ข่าวจีน

เฉินหลง (Jackie Chan / 成龙) กล่าวว่า เขาไม่คิดว่า การแสดงเสี่ยงตายของทอม ครูซ (Tom Cruise) บนตึกสูงที่สุดในโลกในดูไบจะเป็นการแสดงจริงๆ

ทอม ครูซ ปีนอยู่ด้านข้างของตึกเบิร์จ คาลิฟา (หอคอยคาลิฟา / Burj Khalifa tower) ซึ่งสูงมากถึง 828 เมตร ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุดของเขา มิชชั่น:อิมพอสซิเบิ้ล ปฏิบัติการไร้เงา  (Mission: Impossible: Ghost Protocol)

ทีมงานสร้างย้ำว่า ไม่มีใครแสดงแทนทอม ครูซ ในฉากที่เสี่ยงอันตรายเช่นนี้

เฉินหลง เป็นที่รู้จักกันดีในการแสดงของเขาผสมผสานกับศิลปะการต่อสู้ เขากล่าวว่า จากประสบการณ์ของเขา เป็นไปไม่ได้ที่บริษัทประกันภัย และผู้ลงทุนสร้างหนังจะยอมให้ทอมแสดงในฉากนั้นจริงๆ

Mission Impossible 4 Clip # 1 Making Of

Apple Daily / Youtube

      นักแสดงสาวชาวไต้หวัน “อี้เหนิงจิง” (Annie Yi) เป็นคนดังฝ่ายหญิงคนล่าสุดที่ประกาศ “ยอมเปลือยดีกว่าต้องนุ่งเสื้อผ้าขนสัตว์” กับโครงการรณรงค์ระดับโลกของ PETA องค์กรพิทักษ์สัตว์ชื่อดัง
       
       ในการแถลงข่าวเรื่องนี้กับ PETA ที่กรุงปักกิ่งเมื่อเร็วๆนี้ ดาราสาว อี้เหนิงจิง ได้กล่าวถึงโครงการต่อต้านการใช้เสื้อผ้าที่ทำจากขนสัตว์ว่า “ครั้งหนึ่งฉันก็เคยเป็นดาราที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย และชอบเสื้อผ้าขนสัตว์มาก่อนเหมือนกัน แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่ามันทำมาจากอะไร และจะไม่ใส่มันอีกแล้วค่ะ”
       
       คำพูดดังกล่าวเรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้อง คล้อยหลังจากนั้นไปดาราสาวคนสวยยังแสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้ผ่านทางเว็บไซต์ของตัวเองอีกว่า “ทำไมต้องเปลือยเหรอ? ก็เพราะนี่คือเนื้อหนังของฉันเอง, เนื้อหนังของ อี้เหนิงจิง ถ้ามีสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งกว่าเรา มาบอกว่าฉันมีหนังที่สวยมาก อยากจะได้ไปสวมใส่ แล้วก็ทุบหัวฉันซะ จะรู้สึกอย่างไรล่ะ?”
       
       “… ฉันเคยเป็นดาราที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลย…” ไม่ใช่เพียงคำพูดที่กล่าวขึ้นลอยๆ แต่ย้อนหลังไปเมื่อ 7 ปีก่อน อี้เหนิงจิง เคยถูกวิจารณ์ในแง่ลบอย่างรุนแรง หลังไปให้สัมภาษณ์ว่าเธอคลั่งไคล้เครื่องแต่งกายขนสัตว์เป็นอย่างยิ่ง และมีเสื้อโค้ทขนสัตว์เก็บสะสมเอาไว้ถึง 50 ตัว
       
       หลังโดนโจมตีหนัก ในปีเดียวกันนั้นเองเธอจึงพยายามไถ่โทษด้วยการไปร่วมงานของ PETA และกล่าวยอมรับว่าจริงๆแล้ว ตนเองมีเสื้อโค้ทขนสัตว์แท้ๆ เพียง 2 ตัวเท่านั้น ที่เหลือเป็นของที่ทำขึ้นเลียนแบบ พร้อมยังยืนยันอย่างหนักแน่นว่า “จะพยายามเรียนรู้จากข้อผิดพลาดในอดีต”
       

       ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “หยางกุ้ยเฟย” (Yang Guifei) ได้ยืนยันว่าผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ “กวักแจยอง” (Kwak Jae-yong) ได้ถอนตัวออกจากหน้าที่สำหรับหนังเรื่องนี้ไปเรียบร้อยแล้ว ท่ามกลางข่าวความขัดแย้งกับ “ฟั่นปิงปิง” (Fan Bing Bing) ดาราสาวนักแสดงนำของเรื่อง
       
       Sina Entertainment ถึงกับเรียกการออกจากหน้าที่ผู้กำกับหนัง หยางกุ้ยเฟย ของ กวักแจยอง ว่าเป็นการถูกไล่ออก ขณะที่แถลงการณ์จากผู้สร้างอธิบายว่าผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ ปฏิเสธที่จะถ่ายทำหนังตามข้อเรียกร้องของผู้สร้าง ที่ต้องการเสนอภาพเรื่องราวของราชวงศ์ถังตามความเชื่อดั้งเดิมของวัฒนธรรมจีน ทั้งสองฝ่ายจึงตัดสินใจยุติการทำงานร่วมกันในที่สุด
       
       ในแถลงการณ์ยังระบุว่าหลังจากมีการพูดคุยกัน “อย่างเป็นมิตร” แล้ว ผู้กำกับชาวเกาหลีใต้ซึ่งโด่งดังจากหนังโรแมนติก My Sassy Girl เมื่อปี 2001 จึงออกจากหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ไปในที่สุด
       
       กับปัญหาครั้งนี้สื่อหลายสำนักอ้างว่า ฟั่นปิงปิง นั่นเองที่สร้างปัญหา โดยมีเสียงลือว่าเธอต้องการให้บทของตัวเองเด่นขึ้นไปกว่าในบทดั้งเดิม ซึ่งเป็นผลให้บทของนักแสดงคนอื่นในเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น โองุริ ชุน (Oguri Shun) หรือ โอจุนวาน ต้องลดทอนความสำคัญลงไป โดยผู้สร้างปฏิเสธข่าวดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า ฟั่นปิงปิง ไม่ได้เป็นหนึ่งในนายทุนของหนังอย่างที่มีการลือกัน
       
       ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเลือกผู้กำกับคนใหม่ และจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการต่อไป
       

       นักแสดงสาวอดีตมิสฮ่องกง "หยังซือฉี" (Shirley Yeung) ได้ให้กำเนิดลูกคนแรกแล้ว หลังชีวิตช่วง 1 ปีที่ผ่านมาของเธอมีแต่ความวุ่นวาย เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่ ซึ่งว่ากันว่า "หยังซือฉี" อาจจะต้องทำหน้าที่แม่เลี้ยงเดี่ยว ดูแลลูกเพียงคนเดียว ภายหลังมีข้อสงสัยว่า เธอเพิ่งยุติความสัมพันธ์กับพ่อของเด็กไปก่อนหน้านี้ไม่นาน
       
       สื่อฮ่องกงยืนยันถึงข่าวดีครั้งนี้ ด้วยการอ้างถ้อยคำแสดงความยินดีจากเจ้าตัวที่เขียนผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวว่า "ขอบคุณ, เพื่อน, สื่อ และแฟนๆ สำหรับความห่วงใย และกังวลตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมานะคะ ฉันคิดถึงทุกคนจริงๆ ... ฉันมีความสุขมาก ที่ได้ให้กำเนิดลูสาวคนนี้ ทั้งแม่และลูกแข็งแรงดีทุกอย่างค่ะ"
       
       ซึ่งนี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่อดีตมิสฮ่องกง หยังซือฉี ได้กล่าวถึงการตั้งท้องของตัวเองเสียที ภายหลังประเด็นดังกล่าวเป็นเรื่องที่สื่อให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในตอนแรกเจ้าตัวได้ปฏิเสธเรื่องนี้มาตลอด จนมีการตีพิมพ์ภาพของเธอขณะอุ้มท้องแก่ในช่วงเดือน ธ.ค. แต่เธอก็ยังไม่ได้ให้ความเห็นอะไร
       
       ตลอดปีที่ผ่านมาชื่อของ หยังซือฉี และเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเธอเป็นข่าวอยู่ในหน้าสื่ออยู่เป็นระยะ ตั้งแต่ประกาศเลิกรากับอดีตแฟนหนุ่ม เกรกอรี ลี (Gregory Lee) ตั้งแต่ช่วงเดือน มิ.ย. หลังคบหากันมาได้ 9 ปี ต่อมาจึงยอมรับว่า เธอกำลังสานสัมพันธ์อยู่กับอดีตนักกระโดดน้ำทีมชาติฮ่องกง แอนดี้ อู๋ (Andy Ng)
       

       เป็นโครงการที่แฟนหนังบู๊รอคอยกันอีกเรื่อง แต่สุดท้ายแผนการประชันบทบาทปะทะกันในจอของสองดาราแอ็กชั่นชื่อดัง "เจินจือตัน" (Donnie Yen) และ "จ้าวเหวินจั๋ว" (Vincent Zhao) ก็ไม่สามารถเกิดขึ้นจนได้ ท่ามกลางข่าวลือว่าเป็นปัญหาที่เกิดจากความประพฤติของฝ่ายหลัง ขณะที่ตัวของ "จ้าวเหวินจั๋ว" ให้ข่าวโทษว่าเป็นเพราะรายละเอียดของเรื่องสัญญา ที่ทำให้เขาต้องถอนตัวจากโปรเจ็คนี้
       
       ตามข่าวลือปัญหาในกองถ่ายหนังเรื่อง Special Identity เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายของ จ้าวเหวินจั๋ว แสดงพฤติกรรมวางก้ามเป็นดาราใหญ่ และปฏิเสธจะทำงานตามกำหนดต่างๆที่ เจินจือตัน ซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง และผู้กำกับคิวบู๊ของหนังด้วยวางเอาไว้ จนปัญหาต่างๆ ได้เกิดขึ้น และบานปลายขึ้นเรื่อยๆ
       
       ซึ่งล่าสุด จ้าวเหวินจั๋ว ได้จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ เพื่อปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด และยืนยันว่า ข่าวลือที่ว่าเขาเป็นตัวปัญหา ไม่ได้เป็นความจริงแต่อย่างใด นอกจากนั้นยังถือว่าเป็นการทำลายชื่อเสียงของเขาโดยตรงด้วย
       
       โดยพระเอกดังชี้แจงว่า เหตุที่ทำให้เขาต้องถอนตัวจากภาพยนตร์เรื่อง Special Identity เกิดจากการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของสัญญาโดยไม่ได้มีการแจ้งให้ทราบล่วงหน้า สุดท้ายจึงมีการยกเลิกสัญญา แผนการร่วมงานกันกับ เจินจื่อตัน จึงต้องยกเลิกไปในที่สุด
       
       แถลงการณ์ยังเผยว่า จ้าวเหวินจั๋ว อาจจะใช้มาตรการทางกฏหมายเพื่อปกป้องตัวเองต่อไป สำหรับกรณีที่สื่อเสนอข่าวทำลายชื่อเสียงของเขา
       

ดูเหมือนว่าอนาคตในวงการบันเทิงของนางแบบสาว "มากิโยะ" (Makiyo) ได้ดับวูบลงแล้ว อย่างน้อยก็ในไต้หวันอู่ข้าวอู่น้ำของเธอ ที่เจ้าหน้าที่ได้ยืนยันว่ามีการยกเลิกใบอนุญาตทำงานของสาวลูกครึ่งญี่ปุ่น-ไต้หวันคนนี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังเธอก่อคดีใช้ความรุนแรงขึ้นเมื่อเดือนก่อน
       
       มีคำยืนยันจากสํานักงานจัดหางาน และฝึกอบรม สังกัดสภาแรงงานว่าได้มีการยกเลิกใบอนุญาตทำงานของนางแบบสาวสัญชาติญี่ปุ่น มากิโยะ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาทางกฏหมายที่เกิดขึ้น ทำให้เธอขาดคุณสมบัติที่ระบุว่า แรงงานต่างชาติต้องไม่ละเมิดกฏหมายอาญาร้ายแรงในไต้หวัน
       
       นั่นหมายความว่านางแบบลูกครึ่งวัย 27 ปี ที่ถือสัญชาติญี่ปุ่นจะไม่สามารถทำงานในไต้หวันได้อีกอย่างน้อย 3 ปี โดยปัญหาทั้งหมดเกิดขึ้นหลังจาก มากิโยะ, เพื่อนนางแบบ 3 คน และเพื่อนชายชาวญี่ปุ่น ถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายโชเฟอร์แท็กซีรายหนึ่งเมื่อเดือนก่อน จนอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัส
       
       ซึ่งนอกจากเรื่องงานที่อนาคตมืดมนแล้ว พนักงานอัยการยังร้องขอโทษจำคุกสำหรับ มากิโยะ เป็นเวลา 4 ปี และโทษสำหรับหนุ่มชาวญี่ปุ่นผู้มีหลักฐานชัดเจนว่าลงมือทำร้ายคู่กรณีอีก 6 ปี

Manager Online

      ในการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อสิ่งแวดล้อมที่ฮ่องกงเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว ซูเปอร์สตาร์แห่งสิงคโปร์ "ซุนเยี่ยนจือ" (Stefanie Sun / 孫燕姿) ต้องพบกับเรื่องหน้าแตก หกล้มลงบนเวที หลังสะดุดเพราะรองเท้าไร้ส้นที่สวมใส่เอาไว้เป็นเหตุ
       
       ชุดกระโปรงสีขาว กับร้องเท้าเข้าคู่กันที่มีความสูงถึง 6 นิ้ว ของราชินีเพลงแห่งสิงคโปร์ ซุนเยี่ยนจือ กลายเป็นเหตุที่ทำให้นักร้องสาวคนดังต้องหกล้มหกลุกอยู่บนเวทีคอนเสิร์ต กับการแสดงที่ฮ่องกง หลังเธอเกิดสะดุดจนล้ม เพราะพื้นเวทีที่ลื่นจากน้ำฝนที่ตกลงมาในวันนั้น
       
       หลังเกิดเหตุทีมงานจึงรีบขึ้นมาช่วยพยุงนักร้องคนดังโดยทันที ส่วนตัวของเธอแม้จะยังเขินกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่นิดหน่อย แต่ก็ยังออกปากกับสื่อที่อยู่เก็บภาพในบริเวณนั้นว่า "ช่วยอย่าตีพิมพ์ภาพน่าเกลียดๆของฉันเลยนะคะ"
       
       ซึ่งในการให้สัมภาษณ์หลังคอนเสิร์ต ซุนเยี่ยนจือ ก็ยังมาพร้อมกับรองเท้าคู่เดิม เธอยังหัวเราะได้กับความโชคร้ายที่เกิดขึ้น และกล่าวว่าสิ่งแรกที่กลัวที่สุดก็คือ ว่าตอนล้มนั้นจะเกิดโป๊อะไรขึ้นมารึเปล่า และคิดว่ากับภาพที่ออกมา ตัวเองคงดูไม่ค่อยสวยซักเท่าไหร่
       
       อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ซุนเยี่ยนจือ บอกว่าโชคดีที่สุดก็คือ อย่างน้อยเรื่องแบบนี้ก็มาเกิดขึ้นเอาขณะที่เธอเองยังไม่ได้ตั้งครรภ์ ถ้าเกิดอุ้มท้องขึ้นมา ก็อาจจะกลายเป็นเรื่องเศร้าไปได้ โดยสาววัย 33 ปี เข้าพิธีวิวาห์กับแฟนหนุ่มที่คบหากันมาเป็น 10 ปีไปเมื่อเดือน พ.ค. ปีที่แล้ว เธอยังบอกว่าเป้าหมายชีวิตในตอนนี้ก็คือการมีลูก แต่ก็จะปล่อยให้เป็นเรื่องของธรรมชาติ และยืนยันว่าแม้จะเป็นคุณแม่แล้ว เธอก็ยังจะสานต่องานในวงการต่อไปอีกแน่นอน

Manager Online

      หลังพาแฟนสาวไปเที่ยวทั้งกรุงปารีส และโตเกียวมาแล้ว ล่าสุด "เจย์ โจว" (Jay Chou) ได้ควง "ฮันนาห์ ควินลิแวน" (Hannah Quinlivan) มาเยือนถึงกรุงเทพฯ พร้อมด้วยเพื่อนฝูง และครอบครัว เป็นการแสดงออกถึงความรักครั้งนี้ที่ดูจริงจัง ไม่น้อย แม้ทั้งสองจะคบหากันมาได้ไม่ถึงปีเท่านั้น
       
       นอกจากตัวของศิลปินหนุ่มซูเปอร์สตาร์แห่งไต้หวัน, มารดา และแฟนสาวแล้ว เจย์ โจว ยังพาครูสอนเต้น กับ เพื่อนศิลปิน วิล หลิว พร้อมด้วยครอบครัวเดินทางมากรุงเทพฯ ในครั้งนี้ด้วย
       
       อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าเขายังคงระวังตัวเป็นพิเศษ แม้จะอยู่ต่างประเทศ กับการถูกถ่ายภาพ เพราะเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินเมื่อช่วงเช้าวันพฤหัสที่ผ่านมา เจย์ โจว ยังคงระวังไม่ให้เหล่าตากล้อง ถ่ายภาพคู่ของเขากับแฟนสาวได้เช่นเคย
       
       เมื่อผู้สื่อข่าวถามฝ่ายหญิงว่า คิดถึงเรื่องสร้างครอบครัวกับซูเปอร์สตาร์หนุ่มแห่งวงการบันเทิงไต้หวันบ้างรึเปล่า นางแบบสาววัย 18 ปี ไม่ได้ตอบอะไร และยังพยายามหลบหน้าจากกล้องด้วย ส่วนฝ่ายชายก็ดูเหมือนไม่ค่อยพอใจในตัวนักข่าว และไม่พูดอะไรเช่นเดียวกัน
       
       กับการออกเดทคบหากันมาได้ไม่ถึงปี เจย์ โจว ได้พาแฟนสาวคนนี้ไปเที่ยวมาทั้งที่ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น นอกจากนั้นมีข่าวว่าเขายังแสดงความจริงจังกับแฟนคนนี้ ด้วยการซื้อทั้ง เรือยอชต์, รถยนต์หรู และบ้านให้กับเธอด้วย

Manager Online

      มีรายงานจากฮ่องกงว่าความรักของ “กัวฟู่เฉิง” (Aaron Kwok) กับ “สงไต้หลิน” (Lynn Hung) อาจจะจบสิ้นลงแล้ว โดยมีสาเหตุมาจากความไม่พอใจของฝ่ายชาย ที่ถูกแฟนสาวกดดันเรื่องแต่งงานอย่างหนักในระยะหลัง
       
       กัวฟู่เฉิง กับ สงไต้หลิน คบหาเป็นแฟนกันมาหลายปี แม้ทั้งสองจะไม่เคยยอมรับถึงเรื่องนี้ต่อหน้าสื่ออย่างเต็มปากเลย แต่ทุกฝ่ายก็รู้กันดีถึงความสัมพันธ์ระยะยาวครั้งนี้
       
       แต่ล่าสุดมีข่าวว่าความรักที่ดำเนินมา 6 ปีอาจจะสิ้นสุดลงแล้ว เมื่อ สงไต้หลิน โพสต์ข้อความผ่านเว็บไซต์ของตัวเองว่า “ตอนนี้ได้นาฬิกาเป็นเพชรสีดำมา รู้สึกว่าแปลกและแตกต่างจากที่เคยมีมาก ถ้าลองใส่ดูไม่รู้ว่าจะใช้ย้อนเวลาได้รึเปล่านะคะ” ซึ่งมีคนสงสัยว่าเป็นข้อความที่กล่าวแบบเป็นนัยว่า ความรักของเธอกับพระเอกหนุ่มคนดังกำลังมีปัญหานั่นเอง
       
       โดยคนในวงการบันเทิงรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเริ่มต้นคบหากันใหม่ๆนั้น สงไต้หลิน ดูจะพยายามไม่ทำตัวให้เป็นข่าว สานสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มอย่างเงียบๆ ตามประสงค์ของฝ่ายชายดี แต่เมื่อมีอายุเข้า 30 ปี เธอกลับให้ข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มากขึ้นเรื่อยๆ แม้จะไม่ได้พูดตรงๆ แต่ก็เอ่ยถึงเรื่องการแต่งงาน หรือความรักบ่อยๆ ซึ่งว่ากันว่าสร้างความกดดันให้กับ กัวฟู่เฉิง อยู่ไม่น้อย
       
       ซึ่งข่าวระบุว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ต้องพบกับปัญหา เมื่อวันแห่งความรักที่ผ่านมานี่เอง เมื่อนางแบบสาวให้ข่าวกับสื่อ ถึงของขวัญที่ กัวฟู่เฉิง มอบให้ แต่ตัวเขากลับปฏิเสธถึงเรื่องนี้ผ่านหน้าสื่อ จนนำมาซึ่งการทะเลาะเบาะแว้งครั้งใหญ่ ถึงขณะนี้ฝ่ายชายก็ยังแสดงท่าทีเย็นชาต่อแฟนสาว ซึ่งข้อความที่ฝ่ายหญิงเขียนในเว็บไซต์ ก็คือการแสดงความในใจ และคาดหวังว่า กัวฟู่เฉิง จะสามารถให้อภัยเธอได้นั่นเอง

      แม้ภาคแรกของซีรีส์ War and Beauty หรือ "ศึกรักจอมราชันย์" จะเคยโด่งดังเป็นพลุแตกเมื่อ 8 ปีก่อน แต่ผู้สร้างก็ยืนยันว่า "ภาค 2" ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างถ่ายทำ จะไม่ยึดรอยทางเดิมแต่อย่างใด และในเวลาเดียวกันก็จะไม่ได้มีเนื้อหาประเด็น" หญิงรักหญิง" อย่างที่มีการกังวลกันด้วย
       
       แฟนๆอาจจะต้องการความเข้มข้นของเรื่องราวหักเหลี่ยมเฉือนคมกันระหว่างบรรดานางสนมในซีรีส์ War and Beauty 2 แบบเดียวกับที่เคยประทับใจจากซีรีส์ในภาคแรก อย่างไรก็ตามผู้อำนวยการสร้าง โจนาธาน เชอะ และผู้เขียนบท โจวหยูหมิง ได้ให้ข้อมูลกับสื่อในฮ่องกงว่าซีรีส์ภาคต่อ ที่มีกำหนดฉายในอนาคตอันใกล้นี้ จะมีเนื้อหาที่แตกต่างออกไป เป็นงานซึ่งให้ความรู้สึกประเภท "อบอุ่นและหลักแหลม" ในเรื่องราวใหม่ๆ ที่เหมือนอยู่ใน "โลกคู่ขนาน" กันมากกว่า
       
       War and Beauty 2 จะไม่ได้เน้นไปที่การเมืองระหว่างฝ่ายในของราชสำนักชิงอย่างที่เคยเป็นมาในภาคแรก แต่จะว่าด้วยเรื่องราวของ "ข่าวลือ" โดยผู้อำนวยการสร้างอธิบายว่า "เราพยายามจะเสนอภาพ ว่าผู้คนในวังหลวงจะเอาตัวรอดและใช้ชีวิตกันอย่างไรกับชีวิตที่เต็มไปด้วยเรื่องโกหก และข่าวลือ เป็นสถานที่ซึ่งความจริงและเรื่องในจิตนาการมาเจอกัน"
       
       ซึ่งแม้ว่า เติ้งชุ่ยเหวิน จะได้กลับมารับบทเป็น "หนิ่วหู้รู่หยูเยวี่ย" หรือ "สนมหยู" อีกครั้ง แต่ตัวละครของเธอจะไม่ได้เข้มแข็ง หรือเด็ดเดี่ยวเท่าเดิม โดยนักแสดงวัย 45 ปี กล่าวว่าบทในซีรีส์ภาค 2 ของเธอจะ "อ่อนโยน" ขึ้น ไม่ได้เป็นหญิงแกร่ง ที่สามารถสละชีวิตของคนรอบข้าง เพื่อผลประโยชน์ของตัวเองได้
       

มีรายงานข่าวเศร้าจากวงการบันเทิงจีน กับการเสียชีวิตของดาราสาว "ไป่จิง" (Bai Jing) ที่ถูกสังหารโหดโดยสามีของตัวเอง ก่อนฝ่ายชายจะฆ่าตัวตายตามไปในเวลาต่อมา
       
       โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจของกรุงปักกิ่งเป็นผู้ยืนยันข่าวดังกล่าว กับเรื่องสลดที่ชายแซ่ โจว (Zhou Chenghai) ได้ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ภายหลังก่อเหตุแทงหญิงสาวนาม ไป่จิง ผู้เป็นภรรยาของเขาเอง โดยเธอยังเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงดาวรุ่งที่มีผลงานทั้งภาพยนตร์ และทางโทรทัศน์ด้วย
       
       ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในบ้านของทั้งคู่ ที่เขตเฉาหยาง ในปักกิ่ง เมื่อช่วงเช้าของวันอังคารที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยดาราสาวสิ้นลมลงในที่เกิดเหตุ ขณะที่ฝ่ายชายเสียชีวิตระหว่างนำตัวส่งโรงพยาบาล
       
       เรื่องดังกล่าวเริ่มเป็นข่าว เมื่อเพื่อนคนหนึ่งของฝ่ายหญิง เขียนบอกเล่าถึงเหตุการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ส่วนตัว นอกจากนั้น เพื่อนคนนี้ยังเผยว่าความสัมพันธ์ระหว่างดาราสาวและสามี ซึ่งข่าวระบุว่าเป็นทายาทรุ่นที่ 2 ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในรัฐบาล เริ่มจะมีปัญหาในระยะหลังๆ โดยเฉพาะเรื่องมือที่สาม ที่มีข่าวลือว่า ฝ่ายหญิงไปมีสัมพันธ์กับชายคนหนึ่งที่มีภรรยาอยู่แล้ว จึงต้องการขอหย่า และยังเรียกร้องแบ่งสินสมรสเป็นเงินก้อนโตด้วย
       
       อย่างไรก็ตามขณะนี้คดียังอยู่ระหว่างการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ ซึ่งคงต้องใช้เวลาอีกซักระยะ จึงจะสามารถบ่งชี้ถึงสาเหตุของเรื่องเศร้าครั้งนี้ได้
       

       นอกจากเหล่าดาราทั่วฟ้าฮอลลีวูดแล้ว เมื่องานออสการ์ปีล่าสุดซึ่งจัดกันไปเมื่อวันที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมา ดาราสาวชาวจีน "หลี่ปิงปิง" (Li Bing Bing) ยังเป็นอีกคนที่ได้เฉิดฉายบนพรมแดงของงานแจกรางวัลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการ เรียกว่าเป็นตัวแทนจากวงการบันเทิงแดนมังกรในออสการ์ปีนี้ก็คงไม่ผิดนัก
       
       ทางสื่อจากฝั่งสหรัฐฯ อย่าง New York Times ได้แนะนำถึงดาราสาวชาวจีนคนนี้ว่า มิส ลี ผู้มีคนตาม Weibo.com หรือ Twitter ฉบับประเทศจีนของเธออยู่ร่วม 12.4 ล้านคน ซึ่งชาวสหรัฐฯ จะมีโอกาสได้พบกับเธอในเดือน ก.ย. นี้ จากงานเรื่อง Resident Evil: Retribution หลังจากก่อนหน้านี้เคยได้รับบทสมทบในหนังเรื่อง The Forbidden Kingdom และบทนำจาก Snow Flower and the Secret Fan ที่เข้าฉายเมื่อฤดูร้อนเมื่อปีที่แล้ว
       
       และแม้ Snow Flower and the Secret Fan จะทำรายได้ไปเพียงแค่ 1.3 ล้านเหรียญฯ ในการฉายที่สหรัฐฯ แต่หนังได้ทำให้ หลี่ปิงปิง ได้รู้จักสนิทสนมกับ เวนดี้ เมอร์ด็อกห์ ภรรยาของ รูเพิร์ต เมอร์ด็อกห์ เจ้าพ่อสื่อคนดัง ซึ่งนั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้างของหนัง และเป็นคนซึ่งมีส่วนอย่างยิ่งต่อโอกาสได้ร่วมงานออสการ์ของดาราสาวชาวจีน
       
       ซึ่งนอกจากคำเชิญให้ร่วมงานออสการ์แล้ว หลีปิงปิง ยังได้ร่วมเป็นแขกของงานปาร์ตี้ Women in Film ที่จัดขึ้นโดย United Talent Agency and Creative Artists Agency และได้มีโอกาสขึ้นประกาศรางวัลในงาน Independent Spirit Awards เวทีเกียรติยศของคนทำหนังอิสระด้วย
       

       โปรดิวเซอร์ชื่อดังชาวฮ่องกงผู้สร้างความฮือฮาด้วยผลงานหนังเกรด III สามมิติ 3D Sex and Zen เมื่อปีที่แล้ว ได้เปิดเผยถึงแผนการสร้างหนังภาคต่อไปในชุด Sex and Zen ที่คราวนี้จะเพิ่มจุดขายพิเศษขึ้นไปอีก กับการเป็นหนัง 4-D กันเลยทีเดียว
       
       ผู้อำนวยการสร้างชื่อดัง สตีเฟน เซียว จูเนียร์ เปิดเผยถึงของเล่นใหม่ และไอเดียสุดกระฉูดในการสร้างภาคต่อไปของ Sex and Zen ที่จะเพิ่มมิติให้กับหนังขึ้นไปอีกเป็น 4-D ด้วยระบบการ "สั่นสะเทือน" ที่จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ในการชมหนังเกรด III (หนังสำหรับคนดูที่มีอายุมากกว่า 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น) ได้อย่างแน่นอน
       
       โดยเขายังเผยด้วยว่าหนังน่าจะใช้ชื่อ 4D Sex and Zen: Slayer of a Thousand from the Mysterious East นอกจากนั้นผู้สร้างเผยว่าจะมีการนำคำติชมที่ได้รับจากหนังภาคแรก มาเป็นคำแนะนำปรับปรุงให้หนังสมบูรณ์แบบขึ้นไปอีก
       
       "คนดูคิดว่าฉากเซ็กซีในหนังภาคก่อนยังไม่ค่อยจะเร่าร้อนซักเท่าไหร่" ผู้อำนวยการสร้างกล่าว "ครั้งนี้เราจะเน้นให้มากขึ้น และจะดึงตัวผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่นมาช่วยกำกับในฉากทำนองนี้ด้วย"
       
       ด้านตัวนักแสดงข่าวระบุว่า ขณะนี้ผู้สร้างกำลังพยายามดึงตัวดาวเด่นแห่งวงการเอวีจากแดนอาทิตย์อุทัย โดยเฉพาะที่เป็นสมาชิกของวงเกิร์ลกรุ๊ปเอวีสุดดัง Ebisu Muscats มาร่วมแสดงหนังเรื่องนี้ด้วย ส่วนตัวแทนของสาวจีนในเรื่อง ขณะนี้ได้มีการวางตัวนางแบบทรงโตชาวไต้หวัน อาลินา สวี (Alina Xu) ไว้ในบทนำแล้ว
       
       Sex and Zen ภาคแรกสร้างออกมาเมื่อปี 1991 จนประสบความสำเร็จมีภาคต่อตามมาอีก 2 ภาคในยุค 90s และถือเป็นตำนานบทหนึ่งแห่งประวัติศาสตร์หนังฮ่องกง

       หลังจากใช้ชีวิตนักศึกษา 12 ปีเต็มกับ 5 มหาวิทยาลัย จนมีข่าวว่าดาราหนุ่ม "หมิงเต้า" (Ming Dao) เพียงใช้เรื่องการเรียนมาเป็นข้ออ้าง เพื่อหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารเท่านั่น ล่าสุดมีรายงานว่าดาราวัย 32 ปี ยินยอมที่จะรายงานตัวเพื่อรับใช้ชาติแล้ว
       
       การเปลี่ยนสถานที่เรียนในระดับอุดมศึกษาไปเรื่อยๆ ถึง 5 แห่ง ภายในระยะเวลา 12 ปี ทำให้ หมิงเต้า ต้องเผชิญหน้ากับข้อหาเรื่อง "หนีทหาร" มาตลอด เพราะแม้จะใช้ข้ออ้างเรื่องการเรียน เพื่อขอผัดผ่อนในการรายงานตัวเข้ารับใช้ชาติ แต่ในเวลาเดียวกันก็มีรายงานว่า ดาราหนุ่มคนนี้ไม่ได้มีความมุ่งมั่นในการเรียนเลยแต่อย่างใดเลย
       
       สื่อไต้หวันระบุว่าตลอดระยะเวลา 12 ปีในการเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย หมิงเต้า ทั้งขาดเรียนบ่อย, สอบตก เมื่อจวนตัวก็ลาออกจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และสมัครเข้าเรียนในอีกแห่งทันที เป็นพฤติกรรมที่หลายฝ่ายมองว่า แสดงออกอย่างชัดเจน ในการใช้ช่องว่างของกฎหมาย ที่อนุญาตให้ผู้มีกำหนดต้องรับใช้ชาติ สามารถยืดเวลาออกไปได้ หากยังติดภารกิจทางการเรียน
       
       และในที่สุดเมื่อสัปดาห์ก่อน หมิงเต้า หรือที่มีชื่อจริงว่า หลินจ้าวจาง ได้ยุติคำวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆที่มีต่อเขามาตลอดได้ในที่สุด กับการมารายงานตัวเพื่อรับใช้ชาติ โดยมีพ่อและแม่มาส่ง ขณะที่ตัวเขาแต่งตัวแบบเรียบๆ และตัดผมสั้นเตรียมพร้อมสำหรับการทำหน้าที่
       
       ตามกฎหมายของไต้หวัน ชายที่มีคุณสมบัติสำหรับการเป็นทหาร ต้องเข้าทำหน้าที่ทันทีเมื่อมีอายุ 33 ปี โดยไม่สามารถผัดผ่อนด้วยข้ออ้างทางการศึกษาได้อีกต่อไป
       

      นักแสดงชาวเกาหลีใต้ "ชอยมินซิก" (Choi Min-Shik) ได้ออกเปิดเผยถึงประสบการณ์การทำงานกับนางเอกสาวชาวฮ่องกง "จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung) ในหนังดัง Failan เมื่อร่วม 10 ปีก่อน ว่าเป็นการทำงานซึ่งเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลังเขาได้รับทราบว่านางเอกคู่ของตัวเองมีพ่อที่มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับพวกมาเฟีย
       
       สำนักข่าวในฮ่องกงเปิดเผยว่า ผลงานหนังใหม่ๆ ของ จางป๋อจือ ดูจะทำรายได้ไม่ค่อยดีนัก หลังจากเธอยุติความสัมพันธ์เลิกรากับ เซียะถิงฟง (Nicholas Tse) ไปเมื่อปีก่อน แต่ดาราสาวคนนี้ก็ยังได้รับความสนใจเป็นประเด็นข่าวอยู่ไม่หยุดหย่อน นอกจากในบ้านเกิดแล้ว ที่ต่างประเทศเธอก็ยังเป็นที่พูดถึง
       
       โดยเกิดข่าวด้านลบของเธอขึ้นในเกาหลีใต้ด้วย เมื่อนักแสดงรุ่นใหญ่ชาวกิมจิ ชอยมินซิก ได้เปิดเผยถึงความรู้สึกในการทำงานกับ จางป๋อจือ เมื่อ 11 ปีก่อนในกองถ่ายหนังเรื่อง Failan ว่าสำหรับเขาเองแล้วเป็นการทำงานที่เรียกได้ว่าไม่มีความสุขเอาเสียเลย
       
       ชอยมินซิก นักแสดงเจ้าของรางวัลระดับนานาชาติมากมายจากงานอย่าง Old Boy และ Sympathy for Lady Vengeance เปิดเผยในรายการโทรทัศน์ที่บ้านเกิดว่า ในการถ่ายทำหนังเรื่อง Failan นั้นบรรยากาศถือว่าเป็นไปด้วยความเครียดและกดดัน จนทำให้ จางป๋อจือ ที่เรียกว่ายังหน้าใหม่ในวงการขณะนั้น เพิ่งจะทำงานภาพยนตร์มาได้แค่ 2 ปีถึงกับเครียดจนร้องไห้กันเลยทีเดียว และเอาเรื่องที่เกิดขึ้นไปเล่าให้กับพ่อของเธอฟัง
       

ข่าวการเสียชีวิตของนักร้องดังจากไต้หวัน “เฟิ่งเฟยเฟย” (Fong Fei Fei) ที่สิ้นลมลงตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค. ได้ถูกเก็บเป็นความลับเอาไว้ร่วมเดือน เพราะเป็นคำฝากฝังของเจ้าตัวเอง ที่ไม่อยากทำลายบรรยากาศของการเฉลิมฉลองแห่งเทศกาลตรุษจีน
       

鳳飛飛 35周年演唱會 - 流水年華

      ในที่สุดนางแบบสาวคนสวย "แอนเจลาเบบี้" (Angela Baby) ก็ออกมาปฏิเสธข่าวลือที่ว่าเธอจดทะเบียนสมรสกับแฟนหนุ่มนักแสดงชื่อดัง "หวงเสี่ยวหมิง" (Huang Xiaoming) ที่คบหากันมาได้ 3 ปี อย่างที่มีรายงานในสื่อเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเปรยว่า อาจใช้มาตรการทางกฏหมายเพื่อจัดการกับเรื่องนี้
       
       ข่าวลือเรื่องการสละโสดของ แอนเจลาเบบี้ กับ หวงเสี่ยวหมิง เริ่มถูกพูดถึงกันตั้งแต่สัปดาห์ก่อน หลังมีเอกสารเป็นทะเบียนสมรสของทั้งสองเผยแพร่ออกมาตามเว็บไซต์ต่างๆ จนล่าสุดคนดังทั้งสองได้ปฏิเสธข่าวเป็นที่เรียบร้อย
       
       ระหว่างการร่วมงานอีเวนต์โปรโมตสินค้าเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา นางแบบสาวคนดังได้มีโอกาสปฏิเสธถึงข่าวลือที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ยืนยันว่าข่าวดังกล่าวไม่ได้มีมูลความจริงแต่อย่างใด และยืนยันว่า "หลักฐาน" ทะเบียนสมรสที่สื่อต่างๆ หยิบมาอ้างอิง ก็ไม่ใช่ของจริงอย่างแน่นอน โดยสื่อบันเทิงในจีนเผยว่า เลขประจำตัวประชาชนในทะเบียนสมรสปลอมนั้น ก็ไม่ได้ตรงกันเลขประจำตัวของ แอนเจลาเบบี้ ด้วย ซึ่งนางแบบสาวยืนยันว่า อาจจะแจ้งความไว้เพื่อเป็นหลักฐานสำหรับเหตุที่เกิดขึ้น
       
       ก่อนหน้านี้ แอนเจลาเบบี้ เคยพูดถึงเกี่ยวกับแผนการในอนาคตว่าเธอยังเด็กอยู่มาก และอยากจะทุ่มเทให้กับการทำงานก่อน จึงยังไม่มีแผนการที่จะแต่งงานในช่วงนี้แต่อย่างใด
       

      กระทรวงกิจการภายในของไต้หวันเปิดเผยเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ว่ามีเจ้าหน้าที่ทหาร 2 คนได้ถูกลงโทษด้วยฐานความผิดถ่ายภาพของนักแสดงหนุ่ม “หรวนจิงเทียน” (Ethan Ruan) ซึ่งอยู่ระหว่างการฝึก เพื่อเข้ารับใช้ชาติ ที่หน่วยทหารกลางในไท่จง
       
       ทหารระดับร้อยเอกสองคน ได้ถูกลงโทษ โดยการยกเลิกวันหยุดพิเศษ ภายหลังพวกเขาทำผิดกฎด้วยการใช้อำนาจหน้าที่ไปในทางที่ผิด กับการถ่ายภาพของนักแสดงคนดัง หรวนจิงเทียน ระหว่างอยู่ที่ศูนย์ฝึก โดย หลี่จงจิง ผู้อำนวยการทั่วไปของสำนักงานกำลังพลแห่งชาติ ที่อยู่ภายใต้ กระทรวงกิจการภายใน เป็นผู้แถลงถึงเรื่องนี้
       
       ตัวแทนกองทัพยังกล่าวว่าเขาเข้าใจว่าเป็นเรื่องปกติ ที่ทหารอยากจะถ่ายรูปกับคนดัง ที่มารับการฝึก แต่ที่มีการลงโทษก็เพราะทหารทั้งสองคนใช้อำนาจไปในทางที่ผิด และยังทำผิดที่ผิดเวลาด้วย
       
       เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ เป็นหนึ่งในข่าวเกี่ยวข้องกับการเข้าเป็นทหารของ หรวนจิงเทียน นักแสดงหนุ่มผู้เรียกได้ว่าโด่งดังที่สุดในไต้หวันคนหนึ่งในขณะนี้ ซึ่งสื่อไต้หวันติดตามการรับใช้ชาติของเขาอย่างต่อเนื่อง หลังหนุ่มคนดังจากหนัง Monga เพิ่งจะเริ่มทำการฝึกเพื่อรับใช้ชาติไปได้ 2 สัปดาห์ จากกำหนดเวลา 1 ปีเต็ม เป็นการรับใช้ชาติหลังจากที่เขาผัดผ่อนมานาน
       
       หนึ่งในประเด็นการรับใช้ชาติของ หรวนจิงเทียน ก็คือเรื่องข้อครหาว่า เขาไม่ได้เข้าฝึกและทำหน้าที่ทหารอย่างเต็มรูปแบบเพราะเป็นดาราดัง จนต่อมาต้องมีการอธิบายว่าเหตุที่ หรวนจิงเทียน สามารถเข้ารับใช้ชาติแบบทางเลือก ซึ่งไม่ต้องทำหน้าที่ทหาร แต่สามารถเลือกที่จะทำงานไม่ว่าจะเป็น ครูในแถบชนบท, ช่วยงานสถานีตำรวจ, ดับเพลิง หรืออาสาสมัครอย่างอื่นแทนได้ ก็เพราะเขามีความผิดปกติทางร่างกาย กับการเป็นโรคเท้าแบน (Flat Feet) นั่นเอง

มีการเผยภาพถ่ายที่คาดว่าเป็นทะเบียนสมรสของคู่รักคนดัง "แองเจลาเบบี้" (Angela Baby) และ "หวงเสี่ยวหมิง" (Huang Xiaoming) ออกมาตามอินเตอร์เน็ตเมื่อวานนี้ โดยคาดว่าทั้งคู่จดทะเบียนกันตั้งแต่ปีที่แล้ว
       
       มีรายงานว่าหวงเสี่ยวหมิง นักแสดงหนุ่มชื่อดังและ แองเจลาเบบี้ นางแบบ-นักแสดงสาววัย 23 ปี ได้จดทะเบียนสมรสกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังออกเดทกันมาตั้งแต่ปลายปี 2009
       
       แม้จะมีข่าวเรื่องการเลิกราของทั้งคู่ออกมาเป็นพักๆ แต่จากภาพล่าสุดที่ถูกปล่อยตามโลกออนไลน์ โดยลือกันว่าเป็นทะเบียนสมรส ทำให้คาดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเลิกรากันไม่ได้ง่ายๆ
       
       โดยทะเบียนดังกล่าว ได้ระบุว่าหวงเสี่ยวหมิงและแองเจลาเบบี้ได้จดทะเบียนกันไปเมื่อวันที่ 26 ต.ค. ปีที่แล้ว พร้อมกับมีข้อมูลส่วนตัว ทั้งสัญชาติและเลขบัตรประจำตัวประชาชน พร้อมลงลายเซ็นของทั้งคู่กำกับไว้
       
       อย่างไรก็ตาม คู่รักคู่นี้ที่มักจะอัพเดทเรื่องราวข่าวคราวตนเองผ่านทางไมโครบล็อกอยู่เสมอ กลับไม่ได้เขียนข้อความใดๆในวันดังกล่าว แต่หลังจากวันที่ 26 ต.ค. พวกเขาก็อัพเดททุกอย่างตามปกติ ซึ่งหัวข้อใหญ่ๆที่แฟนๆให้ความสนใจก็เกี่ยวกับเรื่องการแต่งงาน
       
       โดยชาวเน็ตรายหนึ่งได้แนะนำเขาว่า "รู้ว่าคุณเหนื่อย ทำไมไม่ลองพักเบรกยาวๆแล้วก็แต่งงานแบบคู่อื่นๆบ้าง บางทีคุณอาจจะรู้สึกผ่อนคลายกว่านี้ก็ได้ ถ้าคุณแต่งงานก่อนปี 2012"
       
       ซึ่งทางหวงเสี่ยวหมิงก็ได้ตอบเพียงสั้นๆว่า "ผมเหนื่อยเกินกว่าจะคิดเรื่องนี้"
       

มีการเปิดเผยว่านางแบบสาวลูกครึ่ง “มากิโยะ” (Makiyo) อาจถึงขั้นมีสิทธิ์ต้องโทษจำคุกกันเลยทีเดียว หากพิสูจน์ได้ว่า เธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เพื่อนชายทำร้ายร่างกายโชเฟอร์แท็กซี่ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส ที่กลายเป็นประเด็นร้อนในสังคมไต้หวันในขณะนี้
       
       “มากิโยะ” มีสิทธิ์ติดคุก
       
       ในเหตุการณ์ที่หนุ่มชาวญี่ปุ่น ทาคาเทรุ โทโมโยริ (Takateru Tomoyori) ทำร้ายร่างกายคนขับรถแท็กซี่คนหนึ่งจนบาดเจ็บสาหัส มีการให้ข้อมูลว่า ดาราสาวลูกครึ่งญี่ปุ่นไต้หวัน มากิโยะ รวมถึงเพื่อนสนิทของเธออีกสอง ซึ่งโดยสารรถไปในวันนั้นที่ชื่อว่า หย่าซื่อ (Ya-zi / ㄚ子) และ เซียงอิง (Xiang Ying / 湘瑩) ต้องถือว่าเกี่ยวข้องอยู่ในเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย และอาจจะต้องโทษจำคุกถึง 12 ปี หากเจ้าหน้าที่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ทั้ง 3 มีส่วนยุยงให้หนุ่มชาวญี่ปุ่นทำร้ายร่างกายโชเฟอร์แท็กซี่วัย 50 เศษจนสาหัส นอกจากนั้นก็ยังขึ้นอยู่กับสภาพอาการความบาดเจ็บของผู้เสียหายด้วย
       
       ซึ่งวันอังคารที่ผ่านมา หญิงสาวทั้ง 3 คนที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ ซึ่งข่าวจากไต้หวันระบุว่าอีก 2 คนก็เป็นนักแสดงเช่นเดียวกัน แต่ไม่ได้มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักนัก ได้มาให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ท่ามกลางการติดตามทำข่าวของสื่อมวลชนมากมาย ซึ่ง มากิโยะ ยังต้องวางเงินประกัน และได้รับคำสั่งห้ามออกนอกไต้หวันด้วย เพราะยังต้องมีการสอบสวนว่าเธอเกี่ยวข้องกับเหตุครั้งนี้เพียงใดกันแน่
       

       มีกิจการใหม่อีกแล้วสำหรับศิลปินหนุ่มมหาเศรษฐีแห่งไต้หวัน "เจย์ โจว" (Jay Chou) ที่ล่าสุด ได้เปิดร้านขายเต้าหู้แบบเดียวกับครั้งหนึ่งที่เขาเคยรับบทเป็นหนุ่มส่งเต้าหู้มาแล้วในหนัง Initial D โดยข่าวยังรายงานว่า งานนี้ศิลปินหนุ่มคนดังยังได้แม่ของแฟนสาวลูกครึ่งมาช่วยดูแลกิจการให้ด้วย
       
       แฟนๆของ เจย์ โจว คงจะจำบทบาทการแสดงเป็นหนุ่มนักซิ่งรถส่งเต้าหู้ในหนัง Initial D เมื่อหลายปีก่อนของเขาได้เป็นอย่างดี กับเรื่องราวที่ดัดแปลงมาจากการ์ตูนญี่ปุ่น เล่าถึงนักแข่งรถหนุ่มมากพรสวรรค์ ที่ฝึกฝนการดริฟต์รถมาจากการขับรถส่งเต้าหู้ ซึ่งเป็นกิจการของที่บ้าน
       
       ในตอนนั้นหลังการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง เจย์ ตัดสินใจควักเงิน 510,000 หยวน ซื้อรถยนตร์ Toyota AE86 ที่ใช้ในเรื่องมาเป็นเจ้าของ จนกระทั่งล่าสุดดาราหนุ่มชาวไต้หวันได้หวนถึงคืนวันเก่าๆกับหนัง Initial D อีกครั้งด้วยการเปิดร้านขายเต้าหู้ที่มีชื่อว่า Fujiwara Tofu Shop ชื่อเดียวกับในภาพยนตร์ ซึ่งเพิ่งจะเปิดร้านที่กรุงไทเปไปเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2012 นี่เอง
       
       ยังมีข่าวเพิ่มเติมจากสื่อประเภทซุบซิบในไต้หวันว่า มารดาของนางแบบสาว ฮันนาห์ ควินลิแวน (Hannah Quinlivan) ยังมาทำงานที่ร้านเต้าหู้แห่งด้วย โดยจะมาเข้างานตั้งแต่เวลา 4 โมงเย็นจนถึง 4 ทุ่มของทุกวัน จนมีข่าวลือกระทั่งว่า เขาเปิดร้านแห่งนี้ให้กับแม่ของแฟนสาวดูแลโดยเฉพาะกันเลยทีเดียว
       

นักแสดงหนุ่มที่เรียกได้ว่าอื้อฉาวแห่งยุค กับการมีข่าวด้านลบอยู่เป็นระยะในรอบหลายปีที่ผ่านมาอย่าง “เฉินกวนซี” (Edison Chen) มีชื่ออยู่ในหน้าสื่ออีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นเรื่องดีบ้าง กับการทำกิจกรรมการกุศล กับการวิ่งมาราธอนระยะ 42 กม. แต่ยังไม่วายถูกตั้งข้อสงสัยว่าทำดีเพื่อเอาหน้า แก้ตัวจากประเด็นสาวเมื่อปลายปีก่อนเท่านั้น - xin.msn.com
       
       หลังเจอพิษข่าวฉาวกับนางแบบ แคมมี เซียะ (Cammi Tse) นักแสดงหนุ่มวัย 31 ปี เฉินกว้านซี แทบจะหายหน้าหายตาจากหน้าสื่อไปพักใหญ่ จนกระทั่งล่าสุดเขากลับมาปรากฏตัวต่อสาธารณะอีกครั้ง กับงานการกุศลวิ่งมาราธอน 42 กิโลเมตร ซึ่งเป็นการวิ่งเพื่อเรี่ยไรเงินให้การกุศลด้วย
       
       ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ. เฉินกว้านซี ปรากฏตัวในชุดกีฬาเสื้อแขนยาว และกางเกงขาสั้น กับการเข้าร่วม สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ มาราธอน ในฮ่องกง โดยเขาใช้เวลาประมาณ 45 นาที เพื่ออบอุ่นร่างกาย ซึ่งเจ้าตัวเปรยก่อนออกวิ่งว่าตนเองอาจจะไปได้ไม่ถึง 42 กิโลเมตร เพราะเมื่อคืนก็ตื่นเต้นมากจนนอนไม่หลับ
       
       อย่างไรก็ตามสุดท้าย เฉินกว้านซี ก็ทำได้ เขาสามารถวิ่งถึงเส้นชัยในระยะ 42.19 กิโลเมตร ในเวลา 3 ชั่วโมง 55 นาที และ 46 วินาที พร้อมกับเรี่ยไรเงินได้ 1 ล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อมอบให้กับ โครงการ NOMADRUN ของ Nike ที่จะส่งมอบเงินให้กับองค์กรการกุศล Changing Youth Lives Foundation ในฮ่องกงต่อไป
       
       หลังเสร็จสิ้นจากภารกิจนักแสดงหนุ่มคนดังกล่าวด้วยความยินดีว่า “สิ่งที่ยากที่สุดก็คือตอนขึ้นเขาครับ ผมเกือบจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่มีคนดูอยู่เยอะมาก เลยคงจะหยุดวิ่งไม่ได้เด็ดขาด”
       

ดาราสาวลูกครึ่งแห่งวงการบันเทิงไต้หวัน “มากิโยะ” (Makiyo / 川島茉樹代  / かわしままきよ) ถึงกับร้องไห้เสียน้ำตา ในการขอโทษภรรยาคนขับรถแท็กซี่ ที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นของเธอทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส ในเหตุวิวาทที่ยังมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องข้อเท็จจริง ซึ่งทั้งสองฝ่ายให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะดาราสาว ที่อ้างว่าเรื่องเกิดขึ้นหลังเธอถูกโชเฟอร์แท็กซี่ลวนลามสัมผัสหน้าอกระหว่างการทอนเงิน
       
       เป็นข่าวฉาวใหญ่อีกครั้งในวงการบันเทิงไต้หวัน กับเหตุทะเลาะวิวาทที่เกิดขึ้นครั้งนี้ โดยตัวของดาราสาว มากิโยะ กับทางฝ่ายของครอบครัวคนขับรถแท็กซี่ผู้เคราะห์ร้าย ยังมีการให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ถึงมีการลงไม้ลงมือถึงขั้นอีกฝ่ายบาดเจ็บสาหัสต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเพื่อนของดาราคนสวย อาจจะต้องพบกับความยุ่งยากทางกฎหมายภายในเร็วๆนี้
       
       โดยขณะนี้ ทาคาเทรุ โทโมโยริ (Takateru Tomoyori) เพื่อนชาวญี่ปุ่นของ มากิโยะ ผู้ลงมือก่อเหตุทำร้ายร่างกายคนขับแท็กซี่ ถูกสั่งห้ามเดินทางออกนอกไต้หวันไปเรียบร้อยแล้ว นับตั้งแต่วันเสาร์ที่ผ่านมา หลังเกิดเหตุขึ้น และเขาถูกควบคุมตัว พร้อมตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัสโดยทันที
       
       ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่คืนวันศุกร์แล้ว ในเหตุการณ์ซึ่งนอกจาก มากิโยะ, โทโมโยริ แล้วก็ยังมีเพื่อนอีก 2 คนอยู่ร่วมในเหตุการณ์ด้วย โดยคนขับรถแท็กซี่วัย 55 ปี ที่สื่อไต้หวันเรียกว่า “หลิน” ได้รับบาดเจ็บทั้งบริเวณศีรษะ, กระดูกซี่โครงร้าวสองซี่, มีการตกเลือดในสมอง และสมองกระเทือน หลังศีรษะได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง โดย โทโมโยริ ได้รับการประกันตัวออกไปด้วยเงิน 50,000 เหรียญไต้หวัน (ประมาณ 50,000 บาท) ขณะเดียวกับคดีได้ถูกโอนไปให้สำนักงานอัยการไทเปดูแลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

       สาวชาวจีนจำนวนหนึ่ง ยินยอมโชว์หุ่นในชุดว่ายน้ำทูพีซ ภายใต้อุณหภูมิที่เรียกว่าหนาวจัด กับเป้าหมายที่จะได้เข้าไปเป็นนักศึกษาคณะแฟชั่นโชว์ ของมหาวิทยาลัยศิลปะ และดีไซน์ชานตง ที่จะมีสาวๆ เพียงประมาณ 1 ใน 7 เท่านั้นที่จะได้พบกับความสมหวัง
       
       เมื่อวันที่ 3 ก.พ. 2012 ที่ผ่านมา คณะแฟชั่นโชว์ ของมหาวิทยาลัยศิลปะ และดีไซน์ชานตง ได้จัดการสอบขึ้นที่จี่หนาน ซึ่งมีผู้สนใจสมัครสอบเข้ามาสอบประมาณถึง 300 คน กับจำนวนที่นั่งซึ่งทางสถาบันรับได้เพียง 40 คนเท่านั้น แม้ในวันสอบจะมีอากาศหนาวจัด อุณหภูมิทั่วไปลดต่ำลงถึงลบ 6 องศา แต่ดูเหมือนว่าสาวๆ เหล่านี้จะไม่ได้หวั่นไหวลังเลแต่อย่างใด เพื่อการเข้าเรียนในสาขาที่เน้นไปในด้านการแสดงแฟชั่นโชว์ สำหรับผู้สนใจในสายงานอาชีพนางแบบ
       
       มหาวิทยาลัยศิลปะ และดีไซน์ชานตง ถือเป็นสถาบันการศึกษายอดฮิตแห่งหนึ่งของประเทศจีน ในวันสมัครสอบเมื่อ 1 ก.พ. 2012 ว่ากันมีผู้เดินทางมายื่นใบสมัครเพื่อการเข้าเรียนในคณะต่างๆ ถึงร่วมแสนชีวิต จนเกิดเหตุรุนแรงเบียดเสียด จนนักเรียนบางคนถึงกับต้องร่วงลงไปอยู่กับพื้นกันเลยทีเดียว

Manager Online

       เมื่อวันที่ 2 ก.พ. ที่ผ่านมา “เฉินหลง” (Jackie Chan) กับลูกชาย “เจซี ชาน” (Jaycee Chan) ได้ร่วมกันจัดงานฉลองอายุครบ 60 ปี ให้กับ “หลินฟงเจียว” ภรรยาผู้ทำหน้าที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ตลอดหลายสิบปีในวงการของสามีนักบู๊ชื่อดัง
       
       หลินฟงเจียว เป็นอดีตนางเอกภาพยนตร์ในยุค 70s ที่หันหลังให้กับวงการบันเทิงไปร่วม 30 ปีแล้ว ภายหลังเธอตัดสินใจแต่งงานใช้ชีวิตคู่กับ แจ็คกี้ ชาน หรือ เฉินหลง ตั้งแต่ปี 1982 เป็นต้นมา ซึ่งเมื่อไม่กี่วันก่อนสามีและลูกชายได้ร่วมกันจัดงานใหญ่ฉลองอายุครบ 60 ปี ให้กับเธอ ถือเป็นการนับอายุแบบจีน ที่จะรวมเวลาขณะอยู่ในครรภ์ด้วย ซึ่งหากนับตามหลักสากล หลินฟงเจียว จะมีอายุครบ 59 ปีในวันที่ 30 มิ.ย. นี้ ถือว่าแก่กว่าเฉินหลง 1 ปี
       
       อดีตนักแสดงชาวไต้หวันเกิดเมื่อปี 1953 โดยเธอต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่อายุเพียง 12 ปี เพราะฐานะทางบ้านยากจน ในปี 1972 จึงได้มีโอกาสรับงานแสดงภาพยนตร์ในหนังกังฟูเรื่องหนึ่ง หลังจากนั้นจึงรับงานแสดงเรื่อยมา มีผลงานร่วม 70 เรื่องรวมถึงเคยคว้ารางวัลม้าทองคำมาแล้วด้วย
       
       จนกระทั่งในปี 1982 หลินฟงเจียว ได้ตัดสินใจเข้าประตูวิวาห์อย่างเงียบๆ ที่ลอสแอนเจลิสกับนักแสดงแอ็กชั่นชื่อดัง เฉินหลง หลังจากคบหากันมาได้ประมาณ 1 ปี และในปี 1982 นั่นเองที่เธอได้ให้กำเนิด เจซี ชาน ลูกชายคนแรกและเป็นทายาทคนเดียวของเธอกับซูเปอร์สตาร์ฮ่องกง