ข่าวจีน

หลังจากมีข่าวว่า “เจย์ โจว” (Jay Chou) นักร้องหนุ่มชาวไต้หวัน ได้รับเลือกให้แสดงในบทสำคัญในหนังซูเปอร์ฮีโร่ The Green Hornet ตอนนี้มีภาพของเขาในกองถ่ายมาให้ชมกันแล้ว

ช่างภาพได้จับภาพของ เจย์ โจว พร้อมด้วยเพื่อนนักแสดงอย่าง คาเมรอน ดิแอซ (Cameron Diaz) และเซธ โรแกน (Seth Rogen) ที่กำลังทำงานอยู่ในกองถ่าย The Green Hornet ที่ตั้งกองกันอยู่บริเวณลอสแอนเจลิส

แม้เรายังจะไม่ได้เห็น เจย์ โจว ในชุดฟอร์มของตัวละครเคโต้ ในภาพจากกองถ่ายก็แสดงให้เห็นถึง สตั๊นท์แมน ของเขา ที่แต่งตัวด้วยเครื่องแบบของ เคโต้ เต็มยศ ในชุดสี ถุงมือหนัง และหน้ากากสีดำ ที่อาจจะพอช่วยให้จิตนการได้ว่าถ้าพ่อหนุ่ม เจย์ โจว ใส่ชุดนี้แล้วมันจะออกมาเป็นอย่างไร

The Green Hornet เป็นแอ็คชั่นแนวอาชญากรรมจบเป็นตอน เล่าเรื่องของบุรุษสวมหน้ากาก ผู้ออกปราบอาชญากรในเวลาค่ำคืน

เริ่มแรกนั้น The Green Hornet ถูกสร้างออกมาในรูปแบบของละครวิทยุที่ออกอากาศในหลายเขตของสหรัฐอเมริกา ในช่วงปี 1936 – 1952 จนกระทั่งในยุค 60 จึงถูกตัดแปลงเป็นหนังชุดทางโทรทัศน์ ซึ่งโด่งดังอย่างมากรวมถึงในเมืองไทยในชื่อว่า “หน้ากากแตนอาละวาด” สิ่งที่ทำให้หนังเป็นที่จำจดมากที่สุดก็คือ การเป็นงานยุคแรกๆ ของ บรูซ ลี ที่รับบท “เคโต้” เพื่อนคู่หูของตัวเอก จนกลายเป็นตัวละครยอดฮิตของเรื่องไปเลย

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีความพยายามในการนำ The Green Hornet มาดัดแปลงเป็นหนังใหญ่ ทุกอย่างเริ่มลงตัวเมื่อ ดาราตลกมาแรง เซธ โรแกน เข้ามาจับงานนี้ทั้งในฐานะดารานำ และคนเขียนบท โดยหวังดันให้ดาวตลกชื่อดังชาวฮ่องกง โจวซิงฉือ (Stephen Chow) มารับบท เคโต้ และทำหน้าที่ผู้กำกับไปในตัวด้วย

แต่สุดท้ายเกิดความขัดแย้งขึ้นในเรื่องความคิดสร้างสรรค์ โจวซิงฉือ จึงถอดตัวออกไปจากทุกบทบาท จนทีมงานผู้สร้างต้องควานหาดาราชาวเอเชียคนใหม่มารับบทดังกล่าว จนสุดท้ายหวยมาออกที่ เจย์ โจว ที่ถูกเลือกก่อนเปิดกล้องไม่นาน เพื่อให้หนังถ่ายทำตามกำหนด และสามารถฉายได้ในช่วง ธ.ค. ปีหน้า

Manager Online / Sina

วิค (Vic Zhou) สวมชุดขุนนางอังกฤษดินอย่างสง่า และไม่ทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการแต่งงานของต้าเอส

เมื่อตอนเย็นวันที่2กันยาที่ผ่านมา ไจ่ไจ๋ได้ปรากฎตัวในงานเขาได้แต่งตัวคล้ายๆกับขุนนางอังกฤษ หลังจากที่หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) ได้มีข่าวแต่งงานออกไปแล้ว ต้าเอส (Da S) ยังถูกกล่าวว่าแต่งงานแล้วเหมือนกัน ไจ่ไจ๋ได้ตอบว่าสำหรับตัวเขาเองไม่รู้ข้อเท็จจริงใดๆ และหวังว่าสื่อควรให้เวลาส่วนตัวสำหรับนักแสดงมากๆเช่นกัน

ภายในงานมีการแสดงขี่ม้า แต่ท้องฟ้าไม่อำนวยทำให้ฝนตกลงมา ไจ่ไจ๋และผู้เข้าร่วมงานต่างเปียกฝน แม้กระทั่งม้าที่แสดงอยู่ก็เกิดการลื่นล้ม ปกติไจ่ไจ๋เป็นคนชอบดูกีฬาอยู่แล้วหลังการแสดงได้ให้สัมภาษณ์ว่า "บรรยากาศการแสดงวันนี้ได้สะกดคนดูมาก ทุกๆคนแต่งกายได้อย่างดีและยังมีการแสดงของม้าที่ยอดเยี่ยม สถานที่จัดงานเหมือนกับได้เข้าร่วมการแข่งม้าของราชวงศ์อังกฤษ"

เมื่อถูกถามเรื่องแต่งงาน ว่าตัวเองจะมีการเปิดเผยเรื่องความรักบ้างมั้ย เขาได้ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า "ต้องมองวันข้างหน้า เชื่อว่าถึงแม้จะเปิดเผยหรือไม่ก็ตามเขาก็ยังคงมีความสุขแน่นอน!"

สำหรับการรายงานของสื่อเกี่ยวกับการแต่งงานต้าเอส ไจ่ไจ๋พูดแค่ว่า ไม่รู้ข้อเท็จจริงแต่บางครั้งสื่อก็ไม่ได้ให้ความยุติธรรมต่อนักแสดงสักเท่าไหร่ และหวังว่าทุกคนจะให้เวลาส่วนตัวกับนักแสดงบ้างและให้ความสุขเยอะๆ

Sina

"ยูเคซิน" (Yu Kexin) อดีตดาราสาวที่ตอนนี้ได้รับความสนใจอย่างมากหลังมีการเปิดเผยว่าเธอคืออดีตภรรยาของ"หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) ที่เคยจดทะเบียนแต่งงานเมื่อ 24 ปีที่แล้ว ก่อนที่ดาราหนุ่มชื่อดังจะมาเป็นข่าวใหญ่แอบควงภรรยาคนปัจจุบันไปแต่งงานกันไกลถึงสหรัฐฯ

ยูเคซิน นับเป็นผู้หญิงคนเดียวที่หลิวเต๋อหัวเปิดเผยยกให้เป็นแฟนสาวของเขาคนหนึ่ง จนเมื่อเร็วๆนี้เองที่มีการพบว่ายูเคซินเคยแต่งงานกับนักแสดงชื่อดังมาแล้ว

หลังจากที่มีรายงานข่าวออกมา เมื่อวานนี้ทั้ง เคซินและแม่ของเธอได้ปรากฏตัวที่สนามบินไทเปเพื่อเตรียมตัวเดินทางไปยังซีฉวนเพื่อเยี่ยมญาติที่กำลังป่วยเป็นมะเร็งปอด

และเมื่อมีการสอบถามถึงการแต่งงานของหลิวเต๋อหัวกับแครอล จู (Carol Zhu) ที่เพิ่งมีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ ยูเคซินอดีตภรรยาตอบเพียงว่าเธอไม่รู้สึกเสียใจกับข่าวแต่อย่างใด แต่เธอจะยังเก็บทะเบียนสมรสไว้เหมือนเดิม

ตามรายงานระบุว่าขณะนี้ทั้งหลิวเต๋อหัวและภรรยาใหม่ต่างเก็บตัวเงียบและหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับสื่อหลังจากที่เขาออกมากล่าวขอโทษทั้งน้ำตาเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งจากข่าวคราวการแต่งงานครั้งล่าสุดของอดีตสามี ทางยูเคซินเผยว่าเธอไม่มีความรู้สึกอะไรต่อเรื่องนี้ทั้งสิ้น

"ฉันไม่รู้สึกอะไรแล้ว จริงๆแล้ว ฉันไม่ได้เศร้าเลย ฉันขออวยพรให้พวกเขาทั้งคู่มีความสุข"

และเมื่อถูกสื่อถามว่าแครอล จู ภรรยาใหม่เป็นมือที่สามที่ทำให้เธอและหลิวเต๋อหัวต้องเลิกรากันหรือไม่ เธอตอบเพียงว่ามันเป็นอดีตไปแล้ว "ฉันขอร้องพวกคุณว่าอย่าไปสนใจกับเรื่องนี้เลย มันกลายเป็นอดีตไปแล้ว" ซึ่งแม่ของยูเคซินก็เผยด้วยว่าขณะที่หลิวเต๋อหัวแต่งงานอยู่กินกับลูกสาวของเธอนั้น เขาบอกเพียงว่าแครอล จู เป็นแค่แฟนคลับของเขาเท่านั้น

และเมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปถึงใบทะเบียนสมรส ว่าเธอจะจัดการอย่างไรต่อไป ยูเคซินระบุเพียงว่าเธอจะยังเก็บมันไว้เหมือนเดิม และไม่คิดจะทำลายมันทิ้งด้วย

อาเจียว (Gillian Chung / Ah Gill) ให้สัมภาษณืผ่านทางสถานีวิทยุ Metro Radio Station เมื่อวันก่อน เธอกล่าวว่า เธอจะออกอัลบั้มพิเศษในปลายปีนี้ และเธอกำลังรอให้ทางบริษัทตัดสินใจว่าเธอจะสามารถกลับมาร่วมงานกับอาซา (Charlene Choi / Ah Sa) ในฐานะกลุ่มศิลปินดูโอ Twins ได้หรือยัง ตัวอาเจียวเองหวังว่าจะมีโอกาสนั่นในเร็วๆนี้

อาเจียวเพิ่งเสร็จสิ้นการแสดงละครเวที และเธอชื่นชอบมันมาก เมื่อมีการพูดถึงเรื่องหลิวเต๋อหัว (Andy Lau) ว่าเขาเคยปฏิเสธว่าเขาเคยแต่งงานมาก่อน และมาถูกพบในภายหลังว่าเขาแต่งงานแล้วจริงๆ อาเจียวกล่าวว่า ทุกๆคนต้องการแต่งงานกับเขา หลิวเต๋อหัวไม่ได้บอกความจริงเพราะว่าเขาไม่ต้องการจะทำให้แฟนๆผู้หญิงของเขาไม่พอใจ

MingPao

นับเป็นข่าวเศร้าของวงการบันเทิงฮ่องกงทีเดียวหลังการเสียชีวิตของ "ฟุงสุยอัน" (David Tsui / 大傻) ดาวร้ายชื่อดังจากเกาะฮ่องกงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี โดยเขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกก่อนลุกลามไปยังตับเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยญาติๆเตรียมฝังศพนักแสดงชื่อดังในวันพรุ่งนี้ โดยที่ภรรยาใหม่ไม่ขอเข้าร่วมพิธีด้วยเหตุผลว่าลูกชายวัย 6 ขวบยังเด็กเกินไปที่จะรับรู้ว่าพ่อของเขาจากโลกนี้ไปแล้ว

เดวิด สุย หรือ ฟุงสุยอัน จากไปด้วยโรคมะเร็งขณะมีอายุได้ 54 ปี โดยมีเพื่อนนักแสดงทั้งอลัน ทัม, อีริค เจิ้ง, และนิค เฉิง รายล้อมคอยส่งอยู่ข้างเตรียงเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตามรายงานระบุว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาอยากเห็นหน้าลูกชายวัย 6 ปีที่เขาห่วงที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

เดวิด ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharyngeal Carcinoma NPC) ก่อนที่มะเร็งร้ายจะลุกลามไปที่ตับจนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาในเวลา 23:45 น. ที่ร.พ. แบบติสท์ ซึ่งทันทีที่ทราบข่าวเหล่าบรรดาเพื่อนสนิทต่างมุ่งตรงไปที่ร.พ.เพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย

ตามรายงานระบุว่าเดวิด รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะตาย ไม่กี่วันก่อนเสียชีวิตเขาจึงขอกลับไปอยู่ที่บ้าน ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าร.พ.อีกครั้งในคืนที่อาการของเขาทรุดหนักลงอย่างมาก ซึ่งทันทีที่ถูกส่งตัวเข้าร.พ. นักแสดงชื่อดังอยู่ในอาการโคมาไม่สามารถพูดและรับประทานอาหารใดๆได้ น้ำหนักของเขาลดลงเหลือน้อยกว่า 100 ปอนด์ และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา

แต่ปฏิกิริยาของเขาตอบสนองทันทีเมื่อได้ยินเสียงของลูกชายวัย 6 ขวบที่เข้าเยี่ยมอาการพ่อ ซึ่งตามรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า ในตอนบ่ายลูกชายวัย 6 ขวบของเขาเรียกชื่อเขาและบอกว่ากำลังจะไปเล่นปิงปอง ทันทีที่ได้ยินเดวิดก็พยายามจะส่งเสียงพูดออกมา นอกจากนั้นแต่ละวันเขารอเวลาที่ลูกชายเลิกเรียนเพื่อมาเยี่ยมเขาที่ร.พ. โดยเขาเคยขอลุกจากเตียงคนไข้เพื่ออกไปเล่นกับลูกชายสักครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเพราะเขาไม่แข็งแรงพอ

โจเฉิง (Joe Cheng / Zheng Yuang Chang) เพิ่งเดินทางจากญี่ปุ่นไปยังฮ่องกงเพื่อเข้าร่วมงาน เขาเปิดเผยว่า เขายุ่งอย่างมากในการถ่ายภาพสำหรับปฏิทินในญี่ปุ่นสำหรับปีหน้า เมื่อถูกถามว่าเขามีเวลาไปช็อปปิ้งในญี่ปุ่นหรือเปล่า? เขากล่าวว่า "ผมมีโอกาสได้ช็อปปิ้ง และซื้อจานชาม รวมถึงเครื่องใช้เล็กๆมามากมาย ทำให้กระเป๋าหนักเกินที่กำหนด และเขาต้องหิ้วของบางอย่างขึ้นเครื่องแทน หลังจากนั้น เพื่อนร่วมงานบอกผมว่า ผมสามารถหาของเหล่านั้นได้ในไต้หวัน แต่ผมไม่กล้าที่จะช็อปในไต้หวัน!"

เมื่อโจถูกถามว่าคุณจะให้ของเหล่านั้นกับแฟนของคุณหรือเปล่า? เขาตอบว่า ไม่ นั่นมันสำหรับผม ถ้าเวลาเหมาะสม ผมจะให้ของบางอย่างกับเพื่อนๆ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ ในระหว่างภัยพิบัติในไต้หวัน ผมก็บริจาคเสื้อ 2 ตัวของผมที่เคยใช้ในการถ่ายทำละคร เพื่อนำมาประมูล

แล้วคุณจะแวะไปบริเวณที่ประสบภัยพิบัติหรือเปล่า? โจตอบว่า ผมกลัวว่าผมจะเข้าไปรบกวนพวกเขา และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ต้องทำหลังจากภัยพิบัติคือการสร้างกลับมาใหม่ และนี่เป็นสิ่งที่ไม่ได้ทำกันได้ภายใน 1 - 2 ปี

On.cc

เมื่อสองสามวันก่อน S.H.E. พบกับเจ็ทลี (Jet Li) ในปักกิ่ง พวกเธอสามคนเสนอตัวพวกเธอเองเข้าร่วมเป็นอาสาสมัคร และชวนให้มูลนิธิ One (One Foundation) มาเปิดสาขาในไต้หวัน โดยพวกเธอเป็นกลุ่มแรกที่สมัครเป็นอาสาสมัครหมายเลข 1, 2 และ 3

เอลล่า (Ella) ชื่นชอบเจ็ทลีมาตลอดเวลา ก่อนหน้านี้จัดการประชุมสัมมนาในไต้หวัน เอลล่าหาเวลาเพื่อแวะเข้าไปฟังสิ่งที่เจ็ทลีพูด พวกเธอพบกับเขาอีกครั้งหนึ่งในระหว่างการเข้าร่วมงานปาร์ตี้เมื่อสองสามวันก่อน คืนนั้น เมื่อเจ็ทลีขึ้นไปบนเวที เขากล่าวเกี่ยวกับประสบการณ์ของเขาในบริเวณที่ประสบภัยพิบัติในไต้หวัน และขอให้เพื่อนๆในวงการบันเทิงช่วยบริจาคมากยิ่งขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย S.H.E. ประทับใจอย่างมากในการพูดของเจ็ทลี และรีบเข้าหาเจ็ทลีด้านหลังเวทีเมื่อเจ็ทลีพูดบนเวทีเสร็จ

สามสาวถูกพบเห็นว่าเธอพูดคุยอย่างสนุกสนานกับเจ็ทลี พวกเธอเสนอว่า "หวังว่า One Foundation ของคุณจะเปิดสาขาในไต้หวัน เพื่อที่พวกเราจะขอร่วมเป็นอาสาสมัครด้วย" เจ็ทลีจึงกล่าวกับพวกเธอว่า "พวกเธอเป็นไอด้อลของวัยรุ่น พวกเธอต้องใช้ความดังที่มีอยู่เพื่อให้ความรู้แก่พวกเขา"

ละครไอด้อลเรื่องใหม่ของเอลล่าย้ายไปถ่ายทำต่อในไต้หวัน และคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในเดือนกันยายน หลังจากนั้น เธอจึงจะทุ่มเทเวลาที่มีอยู่อย่างเต็มที่ให้กับงานคอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้นในฮ่องกงในวันที่ 16 - 17 ตุลาคม ทางด้าน เซลิน่า (Selina) และฮีบี้ (Hebe) ต่างก็กำลังฝึกร่างกายอย่างหนัก รวมถึงเข้าโปรแกรมลดน้ำหนักไปก่อนล่วงหน้า โดยการเต้นแอโรบิก (Aerobic) และอนาโรบิก (Anaerobic) เป็นเวลา 2 ชั่วโมงทุกสัปดาห์

UDN

หลังจากที่ทำเอาหนุ่มๆใจสลายไปแล้วกับการสละโสดแบบเงียบๆของ"ลียองเอ" (Lee Young Ae) นักแสดงสาวจากเกาหลี คราวนี้ก็มาถึงทีของสาวๆบ้างที่ต้องอกหักไปตามๆกันหลังมีข่าวออกมาว่าทั้ง "หลี่หมิง" (Leon Lai) และ "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) นักแสดงหนุ่มหล่อจากฮ่องกงต่างควงแฟนสาวเข้าพิธีแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แถม"หลิวเต๋อหัว"เองก็กำลังจะเป็นพ่อคนแล้วด้วย

โดยข่าวลือแรกที่ทำเอาทั้งเกาะฮ่องกงถึงกับตะลึงนั้นเป็นของคู่รักต่างวัยอย่างหนุ่มหลี่หมิง วัย 42 ปีที่ควง เล่อจีเอ๋อ แฟนสาวนางแบบวัย 28 ปีไปจัดงานแต่งกันไกลถึงมัลดีฟส์ และแม้ว่าทั้งคู่จะเคยออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวแล้ว แต่ก็ไม่สามารถปฏิเสธเอกสารสำคัญล่าสุดที่มายืนยันการสมรสไปได้ โดยเอกสารระบุว่าทั้งคู่นั้นแต่งงานกันตั้งแต่วันที่ 9 มี.ค. เมื่อปี 2008 ในลาสเวกัสก่อนพากันไปจัดพิธีที่มัลดีฟส์แล้วเสียอีก

ซึ่งการแต่งงานของหลี่หมิงนั้น โอเรียนทัล เดลี สื่อของจีนได้รายงานถึงเรื่องนี้มานานว่า เมื่อเดือน มี.ค. ปี2008 หลี่หมิงและแฟนสาว ได้เข้าจดทะเบียนกันแล้วที่สหรัฐฯ ก่อนที่ล่าสุดจะมีเอกสารสำคัญจาก คลาร์ก เคาน์ตี เว็บไซท์ของเนวาดา มายืนยันว่าทั้งคู่เดินทางถึงลาสเวกัส ในวันที่ 7 มี.ค. 2008 และลงทะเบียนแต่งงานภายใต้ชื่อภาษาอังกฤษของทั้งคู่ ในวันที่ 9 มี.ค. แต่ตามรายงานขณะนี้ระบุว่า ทั้งคู่ยังคงเก็บตัวเงียบและหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับนักข่าว และยังไม่ออกมายืนยันเกี่ยวกับข่าวลือที่เกิดขึ้นนี้แต่อย่างใด

นับได้ว่าข่าวลือการบินไปแต่งงานไกลถึงอเมริกานี้ เป็นไปในทำนองเดียวกับของ หลิวเต๋อหัว พระเอกชื่อดังที่ระบุว่าเขานั้นก็พาแฟนสาวอดีตนางงามมาเลเซียที่คบกันมายาวนาน 24 ปีแต่งงานกันแล้วที่อเมริกาตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย. ปีที่แล้ว จนกระทั่งตอนนี้มีรายงานว่าเธอตั้งครรภ์เป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย

ข่าวลือล่าสุดว่า SJ-M กลุ่มศิลปินย่อยกลุ่มที่ 3 ของ Super Junior จะกลับมาอีกครั้งในวันที่ 10 กันยายน ในเซี่ยงไฮ้ โจวมี่ (Zhoumi) หนึ่งในสมาชิกกลุ่มออกมากล่าวยืนยันกับแฟนคนหนึ่งว่า กลุ่มย่อย 7 คนอยู่ในเกาหลี และการอัดเสียงเสร็จสิ้นลงแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานออกมาอย่างเป็นทางการ

มารอดูกันว่าข่าวนี้จะเป็นเพียงแค่ข่าวลือ หรือจะเป็นความจริง?

AllKPop

มีรายงานจากสื่อไต้หวันเมื่อไม่นานมานี้เกี่ยวกับศิลปินไต้หวัน ไมค์ เฮอ (Mike He) ว่าเคยเป็นสมาชิกแก๊งมาเฟีย เขาถูกกล่าวหาว่า เขาเข้าร่วมงานต่างๆของแก๊ง เช่นการต่อสู้ที่มีอาวุธ, โวยวายหาเรื่องคนอื่น รวมถึงการทำลายร้านค้า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ไมค์ออกมากล่าวปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านั้น "ผมเคยถูกกล่าวหาโดยใครสักคนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว 10 ปีต่อมา ผมยังถูกกล่าวหาอีกครั้งหนึง"

นักแสดงชายวัย 26 ปียอมรับว่า เขาเคยทำตัวเหลวไหลในช่วงการศึกษาในชั้นมัธยม อย่างเช่นการโดดเรียน หรือการโต้แย้งเล็กๆน้อยๆ คำอธิบายของเขาถูกแย้งโดยชายลึกลับที่มีชื่อว่า Yi Ge ซึ่งอ้างว่า ไมค์ยังมีด้านมืดอีกด้านหนึ่งของเขา เขาเปิดเผยว่า ไมค์เคยเป็นสมาชิกแก๊งเถียนเล่อ และเข้าร่วมการสู้ด้วยหมัด รวมถึงการทำลายร้านค้าต่างๆ

ไมค์ปฏิเสธข้อกล่าวหานั่นและกล่าวว่า "ผมไม่ได้เข้าร่วมแก๊ง ในช่วงมัธยม มีคนจากห้องข้างๆมาถามผมว่า ผมต้องการจะเข้าร่วมกับเขาไหม และผมตอบว่า ยังไงก็ได้ ผมไม่ได้เข้าสู่พิธีอย่างเป็นทางการในการเข้าร่วมแก๊ง"

"ผมไม่ได้เข้าร่วมในการสู้เพื่อทำลายร้านค้า ผมไม่ได้ไปโรงแรมต่างๆด้วยซ้ำ ข้อกล่าวหาเหล่านั้นเกิดขึ้นเพราะว่าสมาชิกแก๊งถูกจับโดยตำรวจ และเปิดเผยชื่อคนอย่างพวกเรา ที่ไม่ได้เข้าร่วมในการกระทำเหล่านั้น ผมชี้แจงเรื่องนี้กับทางตำรวจ และยังมีประวัติการถูกภาคทัณฑ์ในประวัติของผม ผมโชคไม่ดีจริงๆ ผมเคยถูกกล่าวหาโดยใครสักคนเมื่อ 10 ปีที่แล้ว และ 10 ปีต่อมา ผมก็ถูกกล่าวหาอีกครั้ง" ไมค์กล่าว

Yahoo News

S.H.E. หนึ่งในกลุ่มศิลปินชาวจีนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด พวกเธอ 3 คน เริ่มก่อตั้งวงเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และก็โด่งดังมาในช่วงเวลา 8 ปีที่ผ่านมา การทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกครั้งที่ 3 จะเริ่มขึ้นในเดือนตุลาคม ตั้งแต่งานคอมเสิร์ต 2004 Dreamland Theme Concert - [Fantasy Land] และ 2006 Fairytale Theme Concert - [Perfect 3] การทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่ 3 ของพวกเธอจะแตกต่างออกไปจากในอดีต โดยจะใช้เทคโนโลยีระดับสูง และการเล่นแสดงเสียงที่แสดงให้เห็นถึงการพัฒนามาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จุดเริ่มต้นของทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้คือในฮ่องกง ที่ Hung Hom Stadium ในวันที่ 16 - 17 ตุลาคม และในวันที่ 31 ตุลาคมเป็นวันเกิดของเซลิน่า (Selina) พวกเธอทั้งสามคนจะขึ้นแสดงในเซี่ยงไฮ้ ซึ่งสามารถจุผู้ชมได้ 8 หมื่นคน

หลังจากปรึกษากันระหว่าง S.H.E. และบริษัทต้นสังกัดของพวกเธอ ทีมงานตัดสินใจให้ชื่อการทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกครั้งที่ 3 ของพวกเธอว่า "S.H.E. Is The One, Love As One" พร้อมๆกับอัลบั้มภาพ 3 Spas of Love ที่พวกเธอเพิ่งออกมาไม่นาน ทัวร์คอนเสิร์ตนี้จะเน้นไปที่ ความรัก เนื่องจาก "การรักราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน" (Love As One) เป็นเรื่องราวของสามสาววง S.H.E. และเนื่องจากพวกเธอเติบโตขึ้น แล้วพวกเธอจะมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับความรักบ้างหล่ะ เซลิน่าอธิบายให้ฟังเกี่ยวกับธีมของงานคอนเสิร์ตนี้ว่า "การร่วมงานในกลุ่มศิลปินเดียวกันมานานถึง 8 ปี, การจัดงานทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลก 3 ครั้ง นี่ไม่ถือว่าเป็นการสร้างสถิติหรือ?! พวกเรา 3 คนมาได้ไกลถึงขนาดนี้เพียงเพราะการมี,/strong>ความรัก" เอลล่า (Ella) กล่าวเสริมว่า "เพียงแค่รักจากพวกเราแค่ 3 คนอาจจะไม่เพียงพอ จริงๆแล้ว พวกเรามีแฟนๆที่จะขอบคุณด้วย มันเป็น"การรักราวกับเป็นหนึ่งเดียวกัน"ระหว่างพวกเราและแฟนๆของพวกเรา ทำให้การจัดทัวร์คอนเสิร์ตรอบโลกครั้งที่ 3 นี้เป็นไปได้"

งานคอนเสิร์ตครั้งนี้ของ S.H.E. จะใช้เงินหลายล้านในการสร้างเวทีที่ลอยได้ วงดนตรีจะลอยอยู่กลางอากาศเพื่อเล่นดนตรี ในขณะที่เวทีและไฟต่างๆจะหมุนไปรอบๆ นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างสิ้นเชิงจากเวทีแสดงที่มีอยู่ 4 มุม และจะแสดงให้รู้สึกถึงการไม่มีอะไรมาบดบัง แสดงให้เห็นถึงความรักที่ไม่มีขอบเขต

"แซนดี หลิว" (Sandy Lau) หรือ "หลิวเชี่ยนถิง" นางงามฮ่องกงคนล่าสุดที่ประกาศผลไปเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมาโดนข่าวลือเล่นงานฉลองตำแหน่งสาวที่สวยที่สุดในฮ่องกงประจำปีนี้เป็นชุด ทั้งเรื่องที่ออกมาแฉว่าเธอมีนิสัยชอบไม่ป่าเดียวกัน และยังถูกแฉภาพเก่าๆ ที่ชาวเน็ตเห็นว่าดูไม่คล้ายกับตัวจริงในคืนที่รับตำแหน่งเท่าไหร่เลย

หลังจากที่ แซนดี หลิว รับตำแหน่งมิสฮ่องกง 2009 ไม่กี่วัน ก็มีคนนำภาพเธอในสมัยอดีตออกมาเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ซึ่งภาพที่เห็นแซนดี หลิวในตอนนั้นมีใบหน้าที่ใหญ่, ตาเล็ก และผิวคล้ำ ต่างจากคืนที่ประกวดซึ่งเธอมีใบหน้าเรียวยาว, ตาโต และผิวผุดผ่องอย่างสิ้นเชิง จนหลายคนคิดว่าเธออาจจะไปสวยด้วยแพทย์ที่ไหนมาก่อนเข้าประกวด

อีกข่าวลือหนึ่งได้แก่ความสัมพันธ์ลึกซึ้งเกินเพื่อนกับสาวที่ชื่อว่า เทรซี ที่ลือว่าทั้งสองเป็นคู่ขาเลสเบี้ยนกัน ก่อนที่แซนดีจะทิ้งเธอไปคบกับสาวที่ร่ำรวยกว่าสมัยที่ไปเรียนต่อที่อังกฤษ หลังเธอได้พบสาวคนใหม่ที่ชื่อ คิตตี ซึ่งมีธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 20 ล้านเหรียญฮ่องกงอยู่ในฮ่องกงนี้เอง

โดยเมื่อวานนี้ ทาง แซนดี หลิว และรองนางงามทั้งสอง ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อผู้สื่อข่าว นักข่าวจึงยิงคำถามไปว่าเพื่อนสนิทอย่างเทรซีได้แสดงความยินดีกับเธอหรือยัง เธอก็ตอบว่า "ตอนนี้เธอยังอยู่ที่อังกฤษ แต่เธอโทรมาหาแล้ว"

"ตอนที่เข้ารอบสุดท้าย ฉันได้กุมมือกับ วินนี มา รองอันดับ 4 เมื่อตอนที่พวกเขาประกาศผล เราตกลงกันว่าเราจะจับมือกับผู้สมัครทุกคนก่อนประกาศผลเพราะเราทั้งหมดผ่านอะไรต่อมิอะไรในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา และฉันกับวินนีก็เข้ากันได้ดี"

นักข่าวจึงถามไปว่ามีรายงานว่าเธอทั้งสองสนิทกันเกินเพื่อนจริงหรือเปล่า แซนดีก็ตอบว่า "เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน" นักข่าวถึงถามต่อไปอีกว่าเธอชอบผู้หญิงหรือผู้ชาย เธอก็ชี้จุดยืนว่า "ฉันก็เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ชอบคนเพศตรงข้าม"

รวมทั้งข่าวลือที่มีคนเห็นเธอสูบบุหรี่และพูดคำหยาบ ที่แซนดีออกมาปัดว่าไม่เป็นเรื่องจริงทั้งหมด

Manager Online

สองหนุ่มสุดหล่อ โจเฉิง (Joe Cheng / Xiao Zhong) และไมค์ เฮอ (Mike He) พร้อมกับนักแสดงสาวโจเฉิน (Joe Chen) เดินทางไปเซี่ยงไฮ้เมื่อวันก่อนเพื่อร่วมงานกับแฟนๆนับพัน

จากละคร It Started With a Kiss มาจนถึง They Kissed Again และยังมีละครเรื่อง Love Or Bread โจเฉิงและเอเรียล หลิน (Ariel Lin) ร่วมงานกันมาถึง 3 ครั้งแล้ว อาจจะกล่าวได้ว่า พวกเขามีโชคชะตาที่ต้องมาร่วมงานกัน แม้กระทั่งความสัมพันธ์ส่วนตัวของพวกเขาเองก็ดีมากๆ โดยมักจะมีข่าวลือออกมาบ่อยๆ เมื่อถูกถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ โจเฉิงตอบอย่างเรียบๆว่า อะไรก็เป็นไปได้ "เอเรียลเพิ่งให้ของขวัญผม สำหรับวันเกิดของผม มันเป็นจักรยานสีขาวที่พับเก็บได้" สำหรับเหตุผลที่ได้จักรยานนั้น แม้กระทั่งโจเฉิงเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่เขากล่าวว่า เขาจะใช้มันในการออกกำลังกายมากขึ้น

โจเฉิงพูดเกี่ยวกับเรื่องตลกที่เขาพบในระหว่างการถ่ายทำโฆษณาเมื่อเร็วๆนี้ ในฉากหนึ่ง เขาและไมค์จะต้องใช้สเก็ตบอร์ดเพื่อยกโจเฉินไปในกลางอากาศ แต่เพราะว่าความสูงของพวกเขาไม่เท่ากัน และโจเฉินเองก็กลัวความสูงด้วย โจเฉินแสดงให้เห็นถึงความกลัวออกมาอย่างต่อเนื่องเมื่อกล้องไม่ได้ทำการถ่ายทำ แต่เมื่อกล้องส่องไปที่เธอ เธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เธอยิ้มออกมาอย่างสวยงาม สร้างความประทับใจให้โจเฉิงเป็นอย่างมาก

People.com.cn

กลายเป็นละครขายดีที่สร้างแล้วสร้างอีกยิ่งกว่าบ้านทรายทองเสียอีก สำหรับละครซีรีย์สไตล์ไอดอลเรื่อง “รักใสๆ หัวใจ 4 ดวง” นอกจากจะสร้างบ่อย ตอนนี้ยังกลายเป็นละครนานาชาติไปแล้วด้วย

รักใสๆ หัวใจ 4 ดวงมีเค้าโครงเรื่องมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง "สาวแกร่งแรงเกินร้อย" (Hana Yori Dango/Meteor Garden) เริ่มต้นสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกโดยญี่ปุ่นเจ้าของต้นฉบับเมื่อปี 1995 แต่มาดังสุดๆ ในเวอร์ชั่นไต้หวัน ที่แจ้งเกิดสี่หนุ่ม F4 ได้แก่ เจอร์รี่, วิค, เคน และแวนเนส ให้ดังเปรี้ยงปร้างไปทั่วเอเชีย หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็นำละครเรื่องนี้มาสร้างใหม่ ได้ จุน มัตสึโมโตะ แห่งวงอาราชิ มารับบทพระเอก และเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเวอร์ชั่นเกาหลีตามออกมาอีก

ล่าสุดถึงคิวจีนแผ่นดินใหญ่เขาขอสร้างบ้าง โดยเข็นดาราดาวรุ่งร่วมแสดงเพียบ ไม่ว่าจะเป็น จางหาน, อี๋ว์ฮ่าวหมิง, เจิ้งส่วง, เว่ยเฉิน และจูจื่อเซียว รักใสๆ ฉบับนี้ยังคงมีเค้าโครงเรื่องคล้ายเดิม แต่เปลี่ยนชื่อตัวละครเพื่อให้ฟังดูเป็นชื่อจีนมากขึ้น เพราะเมื่อครั้งไต้หวันสร้าง ชื่อตัวละครอ่านออกเสียงตามตัวอักษรคันจิของญี่ปุ่น ดังนั้นจึงฟังดูแปลกๆ

เต้าหมิงซื่อ เปลี่ยนเป็น “มู่หยงหยุนไห่”
ฮวาเจ๋อเล่ย เปลี่ยนเป็น “ตวนมู่เหล่ย”
ซันไช่ เปลี่ยนเป็น “ฉูอี่ว์เชียน”
ซีเหมิน เปลี่ยนเป็น “ซ่างกวนรุ่ยเชียน”
เหม่ยจั้ว เปลี่ยนเป็น “เย่ซั่ว”

รักใสๆ เวอร์ชั่นจีน เพิ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมหูหนันไปไม่กี่ตอน ก็มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางอินเตอร์เน็ตตามมาเป็นระลอก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผมและการแต่งตัวของตัวละครที่ถูกวิจารณ์ยับ แต่ก็มีเสียงชื่นชมสำหรับตัว “เจิ้งส่วง” ที่รับบทเป็นนางเอก โดยชาวอินเตอร์เน็ตถึงขนาดชื่นชมว่า “ซันไช่” เวอร์ชั่นนี้น่ารักกว่าทุกภาคที่ผ่านมาเลยทีเดียว รวมถึงเนื้อเรื่องที่หันมาให้ความสำคัญกับเพื่อนพระเอกอีก 2 คนอย่าง "ซีเหมิน" และ "เหม่ยจั้ว" มากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนชื่อแก็งค์ของพระเอกจาก “F4” ที่มาจาก “Flower 4” เป็น “H4” ที่มาจากคำว่า “High 4” ด้วย

นอกจากเจอรี่ (Jerry Yan) และเอลล่า (Ella) จะร่วมงานกันในละครเรื่อง Down With Love แล้ว ทั้งสองศิลปินชื่อดังก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเทให้กับงาน และไม่มีเวลาที่จะได้ทำความสนิทคุ้นเคยกันมากไปกว่านี้

จากรายงานก่อนหน้านี้ การถ่ายทำละครควรจะจบลงไปเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงตารางการถ่ายทำให้ไปเสร็จสิ้นตอนประมาณต้นเดือนกันยายน เนื่องจากทั้งเจอรี่ และเอลล่าต่างก็สับกันหยุดงานเพื่อไปทำงานอื่นๆที่รับทำไว้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีการสูญเสียไปประมาณ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน เมื่อคำนวนต้นทุนการสร้างเนื่องจากการล่าช้าในการถ่ายทำ เช่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอรี่หยุดงานไป 10 วัน เพื่อเข้าร่วมงานพบปะแฟนๆในญี่ปุ่น ทีมงานละครต้องหยุดการทำงานไปในช่วงนั้น จนกระทั่งเมื่อวันก่อน ที่ทีมงานกลับมาเริ่มงานอีกครั้ง และฉากแรกที่พวกเขาถ่ายทำก็เป็นฉากที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นฉากที่เอลล่าต้องยกตู้เย็น

จากการจับคู่กันของสองนักแสดงชื่อดัง มีการสอบถามกันในต่างประเทศอย่างมากมาย เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของละคร อย่างไรก็ตาม ศิลปินทั้งสองคนต่างก็กำลังยุ่ง และทำให้ทีมงานต่างก็ลำบากใจ โปรดิวเซอร์ Ke Yi Qin กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ถ้ามันง่ายที่จะจัดตารางการถ่ายทำของศิลปินคู่นี้ พวกเขาอาจจะไม่เรียกว่าการถ่ายทำฟอร์มใหญ่ตั้งแต่แรก พวกเราเตรียมตัวมาก่อนแล้วสำหรับเรื่องนี้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ" เธอกล่าวว่า แม้ว่าการถ่ายทำจะล่าช้ากว่ากำหนดการณ์ แต่เจอรี่ก็รับผิดชอบอย่างมาก เขารีบอนุญาตให้เพิ่มเวลาในการถ่ายทำต่อไป แม้ว่าสัญญาการถ่ายทำจะหมดลงไปแล้ว ความตั้งใจของทุกๆคนนั่นคือการมาร่วมกันสร้างละครดีๆเรื่องหนึ่ง

ทางด้าน Fenny ผู้จัดการของเจอรี่ยืนยันว่า สัญญาการถ่ายทำในตอนแรกนั้นมีกำหนดเวลาถึงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ และทางทีมงานสร้างก็รู้ว่าระหว่างการถ่ายทำ เจอรี่จะต้องทำการโปรโมทอัลบั้มใหม่ของเขา สำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น เจอรี่ไปเข้าร่วมงานพบปะแฟนๆที่จัดโดยบริษัทเพลงที่ดูแลเขา รวมถึงกิจกรรมที่แฟนคลับของเขาจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่เจอรี่ก็ยังคงห่วงทีมงานสร้างละคร เขาส่งข้อความมายังผู้กำกับ Ke เพื่อแบ่งปันความคาดหวังในละครเรื่องใหม่นี้ และยังฝากทักทายเอลล่าแทนเขาให้ด้วย

นอกจากเจอรี่ (Jerry Yan) และเอลล่า (Ella) จะร่วมงานกันในละครเรื่อง Down With Love แล้ว ทั้งสองศิลปินชื่อดังก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทุ่มเทให้กับงาน และไม่มีเวลาที่จะได้ทำความสนิทคุ้นเคยกันมากไปกว่านี้

จากรายงานก่อนหน้านี้ การถ่ายทำละครควรจะจบลงไปเมื่อเดือนกรกฎาคม แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงตารางการถ่ายทำให้ไปเสร็จสิ้นตอนประมาณต้นเดือนกันยายน เนื่องจากทั้งเจอรี่ และเอลล่าต่างก็สับกันหยุดงานเพื่อไปทำงานอื่นๆที่รับทำไว้ ด้วยเหตุนี้ ทำให้มีการสูญเสียไปประมาณ 1 ล้านเหรียญไต้หวัน เมื่อคำนวนต้นทุนการสร้างเนื่องจากการล่าช้าในการถ่ายทำ เช่นเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เจอรี่หยุดงานไป 10 วัน เพื่อเข้าร่วมงานพบปะแฟนๆในญี่ปุ่น ทีมงานละครต้องหยุดการทำงานไปในช่วงนั้น จนกระทั่งเมื่อวันก่อน ที่ทีมงานกลับมาเริ่มงานอีกครั้ง และฉากแรกที่พวกเขาถ่ายทำก็เป็นฉากที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นฉากที่เอลล่าต้องยกตู้เย็น

จากการจับคู่กันของสองนักแสดงชื่อดัง มีการสอบถามกันในต่างประเทศอย่างมากมาย เกี่ยวกับลิขสิทธิ์ของละคร อย่างไรก็ตาม ศิลปินทั้งสองคนต่างก็กำลังยุ่ง และทำให้ทีมงานต่างก็ลำบากใจ โปรดิวเซอร์ Ke Yi Qin กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า "ถ้ามันง่ายที่จะจัดตารางการถ่ายทำของศิลปินคู่นี้ พวกเขาอาจจะไม่เรียกว่าการถ่ายทำฟอร์มใหญ่ตั้งแต่แรก พวกเราเตรียมตัวมาก่อนแล้วสำหรับเรื่องนี้ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มถ่ายทำ" เธอกล่าวว่า แม้ว่าการถ่ายทำจะล่าช้ากว่ากำหนดการณ์ แต่เจอรี่ก็รับผิดชอบอย่างมาก เขารีบอนุญาตให้เพิ่มเวลาในการถ่ายทำต่อไป แม้ว่าสัญญาการถ่ายทำจะหมดลงไปแล้ว ความตั้งใจของทุกๆคนนั่นคือการมาร่วมกันสร้างละครดีๆเรื่องหนึ่ง

ทางด้าน Fenny ผู้จัดการของเจอรี่ยืนยันว่า สัญญาการถ่ายทำในตอนแรกนั้นมีกำหนดเวลาถึงปลายเดือนกรกฎาคมนี้ และทางทีมงานสร้างก็รู้ว่าระหว่างการถ่ายทำ เจอรี่จะต้องทำการโปรโมทอัลบั้มใหม่ของเขา สำหรับการเดินทางไปญี่ปุ่น เจอรี่ไปเข้าร่วมงานพบปะแฟนๆที่จัดโดยบริษัทเพลงที่ดูแลเขา รวมถึงกิจกรรมที่แฟนคลับของเขาจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ แต่เจอรี่ก็ยังคงห่วงทีมงานสร้างละคร เขาส่งข้อความมายังผู้กำกับ Ke เพื่อแบ่งปันความคาดหวังในละครเรื่องใหม่นี้ และยังฝากทักทายเอลล่าแทนเขาให้ด้วย

เรนนี่ หยาง (Rainie Yang), จิโร่ หวัง (Jiro Wang) และจอร์จ หู (George Hu) ซึ่งร่วมกันแสดงนำในละครเรื่อง ToGetHer (Superstar Express) ละครจะเริ่มออกอากาศในวันที่ 20 สิงหาคมนี้ทาง CETV ก่อนจะถึงวันออกอากาศ จิโร่ และจอร์จ หูปรากฏตัวในกวางโจวเพื่อทำการโปรโมทละครเรื่องใหม่ เมื่อถูกถามว่า เขาจะพัฒนาความสัมพันธ์ไปมากกว่านี้กับเรนนี่ หยาง ที่มีใบหน้าเหมือนกันราวกับคนรักของเขา จิโร่กล่าวรับอย่างเปิดเผยว่า เขาคิดว่าพวกเขามีใบหน้าที่คล้ายกันเหมือนเป็นพี่น้อง

ในระหว่างการถ่ายทำละคร ToGetHer จิโร่และเรนนี่มีข่าวลือไม่หยุดเกี่ยวกับความรักที่คลุมเครือนี้ ก่อนหน้านี้ เรนนี่กล่าวว่าเธอชื่นชมกับการมีคนกล่าวว่า หน้าเธอเหมือนคู่รักกับจิโร่ เมื่อถูกถามว่าจะมีโอกาสที่จะพัฒนาไปมากกว่านี้ไหม และในอนาคต เขาจะเลือกเรนนี่เป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของเขาหรือเปล่า จิโร่ลังเลนิดหน่อยที่จะตอบ แต่ในที่สุด เขาก็ตอบว่า เราไม่สามารถมองเห็นอนาคต ทำให้ผู้คนต่างก็คาดหวังว่าพวกเขาอาจจะคบกันในอนาคต แต่จิโร่ก็ยังกล่าวว่า เรนนี่ดูคล้ายกับญาติของเขา ทำให้แทนที่ว่าจะพูดว่า พวกเขามีใบหน้าที่เหมือนคู่รักกัน ทำไมไม่กล่าวว่า พวกเรามีใบหน้าที่คล้ายคลึงราวกับเป็นพี่น้อง สิ่งที่มีค่ามากที่สุดที่จะทำให้จิโร่มีความสุขควรจะเป็น ช่วงเวลาระหว่างการร่วมงานกับเรนนี่ พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก และพวกเขายังไปไหนมาไหนด้วยกันเองด้วย

เมื่อพูดเกี่ยวกับการร่วมงานใน ToGetHer จิโร่ชมว่าเรื่องราวของละครดีมาก โดยเรนนี่เป็นซินเดอเรลล่า ที่ได้พบกับซุปเปอร์สตาร์ตกอับ และได้มาอยู่ด้วยกันอย่างไม่คาดฝัน และก็ตกหลุมรักกัน

Sina

นับเป็นการเปิดปากครั้งแรกทีเดียวสำหรับความสัมพันธ์ลับๆในครอบครัวของ"จางอี้โหมว" (Zhang Yimou) ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและ"กงลี่" (Gong Li) นักแสดงสาวชั้นนำของเอเชีย ที่ลูกสาวออกมาเผยเองว่ากงลี่เป็นผู้ทำลายชีวิตในวัยเด็กของเธอ

จากบทสัมภาษณ์ล่าสุดของจางโม่ว ลูกสาวแท้ๆของจางอี้โหมว ผู้กำกับชื่อดัง ที่ได้พูดถึงกงลี่ นักแสดงสาวชาวจีนอดีตคนรักของพ่อเธอว่าเป็นผู้ทำลายชีวิตวัยเด็กของเธอ ได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อไม่นานมานี้โดยระบุว่า

จางอี้โหมว ผู้กำกับที่เคยฝากฝีมือไว้ในภาพยนตร์ชื่อดังทั้ง House of Flying Daggers และ Curse of the Golden Flower ได้เจอกับ กงลี่ ครั้งแรกในภาพยนตร์เรื่อง Red Sorghum เมื่อปี 1986

และปีต่อมาผู้กำกับจางก็ได้หย่าขาดกับภรรยา ซึ่งขณะนั้นจางโม่ว (Zhang Mo) ลูกสาวของเขามีอายุเพียง 7 ปี ซึ่งจางโม่ว ที่ขณะนี้กำลังศึกษาอยู่ในสหรัฐฯได้ให้สัมภาษณ์ถึงความสัมพันธ์ดังกล่าวว่า นักแสดงสาวเป็นตัวแย่งความสนุกสนานและทุกสิ่งทุกอย่างในวัยเด็กไปจากเธอ

"ย้อนกลับไปตอนนั้น พ่อฉันยังไม่มีอะไรเลย แต่เนื่องจากความช่วยเหลือของแม่ฉันที่ช่วยทุกๆอย่างในสิ่งที่เขาทำ เขาถึงสามารถประสบความสำเร็จได้ในทุกวันนี้"

"จนถึงทุกวันนี้ฉันยังไม่เข้าใจเลยว่าทำไมกงลี่ ถึงได้ปฏิบัติกับลูกสาวคนเดียวของพ่อได้แบบนี้ ทำไมเธอถึงพยายามปิดกั้นความสัมพันธ์ระหว่างเราพ่อลูกด้วย?"

ความสัมพันธ์ระหว่างจางอี้โหมวและกงลี่นั้นดำเนินมาจนถึงปี 1994 ซึ่งตามรายงานจากสื่อสำนักต่างๆของจีนระบุว่า ผู้กำกับชื่อดังเป็นฝ่ายขอยุติความสัมพันธ์ เนื่องจากเขาไม่สามารถทนกับสิ่งที่กงลี่ปฏิบัติกับลูกสาวของเขาได้

ตามรายงานระบุว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จางอยู่กับลูกสาว กงลี่พยายามจะโทรหาเขา แต่ว่าไม่สามารถติดต่อกับเขาได้จนเกือบ 2 ชั่วโมง และเมื่อเธอโทรหาเขาได้สำเร็จ เธอบีบบังคับให้จางต้องพูดกับลูกสาวให้รู้เรื่องและยังด่าว่าเขาในเรื่องนี้ด้วย

หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้จางอี้โหมวตระหนักว่า กงลี่ไม่เหมาะที่จะเป็นภรรยาของเขาและเป็นแม่ของลูกสาวเขา จนกระทั่งภายหลังั้งคู่ต้องเลิกรากันไป

หนทางการคืนสู่วงการอย่างเนียนๆ ของ "เฉินกว้านซี" (Edison Chen) เจ้าของคดีภาพฉาวสุดดัง ถูกเบรคเอาไว้กะทันหันในงานการกุศลเมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา เมื่อทางออร์แกนไนเซอร์จัดงานเผยว่า แผนที่จะส่งอาเฉินออกทีวีถูกทางบอสของ TVB ที่ทำการถ่ายทอดระงับเอาไว้ในนาทีสุดท้าย

เหล่าพี่น้องศิลปินฮ่องกงได้จัดงานการกุศลเพื่อเรี่ยรายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจากพายุไต้ฝุ่นมรกตในไต้หวันที่งาน Artistes 88 Fund Raising Campaign ที่ถ่ายทอดทางช่อง TVB เมื่อคืนวันจันทร์ โดยคาดว่ามีผู้ชมติดตามรายการกันกว่า 200 ล้านคน และหาเงินเข้ากองทุนช่วยเหลือได้กว่า 50 ล้านเหรียญฮ่องกง

แต่ในบรรดาคนดังที่ไปขึ้นแสดงบนเวทีในคืนนั้น กลับไม่มีหนุ่มคนดังอย่าง เฉินกว้านซี ทั้งๆ ที่มีการเตรียมคิวเอาไว้เสร็จสรรพแล้ว แต่ถูกเบรคการปรากฎตัวร่วมกับเพื่อนดาราในนาทีสุดท้าย

อาเฉินนั้นบินตรงจากอเมริกาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นการเดินทางที่สูญเปล่า เนื่องจากอดีตอันอื้อฉาวที่เขาสร้างเอาไว้กับคดีภาพหลุดกับสาวๆ มากมาย ทำให้แผนที่จะใช้งานในคืนดังกล่าวเป็นการคืนวงการแบบนุ่มนวลต้องล้มไม่เป็นท่า

ตามรายงานข่าวเผยว่าเมื่อทาง TVB ได้ทราบจากทางอีเวนท์ ออร์แกนไนเซอร์ว่าจะมีการเปิดเวทีให้อาเฉินขึ้นไปปรากฏตัวด้วย จึงมีการเปิดประชุมอย่างเร่งด่วนระหว่าง เจิ้นจื่อเหว่ย (Eric Tsang) ดาราและพิธีกรดัง กับทีมผู้บริหารของ TVB ซึ่งได้ออกคำสั่งไม่ให้อาเฉินขึ้นเวทีในที่สุด เพราะไม่ต้องการทำให้ผู้คนหันเหความสนใจจากงานการกุศลไปเป็นการคืนวงการแบบกลายๆ ของอาเฉินแทน

ทางออร์แกนไนเซอร์เผยว่าเป็น TVB เองที่ต้องการให้เอเฉินมาออกรายการแต่แรก ก่อนที่จะมาเปลี่ยนใจเอาทีหลังเพราะหวั่นผลกระทบที่จะตามมา "ทีมงานของเราเตรียมทุกอย่างเอาไว้พร้อมแล้ว เราพิมพ์ชื่อของเขาไปแล้ว และคอมพิวเตอร์ก็กำลังจะขึ้นซับไตเติ้ลชื่อของเขาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายอย่างไม่ทราบเหตุผล เขากลับไม่ได้ปรากฏตัว"

ทางด้าน เจิ้นจื่อเหว่ย ที่เคยร่วมแสดงกับอาเฉินใน Infernal Affairs ภาค 2 และไปร่วมงานในคืนวันนั้นออกมาปฎิเสธว่าไม่มีการประชุมเพื่อกีดกันไม่ให้อาเฉินมาร่วมงานอย่างที่เป็นข่าว

และแล้วก็โกอินเตอร์ไปอีกหนึ่งรายสำหรับ"เจย์ โจว" (Jay Chou) หรือ "โจวเจียหลุน" นักร้องชื่อดังแห่งเอเชียที่รับปากแสดงภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง The Green Hornet เป็นที่เรียบร้อย ทำเอา"คาเมรอน ดิแอซ" (Cameron Diaz) ตื่นเต้นร่วมงานศิลปินเอเชีย พร้อมเผยเข้ากันได้เป็นอย่างดี

ภาพยนตร์เรื่อง The Green Hornet นับเป็นการโคจรเจอกันครั้งแรกของเจย์ โจว กับ คาเมรอน ดิแอซ และ นิโคลัส เคจ ที่เรียกความสนใจจากทั่วโลกได้ไม่น้อย โดยรายงานข่าวล่าสุดก็ได้เผยถึงการพบปะของนักแสดงดังในเรื่องที่เข้าพูดคุยรายละเอียดกับไมเคิล กอนดรี ผู้กำกับ ซึ่งตามรายงานระบุว่า คาเมรอน ดิแอซ รับบทเป็นนักข่าวสาวที่ประกบคู่กับ เซท โรเกน พระเอกของเรื่อง โดยเรื่องนี้เธอจะเข้าฉากกับ คาโต คู่หูของพระเอกที่รับบทโดยเจย์ โจว บ่อยมาก

การเจอกันครั้งนี้ คาเมรอน ดิแอซ ได้เผยด้วยว่า The Green Hornet เวอร์ชันใหม่นี้ ค่อนข้างแตกต่างจากเวอร์ชันดั้งเดิมทั้งในเรื่องของคาแรกเตอร์ตัวละครและพล็อตของเรื่อง ซึ่งตามรายงานระบุว่าเธอต้องเข้าฉากบู๊หลายฉาก จึงต้องงัดเอาวิชากังฟูที่เธอเรียนรู้จากภาพยนตร์ Charlie's Angels กลับมาใช้อีกครั้ง พร้อมกันนั้นเธอต้องเล่นฉากแอ็คชั่นประกบคู่กับเจย์ โจวด้วย ซึ่งเจ้าตัวเอ่ยปากทันทีว่าการร่วมงานกับศิลปินเอเชียครั้งนี้ราบรื่นดีทีเดียว "พวกเราเข้ากันได้ดีมากๆ"

ทางด้านต้นสังกัด JVR Music ตัวแทนของเจย์ โจวเองก็ได้ออกมากล่าวถึงการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้งคู่ด้วยว่า "เจย์ โจว ได้ไปเจอกับคาเมรอน ดิแอซ ในฮอลลีวูดเมื่อไม่กี่วันก่อนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเขาไปร่วมกันเทสต์หน้ากล้อง เจย์ มีความสุขมาก และตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพวกเขา"

The Green Hornet นับเป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์แห่งปีจากค่าย Hollywood Sony Pictures ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในระหว่างเตรียมการถ่ายทำ โดยคาดว่าจะออกฉายทั่วโลกในวันที่ 9 ก.ค. ปีหน้า

Manager Online / UDN

หลังจากเจอวิกฤติหนักในชีวิตเมื่อครั้งภาพฉาวของ"เฉินกว้านซี" (Edison Chen) หลุดออกมา ซึ่ง"โบโบ เฉิน" (Bobo Chan) อดีตนักแสดงสาวฮ่องกงก็เป็นหนึ่งในเหยื่อที่ตกเป็นเป้าโจมตีด้วย จนกระทั่งงานแต่งที่เตรียมไว้ต้องมีอันต้องล่มสลาย ล่าสุดเจ้าตัวกลับมาหมั้นแฟนหนุ่มอีกครั้งหลังครอบครัวฝ่ายชายทำใจรับได้แล้ว

ตามรายงานระบุว่าพิธีหมั้นของโบโบ เฉิน และ ฟิลิป จิน จัดขึ้นอย่างเงียบๆท่ามกลางแขกเหรื่อที่มีเพียงสมาชิกในครอบครัว, ญาติๆ และ เพื่อนสนิทเท่านั้น โดยพิธีเต็มไปด้วยรอยยิ้มและความสุขซึ่งแขกเหรื่อที่มาร่วมงานต่างยุให้ทั้งคู่เข้าพิธีโดยเร็ว

แม้ว่าทั้งคู่จะยังไม่เข้าพิธีวิวาห์อย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้ฝ่ายแม่เจ้าบ่าวจะทำใจได้กับข่าวฉาวที่เคยเกิดขึ้นพร้อมอ้าแขนรับอย่างเต็มภาคภูมิแล้ว เพราะเมื่อถูกถามว่าคิดอย่างไรเมื่อโบโบจะแต่งงานกับลูกชาย เธอได้แต่ยิ้มและยกนิ้วโป้งแทนคำตอบ

ก่อนหน้านี้โบโบ เฉิน เคยต้องยกเลิกพิธีหมั้นกับฟิลิป จิน ไปแล้วเมื่อครั้งที่ภาพฉาวหลุดออกมาเมื่อเดือน ม.ค. ปีที่แล้ว ส่งให้นักแสดงสาววัย 30 ปีต้องบินไปเก็บตัวใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐอเมริกานานถึง 10 เดือน จนกระทั่งไม่นานมานี้เองที่เธอเพิ่งจะกลับมาดำเนินธุรกิจเปิดร้านอัญมนีในฮ่องกง

Manager Online / Channel News Asia

จากเหตุการณ์ไต้ฝุ่นมรกตเข้าไต้หวัน สร้างความเสียหายอย่างมากมาย Pingtung บ้านเกิดของเอลล่า (Ella) แห่งวง S.H.E. ก็เสียหายจากเหตุการณ์นี้เช่นกัน เธอพร้อมๆกับสมาชิกวง S.H.E. และเหล่าศิลปินจากค่าย HIM ทำการบริจาคเงินให้ 2 ล้านเหรียญไต้หวัน

เอลล่ากว่าว่า "การทานอาหารเป็นหนึ่งในปัจจัย 4 ของคนเรา แต่พวกเราก็ยังเห็นคนมากมายที่ยังทรมานจากการอดข้าว ฉันรู้สึกว่า วิธีที่เร็วที่สุดที่จะทำการช่วยเหลือพวกเขาในขณะนี้ก็คือการบริจาคเงิน"

Sina

สำนักข่าว Sohu จากประเทศจีนรายงานว่า หมิงเต้า (Ming Dao) ถูกถ่ายภาพโดยปาปารัสซี่ ว่าเขากำลังพบอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูดีและสูง ที่ด้านหน้าทางเข้าโรงแรม และผู้หญิงคนนี้ลือกันว่าเป็นนักร้อง JJ Lin เมื่อวันก่อน หลังจากหมิงเต้าได้ยินข่าว เขาถึงกับหัวเราะออกมาและกล่าวว่า "ผมไม่รู้จักคนๆนั้นเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่เดินผ่านเฉยๆ นั่นยังเอามาเขียนเป็นข่าวได้ด้วยหรือเนี่ย?"

หมิงเต้าอยู่ในเซียะเหมินเพื่อถ่ายทำเรื่อง Happiness Must Be Strong ของ Anhui Satellite’s production เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม เขามาถึงเซี่ยงไฮ้เพื่อโปรโมทเรื่อง Knock Knock Loving You เขาเพียงแค่ออกมาจากโรงแรมและถูกถ่ายภาพว่าเขาอยู่กับผู้หญิงโดยมุมที่ปาปารัสซี่ถ่ายไว้ และก็ทำการรายงานข่าวว่าพวกเขาพบกันที่ทางเข้าโรงแรมด้วยท่าทางที่ชื่นชอบต่อกัน

เมื่อวันก่อนหมิงเต้าได้อ่านข่าว ผู้จัดการ Li Shi Xiang กล่าวว่า นี่จะต้องเป็นการจัดฉากโดยบริษัทอื่น เพื่อที่จะมอบภาพให้แก่สื่อ เธอไม่ต้องการจะคาดว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร โดยเธอกล่าวว่า "ถ้ามันมีอะไรจริงๆ ทำไมต้องเป็นที่หน้าทางเข้าโรงแรม ทำไมไม่ขึ้นไปหาข้างบนเลยหล่ะ?"

UDN

เป็นเวลา 5 ปีแล้วที่เอเรียล หลิน (Ariel Lin) ไม่ได้คบกับใคร หลังจากการพยายามอย่างหนักในการมองหาชายที่เธอแอบชอบอย่างเงียบๆ แต่โชคไม่ดีที่เขามีแฟนแล้ว เธอจึงซ่อนความรู้สึกชอบที่เธอมีต่อเขาไว้ส่วนลึกของหัวใจของเธอ หลังจากเวลาผ่านมามากกว่า 1 ปี เธอตัดสินใจที่จะตัดทิ้งความรู้สึกที่เจ็บปวด แต่ไม่ใช่เพราะว่าเธอรีบที่จะค้นหาความรัก เธอกล่าวว่า "ฉันกับอยู่ในระหว่างการปล่อยข่าว!" ด้วยเงื่อนไขง่ายๆเพียงข้อเดียวก็คือ พวกเขาจะต้องเป็นคนที่มีจิตใจงดงาม

เอเรียลกำลังอยู่ในระหว่างการโปรโมทละคร Legend of the Condor Heroes ของทาง GTV กล่าวเกี่ยวกับ Huang Rong บทของเธอในละคร ซึ่งเพื่อความรักแล้ว เธอยอมที่จะถอย และยอมมอบคนที่เธอรักมากที่สุด Guo Jing ให้แก่คนอื่น เธอกล่าวว่า ในชีวิตจริง เธอไม่สามารถจะยอมรับเรื่องนั้นได้แน่ๆ

สองปีที่แล้ว พวกเขาเดินทางไปมองโกเลียเพื่อค้นหาฉากต่างๆในการถ่ายทำ ในสถานที่ถ่ายทำ การหาห้องน้ำไม่ใช่เรื่องง่าย เอเรียลมักจะต้องทำธุระส่วนตัวของเธอในทุ่งหญ้า เธอกล่าวว่า "ฉันขอให้คนยืนถือร่ม 2-3 อันเพื่อบังฉันไว้" และแม้ว่าจะหาห้องน้ำได้ มากกว่าครึ่งของห้องน้ำที่เจอจะมีประตูปิดอยุู่ครึ่งเดียว หรือว่าจะมีเพียงแค่ทางน้ำให้ใช้เป็นห้องน้ำ

Liberty Times

เมื่อไม่นานมานี้ เรนนี่ หยาง (Rainie Yang) อยู่ในระหว่างการถ่ายทำละคร Shanghai Sweetheart ในเกาสงในขณะที่มีไต้ฝุ่นมาพอดี เรนนี่เปิดเผยว่า เธอรู้สึกได้ถึงพลังของมันในระหว่างการถ่ายทำ เธอกล่าวว่า เธอและทีมงานอยู่ในโรงแรมชั้น 64 และตอนกลางคืนในขณะที่มีลมพัดมาอย่างแรง เธอกลัวและไม่กล้าที่จะหลับ บางครั้ง เธอยังถูกปลุกโดยเสียงของลม และเขัาใจว่าเป็นวิญญาณ ทำให้เธอไม่กล้าลุกขึ้นมาจากเตียง

เรนนี่ว่าลมมันแรงมากๆ การถ่ายทำจบลงไปก่อน แต่เมื่อเธอเดินทางกลับไปยังโรงแรม ไม่มีอาหารอะไรให้ทาน ทำให้เธอต้องทานแต่ก๊วยเตี๋ยวสำเร็จรูปไปก่อน แต่เธอก็ยังหัวเราะว่าเธอใช้โอกาสนี้ในการลดน้ำหนัก

TOM