ตั้งแต่เป็นนักเรียนการแสดง นักแสดงประกอบจนมาถึงนักแสดงนำในวันนี้ เจียวเอินจิ้นถือว่าค่อยๆ ก้าวขึ้นมาจากดิน คนที่ปกติมีนิสัยเฮฮาอย่างเขา เมื่อคุยถึงเรื่องในอดีต เขาก็ยอมรับว่ารู้สึกปวดใจยิ่งนัก และด้วยความเลื่อมใสในตัวบรู๊ซลี ทำให้เจียวเอินจิ้นในวัยหนุ่ม 18 ปีที่เพิ่งจบชั้นมัธยมหอบเสื้อผ้ามาอยู่ไทเป เข้าร่วมชั้นเรียนการแสดง เพื่อหวังว่าสักวันความฝันจะเป็นจริง ขณะเรียนการแสดงแม้จะมีเงินที่ทางบ้านส่งมาให้ แต่เจียวเอินจิ้นคิดว่า เมื่อออกมาอยู่เองก็ควรหาเงินใช้เอง โดยเขาได้ใช้เวลาว่างไปทำงานล้างจานในร้านอาหาร แต่ด้วยค่าแรงน้อย ซ้ำยังต้องจ่ายค่าเช่าห้องทุกวัน เขาจึงเหลือเงินค่ากินเพียงวันละ 15 เหรียญเท่านั้น โดยอาหารประจำของเขาก็คือซาลาเปากับน้ำเปล่า
การเรียนในชั้นเรียนการแสดง ไม่ใช่ใบรับประกันว่าจะได้เป็นนักแสดงทุกคน ถ้าไม่มีโอกาสก็ไม่มีงานได้เช่นกัน ซึ่งเจียวเอินจิ้นกล่าวอย่างเปิดอกว่า หลังจากครึ่งปีในคอร์สเรียนการแสดงจบลง เขาก็วิ่งรอกเทสต์หน้ากล้องไปทั่ว จนได้รับการแนะนำจากเพื่อน ทำให้มีโอกาสแสดงบทเล็กๆ ด้วยเหตุนี้อยู่ในวงการบันเทิงถึงสองปี เจียวเอินจิ้นก็ยังไม่มีชื่อเสียง แล้วหลังจากนั้นเขาก็ยังต้องไปเกณฑ์ทหารอีก 2 ปี แต่ถึงกระนั้น เมื่อออกมาจากกรมเขาก็ยังคงไม่ละทิ้งความฝันในการเป็นนักแสดง แล้ววันหนึ่งตอนที่ไปเทสต์หน้ากล้องรายการหนึ่ง เขาก็เกิดไปเข้าตาคนของบริษัทต้าหลัว นี่จึงเป็นก้าวแรกในวงการบันเทิงของเขาอย่างแท้จริง แล้วหลังจากนั้นก็ทำให้เขามีโอกาสแสดงละครหลายๆ เรื่อง แต่ส่วนมากก็มักจะเป็นละครแนวแฟนตาซีเกือบทั้งสิ้น
และเรื่องที่กำลังฉายในบ้านเรา เป็นละครฟอร์มยักษ์แนวแฟนตาซีเรื่อง 'เจ้าแม่โคมวิเศษ' ในเรื่องนี้ เจียวเอินจิ้นได้แสดงเป็น 'เอ้อหลางเสิน' ซึ่งมีการใช้เทคนิคคอมพิวเตอร์เสริมเข้าไปมาก เรียกว่าแหวกแนวจากการแสดงที่ผ่านมาของเขาเลยทีเดียว โดยเขาได้เปิดใจเกี่ยวกับการแสดงเรื่องนี้ทำให้เราเข้าใจถึงการทำงานมากขึ้น
รู้สึกอย่างไรที่ในอินเทอร์เน็ตวิจารณ์ว่าคุณ 'หล่อแบบทารุณหัวใจ ไม่นึกว่าจะเกิดขึ้นในโลกได้' เสื้อผ้าที่คุณใส่ค่อนข้างกระชากใจเกินไปหน่อยรึเปล่า