ข่าวจีน

เพิ่งมีข่าวฉาวว่าขายตัวให้นักการเมืองดังจนรวยล้นฟ้า ล่าสุด "จางจื้อยี่" (Zhang Ziyi / 章子怡) นักแสดงสาวชื่อดังเจอกระแสข่าวจับคู่ว่าตอนนี้กำลังคั่วเด็กโดยแอบสานสัมพันธ์กับ"ซุนเป่าฉี" (Sun Baoqi / 孙宝奇) ไอดอลจากจีนแผ่นดินใหญ่มานานกว่า 3 ปีแล้ว
       
       ตามรายงานจากสื่อยักษ์ใหญ่ของฮ่องกงรายงานว่า จางจื้อยี่ นักแสดงสาวชื่อดังเป็นเจ้าของแมนชันขนาดใหญ่หลายแห่งในกรุงปักกิ่ง แต่ในช่วงหลังๆมานี้เธอจะอาศัยอยู่ที่ PropGo เป็นหลักซึ่งเป็นหนึ่งในแมนชันที่หรูหราที่สุดแห่งหนึ่งในปักกิ่ง โดยเมื่อไม่นานมานี้มีคนเห็น ซุนเป่าจิง ปรากฏตัวอยู่แถวๆแมนชันหรูดังกล่าว และในกลางดึกคืนหนึ่งเขายังเดินออกมาจากแมนชันนั้นด้วย
       
       ตามรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้เคยมีชายหนุ่มคนหนึ่งตามติดจางจื้อยี่ระหว่างที่นักแสดงสาวเข้าร่วมงาน เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติปักกิ่งที่จัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว โดยเขาอยู่ไม่ห่างจากนักแสดงสาวและคอยถ่ายรูปให้เธออยู่ตลอด ซึ่งหนุ่มคนนั้นเป็นคนเดียวกันกับ ซุนเป่าจิง รายนี้นั่นเอง

Manager Online

      พระเอกตลอดกาลแห่งวงการหนังฮ่องกง "เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung) เพิ่งจะมีอายุครบ 50 ปี ไปเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา งานนี้ "เฮียเหลียง" เลือกที่จะจัดงานฉลองเล็กๆ ที่บ้านในฮ่องกง ซึ่งนอกจากภรรยาแล้วยังมีเพื่อนในวงการจำนวนหนึ่งมาร่วมงาน
       
       ระหว่างเตรียมงานวันเกิดให้สามีสุดที่รัก หลิวเจียหลิง (Carina Lau) ได้โพสต์ภาพเก่าเก็บของ เหลียงเฉาเหว่ย ในวัยเด็กให้กับแฟนๆทุกคนได้ดูกัน ซึ่งกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้วสำหรับการโพสต์ภาพพิเศษแบบนี้ ในวันเกิดของเหลียงเฉาเหว่ย ที่ถือเป็นการฉลองเล็กๆ กับเหล่าแฟนคลับ แตกต่างตรงที่ส่วนใหญ่ก่อนนี้ มักจะเป็นภาพเค้กวันเกิดเสียมากกว่า
       
       แม้รูปโฉมตอนเป็นเด็ก กับปัจจุบันที่มีอายุ 50 ปีเต็มแล้ว จะแตกต่างกันเป็นเรื่องปกติธรรมดา แต่หลายคนก็แสดงความเห็นว่าด้วยเวลาที่ผ่านไปหลายสิบปี บุคลิกของนักแสดงยอดฝีมือผู้นี้ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปมากนัก ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็น "เหลียงเฉาเหว่ย" อยู่เสมอ
       
       โดยพระเอกคนดังจัดงานฉลองวันคล้ายวันเกิดขึ้นที่บ้านในฮ่องกง ซึ่งมีเพื่อนในวงการกลุ่มใหญ่มาร่วมฉลองด้วย ทั้ง เคนนี บี (Kenny Bee), จางเซียะโหย่ว (Jacky Cheung) และ หลินชิงเสีย (Brigitte Lin) เป็นงานง่ายๆ ตามสไตล์ เหลียงเฉาเหว่ย ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่านิยมการใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย มากกว่าแสงสีหรือความหรูหราใดๆ
       

      เกิร์ลกรุ๊ปสุดดังจากไต้หวันได้มีโอกาสกลับมาขึ้นเวทีด้วยกันอย่างเป็นทางการอีกครั้ง ในงาน Golden Melody Awards ที่กรุงไทเปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นับเป็นการรวมวงครั้งแรก นับจากหนึ่งในสมาชิกประสบอุบัติเหตุถูกไฟคลอกเมื่อปี 2010 เป็นต้นมา

       สาวๆ S.H.E ได้ร่วมร้องเพลงบนเวทีด้วยกันในงานแจกรางวัลใหญ่ที่กรุงไทเป ซึ่งถือเป็นการกลับมารวมวงครั้งแรกในรอบ 2 ปีเลยทีเดียว
       
       โดยการแสดงเริ่มต้นจากการโซโลเพลงเดี่ยวของแต่ละคน ฮีบี เถียน (Hebe Tian) มากับเพลง Love ส่วน เอลลา เฉิน (Ella Chen) ที่เพิ่งจะเข้าพิธีแต่งงานไปร้องเพลง Bad Girl แต่ไฮไทล์ในช่วงนี้อยู่ที่การขึ้นเวทีมาพร้อมกับชุดราตรีสีขาวของ เซลีนา (Selina Ren) กับเพลง Everyone Who Loves Me ที่ถือเป็นการบอกขอบคุณแฟนๆ ที่ให้กำลังใจมาตลอด หลังไอดอลคนสวยได้รับบาดเจ็บ จากอุบัติเหตุในถ่ายทำซีรีส์ที่จีนแผ่นดินใหญ่ จนถูกไฟลวกทั่วทั้งตัวต้องใช้เวลารักษาแรมปี
       
       หลังจากร้องเพลงเดี่ยว ทั้งสามจึงกลับขึ้นมาบนเวทีกับเพลง SHERO และ Super Star ท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คนที่อยู่ในงาน Golden Melody Awards ครั้งนี้มากมาย
       

      นักแสดงสาว "วิเวียน ซู" (Vivian Hsu / 徐若瑄) กลายเป็นคนดังจากไต้หวันคนล่าสุด ที่ต้องเจอกระแสต่อต้านจากชาวจีนแผ่นดินใหญ่ หลังมีผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นเธอ เขียนข้อความแสดงความเห็นอย่างรุนแรงต่อจีนลงในอินเตอร์เน็ท จนสร้างความไม่พอใจให้กับผู้อ่านชาวจีนมากมาย
       
       "ฉันไม่ใช่คนจีน, เป็นคนไต้หวัน, ไม่อยากไปทำงานที่จีนแผ่นดินใหญ่หรอก ... และจะไม่สนใจผลกระทบอะไรทั้งนั้น ฉันจะไม่ไปประเทศนั้นอีกแล้ว คนจีนชอบรังแกคนไต้หวัน ญี่ปุ่นต่างหากที่ช่วยเหลือเรา" เป็นข้อความที่ลงชื่อผู้เขียนว่า วิเวียน ซู หรือ สวียั่วซวน ดาราสาวคนสวยแห่งเกาะไต้หวันคนนั้นนั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าได้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวจีนแผ่นดินใหญ่มากมาย จนดาราสาวต้องกลายเป็นเป้าถูกโจมตีจากชาวเน็ตจีนจำนวนมาก
       
       หลังข้อความดังกล่าวได้กลายเป็นข่าวขึ้นมา วิเวียน จึงได้ออกมายืนยันว่าเธอไม่ได้เป็นผู้เขียนข้อความพวกนั้นแน่นอน โดยเธอกล่าวอย่างไม่ค่อยพอใจนักว่า "คุณคือใครกันแน่, มีจุดประสงค์อะไร, ทำไมต้องปลอมเป็นฉัน แล้วก็เขียนข้อความอะไรแบบนี้ด้วย ฉันหวังว่า Sina จะมีมาตรการเพื่อความยุติธรรมในเรื่องนี้นะคะ"
       
       เช่นเดียวกับแถลงการณ์จากบริษัทต้นสังกัดที่แสดงความไม่พอใจเช่นเดียวกัน กับเหตุการณ์ที่มีคนอ้างตัวเป็น วิเวียน และทำให้เธอเสียชื่อเสียงแบบนี้ สุดท้ายจึงมีการตัดสินใจให้ วิเวียน ปิดไมโครบล็อคของตัวเองลง นอกจากนั้นก็ขอเรียกร้องให้มีการลบข้อความที่กล่าวว่าร้าย ในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำแต่อย่างใดให้หมดด้วย ซึ่งหลังจากนี้ วิเวียน บอกว่าเธอจะเลือกสื่อสารกับแฟนๆ ผ่านทางเว็บไซต์แฟนคลับแทน
       

       เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาทันที หลังมีการปล่อยภาพชุดว่ายน้ำของสาวๆ ผู้เข้าประกวดมิสฮ่องกงออกมา กับประเด็นที่ว่าสาวๆหลายคนดูจะมียังรูปร่างที่ไม่ค่อยเข้าที่นัก บางคนถึงขั้นเห็นพุงยื่นออกมา จนผู้กำกับคนดังแห่งวงการหนังฮ่องกงออกมาจวก TVB ผู้จัดงานว่า หากหาสาวสวยกว่านี้ไม่ได้ ก็อย่าจัดประกวดเลยเสียจะดีกว่า
       
       อุตสาห์วางแผนใหญ่โตสำหรับการประกวดมิสฮ่องกงประจำปี 2012 อันเป็นวาระครบรอบ 40 ปี ของการประกวด แต่กลับมีเสียงวิจารณ์ออกมาว่าผู้เข้าประกวดปีนี้มีคุณภาพตกต่ำไปมาก โดยเฉพาะภาพชุดสาวๆในบิกีนี ที่เผยแพร่ออกมาก่อนหน้านี้ ที่สื่อหลายสำนักบอกว่ามีทั้งสาวพุงใหญ่ และหน้าอกแบนเต็มไปหมด คนในวงการบันเทิงอย่างผู้กำกับดัง หวังจิง (Wong Jing / 王晶) ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
       
       ในการประกวดประจำปี 2012 TVB ได้นำรูปแบบของ "เรียลลิตี้โชว์" แบบตะวันตกเข้ามาเพิ่มสีสันให้กับการประกวด กับการให้คนดูมีสิทธิ์ "โหวต" ให้คะแนนผู้เข้าประกวดเพื่อ "ไปต่อ" สู่เส้นทางคว้ามงกุฏ โดยมีสาวงามถูกคัดออกไปทีละสองคน จนเหลือ 16 คนสุดท้ายที่ได้ไปเก็บตัวที่กรุงลอนดอนประเทศอังกฤษ ก่อนจะขึ้นเวทีประกวดในรอบตัดสินต่อไป เป็นระบบขั้นตอนการคัดเลือกที่ เฉินไป่เสียน ดาวตลกที่ร่วมทำกิจกรรมกับสาวงาม บอกว่าทำให้ผู้ประกวดในปีนี้ "มีคุณภาพสูงมาก"
       
       อย่างไรก็ตามผู้กำกับคนดัง หวังจิง ที่มีชื่อในการเพ้นหาสาวๆ เข้าวงการบันเทิงได้แสดงความคิดเห็นต่อสาวๆผู้เข้าประกวดในปีนี้ หลังมีการเผยภาพชุดว่ายน้ำออกมา ว่าไม่ได้มีคุณภาพสูงอะไรอย่างที่ว่าเลย นอกจากนั้นยังจวกไปถึง TVB ผู้จัดการประกวดว่า "ถ้าหาสาวสวยๆไม่ได้ ก็อย่าจัดประกวดเลยจะดีกว่า"
       

       ฟุตบอลยูโรได้เดินทางผ่านรอบแรกไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมๆกับพยากรณ์อากาศสุดฮือฮาจากทีวีจีน ที่ล่าสุดสถานีโทรทัศน์ต้นสังกัด ได้สั่งให้มีการปรับปรุงเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของสาวๆผู้ประกาศจากชุดว่ายน้ำบิกินี ให้มิดชิดขึ้นแล้ว
       
       หลังรายการพยากรณ์อากาศภาคพิเศษของ Guangdong Television หรือ GDTV ผู้ได้รับสิทธิ์ถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลแห่งชาติยุโรปในจีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นที่ฮือฮาทั้งในเมืองจีน และดังไกลไปทั่วโลก กับการว่าจ้างนางแบบหุ่นเซ็กซี ให้มารายงานสภาพอากาศจากประเทศยูเครน และโปแลนด์ ประเทศเจ้าภาพในการแข่งขัน เพื่อสร้างความกระชุ่มกระชวยให้กับคนดู แต่กลับมีเสียงวิจารณ์ในแง่ลบมากมาย จนล่าสุดทาง GDTV ได้แถลงขออภัยต่อการนำเสนอรายการที่มีภาพไม่เหมาะสมแล้ว พร้อมยืนยันว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป
       
       "ในการถ่ายทอดครั้งแรกนั้นพวกเธอแต่งกายไม่ค่อยเหมาะสมซักเท่าไหร่ ซึ่งเราต้องขออภัยในเรื่องนี้ด้วย" โจวฉุน ผู้อำนวยการสถานีกีฬาของ GDTV กล่าวยอมรับถึงเสียงติติงโดยเขายืนยันว่าหลังจากนี้จะมีการออกคำสั่งให้สาวๆนักพยากรณ์อากาศแต่งกายให้มิดชิดขึ้น กับชุดสไตล์สปอร์ต ไม่ใช่บิกินีอย่างที่แล้วมา
       
       โดยพยากรณ์อากาศสุดเซ็กซีนี้ ได้รับการเผยแพร่เป็นครั้งแรกระหว่างเกมการแข่งขันระหว่าง โปแลนด์ กับ กรีซ ที่ได้รับความสนใจจนคลิปกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ และถูกโพสต์ขึ้นในเว็บไซต์ต่างๆมากมาย
       
       สำหรับกระแสตอบรับจากคนดูก็มีทั้งที่ต่อต้าน และรับไม่ได้กับการพยากรณ์อากาศแบบนี้ขณะเดียวกันหลายคนก็บอกว่าชอบ เพราะคิดว่าดูเข้ากับการแข่งขันฟุตบอลดี
       

16 สาวงามผู้เข้าประกวด "มิสฮ่องกง" ในปีนี้ ได้เหินฟ้าไปเก็บตัวกันที่ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษแล้ว และได้มีโอกาสโชว์โฉมโชว์รูปร่างในชุดว่ายน้ำกันเป็นครั้งแรก ก่อนจะประกวดรอบตัดสินกันในเดือน ส.ค. ต่อไป
       
       ในการเดินทางมาอังกฤษตั้งแต่วันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมา สาวงามยังได้มีโอกาสถ่ายภาพอย่างเป็นทางการสำหรับการประกวดเป็นครั้งแรก กับลุ๊คใสๆ ด้วยเสื้อยืดสีขาว เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการพร้อมกับข้อมูลเล็กๆน้อยๆ เพื่อเป็นการแนะนำตัวเอง ทั้งงานอดิเรกที่ชอบ และความมุ่งหวังในอนาคต นอกจากนั้นผู้เข้าประกวดยังได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่ต่างๆในกรุงลอนดอน รวมถึงได้เผยโฉมในชุดว่ายน้ำเป็นครั้งแรกด้วย
       
       และนับตั้งแต่การประกาศรายชื่อผู้เข้ารอบ 16 คนสุดท้ายเป็นต้นมา ก็เริ่มมีการกะเก็งตัวสาวงามที่น่าจะมีสิทธิ์คว้ามงกุฎมิสฮ่องกงกันแล้ว ซึ่งสาวงามที่ถูกจับตามองอยู่ในขณะนี้ก็มีอย่าง สาวหน้าหวาน กลอเรีย เฉิน, สาวสูงยาวเข่าดี วิงโต หลิน วัย 22 ปี, คริสตี้ เฉิน ที่ว่ากันว่ามีใบหน้าละม้ายกับนักแสดงไต้หวันชื่อดัง มิเชล เฉิน และ นางงามอิมพอร์ต เมลานี แม็คแอนดรูว์
       
       โดยรอบสุดท้ายของ มิสฮ่องกงประจำปี 2012 ที่ถือว่าเป็นวาระครบรอบ 40 ปีของเวทีสาวงามแห่งนี้ เป็นการประกวดที่ทาง TVB จะนำเสนอรูปแบบการคัดเลือกสาวงามแบบ "เรียลลิตี้โชว์" ซึ่งการประกวดรอบสุดท้ายจะมีขึ้นในช่วงค่ำของวันที่ 26 ส.ค. 2012 ต่อไป
     

Manager Online

"เดบอราห์ ลี" แม่ของ"เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse) นักแสดงหนุ่มชื่อดัง ได้เปิดเผยเมื่อไม่นานนี้ว่าตอนนี้ลูกชายกลับไปคุยกับ "จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung) อดีตภรรยาเป็นที่เรียบร้อย โดยมีลูกชายเป็นตัวเชื่อม
       
       เซียะถิงฟงและจางป๋อจือ ที่เพิ่งหย่าขาดกันเรียบร้อยไปเมื่อเดือนที่แล้วหลังแยกกันอยู่มาได้สักพัก พร้อมกับมีข่าวออกมาอย่างต่อเนื่องหลังแยกทางว่าฝ่ายหญิงยืนยันว่าจะไม่กลับไปหาฝ่ายชายอีกแล้ว ขณะที่ฝ่ายชายเองก็กำลังมีความสุขกับชีวิตโสด
       
       แต่มาตอนนี้ เดบอราห์ ลี ได้เซอร์ไพร์สทุกๆคนโดยประกาศว่า เซียะถิงฟงและจางป๋อจือได้กลับมาคืนดีกันแล้ว และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
       
       ตามรายงานระบุว่า ลูคัส (Lucas) ลูกชายคนโตได้มีส่วนทำให้ทั้งคู่กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง เมื่อครอบครัวได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน หนูน้อยได้กล่าวออกมาว่า "มีความสุขจริงๆได้กินข้าวร่วมโต๊ะพร้อมกับพ่อ-แม่" และด้วยวัยของลูกน้อยเพียง 5 ปีที่ร้องหาความอบอุ่น เซียะถิงฟงจึงยอมค้างคืนเพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้าพ่อ-แม่-ลูก
       
       นอกจากนั้นยังมีรายงานด้วยว่า จางป๋อจือ ได้พาลูกชายทั้งลูคัสและควินตัส ไปร่วมฉลองวันเกิด เดบอราห์ ลี ย่าของพวกเขาด้วย
       
       เมื่อถูกถามถึงข่าวคราวครอบครัวของลูกชาย เดบอราห์ ลี ก็ได้เผยว่า "ทั้งสองคนไม่ต้องมาขออนุญาตฉันแล้ว ถ้าพวกเขาอยากคืนดีกันจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นจริง ทุกๆคนควรจะอวยพรให้พวกเขาโชคดี เรื่องของพรหมลิขิตมิอาจคาดเดาได้"

Manager Online

       มีข่าวลือว่านักแสดงหนุ่มคนดังแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง "เจิ้งอี้เจี้ยน" (Ekin Cheng / 郑伊健) กำลังมีแผนจะเข้าประตูวิวาห์ในเร็วๆนี้ ล่าสุดเจ้าตัวยอมรับว่าเป็นความจริง อย่างไรก็ตามยังไม่มีการเปิดเผยถึงวันเวลาที่แน่นอนแต่อย่างใด
       
       ระหว่างเปิดตัวหนัง My Sassy Hubby ภาคต่อของหนังดัง My Wife is 18 เมื่อปี 2002 ที่นอกจากดารานำของเรื่องอย่าง เจิ้งอี้เจี้ยน กับ อาซา (Charlene Choi) แห่ง Twin แล้ว ก็ยังมีนักแสดงคนอื่นในเรื่องมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง แต่กลายเป็นประเด็นการเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวของพระเอกของเรื่อง ที่ผู้สื่อข่าวให้ความสนใจมากที่สุดไป
       
       เมื่อเร็วๆนี้ เริ่มจะมีข่าวลือหนาหูว่า เจิ้งอี้เจี้ยน กำลังจะเตรียมตัวจูงมือแฟนสาว เมิ่งเจียฮุ่ย (Yoyo Mung / 蒙嘉慧) ที่คบหากันมา 7 ปีเต็ม เข้าประตูวิวาห์กันในเร็วๆนี้ ข่าวไปไกลถึงขั้นที่ว่าดาราสาวคนสวยได้เตรียมเลือกชุดเจ้าสาวเอาไว้แล้ว
       
       พร้อมๆกันนั้นเอง ยังเกิดข้อกล่าวหาว่าดาราหนุ่มวัย 45 ปี เป็นผู้ปล่อยข่าวลือพวกนี้ออกมาเอง เพื่อโปรโมตคอนเสิร์ตใหญ่ที่จะจัดกันในฮ่องกงโคลิเซียมในเดือน ส.ค. ซึ่งเขาขอปฏิเสธว่าตนเองไม่ได้กุข่าวเพื่อประชาสัมพันธ์งานคอนเสิร์ตที่ว่าอย่างแน่นอน
       
       ส่วนเรื่องที่ว่าเขามีแผนการแต่งงานในเร็วๆนี้จริงหรือไม่นั้น เจิ้งอี้เจี้ยน ยอมรับว่าเป็นความจริงที่เขาได้คิด และวางแผนเรื่องแต่งงานเอาไว้แล้ว สำหรับวันเวลาของการจัดงาน เพื่อเริ่มต้นชีวิตครอบครัวจะเป็นเมื่อใดนั้น ว่าที่เจ้าบ่าวบอกเพียงแค่ว่า "ก่อนโลกจะแตกครับ"
       

       นักแสดงสาวชาวจีน "จางจื่ออี๋" (Zhang Ziyi) ที่ตกเป็นข่าวขายตัวให้กับบรรดานักการเมือง และนักธุรกิจมากมาย ได้ตัดสินใจฟ้องร้องสื่อผู้นำเสนอข่าว สร้างเรื่องโกหกใส่ร้ายเธอแล้ว ... ขณะที่ "ฟั่นปิงปิง" (Fan Bing Bing) ที่ตกเป็นข่าวว่าเป็นผู้เผยแพร่ข่าวลือใส่ร้าย "จางจื่ออี๋" ก็ตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายกับสื่อที่นำชื่อของเธอมาโยงกับเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน
       
       จากบทความใน Apple Daily เมื่อวันที่ 29 พ.ค. ที่ตีพิมพ์ข่าวพฤติกรรม "ขายตัว" ของ จางจื่ออี๋ ที่ว่าดาราสาวคนสวยได้ขายบริการทางเพศให้กับนักการเมืองดัง ป๋อซีไหล ผู้อื้อฉาว และนักธุรกิจคนดัง สวีหมิง หลายครั้ง แลกกับเงินจำนวนมหาศาล ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงจีน และฮ่องกง ซึ่งล่าสุดสาวผู้ตกเป็นข่าวอย่าง จางจื่ออี๋ ได้ตัดสินใจดำเนินการทางกฎหมายอย่างที่เธอเคยพูดเอาไว้แล้ว
       
       โดยส่วนหนึ่งของคำฟ้องมีใจความว่า ข่าวที่ว่าเธอสามารถหาเงินได้ถึง 700 ล้านหยวน ในพฤติกรรมการค้าประเวณีตลอด 10 ปีที่ผ่านมานั้นทำให้ดาราสาวต้อง "อับอาย, ถูกเกลียดชัง, ถูกดูหมิ่น และโดนเยาะเย้ย นอกจากนั้นยังส่งผลให้ภาพลักษณ์ของเธอเสียหายอย่างร้ายแรง และยังคงเสียหายไปเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบทำลายอาชีพ และงานของเธอ"
       
       Apple Daily เป็นสื่อบันเทิงที่มักจะนำเสนอข่าวอันร้อนแรงของบรรดาคนดังอยู่แล้ว รวมถึงข่าวลืออันเผ็ดร้อนของ จางจื่ออี๋ ซึ่งหลังดาราสาวยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด สื่อดังจอมฉาวได้ตัดสินใจลบข่าวดังกล่าวในเว็บไซต์ของตัวเองทิ้งไป
       

       เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่เป็นวันเด็กแห่งชาติของจีนแผ่นดินใหญ่ นักแสดงสาว "โจวตงหยู" (Zhou Dongyu) ได้มีโอกาสร่วมกับ Baidu ในงานการกุศลเดินทางไปมอบของขวัญให้กับเด็กๆในถิ่นกันดาร งานนี้ดาราวัย 20 ปี ยังได้มีโอกาสกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง ในการร่วมเล่นกับน้องๆด้วย
       
       นักศึกษาปี 1 แห่งสถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งดูกลายเป็นหัวหน้าเด็กไปโดยปริยาย กับการอยู่ท่ามกลางน้องๆ แห่งโรงเรียนของเขตชนบทแห่งหนึ่งของจีนแผ่นดินใหญ่ เพื่อมอบของขวัญในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ งานนี้ โจวตงหยู ที่สวมผ้าผูกคอสีแดงแบบอนุชนจีน ยังได้ร่วมเล่นเกมการละเล่นที่เรียกว่า "อินทรีกับไก่" กับเด็กๆด้วย เป็นภาพน่ารักที่ใครๆเห็นก็คงอดอมยิ้มไม่ได้
       
       โจวตงหยู่ เด็กสาวจากเหอเป่ย โด่งดังเป็นพลุแตกโดยทันที หลังจากได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Under the Hawthorn Tree ที่ว่าด้วยเรื่องรักในช่วงเวลาแห่งการปฏิวัติวัฒนธรรมของยอดผู้กำกับที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประเทศอย่าง จางอี้โหมว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เธอไม่เคยมีประสบการณ์ทางการแสดงอะไรมาก่อนเลย ถึงตอนนี้ดาราวัย 20 ปี ได้ตัดสินใจจะมุ่งมั่นให้กับงานแสดงอย่างเต็มตัวแล้ว เมื่อปีก่อนยังได้สมัครเข้าเรียนในสถาบันภาพยนตร์ปักกิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย
       
       หลัง Under the Hawthorn Tree แล้ว โจวตงหยู่ ยังมีผลงานตามออกมาอีกหลายเรื่อง อาทิ Fallen Tears และ The Road Of Exploring ที่เธอสวมบทบาทเป็นหญิงสาวรักแรกของประธาน เหมาเจ๋อตง

Manager Online

       จากซีรีส์แนวรักโรแมนติกสุดดังในอดีตของญี่ปุ่น "101 ตื้อรักนายกระจอก" หรือ "101st Marriage Proposal" กำลังจะถูกนำกลับมาสร้างอีกครั้ง จากผู้สร้างจีน มีดาวตลกชาวแผ่นดินใหญ่ และนางแบบสาวสวยชาวไต้หวัน ร่วมรับบทนำเป็นคู่รักดอกฟ้ากับหมาวัด ที่สร้างความประทับใจให้กับคนมาแล้วมากมายเมื่อ 20 ปีก่อน
       
       ดาวตลกชื่อดัง หวงเป่า (Huang Bo) และนางแบบสาวซูเปอร์สตาร์แห่งไต้หวัน หลินจือหลิง (Lin Chi Ling) เตรียมรับบทเป็นคู่ขวัญในหนัง 101st Marriage Proposal หรือ "101 ตื้อรักนายกระจอก" ที่จะถูกนำกลับมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์กำกับโดย เลสเต เฉิน (Chen Zhengdao) ที่เคยมีผลงานดังอย่าง Eternal Summer และ Love on Credit มาแล้ว
       
       ซีรีส์ของสถานี ฟูจิทีวี ที่ออกอากาศเมื่อปี 1991 เป็นผลงานของนักเขียนชื่อดัง โนะจิม่า ชินจิ นำแสดงโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ ทาเคดะ เท็ตสึยะ ในบท โฮชิโน่ เท็ตซึรุ พนักงานบริษัทวัยกลางคน ผู้เคยผ่านความล้มเหลวกับการดูตัวเจ้าสาวมากว่า 100 ครั้งแล้ว จนกระทั่งได้พบกับหญิงสาวในฝัน ยาบูกิ คาโอรุ (อาซาโน่ อัตซึโกะ) นักดนตรีเชลโลคนสวย ที่เคยผ่านเรื่องราวเจ็บปวดมาในอดีต จนกลัวที่จะเริ่มต้นความรักอีกครั้ง โดยผลงานเรื่องนี้ได้ชื่อว่าเป็นซีรีส์ที่มีเรตติ้งสูงที่สุดเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์โทรทัศน์ญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็ยังเคยถูกนำไปสร้างในฉบับเกาหลีใต้มาแล้วด้วย
       

       ในช่วงที่ผู้ชมโทรทัศน์ดูจะจดจ่ออยู่กับการแข่งขันฟุตบอลที่ยุโรป สถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ได้พยายามงัดลูกไม้ต่างๆ มาเรียกเรตติ้ง รวมถึงทีวีจีนช่องหนึ่งที่เลือกใช้สาวๆในชุดบิกินีมาเป็นจุดขายเรียกคนดู กับรายงานสภาพอากาศสุดเซ็กซี
       
       Guangdong Television หรือ GDTV สถานีโทรทัศน์ใน กว่างโจว ได้นำเสนอรูปแบบการรายงานสภาพอากาศแบบใหม่ เพื่อแย่งชิงเรตติ้งกับสถานีโทรทัศน์ยักษ์ใหญ่ CCTV ที่ถือว่าเป็นผู้ถ่ายทอดสดการแข่งขันครั้งในจีนด้วยกันทั้งคู่ ด้วยการนำเสนอรายการพยากรณ์แบบพิเศษขึ้นมา เพื่อรายงานถึงสภาพอากาศในโปแลนด์ และยูเครนสถานที่จัดการแข่งขัน ในช่วงที่มีการถ่ายทอดเกมฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ขณะที่ฝ่ายคู่แข่งมีการเชิญ หลี่หยุนตี๋ นักเปียโนคลาสสิกชื่อดังมาบรรเลงเพลงขับกล่อมคนดู
       
       ซึ่งไม่ว่าเรตติ้งของ GDTV จะพุ่งสูงขึ้นจริงหรือไม่ แต่อย่างน้อยกุลยุทธของพวกเขาก็ได้รับการพูดถึง เป็นประเด็นฮิตในชุมชนออนไลน์ของชาวจีน ภาพต่างๆถูกส่งต่อดูกันไปตามเว็บไซต์มากมาย ในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังภาพการรายงานอากาศได้ถูกแพร่ภาพออกไปเป็นครั้งแรก
       
       โดยข่าวจาก China Times ระบุว่าจะมีสาวๆ นางแบบหุ่นเซ็กซี 10 มาปรากฏตัวรายงานข่าวพยากรณ์อากาศ ซึ่งทั้งหมดเคยขึ้นเวทีประกวด Changlong Bikini Pageant ในกว่างโจว กันมาก่อน นอกจากนั้นทางสถานีโทรทัศน์ยังมีกลยุทธที่จะทำให้ผู้ชมเฝ้าดูรายการของพวกเขาอย่างต่อเนื่องไม่เปลี่ยนช่อง ด้วยการประกาศว่ารายการพยากรณ์อากาศสุดเซ็กซีนี้จะไม่ได้ออกอากาศตามกำหนดเวลา แต่สามารถปรากฏขึ้นที่หน้าจอได้ทุกเวลาระหว่าง 20:00 น. ถึงเที่ยงคืนของทุกวัน
       

       ประกาศออกมาแล้วสำหรับผู้เข้ารอบ 16 คนสุดท้าย ในการประกวดมิสฮ่องกงประจำปี 2012 นี้ ที่บรรดาตัวเต็งต่างผ่านเข้ารอบกันได้อย่างถ้วนหน้า รวมถึงสาวสวยหมายเลข 5 "เคย์ลีย์ จง" (Kaylie Chung) ที่ภาพวาบหวิวของเธอกับแฟนหนุ่มหลุดออกมาตามสื่อ และเว็บไซต์ต่างๆด้วย
       
       มิสฮ่องกงประจำปี 2012 จะถือเป็นครั้งแรกที่ทาง ทีวีบี ผู้จัดการประกวดได้ปรับปรุงรูปแบบการนำเสนอ และคัดตัวสาวงามด้วยสไตล์ของรายการเรียลลิตี้โชว์ โดยมีการเปิดโอกาสให้คนดูได้โหวตสาวๆออกไปทีละ 2 คน จนล่าสุดก็ได้สาวงาม 16 คนสุดท้าย ที่จะบินไปเก็บตัวกันที่ลอนดอนในวันที่ 12 มิ.ย. นี้แล้ว
       
       โดยเหล่าสาวงามที่เป็นตัวเต็งต่างผ่านเข้ารอบกันมาได้แทบทุกคน ทั้ง วิงโต้ แลม (Wingto Lam) เบอร์ 24 ที่มีจุดเด่นอยู่ที่ความสูง และการโพสต์ท่าเหมือนนางแบบอาชีพ, สาวหน้าหวาน #13 กลอเรีย เฉิน (Gloria Chan) รวมถึงสาวลูกครึ่ง เมลานี แม็คแอนดรูว์ (Melanie McAndrew) ก็เข้ารอบมาด้วย
       
       แต่ที่ตกรอบไปหลายคน ก็คือบรรดาสาวที่ต้องสงสัยว่าทำศัลยกรรมพลาสติกมา รวมถึงดาวเด่นแห่งรอบคัดเลือกอย่าง เซลีนา แห่ง อู่ฮั่น แม้กองประกวดจะบอกว่าไม่ได้กีกกันเรื่องการทำสวยด้วยแพทย์ แต่ก็จะดูความเป็นธรรมชาติของผู้ประกวดประกอบด้วย
       
       ในจำนวนผู้เข้ารอบทั้งหมด ยังมีสาวงามหมายเลข 5 "เคย์ลีย์ จง" ที่ผ่านเข้ารอบมาด้วย แม้จะมีเรื่องอื้อฉาวที่ภาพวาบหวิวของเธอกับแฟนหนุ่มหลุดเผยแพร่ออกมาในสื่อ และเว็บไซต์ต่างๆก็ตาม
       

       ดูเหมือนว่าข่าวลือเกี่ยวกับปัญหาชีวิตคู่ของ "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) กับ "เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung) จะไม่ยอมจบสิ้นลงง่ายๆ ล่าสุด มีรายงานว่าดาราสาวคนสวยได้ควงนักธุรกิจชาวฮ่องกง ที่เคยมีข่าวลือว่าคบหากับเธอไปเที่ยวกันอีกแล้ว
       
       เมื่อวันอังคารที่แล้ว มีคนเห็นนักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง หลิวเจียหลิง อยู่ที่สนามบินในเซียงไฮ้ งานนี้เธอไม่ได้มีสามีอย่าง เหลียงเฉาเหว่ย อยู่เคียงคู่ด้วยแต่อย่างใดแต่กลับเป็น จิงไป่ฟู นักธุรกิจชาวจีนที่อยู่ที่นั่นด้วยแทน
       
       ดาราวัย 46 ปี อยู่ในชุดลำลองสบายๆ เป็นเสื้อสีขาวและกางเกงยีน แต่ก็ยังคงโดดเด่นเป็นที่จดจำ ถึงขั้นที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ขอถ่ายรูปคู่กับเธอ ซึ่งเธอก็อนุญาต และยังมี จิงไป่ฟู เป็นคนช่วยถ่ายภาพให้ด้วย
       
       ซึ่งมีผู้โดยสารคนหนึ่งที่เห็นเหตุการณ์นี้ ก่อนจะถ่ายภาพเก็บเอาไว้ และนำไปโพสต์ในบล็อคของเขาในเวลาต่อมา พร้อมกล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "หลิวเจียหลิง ดูสูงมากเลย ... และคนที่ช่วยถ่ายรูปกลายเป็นว่าคือ จิงไป่ฟู นั่นเอง"
       
       ตามข่าว หลิวเจียหลิง ได้รับเชิญให้เดินทางไปเปิดร้านเสื้อผ้าในโรงแรมแห่งหนึ่งที่ ซูโจว ซึ่งคาดกันว่าเธอน่าจะเดินทางกลับมายังฮ่องกงด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเพื่อนชายคนสนิทผู้นี้ด้วย
       

       "กระบี่เย้ยยุทธจักร" (Swordsman / 笑傲江湖 / Xiao Ao Jiang Hu) บทประพันธ์ภายใต้นามปากกาของปรมาจารย์นิยายกำลังภายในชื่อดัง "กิมย้ง" (Louis Cha / Jin Young / 金庸) กลายเป็นเรื่องล่าสุดที่ถูกนำมาปัดฝุ่นสร้างเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์อีกครั้ง พร้อมกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในแง่ดีและลบมากมายจากบรรดาคอนิยายกำลังภายในคอหนังจีนทั้งหลาย
       
       แน่นอนว่าประเด็นที่โดนโจมตีมากที่สุดสำหรับละครแทบทุกเรื่องที่นำของเก่ากลับมาสร้างใหม่ก็คือเรื่องการวางตัวนักแสดง สำหรับผู้ที่มารับบทพระเอกของเรื่อง "เล่งฮู้ชง" (Linghu Chong) หวยออกที่หนุ่มหล่อนัยน์ตาโศก "ฮั่วเจี้ยนหวา" (Wallace Huo) ซึ่งในอินเทอร์เนตมีกระแสวิจารณ์มากมายว่า คาแรคเตอร์ของเขาไม่เหมาะกับบทนี้
       
       แม้รูปร่างหน้าตาของฮั่วเจี้ยนหวานั้นจะตรงกับเล่งฮู้ชงที่กิมย้งบรรยายไว้ในนิยายว่า "ใบหน้ายาวรูปไข่ คิ้วเข้มหนา ริมฝีปากบาง" อีกทั้งท่าทางไม่ยินดียินร้ายกับคำเยินยอและดูถูก ท่วงท่าองอาจผ่าเผยก็ตรงกับเล่งฮู้ชง แต่ก็มีชาวเน็ตบางส่วนมองว่า คนที่จะมาแสดงเป็นเล่งฮู้ชงนั้นต้องดูฮาๆ ลุยๆ ติดดินมากกว่านี้ ส่วนฮั่วเจี้ยนหวายังดูหล่อเนี้ยบเกินไป
       
       แต่ทางด้านผู้สร้างเปิดเผยว่า ตั้งแต่เตรียมการสร้างซีรี่ย์เรื่องนี้ ก็วางตัวให้ฮั่วเจี้ยนหวาเป็นเล่งฮู้ชงแล้ว "ตอนที่เราติดต่อไปยังคุณกิมย้งนั้น คุณกิมย้งเล่าว่า นักแสดงที่มารับบทเล่งฮู้ชงที่ผ่านมา ยังไม่ตรงกับลักษณะที่ว่าไว้ในบทประพันธ์นัก ก็คือยังหล่อไม่พอ ดังนั้นพวกเราจึงหานักแสดงที่หน้าตาดีมารับบทนี้ ถ้าไม่หล่อผู้หญิงจะมาหลงรักเขาตั้งมากมายเหรอ (หัวเราะ)"
       

“แอนโธนี หว่อง” (Anthony Wong / 黄秋生) หรือ “หวงซิวเซิน” นักแสดงรุ่นใหญ่ออกอาการไม่พอใจเหวี่ยงใส่แฟนคลับ “โชว์ หลัว” (Show Luo / 羅志祥) หรือ “หลัวจื้อเสียง” นักแสดงหนุ่มชื่อดัง หลังเจ้าตัวบอกไม่รู้จักคนชื่อ “โชว์ หลัว” จนถูกแฟนคลับรุมต่อว่า

       ดาราสาวลูกครึ่ง ญี่ปุ่น-ไต้หวัน “มากิโยะ” (Makiyo) ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก หลังเพิ่งจบสิ้นจากเรื่องอื้อฉาวประเด็นทำร้ายร่างกายคนขับรถแท็กซี เป็นเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลใหญ่โตตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเธอยอมรับว่า ตอนนี้ชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
       
       การร่วมงานอีเวนต์การกุศลเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ถือเป็นการปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณะ และสื่อเป็นครั้งแรกของสาว มากิโยะ โดยเธอยอมรับว่า ชีวิตของตัวเองได้เปลี่ยนแปลงไปมาก เป็นการเดินไปสู่ทิศทางใหม่ หลังจากต้องโทษรอลงอาญาในคดีที่เธอ, เพื่อนชายชาวญี่ปุ่น และเพื่อนนางแบบอีก 2 คน ได้ก่อเหตุทำร้ายร่ายกายคู่กรณี ที่เป็นโชเฟอร์แท็กซีวัย 55 ปี ระหว่างมีอาการมึนเมา และเพิ่งมีการตัดสินชี้ขาดกันไปเมื่อประมาณเดือนเศษก่อนหน้านี้
       
       “ฉันเลิกดื่มแล้วค่ะ” ดาราวัย 26 ปี กล่าวระหว่างให้สัมภาษณ์เปิดใจครั้งแรกในรอบหลายเดือน “ฉันคงจะทำงานที่ไต้หวันไม่ได้ไปอีก 3 ปี (หลังใบอนุญาตทำงานถูกยกเลิก จากการก่อคดีอาญา) .. ฉันเลยทำได้แค่งานบริการสาธารณะ หรืองานการกุศลเท่านั้นค่ะ ตอนนี้เลยใช้เวลาออกกำลังกาย, ให้เวลากับตัวเอง แล้วก็พักผ่อนเป็นหลัก”
       
       มากิโยะ ยังยอมรับว่า ตอนนี้เธอใช้ชีวิตด้วยเงินเก็บ จึงต้องใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง เพราะรายได้แทบจะเป็นศูนย์ เฉลี่ยแล้วคุมรายจ่ายให้อยู่ที่ประมาณวันละ 200 เหรียญไต้หวัน (ประมาณ 200 บาท) ต่อวันเท่านั้น
       

      นักร้องสาวซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกง “มีเรียม หยังเชี่ยนหัว” (Miriam Yeung) ได้ให้กำเนิดทายาทคนแรกแล้วเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นลูกชายของเธอกับสามี “เรียล ถิง” ที่ใช้ชีวิตคู่ด้วยกันมา 3 ปี
       
       งานนี้ผู้เป็นพ่อเป็นคนประกาศข่าวดีผ่านเว็บไซต์ส่วนตัว ว่าภรรยาคนสวยของเขาได้ให้กำเนิดลูกน้อยที่มีน้ำหนักแรกเกิด 7.6 ปอนด์ งานนี้ผู้เป็นพ่อยังตั้งชื่อเล่นให้ทายาทของเขาว่า “RMB” ที่ย่อมาจากชื่อของเขากับภรรยา “Real Miriam Baby” และยังพ้องกับคำว่า “เหรินหมินปี้” ที่หมายถึงสกุลเงินของทางจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย
       
       “ลูกน่ารักมาก, หน้าเหมือนผมเลย” เรียล ถิง กล่าวผ่านเว็บไซต์ถึงลูกน้อย RMB ที่เขาบอกว่ามี ตาโต เหมือนแม่ด้วย “จริงๆ แล้วต้องบอกว่าเหมือนแม่มากกว่า, หน้าตาของเขาเหมือนเราทั้งสองคน”
       
       คุณพ่อมือใหม่ยังบอกว่า ในวันคลอดเขาเองก็ตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย และเกือบจะร้องไห้ออกมา เมื่อได้ยินเสียงอุแว้ของลูกเป็นครั้งแรก แต่สิ่งแรกที่เขาทำหลังลูกลืมตาดูโลกก็คือจับมือภรรยาแน่น พร้อมบอกเธอไปว่า “ขอบคุณจริงๆ, ทีรัก” โดยคู่สามีภรรยาที่ฝ่ายชายอายุน้อยกว่าประมาณ 5 ปี เข้าพิธีวิวาห์กันไปเมื่อปี 2009 หลังจากคบหากันได้ประมาณ 2 ปี
       
       อดีตนางพยาบาลของโรงพยาบาล พรินเซสส์ มาร์กาเร็ต หยังเชี่ยนหัว เข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกง หลังคว้าอันดับ 3 ในการประกวดร้องเพลงที่จัดโดยทีวีบีเมื่อปี 1995 และค่อยสร้างชื่อโด่งดังขึ้นมาจนกลายเป็นนักร้องหญิงที่ดังที่สุดคนหนึ่งของวงการเพลงป๊อปภาษากวางตุ้ง
       

       สาวร้อนแดนปลาดิบยังคงพิสูจน์ถึงความโด่งดังในจีนแผ่นดินใหญ่ต่อไป นอกจากไมโครบล็อคของเธอจะมีคนติดตามกด “ฟอลโลว์” มากขึ้นเรื่อยๆ จนมากกว่า 10 ล้านไปแล้ว การปรากฏตัวของสาวสวยอดีตดาว “เอวี” ก็ยังคงได้รับความสนใจ มีหนุ่มๆ ทั้งหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มารุมล้อมมากมาย
       
       โซระ อาโออิ (Sora Aoi) ได้กลายเป็นผู้หญิงญี่ปุ่นผู้โด่งดังที่สุดในเมืองจีนไปแล้ว เห็นได้จาก Sina Weibo หรือ Twitter ในแบบจีนแผ่นดินใหญ่ของเธอ ที่มีคนตามถึง 11,180,000 คน กันแล้ว ถึงขั้นมีคนกล่าวติดตลกว่าหากสาว อาโออิ จะระดมม็อบประกาศก่อการปฏิวัติขึ้นมาก็คงจะทำได้
       
       แต่ไม่ใช่เพียงตัวเลขในโลกออนไลน์เท่านั้นที่เป็นบทพิสูจน์ถึงความโด่งดังของเธอ อีเวนต์ต่างๆที่สาว โซระ อาโออิ ไปร่วมงาน ก็กลายเป็นหลักฐานถึงความนิยมในตัวเธอได้เป็นอย่างดี รวมถึงเมื่อเร็วๆนี้ ที่สาววัย 28 ปี ไปเยือนเมืองฝูโจว มณฑลฝูเจี้ยน กับอีเวนต์ที่สามารถระดมคนได้ในจำนวนมากมาย และแต่ละคนก็แสดงท่าทีสนใจคลั่งไคล้ในตัวดาราสาวกันอย่างเต็มที่ อย่างที่คนดังชาวจีนจำนวนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะทำได้
       
       ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นได้ถูกอัพโหลดลงเว็บไซต์ tt.mop จนสร้างความฮือฮาทั้งในหมู่ชาวจีนเอง และเป็นข่าวไปจนถึงญี่ปุ่นอย่างที่เว็บข่าว Japan Today ยังต้องนำเสนอ กับภาพของหนุ่มจีนจำนวนมากที่พยายามเข้าถึงตัวสาวอาโออิ ส่วนใหญ่ถือกล้องดิจิตอล และโทรศัพท์ไว้ในมือ บางคนบอกว่าเหมือนภาพใน “หนังซอมบี้” ไม่มีผิดเพี้ยน
       
       แม้แต่ผู้ใหญ่ในงานอีเวนต์ครั้งนี้ ก็ดูเหมือนจะสนอกสนใจในตัวของสาวแดนปลาดินคนดังอยู่ไม่น้อย และจับจ้องอยู่ที่เธอตลอดเวลา แม้กระทั่งตอนอยู่บนเวที

       เกิดข่าวลือขึ้นว่า "ฟั่นปิงปิง" (Fan Bing Bing) นั่นเองคือผู้อยู่เบื้องหลังการใส่ร้ายว่า "จางจื่ออี๋" (Zhang Ziyi) ขายตัวให้กับบรรดามหาเศรษฐี และนักการเมือง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่านี้ถือเป็นเกมการชิงดีชิงเด่นของนักแสดงสาวสองคน ที่กำลังสร้างชื่อเสียงขึ้นมาต่างประเทศ
       
       เป็นเรื่องที่ถึงกับทำให้ จางจื่ออี๋ ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวปฏิเสธเรื่องที่ว่าเธอมีพฤติกรรมเป็นโสเภณีชั้นสูง และทำเงินได้จากการขายตัวมากมายระดับ 700 ล้านหยวนในรอบหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากจะตอบโต้ถึงเรื่องนี้แล้ว นักแสดงวัย 33 ปี ยังยืนยันว่าเธอต้องการดำเนินคดีฟ้องร้องคนปล่อยข่าวให้ถึงที่สุดด้วย
       
       ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมามีนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ชื่อว่า ไป่เจิ้งกง ได้ให้ข่าวผ่านบล็อคของตัวเอง ถึงความไม่ชอบมาพากลเรื่องข่าวฉาวของ จางจื่ออี๋ ว่าไม่ได้เกิดขึ้นจากการกุข่าวของสื่อเท่านั้น แต่ยังมีดาราสาวคนหนึ่งที่อยู่เบื้องหลัง การสร้างเรื่องเสื่อมเสียของเพื่อนร่วมวงการครั้งนี้ พร้อมบอกว่า นักแสดงสาวคนนี้ก็มักจะมีพฤติกรรมปล่อยข่าวฉาวของเพื่อนร่วมวงการอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากกว่าเธอนั่นเอง
       
       โดยก่อนหน้านี้ ฟั่นปิงปิง กับ จางจื่ออี๋ เคยร่วมงานแสดงกันในหนังเรื่อง Sophie's Revenge ซึ่งฝ่ายหลังยังรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังด้วย
       

       ชายชาวตะวันตกผู้ใช้ชื่อว่า "ร็อบ" (Rob) ได้เผยแพร่ภาพของนางเอกสาวอดีตขวัญใจชาวฮ่องกง "องเหม่ยหลิง" (翁美玲 / Barbara Yung Mei Ling) ผู้ล่วงลับ กับเรื่องเล่าเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขา และเธอ ที่มีโอกาสคบหากันอยู่หลายปี ก่อนที่ฝ่ายหญิงจะเข้าสู่วงการบันเทิงฮ่องกง กลายเป็นนางเอกคนดัง และมีจุดจบอันแสนเศร้าอย่างที่ทุกคนทราบกัน
       
       ในยุค 1980s ชื่อของ องเหม่ยหลิง เคยเป็นชื่อซึ่งใครๆ ในฮ่องกงก็รู้จัก นางเอกสาวผู้เปี่ยมไปด้วยความน่ารักสดใสเป็นขวัญใจคนมากมาย มีผลงานโดดเด่นหลายเรื่อง รวมถึงถูกเลือกให้รับบทเป็น "อึ้งย้ง" ในหนังชุด "มังกรหยก" ฉบับที่เรียกได้ว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดครั้งหนึ่ง เป็นคู่ขวัญกับ "ก้วยเจ๋ง" ที่สวมบทบาทโดย หวงเย่อหัว (Felix Wong) ในตอนนั้น
       
       แต่แล้วระหว่างที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังสุดขีด ดาราสาวคนสวยกลับเสียชีวิตลงอย่างน่าเศร้าด้วยวัยเพียง 26 ปี ในวันที่ 15 พ.ค. กับสาเหตุจากการฆ่าตัวตายโดยการรมแก็สในห้องพัก หลังจากมีปากเสียงกับแฟนหนุ่ม ทังเจิ้นเย่ (Kent Tong) ที่คบหากันอยู่ในเวลานั้น ถือเป็นเรื่องเศร้าในวงการบันเทิงฮ่องกงที่ถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ลบเลือนไปจากใจของผู้คน

       แต่นอกจากชาวจีน หรืออาจจะรวมถึงเหล่าแฟนคลับชาวเอเชียโดยทั่วไปแล้ว ยังมีชาวต่างชาติคนหนึ่ง ที่ร่วมไว้อาลัยกับการจากไปครั้งนั้นของดาราสาวคนสวยมาตลอด ชายชาวเนเธอร์แลนด์ถึงขั้นริเริ่มเว็บไซต์เพื่อรำลึกถึง "องเหม่ยหลิง" ในฐานะที่ครั้งหนึ่งเขาเคยคบหาดูใจเป็นแฟนกับเธอ
       
       ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครทราบถึงความสัมพันธ์ระหว่าง ร็อบ กับ องเหม่ยหลิง เลย จนกระทั่งในปี 2010 ที่เขาได้ออกมาเปิดเผยถึงเรื่องราวในอดีตด้วยตนเอง

ผู้กำกับชื่อดังชาวจีนแผ่นดินใหญ่กำลังจะมีผลงานใหม่ ที่คราวนี้เขาหันหลังให้กับแนวทางอันถนัด และสร้างชื่อให้กับคนเองมานาน กับหนังในแบบย้อนยุคอลังการงานสร้าง และเปลี่ยนมาจับหนังร่วมสมัยกับประเด็นทางสังคมซึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงเกี่ยวข้องกับอินเตอร์เน็ตแทน

       เฉินข่ายเกอ (Chen Kaige) ควงคู่ภรรยาสาวคนสวย เฉินหง (Cheng Hong) ผู้รับตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างให้หนังทุกเรื่องของเขา พร้อมด้วยทีมนักแสดงที่ประกอบไปด้วย เหยาเฉิน (Yao Chen), จ้าวโหย่วถิง (Mark Zhao), หวังสวีฉี (Wang Xuexin / Wang Xueqi), หวังลั่วตัน (Wang Luodan) และเฉินหรัน (Chen Ran) ในการร่วมเปิดตัวหนังเรื่อง Caught in the Web ในงานแถลงข่าวซึ่งจัดกันในกรุงปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ขาดแต่เพียง เกาหยวนหยวน (Gao Yuan Yuan) แฟนสาวในชีวิตจริงของ จ้าวโหย่วถิง เท่านั้นที่ไม่ได้มาร่วมงาน
      
       ตัวของ เฉินข่ายเกอ ถือเป็นผู้กำกับในรุ่นที่ 5 ของจีนที่โด่งดังคู่มากับ จางอี้โหมว และมีผลงานเด่นคือ Farewell to My Concubine ที่เคยคว้ารางวัลสูงสุดในเทศกาลหนังเมืองคานส์มาแล้ว นอกจากนั้นก็ยังโด่งดังเป็นพิเศษกับการสร้างหนังแนวย้อนยุคไม่ว่าจะเป็นหนังที่ว่าเรื่องราวในยุคโบราณอย่าง Sacrifice, Emperor and The Assassin และ The Promise หรือที่ว่าด้วยประวัติศาสตร์ยุคใหม่อย่าง Forever Enthralled
       
       แต่สำหรับ Caught in the Web เฉินข่ายเกอ เลือกที่จะจับประเด็นร่วมสมัย กับเรื่องราวของชีวิตมนุษย์ภายใต้อิทธิพลของอินเตอร์เน็ต อย่างที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลังเมื่อโลกออนไลน์กลายเป็นเหมือนศาลเตี้ยตัดสินความผิดของผู้คน และส่งผลกระทบไปถึงชีวิตของคนผู้นั้นจริงๆ
       

       นักแสดงหญิงคนดังแดนมังกรได้เปิดเผยถึงหนังเรื่องต่อไปของตนเอง ว่าจะเป็นงานแนวอิงประวัติศาสตร์ของจีน โดยผู้กำกับเชื้อสายอินเดียผู้โด่งดังในฮอลลีวูด
       
       ระหว่างเทศกาลหนังเมืองคานส์ กงลี่ (Gong Li) ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์ถึงงานในอนาคต และวงการหนังจีนแผ่นดินใหญ่บ้านเกิดของตัวเอง ว่าแม้จีนคงต้องเรียนรู้จากคนทำหนังสหรัฐฯ อีกมาก แต่ถึงตอนนี้วงการหนังของทั้งสองประเภทก็ถือว่ามีความใกล้เคียงกันมากขึ้น
       
       สำหรับงานหนังเรื่องต่อไป กงลี่ จะได้สวมบทบาทเป็นองค์ราชินีของมองโกล ในหนังฟอร์มใหญ่ของฮอลลีวูดที่จะเล่าเรื่องของนักผจญภัยนามกระเดื่องโลก มาร์โคโปโล (Marco Polo) ของยอดผู้กำกับชาวอินเดีย ทาเซม ซิงห์  (Tarsem Singh) ที่มีผลงานในฮอลลีวูดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Immortals หรือ Mirror Mirror
       
       "หนังจะถ่ายทำกันที่เขตปกครองตนเองมองโกเลีย ฉันกำลังศึกษาบทอยู่ค่ะ ตื่นเต้นมากกับหนังเรื่องนี้ เพราะเป็นงานร่วมกันสร้างระหว่างจีนกับสหรัฐฯ กำลังรอคอยที่จะได้ร่วมงานกับผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างชั้นยอดอยู่เลยค่ะ"
       
       ซึ่ง กงลี่ ก็เชื่อว่าการเข้ามาทำงานของทีมงานฮอลลีวูด น่าจะมีประโยชน์กับวงการหนังของจีนเองไม่น้อยเลยทีเดียว
       
       "ตอนนี้วิธีการทำงานของทั้งสองที่ก็แทบไม่แตกต่างกันแล้วนะคะ เพราะจีนก็มีส่วนร่วมในวงการหนังระดับโลกมากขึ้นเรื่อยๆ สไตล์การทำงานก็แทบจะเหมือนกันแล้ว แต่ในแง่เทคนิคการถ่ายทำ และเทคนิคพิเศษ คนจีนเรายังล้าหลังคนทำหนังอเมริกาอยู่พอสมควร”