ผมได้ขอร้องให้เจ้าชายทรงช่วยจัดเซอร์ไพร์สให้กับทั้งคู่ ...บางที อาจจะมีการนิมนต์พระ 1,000 รูปมาร่วมสวดอวดพรให้กับพวกเขา"

เซซิเลีย ไม่กล้าหยอกล้อกับเจ้าสาว

เซซิเลีย เพื่อนซี้ของเจ้าสาวได้ปรากฏตัวในงานปาร์ตี้สละโสดของเพื่อนสาวเมื่อวานนี้ โดยเธอเปิดเผยว่างานแต่งงานที่จัดขึ้นนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 ช่วง โดยช่วงบ่ายจะมีพระมาทำพิธีให้กับทั้งคู่ และในช่วงเย็นเป็นงานปาร์ตี้ โดยพวกเขาได้จัดเตรียมชุดไว้สำหรับงานเลี้ยงถึง 2 ชุด ส่วนเจ้าสาวมีชุดที่เตรียมไว้เป็นการส่วนตัวถึง 5 ชุด และเมื่อถามว่าจะมีการหยอกล้ออะไรกันบ้างหรือไม่ ทางเจ้าสาวกลับหัวเราะและเอ่ยเพียงว่า "ฉันแก่แล้วคงไม่มีอะไรแบบนั้น แขกทุกคนต่างก็เต็มที่กับงานครั้งนี้ ดังนั้นงานแต่งก็ควรจะเป็นอะไรที่อบอุ่นและซึ้งๆมากกว่า"

คุมเข้มงานแต่ง!

เป็นที่ทราบกันดีว่างานแต่งงานของคู่รักคนดัง ต่างได้รับความสนใจจากบรรดาสื่อมวลชนและปาปารัสซี ที่ต้องการเข้าไปทำข่าวครั้งนี้อย่างมาก และกว่าจะได้มาซึ่งภาพแต่งงานภาพแรกของพวกเขา ทุกคนต่างต้องงัดเอากลยุทธ์ต่างๆมาใช้จำนวนมาก ส่วนทางด้านโรงแรมอันเป็นสถานที่พักแ ละที่จัดงานปาร์ตี้ฉลองวิวาห์ของทั้งคู่ ต่างก็มีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ถึงขั้นที่นักข่าวจำนวนมาก ไม่สามารถหามุมดีๆที่จะถ่ายภาพทั้งคู่ ขณะเดินเข้าออกที่ทางเดินของโรงแรมได้เลยแม้แต่น้อย เรียกได้ว่าทั่วทุกพื้นที่ ต่างเต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเลยก็ว่าได้ และการจะเข้าร่วมงานแต่งงานครั้งนี้ ทุกคนที่ได้รับเชิญจะต้องมีการ์ดเชิญสีแดง เพื่อเป็นบัตรผ่าน โดยทีมจัดงานของทั้งคู่ได้แจกการ์ดแดงเหล่านี้ ให้กับบรรดาแขกเหรื่อรวมถึงสมาชิกในครอบครัวของทั้งคู่ เพื่อใช้เป็นใบเบิกทางกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่จะถามหาใบแดงเหล่านี้ทุกครั้งด้วย

Manager Online