ข่าวจีน

ตำนานแห่งความเสื่อม "จับคนมาทำเชื้อโรค"

Submitted by Ne_kapook on 17 พฤศจิกายน, 2009 - 11:23

“จับคนมาทำเชื้อโรค” เป็นชื่อภาพยนตร์ที่ยากจะลืมเลือนลง ยิ่งถ้าใครได้ผ่านตาหนังเรื่องนี้มาแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึง หนังเลยจุดของความโหด ความเหี้ยม ไปเยอะ ภาพคนถูกทำร้าย ให้ทนทุกทรมานด้วยนานาวิธีสุดแต่จะสรรค์หามาได้ สร้างคำถามอย่างมากมาย จนกลายเป็นหนังที่กลายเป็นตำนานบทหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์หนังเอเชีย

เมื่อประมาณ 20 ที่แล้วโดยประมาณ เมื่อมีหนังเชื่อน่าสะพรึงกลัวที่ชื่อว่า ‘จับคนมาทำเชื้อโรค’ เข้ามาฉายในเมืองไทย เป็นหนังประเภทท้าทายความกล้าของคนดู ประเภทเดียวกันหนังอีกเรื่องที่ชื่อว่า ‘แอบดูเป็นแอบดูตาย’ ใครๆโดยเฉพาะเหล่าเด็กนักเรียนมัธยม ที่ได้ไปผ่านประสบการณ์สุดสยองขวัญในโรงภาพยนตร์มาแล้ว ก็อาจกลายเป็นวีรบุรุษในหมู่เพื่อน ที่สามารถอวดอ้างถึงวีรกรรมอันยิ่งใหญ่อย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่เพียงคนดูเท่านั้น การจะสร้างหนังประเภทนี้ขึ้นมาได้ ผู้สร้างก็ต้องอาศัยความกล้าหาญแบบแสนสาหัสเช่นเดียวกัน

ชื่อ โหมวตุนเฟย นั้นผูกขาดอยู่กับ ความเป็นคนทำหนังสุดขั้วมาตลอดชีวิตการทำหนัง หากินอยู่กับการขายความโหดเหี้ยมทารุณ หรือไม่ก็ฉากโป๊เปลือย อันหวุดหวิดจะเป็นความอุจาดตาลามกอนาจาร มาตลอดชีวิตการทำหนัง อย่างไรก็ตามเขาก็สมควรได้รับการพูดถึงเช่นกัน ในฐานะคนทำหนังที่พูดเรื่องการเมืองแบบเต็มเสียง

จับคนมาทำเชื้อโรค อาจจะเป็นจุดสูงสุดในการทำงานของนักทำหนังท่านนี้ แต่ถ้าเจาะไปให้ละเอียดในเส้นทางการทำงานจะพบว่า ผู้กำกับท่านนี้ทำแบบนี้มาทั้งชีวิต ไม่เคยประนีประนอมกับใคร จับคนมาทำเชื้อโรคไม่ได้ให้ความชอบธรรมแก่ใคร มันฉายภาพความตกต่ำของมนุษย์ทั้งฝ่ายกระทำที่เลวเยี่ยงสัตว์ และฝ่ายถูกกระทำ ไม่ว่าใครจะมองผลงานของผลงานชิ้นนี้อย่างต้อยต่ำ และดูถูกดูแคลนแค่ไหน เขายังมั่นใจในงานของตัวเอง ที่ถ้ามองให้ทะลุภาพอันรุนแรง เนื้อเรื่องอันบีบคั้นแล้ว งานทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่พูดถึงการเมือง และประวัติศาสตร์ ที่ให้มุมมองที่ไม่ใช่เรื่องสูงส่ง แต่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด

โหมวตุนเฟย จากแผ่นดินใหญ่ สู่ไต้หวัน ถึงฮ่องกง

ผู้บริหารโต้ข้อกล่าวหา "ทีวีบี" ไร้การพัฒนา

Submitted by Rujiya on 16 พฤศจิกายน, 2009 - 15:33

"สตีเฟน ชาน" ผู้บริหารคนเก่งของ "ทีวีบี" ได้ออกมาอธิบาย และตอบโต้กับข้อกล่าวหา ซึ่งถูกพูดถึงมาหลายปีว่า สภาพปัจจุบันของสถานีโทรทัศน์อันดับหนึ่งของฮ่องกงนั้น อยู่ได้ด้วยบุญเก่าๆ และไร้ซึ่งการพัฒนา

ในอดีตที่ผ่านมาทีวีซีรี่ของบริษัท ทีวีบี จากฮ่องกงเคยครองความนิยมไปทั่วเอเชีย ไม่ว่าจะเป็นหนังชุดกำลังภายใน หรือเรื่องราวที่มีฉากหลังอยู่ในปัจจุบัน ต่างได้รับความนิยมติดตามชมอย่างต่อเนื่อง ไม่เฉพาะในฮ่องกงแต่รวมถึงหลายๆ ประเทศในเอเชียด้วย แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาความนิยมในทีวีซีรี่ ของสถานีโทรทัศน์แห่งนี้ดูจะตกต่ำลงอย่างน่าใจหาย ซึ่งหลายๆ ฝ่ายออกมาวิจารณ์ว่าเป็นความผิดของ ทีวีบี เองที่ไร้การพัฒนาจนถูกคลื่นลูกหลังอย่างเกาหลี หรือจีนแผ่นดินใหญ่ เองแย่งลูกค้าไปได้ง่ายๆ

ข้อกล่าวหาที่ถูกพูดถึงมากที่สุดก็คือ ทีวีบี นั้นหลงอยู่กับความสำเร็จเก่าๆ จนกลายเป็นการถอยหลังลงคลอง สตีเฟน ชาน ผู้จัดการทั่วไปของสถานี ได้ออกมาตอบข้อกล่าวหานี้ว่า "ผมไม่เห็นด้วยทั้งหมด แต่ก็เข้าใจว่าทำไมคนมักจะคิดเช่นนั้น"

ผู้บริษัทสถานีโทรทัศน์อันดับหนึ่งแห่งฮ่องกงผู้นี้อธิบายต่อไปว่า "จริงๆ แล้ว ผลงานของ ทีวีบี ไม่ว่าจะเป็นหนังชุดซีรี่ หรือรายการทั่วๆ ไป มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว พวกเราพยายามทำสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา ถ้าต้องการรักษาความนิยมเอาไว้ เราต้องหาอะไรใหม่ๆ ไม่เช่นนั้นผู้ชมก็จะเบื่อเอา"

แต่ดูเหมือนว่านั้นไม่ตรงกับความคิดเห็นของหลายๆ ฝ่าย ที่มองว่า ทีวีบี ขายแต่สิ่งซ้ำซากๆ เพื่อรักษาเรตติ้งเท่านั้น ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ ทีวีบี เพิ่งประกาศรายการ และละครชุดเรื่องใหม่ๆ ออกมา ที่นักข่าวในฮ่องกงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ส่วนใหญ่ซ้ำซาก และไม่มีอะไรใหม่ ... "สำหรับการทำสถานีโทรทัศน์ รายการของเราต้องให้ความสำคัญทั้งคุณภาพ และความนิยม" สตีเฟน ชาน กล่าวว่าบริษัทพยายาม "เราจะตั้งเป้าหมายจะสร้างรายการแนวใหม่ออกมา ปีละอย่างน้อย 1 - 2 รายการ"

หลินฟง (Raymond Lam) จ่ายภาษีมากกว่าล้าน

Submitted by peary on 16 พฤศจิกายน, 2009 - 10:53

เมื่อวานนี้หลินฟงออกงานฉลองคริสมาสต์ด้วยสีหน้าที่เหนื่อยหน่าย ซึ่งเขาได้กล่าวว่าเขาเพิ่งเดินทางกลับมาจากเซี่ยงไฮ้โดยไปร่วมงานตัดริบบิ้น แต่เพราะอากาศที่หนาวเย็นที่เซี่ยงไฮ้จึงทำให้เขาเป็นหวัดและกลับมาที่ฮ่องกงทั้งๆ ที่ยังไม่ค่อยสบายอยู่ ในปีที่ผ่านมาหลินฟงทำงานจนยุ่งมากๆ เขายอมรับว่าปีนี้เขาจ่ายภาษีไปล้านกว่า ค่อนข้างมากทีเดียว โดยเขากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “จริงๆ แล้วรายได้ของผมสูงขึ้นทุกๆ ปี แต่ว่าระยะนี้ผมไม่ได้รับแสดงละครเลย ดังนั้นผมจึงมีโอกาสและมีเวลาที่จะไปไหนมาไหนได้หลายๆ ที่ และทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และภายในปีหน้าผมคงจะมีงานยุ่งกว่านี้ เพราะผมรับแสดงภาพยนตร์เรื่องใหม่หนึ่งเรื่อง และอีกไม่นานผมจะเริ่มออกอัลบั้มเพลงจีนกลางของผม นอกจากนี้ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเปิดคอนเสริตอีกด้วย”

ตามไปดู -- "หมอเฉิน" แจ็คกี ชาน (Jackie Chan) เข้าห้องผ่าตัด

Submitted by canjamm on 16 พฤศจิกายน, 2009 - 10:16

เวียดนามเน็ต - "การผ่าตัดประสบความสำเร็จ" เสียงพูดประกาศที่ชัดเจนของแจ็คกี ชาน (Jackie Chan) หรือ เฉินหลง ร้องบอกทีมแพทย์และผู้ที่อยู่ภายในห้องผ่าตัด หลังจากใช้เวลาในการทำศัลยกรรมนาน 2 ชั่วโมง ที่โรงพยาบาลเวียดนาม-คิวบา เมื่อวันที่ 5 พ.ย. ที่ผ่านมา

แจ็คกีเดินทางไปที่โรงพยาบาล โดยได้พบกับพ่อแม่ของคนไข้ที่เขาจะเข้าร่วมอยู่ในห้องศัลยกรรมด้วย คนไข้เป็นหนูน้อยอายุ 6 ขวบที่มีเพดานปากโหว่ ซึ่งหลังจากพูดคุยกับผู้ปกครองเสร็จ แจ็คกีก็รีบเปลี่ยนชุดเพื่อเข้าห้องทันที

แจ๊คกีได้ร่วมอยู่ในขั้นตอนการผ่าตัดนาน 2 ชั่วโมง และได้ออกมารายงานถึงการผ่าตัดที่มีส่วนได้ร่วมลงมือเองในบางขั้นตอนด้วยอาการสบายๆ มากกว่าหลีหญากี่ (Ly Nha Ky) กับ หมีเติม (My Tam) ดาราสาวกับนักร้องหญิงชาวเวียดนามซึ่งร่วมอยู่ในห้องผ่าตัด

เมื่อการผ่าตัดเสร็จสิ้น แจ็คกีได้อุ้มเด็กชายเจิ่นกวีเทียน (Tran Quy Thien) ให้ทุกคนได้เห็นถึงความสำเร็จของการผ่าตัด พร้อมทั้งกอดแสดงความยินดีก่อนที่จะส่งเด็กให้กับแม่ของเขา

นางเหวียนถิที (Nguyen Thi Thy) แม่ของเด็กกล่าวว่า เธอและครอบครัวมีความสุขมากและรู้สึกโชคดีที่แจ็คกี ชานอยู่ในห้องศัลยกรรมลูกของเขาด้วย

แจ็คกี อยู่ในระหว่างการเดินสายทำกิจกรรมการกุศล เขาเดินทางจากเวียดนามในวันที่ 6 พ.ย. ไปยังประเทศจีน แล้วบินกลับไปที่ไทย สิงคโปร์ อินเดีย และกัมพูชา เพื่อเข้าร่วมงาน "สานสัมพันธ์สู่สันติวัฒนธรรม" (Bridges – Dialogues Towards a Culture of Peace) ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิสันติภาพนานาชาติ

Manager Online

เจอร์รี่ (Jerry) ได้รับรางวัลใหญ่ถึงสองรางวัลที่ญี่ปุ่น

Submitted by peary on 14 พฤศจิกายน, 2009 - 15:03

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมชาวไต้หวันถึงได้ภูมิใจในตัวเจอร์รี่กันนัก ซึ่งเจอร์รี่นั้นได้ไปญี่ปุ่นถึงสองครั้งภายในหนึ่งเดือนเพื่อไปรับรางวัล เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เจอร์รี่ได้รับรางวัล “The Best International Jeanist Award” (นักแสดงต่างชาติที่ใส่ยีนส์แล้วดูดีที่สุด) และเมื่อวานนี้เขาสามารถแซงเรทติ้งของละครอเมริกันเรื่องดังถึงสองเรื่อง CSI และ HEROES ด้วยรางวัล “SKY PERFECT TV AWARD 2009” ซึ่งเป็นละครต่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากทั้งจากเรื่อง Hot Shot และ Starlit ในการรับรางวัลครั้งนี้เจอร์รี่ได้ร่วมเดินบนพรมน้ำเงินกับแอน วาตานาเบะ (Anne Watanabe) ที่เป็นลูกสาวของวาตานาเบะ เคน (Watanabe Ken) ด้วย นอกจากนั้นทางหนังสือพิมพ์ Yomiuri ได้ขอสัมภาษณ์เขา โดยจะมียอดตีพิมพ์ขายถึง 10 ล้านฉบับที่ญี่ปุ่น และจะตีพิมพ์ในช่วงปีใหม่เป็นฉบับพิเศษ

เขาออกจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อวันก่อน โดยที่มีแฟนๆ มาส่งกันอย่างหนาแน่นที่สนามบิน พนักงานดูแลความปลอดภัยไม่มีแม้กระทั่งทางเดินที่จะนำทางเจอร์รี่ให้หลบแฟนๆ ได้อย่างเป็นความลับเลย

เมื่อวานนี้มีข่าวลือออกมาว่าเจอร์รี่ได้ออกจาก JVR เรียบร้อยแล้ว แต่เฟนนี่ (Fenny) ที่เป็นคนดูแลเจอร์รี่ออกมาให้ข่าวว่า จริงๆ แล้วเจอร์รี่นั้นยังร่วมงานกับ JVR เช่นเดิม โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็ยินดีทำงานร่วมกันโดยไม่มีการเซ็นสัญญาใดๆ ทั้งสิ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามการรับคอมมิชชั่นก็ได้มีการตกลงกันไว้ล่วงหน้าก่อน โดยที่เขาต้องขอขอบคุณ Yang ที่บอกและแนะนำเขา การรับค่าแรงทั้งหมดของเจอร์รี่นั้นจะเป็นเช็คส่งเข้าไปให้ JVR ก่อน หลังจากนั้นก็นำมาหักค่าแรงต่างๆ ของเจ้าหน้าที่ของงานและสั่งจ่ายโดยในนามของ JVR ทั้งสิ้น และส่วนที่เหลือของค่าแรงจึงจะส่งให้เจอร์รี่เป็นคนสุดท้าย

หวีชื่อมั่น (Charmaine Sheh) ชวดงานเจ็ดหลัก

Submitted by peary on 14 พฤศจิกายน, 2009 - 14:13

ละครของหวีชื่อมั่นเรื่อง “Beyond the Realm of Conscience” ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่เริ่มออกอากาศ เธอออกปากว่ามีบริษัทโฆษณาหลายแห่งได้ติดต่องานมาให้เธอมากมาย แต่เป็นเพราะว่าเธอจะต้องแสดงละครถึงสองเรื่องในช่วงคริสมาสต์และปีใหม่จึงทำให้เธอไม่มีเวลาว่างพอที่จะจัดตารางงานเพิ่ม ซึ่งทำให้เธออดรับงานที่มีค่าแรงถึงเจ็ดหลักเลยด้วยซ้ำ แต่เธอกลับกล่าวว่า “การหาเงินนั้นไม่ว่าจะหาได้สักเท่าไหร่ก็คงไม่มีใครคิดว่าเพียงพอ แต่การมีความสุขน่าจะเป็นสิ่งที่เพียงพอที่สุด”

"เฉินหลง" (Jackie Chan) ประทับใจ เตรียมทำหนังเชิดชูเขมร

Submitted by Ne_kapook on 13 พฤศจิกายน, 2009 - 18:19

มีรายงานจาก AKP ต้นสังกัดของ "แจ็คกี้ ชาน" (Jackie Chan) หรือ "เฉินหลง" ยืนยันว่าเจ้าตัวเตรียมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องใหม่ นำเสนอวิถีชีวิตธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมของเขมร หลังได้รับคำเชิญจากทางรัฐบาล

ความมุ่งมั่นที่จะทำงานครั้งนี้ของเฉินหลงเกิดขึ้นเมื่อวันพุธที่ผ่านมา หลังเขาได้รับคำเชิญให้ร่วมประชุมกับ นาย ซกอัน รองนายกรัฐมนตรีของเขมร

ในโอกาสนี้ทาง ซกอัน ยังระบุด้วยว่าเขาสนับสนุนคำร้องของ เฉินหลง ที่ต้องการถ่ายทำภาพยนตร์ในเขมร และบอกเขาด้วยว่า ในประเทศอุดมไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ และมรดกทางวัฒนธรรมมากเพียงใด

การเยือนเขมรครั้งนี้ของเฉินหลงนับเป็นครั้งที่สามแล้ว โดยเขาระบุอย่างเป็นทางการว่าจะกลับไปเยือนเขมรอีกครั้งในอีก 6 เดือนข้างหน้า เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์ตามที่เขาตั้งใจไว้

เฉินหลง เดินทางถึงเขมรตั้งแต่วันอังคารที่ผ่านมา หลังได้รับคำเชิญจาก องค์กรสันติภาพระหว่างประเทศ เพื่อเข้าร่วมเสวนาในเรื่อง "สะพาน - การอภิปรายสู่วัฒนธรรมและสันติภาพ" ซึ่งจัดขึ้นโดยองค์กรสันติภาพระหว่างประเทศ และมหาวิทยาลัยกัมพูชา

นอกจากนั้นเขายังได้รับเชิญให้เข้าร่วมคอนเสิร์ตที่จัดขึ้นโดยช่อง เซาท์อีสต์ เอเชียน เทเลวิชัน เพื่อร่วมร้องเพลงกับศิลปินมากมายของเขมรด้วย

Manager Online

"เฉินกว้านซี" (Edison Chen) คืนไมค์ ร้องเพลงขอโทษพ่อ-แม่

Submitted by Ne_kapook on 13 พฤศจิกายน, 2009 - 18:12

หลังจากเสร็จสิ้นจากการถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลลีวูดมีรายงานว่า "เอดิสัน เฉิน" (Edison Chen) หรือ "เฉินกว้านซี" เตรียมตัวที่จะเดินทางไปยังไต้หวันในวันที่ 21 พ.ย. นี้ เพื่อเปิดตัวอัลบั้มใหม่ของเพื่อนซี้ โดยหนึ่งในนั้นมีเพลงที่เขาแต่งขึ้นเพื่อขอโทษพ่อ-แม่เขาด้วย

ตามรายงานระบุว่า นักแสดงหนุ่มสุดฉาวเตรียมตัวเดินทางกลับไต้หวันวันที่ 21 พ.ย. เพื่อร่วมโปรโมทอัลบั้มใหม่ของ ดีเจ ทอมมี เพื่อนซี้ของเขา ซึ่งในอัลบั้มประกอบด้วยเพลงที่เขาร้องอย่าง "問世上有幾多愛 (How much love does the world have)" ซึ่งเพลงนี้เป็นเพลงที่เขาหวนคืนไมค์กลับมาร้องเพลงอีกครั้งหลังเกิดเหตุการณ์ภาพฉาวเกลื่อนอินเตอร์เน็ต

ซึ่งมีข่าวลือว่าเขาจะกลับขึ้นแสดงบนเวทีที่ LUXY ไนท์คลับแห่งหนึ่งในไต้หวัน แต่เอดิสัน ได้ออกมาปฏิเสธข่าวลือดังกล่าวผ่านทางผู้ช่วยของเขาโดยระบุว่า เขามาเยือนไต้หวันเพื่อดีเจ ทอมมี เพื่อนของเขา และโปรโมทยูเอสบี ผลงานดีไซน์ใหม่ของเขาที่เป็นลิมิเต็ด อิดิชันสำหรับไต้หวัน ซึ่งภายในยูเอสบีดังกล่าวจะบรรจุเพลงอัลบั้มใหม่ของดีเจ ทอมมี ไว้ในนั้นด้วย

ส่วนทางด้านเนื้อหาเพลงที่ถูกพูดถึงอย่างมากนี้ มีการระบุว่าเพลง 問世上有幾多愛 เป็นเพลงที่เอดิสัน แต่งขึ้นเอง และต้องการใช้เพลงนี้ขอโทษผู้เป็นพ่อ-แม่ของเขา โดยเนื้อหาเพลงระบุว่า "ขอโทษครับแม่, ขอโทษครับพ่อ ผมพยายามจริงๆที่จะเชื่อฟังพวกคุณ ผมรู้ว่าผมพูดโกหกหลายต่อหลายครั้ง" ตามรายงานระบุว่าเนื้อหาเพลงเกี่ยวเนื่องกับพ่อแม่ของเอดิสันที่เคยบอกเขาหลายต่อหลายครั้งว่าให้สุภาพกับนักข่าวช่างภาพปาปารัสซี แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่ญาติดีกับนักข่าวอยู่ดี

ทางด้านดีเจ ทอมมี ยืนยันว่าบทเพลงดังกล่าวแต่งเสร็จก่อนที่จะเกิดเหตุภาพฉาว และในเนื้อหาเพลงก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ดังกล่าวแต่อย่างใดด้วย

Manager Online

หวีชื่อมั่น (Charmaine Sheh) เข้าร่วมงานโปรโมท Velasmoothpro

Submitted by peary on 12 พฤศจิกายน, 2009 - 17:00

หวีชื่อมั่นเข้าร่วมงาน “Velasmoothpro” โดยที่งานนี้จะมีนางแบบใส่บิกีนีมาสาธิตเกี่ยวกับเครื่องที่ทำให้ผอมลง ซึ่งหวีชื่อมั่นชมว่านางแบบนั้นมีหุ่นที่ดีมาก นักข่าวจึงถามหวีชื่อมั่นไม่กี่คำถามว่า

คำถาม: คุณอยากมีหน้าอกใหญ่เหมือนสาวๆ อื่นบ้างหรือไม่
คำตอบ: (เธอยิ้ม) ฉันพอใจในรูปร่างของฉันอยู่แล้วค่ะ
คำถาม: คุณอยากจะแต่งตัวเหมือนนางแบบในงานนี้หรือไม่
คำตอบ: คงมีคนมองกันแน่ๆ เลย แต่ฉันคิดว่ามันคงไม่ค่อยดีมั้ง แต่ถ้าให้ฉันแต่งชุดนี้เพื่อถ่ายแบบก็คงจะโอเค
คำถาม: ถ้าให้ใส่ชุดนี้เล่นในละครได้มั้ย
คำตอบ: ถ้าในละครจำเป็นจะต้องใส่จริงๆ และเป็นส่วนที่สำคัญในละคร ฉันก็จะลองพิจารณาดูค่ะ

นักข่าวยังถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เจิ้งเจียอิง (Kevin Cheng) ที่เป็นแฟนเก่าของเธอว่า “ไม่เห็นคุณพูดคุยกับเจิ้งเจียอิง (Kevin Cheng) ในงานโปรโมทบนเวทีเลย เธอจึงหัวเราะและกล่าวว่าบทเวทีนั้นเราทำงานกัน แต่ถ้าเราจะพูดคุยกันก็คงต้องเป็นหลังเวทีและในละครเราเล่นคู่กัน และพวกเราก็ไม่รังเกียจที่จะถูกโปรโมทด้วยกัน นักข่าวยังถามต่ออีกด้วยว่า “พวกคุณสองคนยังมีติดต่อกันอยู่บ้างหรือเปล่า” เธอตอบอย่างชัดเจนว่า “พวกเราเป็นเพียงเพื่อนกันค่ะ”

นอกจากนี้เธอยังกล่าวถึงการประกาศรางวัลจากเรื่อง “Beyond the Realm of Conscience” ว่าเธอค่อนข้างมั่นใจในผลงานเรื่องนี้

สปิริตแรง "อาเจียว" (Ah Gill) ถ่ายแบบทั้งๆ ที่แพ้ขนนก จนผื่นขึ้นเต็มตัว

Submitted by Ne_kapook on 12 พฤศจิกายน, 2009 - 14:30

นักร้องสาวคนดังแห่งฮ่องกง “อาเจียว-จงซินถง” (Ah Gill / Gillian Chung) แสดงความเป็นมืออาชีพออกมาอย่างเต็มตัว ในงานถ่ายแบบโฆษณาชิ้นหนึ่ง ที่เธอยืนยันจะทำงานต่อจนเสร็จทั้งๆ ที่เกิดอาการแพ้จากขนนกของชุดที่สวมใส่ จนเกิดผื่นขึ้นเต็มตัว

ช่วงนี้ อาเจียว หรือ จงซินถง สมาชิกวง Twin ไอดอลชื่อดังจากฮ่องกง กำลังอยู่ในช่วงทำงานหนัก เพื่อเรียกชื่อเสียงเดิมๆ กลับคืนมา หลังจากผ่านวิกฤติภาพหลุดมาได้พอสมควรแล้ว และกลับมารับงานเต็มเวลาอีกครั้ง เมื่อเร็วๆ นี้เธอได้รับคำเชิญจาก บริษัท ชุนหยวน เครือข่าย ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า เจ้าใหญ่ ในเมืองจีน ให้มาเป็นนางแบบในโฆษณาชิ้นใหม่ของบริษัท

สำหรับการทำงานงานชิ้นนี้ เธอต้องถ่ายแบบด้วยเครื่องแต่งกายหลายชุด สำหรับเสื้อผ้าซึ่งเป็นที่ถูกใจสำหรับสาวคนนี้มากที่สุดก็คือ เสื้อตัวที่ออกแบบโดยได้รับอิทธิพลมาจากชุดของเทพธิดากรีก ... "ฉันไม่เคยรู้สึกเป็นผู้หญิงมากกว่านี้มาก่อนเลยค่ะ เหมือนโดนสะกดจิต เหมือนตัวเองเป็นรูปปั้นไปแล้ว ต้องโพสท่าให้ดูสง่างามที่สุด"

ตลอดการถ่ายภาพ ตากล้องยอมรับถึง ความเป็นนางแบบอาชีพของอาเจียว และกล่าวชมเชยว่า งานคงจะไม่ออกมาดีแบบนี้แน่ ถ้าไม่ได้นักร้องสาวคนดังมาเป็นนางแบบ "เธอใส่พลังลงไปเยอะมากๆ ครับ เปลี่ยนท่าทางในการโพสท่าได้อย่างรวดเร็ว"

หลังจากทำงานไปสักพักใหญ่ จนถึงเสื้อผ้าชุดหนึ่ง เป็นชุดที่มีขนนกเป็นส่วนประกอบสำคัญ แต่แล้วขนนกเจ้าปัญหา กลับทำให้นักร้องสาวคนสวย ต้องเกิดอาการแพ้ขึ้นมา ซึ่งในเวลาอันรวดเร็ว ผิวของเธอเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ตามร่างการก็ปรากฏผดผื่นขึ้นมาเต็มไปหมด

ตากล้องเริ่มวิตกกังวลกับอาการของเธอ และแนะนำว่าควรรีบไปหาหมอตอนนี้อาจจะดีกว่า แต่อาเจียวยืนยันว่าจะทำงานให้เสร็จ จนงานเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งบริษัทเจ้าของสินค้า ได้ออกมาชื่นชมถึงความเป็นมืออาชีพของสาวคนนี้ ด้วย

แต่หลายๆ คนก็ออกมาแซวว่าถึงช่างภาพจะได้งานตามกำหนด แต่ฝ่ายโฟโตชอปคงต้องเหนื่อยกันอีกเยอะ กว่าจะลบรอยผื่นพวกนั้นได้หมด

Manager Online

บทบาทใหม่ของอู๋จุน (Wu Chun)

Submitted by peary on 12 พฤศจิกายน, 2009 - 11:42

อู๋จุนนักร้องวงฟาเรนไฮต์ที่เป็นไอดอลที่สามารถปล้นใจสาวๆ จากละครกำลังเตรียมฝึกการต่อสู้สำหรับเรื่อง “14 Blades” ซึ่งเป็นผลงานโปรดักชั่นเรื่องที่สองของทางฮ่องกงที่จะผลักดันอู๋จุนสู่วงการภาพยนตร์ หลังจากที่มีผลงานออกมาปีที่แล้วเรื่อง “Butterfly Lovers”

จากประสบการในการแสดงภาพยนตร์ย้อนยุคของจีนจากเรื่องที่แล้ว เขาจึงมีความคุ้นเคยอย่างดีกับภาพยนตร์เรื่องใหม่นี้ เนื่องจากอู๋จุนเป็นทั้งนักร้องและนักแสดง ทุกคนคงต้องคอยติดตามว่าเขาจะสามารถประสบความสำเร็จทั้งทางด้านการแสดงและร้องเพลงจนเทียบรุ่นกับหวังลีฮอมได้หรือไม่

ลือหึ่ง!เตียงหัก"หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) นอกใจ"เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung)

Submitted by Ne_kapook on 12 พฤศจิกายน, 2009 - 10:10

เรียกได้ว่ากว่าจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ได้ ก็ทำเอาแฟนคลับลุ้นกันแทบแย่ แต่พอแต่งได้ไม่ทันไร ตอนนี้ก็มีข่าวลือออกมาแล้วว่าคู่รักอมตะอย่าง "เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung) และ "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) ดูท่าจะเกิดปัญหาเสียแล้ว หลังมีข่าวว่าฝ่ายหญิงนอกใจ

ก่อนหน้านี้ในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ก็มีข่าวออกมาว่า หลิวเจียหลิง นักแสดงสาววัย 43 ปี รู้สึกเสียใจอย่างมากหลังพบว่า เหลียงเฉาเว่ย สามีแอบนัดพบกับแม็กกี้ เฉิง (Maggie Cheung) นักแสดงสาวสุดเซ็กซี่ โดยตอนนี้ข่าวคราวนอกใจกลับเป็นของฝ่ายสาวบ้างแล้ว

โดยมีรายงานจากสื่อฮ่องกงว่า หลังจากที่ เหลียงเฉาเหว่ย นักแสดงวัย 47 ปี ไม่อยู่บ้าน หลิวเจียหลิง ก็ถือโอกาสจัดงานปาร์ตี้ขึ้นที่บ้านทันที โดยมีภาพถ่ายเผยให้เห็นช่วงเวลาที่นักแสดงสาวกำลังแนบชิดอยู่กับชายหนุ่มคนหนึ่งที่เป็นแขกในงานภายในบ้าน

ตามรายงานจากสื่อฮ่องกงระบุว่า ชายหนุ่มคนดังกล่าวมีส่วนคล้าย แจ็คกี้ ชาน (Jacky Chan) เนื่องจากมีจมูกที่ใหญ่ โดยชายหนุ่มคนดังกล่าวถูกถ่ายภาพไว้ได้ขณะกำลังยืนคุยอยู่กับหลิวเจียหลิงในห้องครัว ก่อนที่บทสนทนาจะแปรเปลี่ยนเป็นการแสดงออกทางกายอย่างแนบชิด ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัวและแยกย้ายออกจากห้องครัวก่อนที่จะมีอะไรเกินเลยไปมากกว่านั้น

ตามรายงานยังระบุอีกว่า นักแสดงสาวโปรดปรานชีวิตยามค่ำคืน และยังเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อด้วยว่า เธอพยายามจะเลิกนิสัยท่องราตรีและอยู่ห่างจากการใช้ชีวิตยามค่ำคืนให้ได้ แต่อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สามารถทำได้จริงอย่างที่พูดเสียแล้ว

ความสัมพันธ์ของเหลียงเฉาเหว่ยและหลิวเจียหลิงถูกจับตามองมายาวนาน โดยทั้งคู่คบหาดูใจกันมานานกว่า 19 ปี ท่ามกลางข่าวลือรักๆเลิกๆมาโดยตลอด ก่อนที่ทั้งคู่จะตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์ในเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว ที่ภูฏาน พร้อมกับเร่งผลิตทายาทแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ประสบผลสำเร็จ

Channel News Asia / Manager Online

อู๋จุน (Wu Zun) ร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ 14 Blades ในฮ่องกง

Submitted by canjamm on 10 พฤศจิกายน, 2009 - 20:42

อู๋จุน (Wu Zun) เข้าร่วมงานแถลงข่าวภาพยนตร์ 14 Blades ในฮ่องกงในวันนี้ ในระหว่างงาน เขาปฏิเสธเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะออกจากวง Fahrenheit (FRH) รวมถึงปฏิเสธเรื่องที่ว่าเขาตั้งใจจะสร้างบริษัทของตัวเอง

ฉีจื่อซาน (Kate Tsui) ใส่ชุดเปิดหลังมาร่วมในงานแถลงข่าวนี้ เมื่อถ่ายภาพ อู๋จุนเห็นฉีจื่นซานวางท่าราวกับเป็นนักแสดงหญิงชื่อดัง เขาจึงเลียนแบบการวางท่าของเธอ และยังยิ้มแถมให้อีกด้วย ฉากนี้ตลกมากๆ อู๋จุนรับบทผู้พิพากษาในภาพยนตร์ เขากล่าวว่า "ในที่สุดผมก็ได้เล่นบทที่สมเป็นชายซะที"

Mingpao

อาซา (Ah Sa) เริ่มติดการแต่งเพลงของเธอเอง

Submitted by canjamm on 10 พฤศจิกายน, 2009 - 18:21

Survivor ซิงเกิ้ลของอาซา (Ah Sa / Charlene Choi) ค่อนข้างจะดังมากจากอัลบั้มเดี่ยวอัลบั้มใหม่ของเธอ เมื่อเร็วๆนี้ เธอเริ่มโปรโมทเพลงใหม่ของเธอ Able to Let Go เพลงนี้แต่งโดยอาซาเอง "เมื่อฉันมีเวลา ฉันชอบที่จะลองแต่งเพลง แต่การแต่งเพลงนั้นต้องมีแรงบันดาลใจ ฉันแต่งเพลง You are not a good lover ก่อนหน้านี้ มาคราวนี้ถือว่าเป็นเพลงที่สองที่ฉันแต่ง ฉันใช้เวลาอย่างมากกับมัน แต่ฉันเริ่มจะติดมันละ"

ทางด้านเจิ้งจงจี (Ronald Cheng) ที่ลือกันว่าเป็นแฟนของอาซา เขาก็ชอบแต่งเพลงเช่นกัน นักข่าวจึงถามอาซาว่าเธอได้รับคำแนะนำอะไรจากเขาบ้างหรือเปล่า? ซึ่งเธอตอบว่า "ฉันไม่ต้องการพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้"

蔡卓妍 Charlene Choi - 生還者 Survivor MV (CD Version with Lyrics & Download Link)

Charlene Choi Survivor HD


On.cc

8 หนังเอเชียใน 100 หนังที่ดีที่สุดในทศวรรษ

Submitted by Ne_kapook on 10 พฤศจิกายน, 2009 - 14:37

หนังสือพิมพ์ The Times ของอังกฤษได้จัดอันดับหนังยอดเยี่ยม 100 เรื่องในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยไม่ได้จำกัดเฉพาะหนังประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือจากแหล่งใดในโลก หนังทั้ง 100 เรื่องที่ได้รับเลือก จึงมีตั้งแต่หนังตลาดทำเงินมหาศาล, หนังอาร์ทเฮาส์, การ์ตูนอนิเมชั่น และแน่นอนในจำนวนนี้ก็ยังมีหนังเอเชีย ที่ติดอันดับอยู่ด้วยกัน 8 เรื่อง

ในการรวบรวมความคิดเห็น โดยหนังสือพิมพ์รายวัน The Times จากผู้อ่านซึ่งเป็นนักดูหนังครั้งนี้ มีจุดประสงค์เพื่อค้นหาหนังยอดเยี่ยมของทศวรรษที่ผ่านมา โดยครอบคลุมหนังระหว่างปี 2000 - 2009 และได้เข้ามาฉายที่อังกฤษ

ยอดผู้กำกับชาวญี่ปุ่น คินจิ ฟุกุซากุ ที่ได้ล่วงลับไปแล้ว ทำหนังเรื่อง Battle Royale ตอนที่ท่านอายุได้ 70 ปี เรื่องราวของกลุ่มเด็กนักเรียนชาวญี่ปุ่น ที่ถูกทิ้งไว้กลางเกาะรกร้าง สวมใส่ปลอกคอที่ฝังระเบิดเวลาไว้ และได้รับมอบอาวุธคนละหนึ่งชิ้น เพื่อต่อสู้กัน ผู้เหลืออยู่คนสุดท้ายเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ชีวิตต่อไปได้ หนังที่อาจไม่ถูกใจสำหรับผู้ปกครอง แต่สามารถนำเสนอเรื่องราวสุดท้าทาย ถึงการมองโลกยุคปัจจุบัน จนกลายเป็นหนังดีอันดับ 99 ของ The Times

หนังเกาหลี Sympathy for Lady Vengeance ปี 2005 ของผู้กำกับ ปักชานวุก ถูกเลือกให้อยู่ในลำดับที่ 97 ผลงานเรื่องสุดท้ายในหนังชุด 'ไตรภาคแห่งความแค้น' ทเล่าเรื่องความแค้นของหญิงสาวผู้ถูกคนรักทรยศ และจบท้ายด้วยการเอาคืนที่เต็มไปด้วยเลือด

หนังกำลังภายในเรื่องที่ 2 ของ จางอี้โหมว ผู้กำกับที่ดังที่สุดของจีนแผ่นดินใหญ่ในยุคปัจจุบัน House of Flying Daggers เป็นหนังดีที่สุดอันดับ 93 ซึ่งไม่ใช่เพียงเพราะงานชิ้นนี้เป็นหนังกำลังภายใน ทุนสร้างมหาศาล แต่ยังผสมเรื่องราวของความลุ่มหลง ด้วยการนำเสนออันจัดจ้าน ด้วยสี และภาพอันวิจิตร จนกลายเป็นหนังกำลังภายในที่งดงามที่สุดเรื่องหนึ่งแห่งยุค

ในอันดับที่ 82 เป็นผลงานของ ยอดผู้กำกับชาวไต้หวัน เอ็ดเวิร์ด หยาง ได้ล่วงลับไปแล้ว แต่งานของเขายังคงอยู่ Yi Yi: A One and a Two เป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา เป็นหนึ่งในมาสเตอร์พีสที่มีอยู่จำนวนมากของผู้กำกับท่านนี้ Yi Yi เล่าเรื่องอันลึกซึ้ง และสวยงามของครอบครัวชาวไต้หวัน ในกรุงไทเปยุคสังคมร่วมสมัย

180 ล้านหยวน พอรึเปล่า กับการคืนวงการของ "หวังเฟย" (Wang Fei)

Submitted by Ne_kapook on 9 พฤศจิกายน, 2009 - 16:40

มีรายงานว่า บริษัทบันเทิงแห่งหนึ่งในจีนแผ่นดินใหญ่ ได้ยื่นข้อเสนอมหาศาลถึง 180 ล้านหยวน (900 ล้านบาทโดยประมาณ) สำหรับการดึง "หวังเฟย" (Wang Fei) กลับสู่วงการบันเทิงอีกครั้ง หลังจากหยุดพักไม่รับงานอยู่หลายปี

สื่อมวลชนหลายแห่งในจีนรายงานตรงกันว่า ขณะนี้ได้มีการยื่นข้อเสนอก้อนงามให้กับหวังเฟย ในครั้งนี้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะสำหรับการกลับมาร้องเพลง หรือออกอัลบั้มชุดใหม่เท่านั้น แต่เป็นสัญญาระยะเวลา 5 ปีที่ครอบคลุมไปถึงงานอื่นๆ อย่างการแสดงคอนเสิร์ต และงานแสดงภาพยนตร์

ตามรายงานของซินหัว บริษัทยื่นข้อเสนอดังกล่าวก็คือ โพลี เอเจนซี่ บริษัทเพลงยักษ์ใหญ่ในจีน เฉินเค่อ ผู้ช่วยผู้จัดการของ โพลี เอเจนซี่ ออกมาปฏิเสธทันทีหลังจากมีข่าว "ยังไม่มีการยื่นข้อเสนอใดๆ ทั้งสิ้นในตอนนี้" เขาบอก "ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก ที่มีข่าวอย่างนี้ออกมา ถ้าหวังเฟยคิดว่าพักผ่อนจนพอใจแล้ว เมื่อนั้นเธอก็จะกลับมาเอง"

คนวงในของวงการบันเทิงจีนได้ให้ทัศนะไว้ว่า ในขณะนี้เงินไม่ใช่สิ่งที่ หวังเฟย ต้องคำนึงถึงมากที่สุดถ้าจะกลับมามีผลงานอีกครั้ง แต่ถ้ากลับมาแล้วต้องจะได้รับการตอบรับแค่ไหน ให้ความสำคัญมากที่สุดก่อนจะตัดสินใจครั้งใหญ่ "หวังเฟย ต้องคิดอย่างหนักว่าความรุ่งโรจน์ของเธอมันผ่านพ้นไปแล้วหรือยัง แล้วเรื่องที่ว่าจะเลือกบริษัทไหนค่อยเป็นขั้นตอนต่อไป เพราะตอนนี้นอกจาก โพลี เอเจนซี่ แล้ว ยังมีอีก 3 บริษัทใหญ่ที่สนใจเซ็นต์สัญญากับเธอ"

สื่อที่จีนแห่งหนึ่งให้ความเห็นที่แตกต่างว่า ตอนนี้เรื่องการเงิน อาจจะเป็นอีกกลายเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ นักร้องชื่อดัง ต้องคิดถึงการกลับมารับงานอีกครั้ง หลัง หลี่หย่าเผิง ล้มเหลวในการลงทุนหลายอย่าง นอกจากนั้น ที่ผ่านมา หวังเฟย ต้องใช้เงินไปจำนวนมหาศาลสำหรับค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดอาการปากแหว่งของลูกสาว

นับแต่ปี 2003 ที่เธอประกาศของพักยาว เพื่อใช้เวลาดูแลลูกสาวที่เกิดกับสามีคนที่สอง หลี่หย่าเผิง ข่าวการหวนคืนวงการของหวังเฟยวัย 40 ปี ก็ถูกพูดถึงมาตลอด แต่มันก็ยังไม่เคยเป็นจริงขึ้นมาสักที ซึ่งหลายฝ่ายบอกว่าครั้งนี้ดูมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน เพราะก็หน้านี้ไม่นาน หวังเฟย ก็เพิ่งเซนต์สัญญามูลค่า 20 ล้านหยวน (ประมาณ 100 ล้านบาท) เพื่อเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับยาสระผมยี่ห้อหนึ่ง

"จางซิยี่" (Zhang Ziyi) เตรียมสร้าง และแสดงนำในหนังจากวรรณกรรมดัง “จดหมายลับไป่เหอ”

Submitted by canjamm on 6 พฤศจิกายน, 2009 - 22:46

หลังจากความสำเร็จอย่างงดงามกับการสร้างหนังเรื่องแรกของตัวเอง ดูเหมือนว่า ดาราสาวชื่อดังชาวจีน “จางซิยี่” (Zhang Ziyi) จะเริ่มสนุกกับงานสายนี้ จนกำลังจะมีผลงานสร้าง และแสดงนำในหนังของตัวเอง เรื่องที่ 2 ออกมาแล้ว ที่จะหยิบววรรณชื่อดัง ที่เล่าเรื่องความลำบากของหญิงจีนในยุคปลายศตวรรษที่ 19 มาถ่ายทอด

ดาราหญิงชาวเอเชียซึ่งเป็นที่รู้จักมากที่สุดคนหนึ่งอย่าง จางซิยี่ กำลังเดินตามแบบดาราระดับโลกหลายๆ คน ที่หลังจากโด่งดังจากการแสดง ก็เริ่มขยับขยายมาเป็นผู้สร้าง และในที่สุดก็เปิดบริษัทสร้างหนังเป็นของตัวเอง

ตามรายงานของ Hollywoodreporter.com ขณะนี้ดาราสาววัย 30 และเพื่อนร่วมงานคนใหม่ของเธออย่าง เวนดี้ เมอร์ด็อก ภรรยาของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อก เจ้าพ่อสื่อคนดัง และ ฟรอเรนซ์ สโลน นักธุรกิจหญิงเชื้อสายมาเลเซีย กำลังเดินหน้าผลักดันโครงการหนังเรื่องใหม่ ที่ชื่อว่า Snow Flower and the Secret Fan

หนังจะเล่าเรื่อง มิตรภาพของผู้หญิงสองคน ที่ใช้ชีวิตอยู่ภายใต้กฎระเบียบ และวัฒนธรรมอันเคร่งครัดของจีน โดยเฉพาะประเพณีการมัดเท้า ซึ่งมีฉากหลังอยู่ในเขตชนบทห่างไกล ในมณฑล หูหนาน ของจีน ในศตวรรษที่ 19 ภาพยนตร์ โดยเป็นงานที่ดัดแปลงมาจากนิยายของนักเขียนหญิงสาวอเมริกา ลูกครึ่งจีน ลิซ่า ซี ที่สร้างงานเขียนเล่าเรื่องอิงประวัติศาสตร์ของจีนออกมาหลายเล่มแล้ว และได้ถูกแปลเป็นภาษาไทย รวมถึง Flower and the Secret Fan ที่ใช้ชื่อว่า “จดหมายลับไป่เหอ”

แม้จะเล่าเรื่องย้อนยุคในประเทศจีน แต่ตามแผนการขณะนี้ Snow Flower and the Secret Fan จะถ่ายทำเป็นภาษาอังกฤษ เพื่อความหวังในการเข้าฉายในตลาดอเมริกาและทั่วโลก โดยหนังจะกำกับโดยผู้กำกับเชื้อสายจีน เวย์น หวัง โดยมีกำหนดถ่ายทำ และเข้าฉายในปีหน้า

เมื่อกลางปีที่ผ่านมา จางซิยี่กลายเป็นผู้อำนวยการสร้างหญิงคนใหม่ของประเทศจีน เมื่อผลงานเรื่อง Sophie's Revenge ของเธอเข้าฉาย และประสบความสำเร็จ หนังโรแมนติก-คอมเมอดี้เรื่องดังกล่าวไม่เพียง เปิดโอกาสในงานสายใหม่ให้กับดาราสาววัย 30 แต่ในเรื่องเธอยังมีโอกาส ได้แสดงบทผู้หญิงธรรมดาๆ และสวมเสื้อผ้าตามสมัย หลังจากรับบทเคร่งเครียดในหนังย้อนยุคมาโดยตลอด

"เจย์ โชว์" (Jay Chou) ชม "หลินจื่อหลิง" (Lin Chi Ling) คือผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

Submitted by canjamm on 5 พฤศจิกายน, 2009 - 17:29

นักร้องหนุ่มยอดนิยมแห่งไต้หวัน "เจย์ โชว์ " (Jay Chou) และนางแบบสาวอันดับหนึ่ง "หลินจื่อหลิง" (Jay Chou) กำลังจะมีผลงานหนังที่แสดงร่วมกันเข้าฉายในปลายปีนี้ ในการถ่ายรูปลงนิตยสารเพื่อประชาสัมพันธ์หนัง พ่อหนุ่มนักร้องออกมาชมนางเอกคนใหม่ของเขาว่า เป็นผู้หญิงที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

ในการถ่ายภาพนิ่ง และให้สัมภาษณ์ กับนิตยสาร Uno เพื่อประชาสัมพันธ์หนังเรื่อง The Treasure Hunter (True Legend) ทั้งดูจะมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างมาก

หลังจากทำงานร่วมกันมาหลายเดือน เจย์ โชว์ ได้พูดถึง หลินจื่อหลิง นางแบบวัย 34 ชาวไต้หวัน นางเอกคนใหม่ของเขา ว่า "บางคนอาจจะมองหลินจื่อหลิงแค่เรื่องรูปร่างดี หน้าตาสวย หรือเกี่ยวกับเรื่องรูปลักษณ์ภายนอกทั้งหมด แต่สำหรับผม สิ่งที่อยู่ภายในตัวเธอมันสมบูรณ์แบบ" นั้นคือคำอธิบายของเขา ถึงสาวที่ไม่เพียงเป็นเจ้าแม่โฆษณา, นางแบบอันดับหนึ่ง แต่ยังจบถึงปริญญามาแล้วถึงสองใบ

ซูเปอร์สตาร์แห่งไต้หวันทั้งสอง ยังเปิดใจว่าสิ่งหนึ่งที่ทั้งคู่หวังก็คืออยากใช้ชีวิตอย่างคนธรรมดาๆ บ้าง สำหรับหลินจื่อหลิงบอกว่า ตอนนี้ถ้าเป็นไปได้เธอยังพยายามใช้ชีวิตแบบคนทั่วๆ ไปอยู่เสมอ ... "ฉันยังขึ้นรถไฟฟ้า, กินข้าวจากร้านแผงลอย โดยไม่ได้สนใจว่าจะมีใครจ้องมองหรือเปล่า"

เช่นเดียวกันสำหรับ เจย์ โชว์ ที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนหนุ่มที่ยุ่งที่สุดในไต้หวัน นอกจากงานเพลงอันเป็นอาชีพหลัก แล้วช่วงหลังเขายังต้องบินไปมาระหว่างไต้หวัน และอเมริกา เพื่อถ่ายหนังเรื่อง The Green Hornet ผลงานหนังฮอลลีวูดเรื่องแรกที่เขารับบทเด่น แต่ถ้าเป็นไปได้ หนุ่มคนดังคนนี้ก็บอกว่า อยากจะพักเรื่องพวกนี้เอาไว้บ้าง

ซึ่งถ้าพอจะมีเวลาว่าง เจย์ โชว์ บอกว่าสิ่งที่เขาอยากจะทำที่สุด ก็คือ การอยู่บ้านเฉยๆ "ผมอยากจะอยู่บ้าน คุยกับแม่, ดูทีวี เล่นพูล นั่นแหละเป็นการใช้ชีวิตที่แท้จริงของผม

UDN / Manager Online

Mayday, Fahrenheit และ S.H.E. มารวมกันขึ้นแสดงในไต้หวัน ในคืนก่อนวันปีใหม่

Submitted by canjamm on 4 พฤศจิกายน, 2009 - 22:33

ในช่วงคืนก่อนวันปีใหม่ที่จะถึงนี้ วง Mayday, S.H.E. และ Fahrenheit สามกลุ่มศิลปินชื่อดังในไต้หวัน จะไม่เดินทางไปตามสถานที่ต่างๆ แต่พวกเขาจะอยู่แต่ที่ Taipei City Government Plaza ในเมืองไทเป เพื่อที่จะอยู่กับประชาชนชาวไต้หวันเพื่อเข้าสู่วันปีใหม่ด้วยกัน เรื่องนี้สร้างความไม่พอใจอย่างมากกับสถานที่จัดงานที่อื่น สรุปได้ว่า งานปาร์ตี้คืนก่อนวันปีใหม่ที่จะมีขึ้นที่ Taipei Plaza ซึ่งทางสถานีออกอากาศก็คือ TVBS พวกเขาใช้เงินจำนวนมาก เพื่อจองตัวคนดังมากมายให้อยู่เพียงสถานที่เดียว Wang Li Ming ตัวแทนของ TVBS กล่าวว่า "พวกเราไม่เคยเรียกร้องอะไร เป็นเรื่องของนักร้องที่กังวลที่จะย้ายจากสถานที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งจะทำกระทบต่อการแสดงของพวกเขา คุณจะมาว่าพวกเราไม่ได้"

ในปีนี้ โจลิน ไช่ (Jolin Tsai), A-Mei, Jam Hsaio และเจย์โชว์ (Jay Chou) จะไม่ร้องเพลงในคืนก่อนวันปีใหม่ ทางด้าน TVBS ก็ดำเนินเรื่องมาตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้ว ในการหาตัวศิลปินดังๆมาร่วมแสดงในงาน Mayday ได้รับเงินจำนวน 2 ล้านเหรียญไต้หวันสำหรับการแสดงในช่วงเค้าท์ดาวน์ ในขณะที่ S.H.E. และ Fahrenheit จะได้รับเงินวงละ 1.5 ล้านเหรียญไต้หวัน ด้วยการร้องเพลงวงละครึ่งชั่วโมง ทางด้าน TVBS กล่าวว่า สำหรับคืนก่อนวันปีใหม่ในปีนี้ พวกเขาใช้เงินไปประมาณ 20 ล้านเหรียญไต้หวัน การมอบเงินจำนวนมากมักจะทำให้ศิลปินไม่ย้ายสถานที่

ChinaTimes

มีลุ้น "ทาเคชิ คาเนชิโร" (Takeshi Kaneshiro) โกฮอลลีวูด

Submitted by canjamm on 3 พฤศจิกายน, 2009 - 15:01

"ทาเคชิ คาเนชิโร" (Takeshi Kaneshiro) นักแสดงหนุ่มชื่อดังระดับเอเชีย มีรายงานว่าเขาอาจจะเป็นนักแสดงเอเชียคนต่อไป ที่ได้โกอินเตอร์ร่วมงานกับฮอลลีวูดตามรอยเพื่อนๆเอเชียชื่อดังอย่าง เรน (Rain), เจย์ โจว (Jay Chou) และ ลีบยองฮุน (Lee Byung Hun)

เมื่อไม่นานมานี้มีคนพบ ทาเคชิ คาเนชิโร่ นักแสดงวัย 33 ปี กำลังเดินเล่นอยู่ในลอสแองเจลิส ทำให้เพิ่มชนวนข่าวลือที่ว่านักแสดงหนุ่มลูกครึ่งไต้หวัน-ญี่ปุ่นผู้นี้กำลังจะก้าวเท้าสู่ระดับอินเตอร์ในโลกฮอลลีวูด

แต่ถึงจะมีข่าวลือออกมา ทางต้นสังกัดของเขาก็ออกมายืนยัน ว่านักแสดงหนุ่มไปที่ลอสแองเจลิสจริง แต่ว่าเขาไปพักผ่อนและเยี่ยมเยียนเพื่อนของเขาที่อยู่ที่นั่นเท่านั้น

ทาเคชิ เป็นนักแสดงมากฝีมือที่เคยร่วมงานในภาพยนตร์ต่างประเทศมาแล้วอย่างเรื่อง Too Tired To Die ผลงานปี 1998 ที่เขาร่วมแสดงกับ มีร่า ซอร์วิโน นักแสดงสาวระดับออสการ์ ซึ่งเขาเคยถูกทาบทามให้ร่วมงานระดับฮอลลีวูดนับแต่นั้นแต่เจ้าตัวก็ปฏิเสธโดยบอกปัดบทบาทซามูไรในภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai ที่ ทอม ครูส นำแสดงด้วย

และเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา นักแสดงหนุ่มก็ถูกจับตามองจากเหล่าบรรดาผู้สร้าง ผู้กำกับในฮอลลีวูดอีกครั้ง จากผลงานเรื่อง House of Flying Daggers ในปี 2004 ที่เขาแสดงร่วมกับจางซี่ยี่ (Zhang Ziyi) และผลงานเรื่อง Red Cliff ของผู้กำกับชาวฮ่องกงชื่อดังอย่าง จอห์น วู (John Woo)

ทางด้านต้นสังกัดของนักแสดงหนุ่มออกมาระบุว่า ถ้าหากนักแสดงได้รับการทาบทามจากฮอลลีวูด รายละเอียดต่างๆจะยังไม่ถูกเปิดเผย จนกว่าจะมีการจรดปากกาเซ็นสัญญากันเป็นที่เรียบร้อยแล้วเท่านั้น

ChannelNewsAsia / Manager Online

ผู้ใหญ่ในวงการเตือน “เฉินกวนซี” (Edison Chen) ยังไม่ถึงเวลาหวนคืนสู่วงการบันเทิงฮ่องกงในตอนนี้

Submitted by canjamm on 3 พฤศจิกายน, 2009 - 14:54

มีรายงานข่าวว่า ผู้ใหญ่ในวงการฮ่องกงที่ชื่อว่า “หลินเจียนเยี่ย” (Lin Chien Yueh) ที่สื่อในวงการบันเทิงที่นั่น เรียกว่าเป็น “ก๊อดฟาเธอร์” แห่งวงการบันเทิง ได้ออกโรงมาเตือน หนุ่ม "เฉินกวนซี" (Edison Chen) ด้วยความหวังดี ว่ายังไม่สมควรกลับสู่อาชีพในวงการบันเทิงตอนนี้ หรืออนาคตอันใกล้

นับแต่เหตุการณ์อื้อฉาวในปี 2008 ที่ภาพกิจกรรมทางเพศของ เฉินกวนซี กับสาวคนดังมากหน้าหลายตาถูกเผยแพร่โดยมือมืด จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวาย และเสียหายทั้งกับดาราหญิงหลายๆ คน, เจ้าตัว และบริษัทบันเทิงหลายๆ แห่ง เฉินกวนซี ได้ถอนตัวออกจากวงการไปพักใหญ่ จนกระทั่งช่วง 3 - 4 เดือนที่ผ่านมา เขาเริ่มกลับมารับงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างการถ่ายแบบ และโปรโมตสินค้า แต่สำหรับการกลับมาแสดงหนังใหญ่ หรือออกอัลบั้มอีกครั้งนั้น หลายๆ ฝ่ายบอกว่าตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา

หลินเจียนเยี่ย หรือที่สื่อฮ่องกง เรียกว่าเป็น “ก๊อดฟาเธอร์” แห่งวงการบันเทิง ซีอีโอของบริษัท Media Asia Entertainment Group ที่เป็นผู้สร้างหนัง Infernal Affairs หนึ่งในงานที่ทำให้ เฉินกวนซี โด่งดังและเป็นที่จดจำไปทั่ว เป็นผู้หนึ่งที่ยังคงให้การสนับสนุน และมีความเห็นว่า พ่อหนุ่มตัวปัญหายังคงสามารถอยู่ในวงการนี้ได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม นั้นไม่ได้หมายความว่าจะสามารถเริ่มต้นได้ตั้งแต่ตอนนี้

หลินเจียนเยี่ย ที่บอกว่าเห็น ดาราหนุ่มเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง จึงออกมาเตือนเรื่องนี้ ได้บอกกับสื่อของฮ่องกงว่าทุกอย่างมันอยู่ที่คนดู “ถ้าประชาชนรับได้ เขาจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ถ้าไม่มันก็ยังไม่ถึงเวลา ตอนนี้คนมากมายยังจับตามองดูเขาอยู่ โดยเฉพาะคนที่ต่อต้าน ผมคิดว่ามันไม่ถึงเวลาที่จะกลับมาสู่วงการในตอนนี้”

สาวจีนแผ่นดินใหญ่คว้ามงกุฎ "มิสเอเชีย" (Miss Asia Pageant) ประจำปี 2009 ไปครอง

Submitted by canjamm on 3 พฤศจิกายน, 2009 - 14:22

เวทีประกวดสาวงาม “มิสเอเซีย” (Miss Asia Pageant) ได้จัดขึ้นอีกครั้งเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา จากผู้ประกวดในรอบสุดท้าย 12 คน สาวที่ได้รับการขานชื่อให้เป็น มิสเอเชียคนใหม่ เป็นสาวงามวัย 21 ปีจากแผ่นดินใหญ่ และเช่นเดียวกับทุกครั้งที่ผ่านมา เครื่องแต่งกายสุดวาบหวิว หรือชุดว่ายน้ำประเภทปิดไม่มิด ยังคงเป็นเอกลักษณ์สำหรับเวทีมิสเอเซียเช่นเคย

ครูสอนเต้นรำวัย 21 ปี สวี่อิง (Hui Ying) กลายเป็น มิสเอเซีย คนใหม่ในการประกวดเมื่อวันที่ 1 พ.ย. ซึ่งเป็นรอบสุดท้ายของการประกวด ที่มีสาว 12 คน ขึ้นเวลา หลังจากผ่านรอบแรกในปลายเดือน ต.ค.

สวี่อิง ที่มีพื้นเพมาจากเมืองอันฮุย จีนแผ่นดินใหญ่ ได้รับรางวัลไปทั้งสิ้นประมาณ 2 ล้านเหรียญฮ่องกง ยังจะได้เซนต์สัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดของ ATV ที่ผู้จัดการประกวดครั้งนี้ด้วยด้วย ขณะที่สาววัย 26 ปี สวี่เจียเหว่ย นักศึกษาจากไต้หวัน ครองรางวัลรองอันดับ 3

มิสเอเซีย ของสถานีโทรทัศน์ของฮ่องกง ATV ถือว่าเป็นเวทีประกวดความงามเวทีหลักอีกแห่งของฮ่องกง เคียงคู่มากับ มิสฮ่องกง ของสถานีโทรทัศน์ TVB

มิสเอเชียจัดขึ้นครั้งแรกในปี 1985 โดยรับสมัครสาวงามจากในฮ่องกงเอง ผู้ชนะนอกจากจะได้รับเงิน และของรางวัลแล้ว ยังได้เข้าเป็นดาราในสังกัดของ ATV ด้วย การประกวดงดไปชั่วคราวระหว่างปี 1999 - 2003 จนกระทั่งปี 2004 จึงกลับมาอีกครั้ง และมีการเปลี่ยนกติกา โดย ไม่ได้จำกัดผู้ประกวดแค่ชาวฮ่องกงเท่านั้นแล้ว แต่ยังเปิดโอกาสให้สาวๆ จากประเทศต่างๆ ในเอเชียรวมถึง ไทย, ฟิลิปปินส์, เกาหลี, ญี่ปุ่น, อินเดีย, เลบานอน, เวียนนาม ไปจนถึงสาวที่มีเชื้อสายตะวันตกอย่าง อูสเบกิสสถาน หรือคาซักสถาน ให้มีส่วนร่วมด้วย

นอกจากนั้นหลังปี 2004 ทางกองประกวดยังจัดให้มีรอบคัดเลือกรอบแรกขึ้น สำหรับการคัดเลือกสาวงามชาวจีน ในภูมิภาคต่างๆ รวมถึงในฮ่องกง ก่อนที่จะถึงรอบตัดสินในช่วงปลายปีด้วย

"Amazing Tales: Three Guns" ผลงานเรื่องแรกในรอบ 3 ปีของ "จางอี้โหมว"

Submitted by canjamm on 2 พฤศจิกายน, 2009 - 16:17

ผู้กำกับชื่อดังชาวจีนแผ่นดินใหญ่ “จางอี้โหมว” (Zhang Yimou) กำลังจะมีงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ ซึ่งนับว่าเป็นหนังเรื่องแรกในรอบ 3 ปีของเขา โดยหนังเรื่องดังกล่าวจะเป็นการหยิบเอาหนังฮอลลีวูดของ “พี่น้องโคเอน” ผู้กำกับชื่อดังชาวอเมริกันกลับมาสร้างใหม่ด้วย

ถ้าจะพูดถึงผลงานภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ จางอี้โหมว ก็ต้องย้อนไปเมื่อสามปีก่อนกับหนังเรื่อง Curse of the Golden Flower เมื่อปี 2006 แต่ก็ใช่ว่าในช่วงเวลา 3 ปีที่ผ่านมานี้ผู้กำกับชื่อดังท่านนี้จะอยู่เฉยๆ แต่เขาเลือกที่จะทุ่มเทให้กับงานนอกก่อนถ่ายหนังเสียมากกว่า ตั้งแต่การกำกับโอเปร่า, ดูแลการแสดงในงานฉลองงานครอบรอบ 60 ปี และที่สำคัญที่สุดก็คือการดูแลการแสดงในพิธีเปิด และปิดกีฬาโอลิมปิกที่ปักกิ่งเมื่อปีก่อน ที่เขาบอกว่าเหนือยมากๆ และขอเวลาพักสักช่วงใหญ่ๆ

จนกระทั่งปีนี้เอง ผู้กำกับวัย 58 ได้กลับมาสู่เก้าอี้ตัวเดิมอีกครั้ง ลำพังแค่การกลับมาทำหนังอีกครั้งของยอดผู้กำกับชาวจีนท่านนี้ ก็ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นพออยู่แล้ว แต่หนังที่ใช้ชื่อว่า Amazing Tales: Three Guns ยังมีความน่าสนใจอยู่อีกหลายประการ, แนวทางที่แตกต่าง, การทำงานกับนักแสดงกลุ่มใหม่ๆ และที่ทำให้งานชิ้นนี้ถูกจับตามองมากที่สุก ก็คือ นี่เป็นการหยิบเอาหนังเก่าของเรื่อง Blood Simple ผู้กำกับอินดี้ชาวอเมริกัน สองพี่น้องโคเอน มาสร้างใหม่

ผู้อำนวยการสร้าง จางเหว่ยปิง บอกว่าจุดเริ่มต้นที่จะสร้างหนังเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ จางอี้โหมว เอ่ยปากขึ้นมาว่า เขาเป็นแฟนหนังของสองพี่น้องโคเอน บริษัทเลยก็เลยมีไอเดียที่จะหยิบงานเก่าๆ ของพี่น้องนักทำหนังคนดัง มาให้ จางอี้โหมว ได้ถ่ายทอดใหม่ในแบบของตัวเอง

มีงานหลายๆ ชิ้นของพี่น้องโคเอนที่อยู่ในข่ายพิจารณารวมถึง No Country For Old Men หนังปี 2007 ที่ได้รับรางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่สุดท้ายแล้ว จางอี้โหมว ตัดสินใจเลือกผลงานชิ้นแรกอย่างของคนทำหนังคู่พี่น้อง อย่าง Blood Simple หนังฟิล์มนัวร์อาชญากรรม ที่กลายเป็นงานแจ้งเกิด และทำให้ พี่น้องโคเอน ยิ่งใหญ่มาจนถึงปัจจุบัน

สามสาววง S.H.E. แบ่งปันเคล็ดลับในการลดน้ำหนัก / S.H.E. ไม่เคยกังวลว่ายอดขายบัตรเข้าชมงานคอนเสิร์ตจะเป็นอย่างไร

Submitted by canjamm on 31 ตุลาคม, 2009 - 23:12

เพื่อให้มีสุขภาพที่สมบูรณ์ และรูปร่างที่สวยงามเป็นความใผ่ฝันของผู้หญิงทุกๆคน ทำให้ S.H.E. กลุ่มศิลปินไต้หวันตื่นเต้นที่จะได้มีโอกาสแบ่งปันถึงผลประโยชน์ของเข็มขัดนวดลดน้ำหนัก ที่เพิ่งเปิดตัวที่ห้าง Shanghai Jiu Guang Mall เซลิน่า (Selina) ที่มักจะรำคาญกับปัญหาเรื่องน้ำหนัก เธอต้องพยายามอย่างหนักในการลดน้ำหนักสำหรับงานคอนเสิร์ตของพวกเธอในวันที่ 31 ต.ค. จริงๆแล้วความพยายามในการลดน้ำหนักนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจน และเธอยกความดีให้เข็มขัดนวดลดน้ำหนักอันใหม่ที่ช่วยทำให้เธอประสบความสำเร็จอย่างที่ต้องการ เมื่อถูกถามว่า พวกเธอทั้งสามคนกังวลเกี่ยวกับยอดขายบัตรของงานคอนเสิร์ตไหม พวกเธอตอบกลับอย่างมั่นใจว่า "ความกังวลของพวกเรามีเพียงว่า การแสดงของพวกเราจะทำให้ทุกๆคนพึงพอใจหรือเปล่า และไม่เคยสนใจว่ายอดขายบัตรเข้าชมงานคอนเสิร์ตจะเป็นอย่างไร"

การมีรูปร่างที่สวยงาม สาวๆทั้ง 3 คนไม่ลืมที่จะแสดงให้เห็น พวกเธอเล่าให้ฟังถึงเคล็ดลับว่า พวกเธอเลือกใช้เข็มขัดนวดลดน้ำหนัก uKimono ทางผู้จัดงานยังจัดให้มีแฟนๆที่โชคดี 3 คนขึ้นไปบนเวที เพือให้ S.H.E. ช่วยพวกเธอใส่เข็มขัดนวดให้ เมื่อถูกถามว่าคนดังหญิงคนไหนที่มีหุ่นดีที่สุด S.H.E. ประสานเสียงตอบออกมาว่า "ซูฉี (Shu Qi) เธอดูสง่างามมาก และพวกเราเห็นหุ่นที่งดงามของเธอจากนิตยสาร ยิ่งไปกว่านั้น การแสดงของเธอนั่นน่านับถือมากๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ทั้งฉลาดและเซ็กซี่ พวกเรารักเธอ"

ในการเตรียมตัวสำหรับงานคอนเสิร์ตในเซี่ยงไฮ้ในวันที่ 31 ต.ค. S.H.E. พวกเธอกำลังเตรียมพร้อม เมื่อถูกถามว่า พวกเธอกังวลเกี่ยวกับยอดขายบัตรเข้าชมหรือไม่ ทั้งสามคนกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า พวกเธอไม่เคยกังวล และสิ่งที่เธอสนใจมาตลอดเวลาจริงๆก็คือการเตรียมตัวทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อทำให้ดีที่สุดในงานคอนเสิร์ต บริษัทต้นสังกัดของเธอจะรับหน้าที่ดูแลเรื่องยอดขายบัตรเข้าชมแทนพวกเธอ พวกเราจะแสดงอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุดเท่าที่พวกเราจะทำได้ "ไม่ว่าพวกเราจะอยู่ต่อหน้าผู้ชม 5 คน หรือ 5 หมื่นคน พวกเราจะขึ้นไปบนเวทีเพื่อรอคอยทุกๆคน"

“จางม่านอวี้” (Maggie Cheung) เปิดใจ เคยคิดทำศัลยกรรมลดวัย, ไม่อยากแต่งงานครั้งที่สอง แต่อยากเป็นแม่คน

Submitted by canjamm on 31 ตุลาคม, 2009 - 22:31

ดาราสาวมากฝีมือชาวฮ่องกง “จางม่านอวี้” (Maggie Cheung) ที่มาเป็นแขกในงานแสดงเครื่องเพชร ที่กรุงไทเป ไต้หวัน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมาในชีวิตช่วงนี้ ทั้งเรื่องที่เธอเคยมีความคิดที่จะอาศัยมีดหมอศัลยกรรมตกแต่งเพื่อลดวัย, ข่าวลือเรื่องแต่งงาน และยอมรับว่าในวัย 45 เริ่มมีความรู้สึกอยากเป็นแม่คนขึ้นมาแล้ว

อดีตรองมิสฮ่องกงปี 1983 ยอมรับว่าความงามของเธอในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณไปที่ช่างแต่งหน้า ที่ทำให้เธอยังดูเด็กว่าอายุจริงได้แบบนี้ ดาราวัย 45 เปิดใจว่าเคยคิดถึงเรื่องการทำศัลยกรรมบนใบหน้า ลดริ้วรอยต่างๆ เพื่อให้กลับไปดูสาวอยู่เหมือนกัน ...”ตอนนี้การทำศัลยกรรมนั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่ใครๆ ก็ทำกัน”

จางม่านอวี้ บอกว่าเธอก็เหมือนกับผู้หญิงอีกหลายๆ คน ที่ครั้งหนึ่งในชีวิต ต้องเคยสนใจ และคิดที่จะเสริมความงามด้วยวิธีนี้ด้วยกันทั้งนั้น “ผู้หญิงทุกคนๆ มีช่วงที่รู้สึกหวั่นไหว และอยากจะพึ่งไปที่การทำศัลยกรรม ต้องต่อสู้กับความรู้สึกของตัวเอง ว่าจะทำมันดีรึเปล่า ฉันเองก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนั้นมาเหมือนกันค่ะ”

แต่ในที่สุดดาราเจ้าบทบาทคนนี้ก็ตัดสินใจได้ว่า จะปล่อยให้ความงามของตัวเอง เป็นไปตามธรรมชาติ และหวังว่าทุกคนจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้ ... “ฉันหวังว่าทุกคนจะยอมรับกับริ้วรอยต่างๆ ที่เป็นไปตามวัยของฉันได้นะคะ สำหรับตัวเองฉันได้แต่หวังว่า จะไม่เปลี่ยนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปจนกว่าจะอายุ 60 ปี หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที”

นอกจากช่างแต่งหน้า และตากล้องที่ช่วยให้จางม่านอวี้ ยังสาวและสวยแบบนี้ เธอยังบอกว่าความรักที่กำลังไปได้สวยในช่วงนี้ ก็อาจจะมีส่วนอยู่นิดหน่อย ... “การมีความรักอาจไม่ใช่วิธีทำให้ผู้หญิงสวยโดยตรง แต่มันทำให้เรามีความสุข ดูเป็นธรรมชาติ ความรักกับความสวยอาจจะเกี่ยวกันตรงนี้” เธอให้ความเห็น

ขณะนี้ความรักของ เธอกับ โอเล เชียเรน สถาปนิกระดับโลกชาวเยอรมันกำลังอยู่ในช่วงหวานชื่น ถึงกระนั้นทั้งคู่ก็ยังไม่มีแผนการจะแต่งงานงานกันในอนาคตอันใกล้นี้แต่อย่างใด เมื่อนักข่าวถามเรื่องที่ว่า เชียเรน เคยขอแต่งงานบ้างรึเปล่า จางม่านอวี้ บอกว่าไม่เคย เพราะเธอและเขาต่างเข้าใจกัน และรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร