ข่าวจีน

หนังดราม่าอบอุ่นหัวใจว่าด้วยเรื่องราวของหญิงรับใช้สูงวัยประจำตระกูล กับคุณชายของบ้าน ที่คว้ารางวัลจากสถาบันต่างๆ มากมายมาแล้วทั่วโลก กลับไปคว้ารางวัลใหญ่ที่บ้านเกิดกับงาน "รางวัลภาพยนตร์ฮ่องกง" ประจำปี 2012 ซึ่งมอบกันไปเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา - Channel News Asia

ถือเป็นเรื่องยากมากที่จะเกิดขึ้น แต่ A Simple Life ก็ทำได้กับการกวาดรางวัลในสาขาใหญ่ครบทั้ง 5 สาขาของงานรางวัลภาพยนตร์ฮ่องกงครั้งล่าสุดที่จัดกันขึ้นที่ฮ่องกงในช่วงเย็นของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ทั้งรางวัล ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, บทภาพยนตร์, ผู้กำกับ และนักแสดงนำชาย/หญิง

"ฉันอยากจะขอบคุณฮ่องกงค่ะ" แอน ฮุย (Ann Hui) ผู้กำกับยอดเยี่ยมจากหนัง A Simple Life กล่าวขณะรับรางวัลของเธอ "ฉันเติบโตขึ้นที่นี่, ได้รับการศึกษาที่นี่, นี่คือเมืองที่ให้แรงบันดาลใจกับฉันมากมาย"

ฝ่ายนักแสดงวัย 64 ปี เยี่ยเต๋อเสียน (Deanie Ip) ที่สวมบทบาทเป็นหญิงรับใช้สูงวัย ที่ต้องย้ายไปอาศัยยังบ้านพักคนชราหลังมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก อันเป็นบทที่ส่งให้เธอคว้ารางวัลในเทศกาลหนังเมืองเวนิสและรางวัลภาพยนตร์เอเชียมาแล้ว กล่าวอย่างตื้นตันว่านี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตตนเองแล้ว ที่จะได้รับรางวัลสำคัญเช่นนี้ "ฉันมาได้รางวัลเอาก็เมื่ออายุ 60 แล้ว ... นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายก็ได้นะคะ"

A Simple Life เป็นผลงานการสร้างของ หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) ที่นอกจากจะส่งให้ตัวของเขาเองคว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกครั้ง ก็ยังนับว่าพระเอกรุ่นใหญ่รายนี้เป็นเจ้าของผลงานที่คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันแล้ว หลังจากปีก่อนเขาส่งให้หนังตลกเล็กๆ เรื่อง Gallants คว้าเกียรติยศสูงสุดแห่งวงการหนังอย่างพลิกความคาดหมาย

       จากที่เคยมีข่าวบาดหมาง, ชิงดีชิงเด่น กันมาหลายปี แต่ "จางจื่ออี๋" (Zhang Ziyi) กับ "กงลี่" (Gong Li) กลับแสดงความใกล้ชิดสนิทสนมกันอย่างผิดคาด ในงานของสมาคมผู้กำกับ ที่จัดกันในกรุงปักกิ่งเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งงานนี้ฝ่ายของดาราสาวรุ่นน้องยังคว้ารางวัลนักแสดงหญิงแห่งปีไปครองด้วย
       
       ดาราที่เคยได้ชื่อว่าเป็น "ผู้หญิงของโหมว" ทั้งสองคนอย่าง กงลี่ และ จางจื่ออี๋ ที่โด่งดังขึ้นมาจากการร่วมงานกับ จางอี้โหมว ผู้กำกับชื่อดังของจีน แสดงความใกล้ชิดสนิทสนมราวกับเป็นพี่สาวน้องสาว, จับไม้จับมือ, พูดคุยกระซิบกันตลอดงานของสมาคมผู้กำกับจีน ที่จัดกันที่ปักกิ่งเมื่อช่วงวันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าลบล้างข่าวที่ว่าทั้งสองไม่กินเส้นกันได้โดยปริยาย
       
       ถือเป็นข่าวที่ถูกนำเสนอในสื่อจีนมาพักใหญ่ๆแล้ว สำหรับการชิงดีชิงเด่นระหว่างดาราทั้งสองคน รวมถึงข่าวลือที่ว่าเมื่อหลายปีก่อนระหว่าง จางอี้โหมว ถ่ายทำหนังเรื่อง Curse of the Golden Flower ซึ่งมอบบทนำให้ กงลี่ ก็มีรายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันว่า จางจื่ออี๋ ถึงกับเดินทางไปที่กองถ่าย หว่านเสน่ห์ให้ จางอี้โหมว ขอบทเด่นในหนังของเขา ถึงขั้นทำให้ กงลี่ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และบรรยากาศในกองถ่ายตึงเครียดขึ้นมาทันที
       
       หลังจากนั้นทั้งสองได้มีโอกาสร่วมงานกันในหนังฮอลลีวูด Memoirs of A Geisha ก็เกิดข่าวไม่กินเส้นกันออกมาอีก ซึ่งเรียกว่าแตกต่างโดยสิ้นเชิงกับสิ่งที่ทุกคนได้เห็นในงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
       

      หนุ่ม "ฝงเต๋อหลุน" (Stephen Fung) มีเส้นทางในวงการบันเทิงที่น่าสนใจ เขาเริ่มต้นจากการเป็นดาราวัยรุ่น ต่อมากลับหันมาจับงานกำกับ ขณะที่บทบาทนักแสดงก็ยังไม่ทิ้ง งานที่เขาทำแม้จะเป็นหนังตลาด มีทั้งคิวบู๊, มุขตลก แต่ก็ใส่ไอเดียแปลกใหม่อยู่เสมอ ร่วมถึงผลงานเรื่องล่าสุด TAICHI 0 ที่ครั้งนี้พระเอกหนุ่มขอลองจับงานใหญ่กับหนังทุนสูงดูบ้าง

       TAICHI 0 เป็นผลงานการสร้างของ Huayi Brothers ยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์จีน ที่ได้รับความสนใจจากบรรดาบริษัทจัดจำหน่ายต่างประเทศมากมาย หลังจากไปเปิดตัวโปรโมตเป็นครั้งแรกที่เทศกาลหนังเมืองคานส์ครั้งที่ 64 จนสามารถขายลิขสิทธิ์ไปได้แล้วใน 31 ประเทศ และล่าสุดผู้สร้างได้ส่งตัวอย่างแรกมาให้แฟนหนังได้ชมกันแล้ว
       
       ภาพยนตร์เรื่องนี้ Huayi Brothers ระบุว่าจะประกอบไปด้วยหนัง 3 ภาค มีเนื้อหาว่าด้วยเด็กหนุ่ม หยางลู่ชุน ผู้มีความสามารถพิเศษ จากความผิดปกติที่ทำให้เขามีพลังมากมายมหาศาล แต่กลับเติบโตขึ้นมาในฐานะตัวตลกของหมู่บ้าน จนมารดาพยายามผลักดันให้ไอ้หนุ่มน้อย หยางลู่ชุน ลองฝึกฝนวิทยายุทธ์ดู เขาจึงออกเดินทางไปถึงหมู่บ้านเฉิน ชุมชนเล็กๆ อันไกลโพ้น ที่สมาชิกในหมู่บ้านทุกคนฝึกฝนเพลงหมัดไท่เก๊ก และใช้มันในการดำรงชีวิตแทบทุกแง่ทุกมุม ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเด็กเล็ก หรือคนแก่ก็ดูจะสามารถเอาชนะหนุ่มหยางลู่ชุนได้อย่างง่ายดาย เส้นทางไปสู่การเป็นจอมยุทธ์ของเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้นที่นี่
       

      เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาพี่ใหญ่อีกคนแห่งวงการหนังฮ่องกงอย่าง "เฉินหลง" (Jackie Chan)  ได้จัดงานฉลองวันเกิดปีที่ 58 ขึ้น มีพี่น้องในวงการมาร่วมอวยพรกันมากมาย

       เฉินหลง เพิ่งจะมีอายุครบ 58 ปีไปเมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยสองวันก่อนหน้านั้นเขา, หลินฟงเจีย (Lin Feng Jiao) ผู้เป็นภรรยา และ เจซี ชาน (Jaycee Chan) ลูกชายเพียงคนเดียวของทั้งคู่ ได้จัดงานฉลองขึ้นที่สตูดิโอของ เฉินหลง ซึ่งตั้งอยู่ที่ เคลียร์วอเตอร์ เบย์ ฮ่องกง เชิญทั้งเพื่อนสนิทมิตรสหาย และคนในครอบครัวมาร่วมงาน โดยลูกชายของเฉินหลงเดินจากกลับมาจากการทำงานที่ไต้หวัน เพื่อช่วยเหลือแม่ในการจัดงานเลี้ยงครั้งนี้โดยเฉพาะ

       ส่วนหนึ่งของแขกที่มาร่วมฉลองวันเกิดของแอ็กชั่นสตาร์อันดับ 1 ของฮ่องกงก็มีอย่าง ศิลปินชื่อดัง เยี่ยเชี่ยนเหวิน (Sally Yeh), ฟงเต๋อหลุน (Stephen Fung), แดเนียล วู (Daniel Wu) กับ ภรรยา ลิซา ซี. (Mrs. Lisa S.), หลิวเจียเหลียง, วิลลี เฉิน (Willie Chan), กู่จี้จี (Leo Ku), มาเบิล จาง (Mabel Cheung) , อเล็ก ลอว์ (Alex Law), แอนดรู เลา (Andrew Lau) เป็นต้น ซึ่งเฉินหลงดูจะมีความสุขมาก ที่มีเพื่อนๆ มาร่วมงานวันเกิดกันอย่างคับคั่งเช่นนี้ ส่วนลูกชายอย่าง เจซี ก็ยิงมุขกับแขกๆในงานว่า พ่อของเขามีทุกอย่างแล้ว เลยไม่ต้องการของขวัญอะไรเลย

       นอกจากงานฉลองวันเกิดแล้ว เฉินหลง ยังขอบคุณแฟนๆ ทั่วโลกผ่านเว็บไซต์ของตัวเอง สำหรับการอวยพรในวาระที่เขามีอายุครบ 58 ปี ด้วย งานนี้พระเอกรุ่นใหญ่แห่งวงการหนังบู๊ยังฝากให้แฟนๆ รอหนังเรื่องใหม่ที่ชื่อว่า Chinese Zodiac ที่เขายืนยันว่าจะสุดยอดแน่ๆ ถือว่าเป็นสิ่งตอบแทนคำอวยพรของแฟนๆทุกคน

Manager Online

       มีข่าวความคืบหน้าของโปรเจกต์หนังว่าด้วยเรื่องราวของครูมวยหย่งชุน “ยิปมัน” (Ip Man) จากสองกลุ่มผู้สร้างออกมาในเวลาใกล้เคียง ขณะที่ “ดอนนี เยน” (Donnie Yen) เตรียมทำหนังภาคที่ 3 ผู้สร้างหนัง The Grandmaster ของ “หว่องกาไว” ที่มี “เหลียงเฉาเหว่ย” (Tony Leung) สวมบทเป็น “ยิปมัน” ก็ยืนยันว่าหนังใกล้ถ่ายทำเสร็จแล้ว

       "ฮันกาอิน" (Han Ga In) กำลังเดินทางมาถึงจุดสูงสุดแห่งอาชีพในวงการบันเทิงแล้ว เมื่อผลงานทางโทรทัศน์ที่เธอแสดงนำมีเรตติ้งถล่มทลาย พร้อมๆกับผลงานหนังที่กำลังกวาดรายได้มหาศาล
       
       ดูเหมือนว่า 2012 จะเป็นปีของนักแสดงสาว ฮันกาอิน อย่างแท้จริง เมื่อผลงานทั้งจอแก้วและจอเงินของเธอประสบความสำเร็จอย่างสูงขึ้นมาพร้อมๆกัน โดยซีรีส์ The Sun and the Moon ที่เธอแสดงนำและออกอากาศทาง MBC สามารถทำยอดเรตติ้งได้ถึง 40% ขณะที่ผลงานหนัง Architecture 101 ก็มียอดคนดูทะลุ 1 ล้านคน หลังเข้าฉายมาเพียง 8 วัน
       
       สำหรับ The Sun and the Moon เล่าเรื่องความรักของกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์โชซอน ส่วน Architecture 101 ว่าด้วยหญิงสาว ที่ร้องขอให้อดีตหนุ่มที่เป็นรักแรกของเธอ ช่วยออกแบบตกแต่งบ้านหลังเก่าให้กับเธอ จนความรู้สึกเก่าๆเริ่มถูกรื้อฟื้น
       
       ซึ่งในผลงานทั้งสอง ฮันกาอิน ยังสวมบทหญิงที่ได้เจอกับรักครั้งแรกเหมือนกันด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนัก เพราะด้วยภาพพจน์สดใสมีเสน่ห์บริสุทธิ์ ก็มักจะทำให้เธอได้รับบทประเภทนี้อยู่เป็นประจำนับตั้งแต่ Once Upon a Time in Highschool ผลงานหนังเรื่องแรกที่ออกฉายเมื่อปี 2004
       
       "ฉันเองก็คิดว่าบทบาทในหนังเรื่องใหม่ อาจจะไม่ค่อยแตกต่างกับภาพลักษณ์ส่วนตัวของฉันซักเท่าไหร่นะคะ แต่มันก็เปิดโอกาสให้ได้แสดงแง่มุมที่แตกต่างออกมาบ้าง ผู้กำกับบอกว่าเขาเลือกฉันเพราะว่าเหมาะสมกับบทบาทที่มีอยู่ในใจ แต่เขาก็รู้สึกว่าฉันน่าจะดึงอะไรบางอย่างที่ไม่คาดฝันออกมาได้ด้วยค่ะ" ฮันกาฮิน บอกในการให้สัมภาษณ์กับ Chosun Ilbo
       

       ถึงขั้นต้องเปิดแถลงข่าวกันเลยทีเดียวสำหรับ หนุ่ม "เจย์ โจว" (Jay Chou) ที่ออกโรงปฏิเสธถึงข่าวลือล่าสุดอย่างเป็นเรื่องเป็นราว กับข้อกล่าวหาที่ว่าเขามีนิสัยมือไว ชอบคลำบั้นท้ายผู้ช่วยสาวๆ อยู่เป็นประจำ
       
       มีรายงานข่าวที่อ้างอิงจากคนในวงการโทรทัศน์รายหนึ่ง ซึ่งเปิดเผยพฤติกรรมของศิลปินหนุ่มอันดับ 1 ของประเทศไต้หวัน ว่ามักจะชอบจับก้นบรรดาผู้ช่วยสาวๆ ของเขาอยู่บ่อยๆ โดยเฉพาะระหว่างขึ้นลิฟต์ แม้จะไม่ได้ระบุชื่อออกมาอย่างชัดๆ แต่ก็ใบ้จนหลายคนนึกไปถึง เจย์ โจว ทันที
       
       จนล่าสุดทำให้เจ้าตัวต้องควงผู้ช่วยหุ่นอวบออกมาให้ข่าวกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ว่าเขาไม่ได้มีพฤติกรรมแบบนั้นอย่างแน่นอน
       
       "คุณว่ามันเป็นไปได้มั้ยล่ะ" เจย์ โจว กล่าวกับผู้ช่วยส่วนตัวในการแถลงข่าวครั้งนี้ "เรื่องข่าวจับก้นนี่มันน่าหัวเราะมากครับ ไม่มีทางที่ผมจะทำแบบนั้นหรอก"
       
       "หลังจากดูข่าวแล้ว ผมคิดว่าต้องทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน การจะมาจัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการจับก้นนี่มันอาจจะทำให้ผมดูแย่อยู่บ้าง แต่ก็จำเป็นต้องเคลียร์ในเรื่องนี้จริงๆ เพราะเมื่อเช้า ตอนตื่นขึ้นมา แม่ผมเป็นคนบอกเห็นข่าวว่าผมชอบจับก้นทีมงานสาวๆ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกนะครับ แต่ขนาดแม่ผมก็ยังอาจจะเข้าใจผิดเลย"
       
       เขายังกล่าวอีกว่า สุดท้ายตนได้ตัดสินใจตั้งโต๊ะแถลงข่าวขึ้นมา เพราะต้องการทำเรื่องนี้ให้ชัดเจน และไม่อยากให้แม่หรือแฟนๆต้องกังวล
       

       ผู้สร้างได้ปล่อยตัวอย่างแรกของ The Last Supper มาให้ชมกันแล้ว กับผลงานใหม่ของผู้กำกับชื่อดัง "ลู่ฉวน" เล่าเรื่องเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่รู้จักกันในชื่อ "งานเลี้ยงที่หงเหมิน" มีนักแสดงดังอย่าง "แดเนียล วู" (Daniel Wu), "หลิวเย่" (Liu Ye) และ "จางเจิ้น" (Chang Chen) แสดงนำ
       
       เรื่องราวเหตุการณ์สำคัญของศึกเพื่อแย่งชิงอำนาจในยุค 200 ปีก่อนคริสตศักราช ที่มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่งานเลี้ยงครั้งหนึ่ง อันเป็นจุดเปลี่ยนของยุคสมัย และชีวิตของทั้ง "ฌ้อป๋าอ๋อง" กับ "หลิวปัง" ขุนศึกผู้ยิ่งใหญ่
       
       ลู่ฉวน ที่โด่งดังจากหนังซึ่งเล่าเรื่องเหตุการณ์ที่นานกิง City Of Life And Death กลับมากับผลงานชิ้นใหม่ที่ยังคงเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ของจีนเช่นเดิม แต่ครั้งนี้้ถ้อยหลังไปเป็นพันปี กับหนังที่ว่าด้วยการเมือง, การแสวงหาอำนาจ และการทรยศหักหลัง
       
       ซึ่งจากตัวอย่าง ลู่ฉวน ยังคงโดดเด่นกับการเล่าเรื่องอันทรงพลัง ด้วยงานภาพอันโดดเด่น ใช้การตัดกันของสีและแสงได้อย่างทรงประสิทธิภาพ กับเนื้อหาที่เผยให้เห็นความลึกลับซับซ้อน ซ่อนแง่มุมทางจิตวิทยาของบุคคลในประวัติศาสตร์อย่างที่ไม่ค่อยปรากฏนักกับหนังแนวย้อนยุคลงทุนสูงเช่นนี้
       
       หนังได้ หลิวเย่ มารับบทเป็น เล่าปัง, แดเนียล วู เป็น เซี่ยงอวี่ หรือ ฌ้อปาอ๋อง และ จางเจิ้น เป็น หันซิ่น แม่ทัพคู่ใจของเล่าปัง
       

เกิดการกระทบกระทั่งระหว่างปาปารัสซี กับ “เจย์ โจว์” (Jay Chou) ขึ้นมาจนได้ เมื่อฝ่ายแรกกล่าวหาว่า พวกเขาถูกศิลปินหนุ่มคนดัง และเพื่อนๆ ใช้วาจาส่อเสียด และถึงขั้นลงไม้ลงมือทำร้าย ขณะที่ “เจย์ โจว์” ก็ตอบโต้ว่า เขาเพียงป้องกันตัวเอง พร้อมยืนยันว่า หากกฎหมายไม่สามารถระงับการกระทำอันไร้ขอบเขตของปาปารัสซีได้ ตนก็จะลงมือเอง
       
       “นี่ไม่ใช่ฮอลลีวูด ถ้ากฎหมายหยุดยั้งอะไรพวกเขาไม่ได้ ผมก็จะทำเอง ผมจะเป็นแบทแมนเองครับ” เจย์ โจว์ กล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอ้างอิงถึง ซูเปอร์ฮีโร่ของสหรัฐฯ อย่างที่เขาชื่นชอบโดยส่วนตัว หลังเกิดปัญหากระทบกระทั่งกับปาปารัสซีที่คอยตามติด เพื่อให้ได้ภาพของหนุ่ม เจย์ กับแฟนสาวคนล่าสุด จนเป็นประเด็นใหญ่ในวงการบันเทิงไต้หวันขึ้นมา
       
       นักร้องหนุ่มคนดังแห่งหนัง The Green Hornet ยังยืนยันว่า เขาไม่ได้ประกาศสงครามกับสื่อ เพราะ “นักข่าว” กับ “ปาปารัสซี” แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง และเขายังคงเคารพการทำงานของเหล่าผู้สื่อข่าวเสมอ
       
       โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่วันพฤหัสที่แล้ว เมื่อปาปารัสซีไต้หวันยังคอยตามติด เจย์ โจว์ เป็นเงาตามตัว ระหว่างเขาไปร่วมรับประทานอาหารกับมารดา และนางแบบสาว ฮันนา คลินนิแวน (Hannah Quinlivan) ที่ว่ากันว่า เป็นหญิงคนรักของเขา กับเพื่อนสนิทอีกจำนวนหนึ่ง
       
       อย่างไรก็ตาม กลับเกิดเหตุกระทบกระทั่งขึ้นมา เมื่อปาปารัสซีได้อ้างว่าพวกตนถูกศิลปินหนุ่มคนดังแห่งไต้หวัน ใช้คำพูดส่อเสียด และยังทำร้ายร่างกาย ระหว่างพยายามจะปัดป้องไม่ให้ เจย์ โจว มาแย่งกล้อง
       

แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปถึง 9 ปีแล้ว แต่แฟนๆ ชาวฮ่องกงยังคงไม่ลืมเลือนพระเอกขวัญใจของพวกเขาที่ชื่อว่า “เลสลี จาง” (Leslie Cheung) ซึ่งเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา มีการนำช่อดอกไม้ และรูปถ่ายในอดีตของนักร้องนักแสดงผู้ล่วงลับไปวางไว้อาลัย ณ “โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล” ในฮ่องกง เพื่อรำลึกวาระการเสียชีวิตของเขาที่เวียนมาอีกครั้ง

       สำหรับหลายคนวันที่ 1 เม.ย.อาจจะเป็นวันแห่งการโกหก หรือ April Fools' Day แต่สำหรับชาวฮ่องกง และเหล่าแฟนคลับของ เลสลี จาง วันดังกล่าวคือช่วงเวลาแห่งการรำลึกถึงการจากไปอย่างน่าเศร้าสลดของศิลปินชื่อดัง ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เม.ย.ของเมื่อ 9 ปีก่อน
       
       เช่นเดียวกับในปีนี้ ที่เหล่าแฟนคลับรวมถึงคนใกล้ชิด นำช่อดอกไม้และรูปถ่าย ซึ่งแสดงถึงความรักความคิดถึง ต่อนักร้องยอดนิยมผู้นี้ มาตั้งไว้ในสถานที่ซึ่งเขาจบชีวิตลงเมื่อวันที่ 1 เม.ย.2003
       
       ย้อนหลังไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น เป็นข่าวช็อกไปในหลายประเทศทั่วเอเชีย เมื่อมีรายงานข่าวการจากไปอย่างกะทันหันของ เลสลี จาง นักร้องนักแสดงคนดังชาวฮ่องกง ที่จบชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดลงมาจากชั้นที่ 24 ของ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ในฮ่องกง โดยว่ากันว่า ก่อนหน้าเสียชีวิต นักแสดงวัย 46 ปี ต้องใช้ชีวิตอย่างทรมานอยู่กับอาการของโรคซึมเศร้ามาโดยตลอดหลายปี ซึ่งถ้ายังมีชีวิตอยู่ตอนนี้เขาก็จะมีอายุ 55 ปีแล้ว

Manager Online

หนังสั้นประเภทที่เรียกกันว่า "ไมโครมูวี่" กำลังได้รับความนิยมขึ้นมากในวงการบันเทิงจีนแผ่นดินใหญ่ Second Dream คืองานแนวนี้เรื่องล่าสุดที่มีการเปิดตัวกันในปักกิ่ง และได้รับความสนใจพิเศษ เพราะงานนี้ได้ดาราเอวีคนดัง "โซระ อาโออิ" (Sora Aoi) มาทั้งแสดงนำ และร้องเพลงประกอบให้ด้วย

       เรื่องปรบมือดังกึกก้อง เมื่อดาราเอวีคนดังแห่งวงการบันเทิงแดนปลาดิบ โซระ อาโออิ ปรากฏโฉมออกมาด้วยชุดยาวหรูหราเซ็กซี และถือพัดขนนกยูงอยู่ในมือ กับควันที่เกิดจากดรายไอซ์ บนเวทีของงานแถลงข่าวหนังสั้นเรื่อง Second Dream ที่ปักกิ่งเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา
       
       Second Dream เป็นผลงานการสร้างของบริษัท Zhu Shu Entertainment ที่ใช้เงินลงทุนไปถึง 2 ล้านหยวน นับว่ามากพอสมควรสำหรับวงการหนังไมโครมูวี่ที่มีมูลค่าทางธุรกิจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในวงการสื่อจีนแผ่นดินใหญ่ โดย เซิ่นหยงเก๋อ ประธานของบริษัท และผู้กำกับ ลี่หยาง ก็ร่วมอยู่ในงานแถลงข่าวครั้งนี้ได้วย
       
       Second Dream คือชื่อของเพลงดังเมื่อ 80 ปีก่อน เป็นผลงานชิ้นสำคัญของดาราสาว ลี่เสียงหลัน ที่โด่งดังอยู่ในวงการบันเทิงจีนยุค 1930s โดยดาราคนนี้เป็นชาวญี่ปุ่นมีชื่อจริงว่า โยชิโกะ ยามางูจิ ที่เติบโตขึ้นมาในประเทศจีน และโด่งดังขึ้นมาในฐานะนักร้องนักแสดงของจีน ซึ่งก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักเฉพาะในจีนเท่านั้น แต่เธอยังดังไกลไปถึง ฮ่องกง, ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา เพราะฉะนั้นอาจจะพูดได้ว่า ลี่เสียงหลัน มีอะไรหลายๆอย่างใกล้เคียงกับตัวของ โซระ อาโออิ อยู่ไม่น้อย
       

มาอัพเดทความน่ารักสดใสของลูกสาวสุดรักสุดหวงของบรรดาศิลปินคน บันเทิงกันบ้าง

1. หวงจื่อฉิง - ลูกสาวหวงยื่อหัว (Felix Wong)

       พูดถึงหวงยื่อหัว หลายคนคงนึกถึงบทบาท “ก๊วยเจ๋ง” ที่เขาเคยแสดงคู่กับนางเอกคู่ขวัญองเหม่ยหลิงในมังกรหยกปี 1983 หรือบท “เฉียวฟง” ใน 8 เทพอสูรมังกรฟ้าปี 1997
       
       ความจริงชื่อ เสียงของหวงยื่อหัวนั้นเป็นที่รู้จักในบ้านเรามากว่า 20 ปี มีอยู่ช่วงหนึ่งที่เขาเริ่มห่างหายจากวงการบันเทิงไป ส่วนหนึ่งก็เพราะต้องการมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น ปัจจุบันลูกสาวคนสวยของเขานาม “หวงจื่อฉิง” อายุ 21 ปีแล้ว กำลังศึกษาอยู่คณะสังคมศาสตร์ประยุกต์ ปี4 ส่วนเรื่องความสวยนั้นไม่ต้องพูดถึงเพราะเธอมีดีกรีเป็นถึงดาวมหา’ลัยเลยที เดียว
       
       2. แซนดี้ - ลูกสาวอู๋จงเสี้ยน

       หลังตกเป็นข่าวว่าถูกโจมตีจากตัวป่วนทางเน็ต จนต้องร้องไห้เสียน้ำตา ล่าสุดดาราสาวเซ็กซี "ซูฉี" (Shu Qi) ได้ให้ข่าวเปิดใจว่าเธอทำใจกับเรื่องนี้ได้แล้ว อันที่จริงแล้วต้องขอบคุณคนพวกนั้นด้วยซ้ำที่ทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น
       
       ถึงขั้นต้องลบข้อความใน Weibo (เว็บไซต์ประเภท Twitter ของจีน) ของตนเองที่มีคนตามอยู่ร่วมหลักล้าน เป็นพันๆข้อความ เพราะเหตุถูกโจมตี รวมถึงขุดเอาภาพวาบหวิวเก่าๆ มาโพสต์เยาะเย้ย หลัง ซูฉี ไปแสดงความเห็นถึงข้อพิพาทระหว่าง ดอนนี เยน (Donnie Yen) และ จ้าวเหวินจั๋ว (Vincent Zhao) นอกจากนั้นก็ยังมีคนเห็นเธอร้องไห้เสียน้ำตาระหว่างไปรอเพื่อนที่กองถ่ายหนังแห่งหนึ่ง ซึ่งหลายคนก็เชื่อว่ามาจากเรื่องนี้แน่ๆ
       
       แต่ดูเหมือนล่าสุด ซูฉี จะสามารถทำใจกลับมาเข้มแข็งได้แล้ว เมื่อเธอเขียนข้อความในเว็บไซต์ เพื่อขอบคุณไปถึงคนที่ด่า และโจมตีเธอด้วยว่า อย่างน้อยเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ทำให้เธอเข้มแข็ง และเป็นผู้ใหญ่ยิ่งขึ้น
       
       "อดีตไม่ใช่รอยแผลเป็นค่ะ แต่เป็นสิ่งที่เราควรภาคภูมิใจ" ซูฉี กล่าว นอกจากน้ันก็ยังฝากไปถึงแฟนๆ, เพื่อนๆ และครอบครัวว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะเธอพร้อมจะก้าวเดินต่อไปแล้ว
       

       แม้จะไม่ได้เป็นดาราสาวสวยขวัญใจหนุ่มๆ แต่ "อู๋จินหยู" (Sandra Ng) กลับมีอาชีพในวงการภาพยนตร์ที่ยาวนานและมั่นคงกว่าใคร และยังคงยืนอยู่แถวหน้าในวัย 46 ปี ซึ่งบทพิสูจน์ถึงความสำเร็จล่าสุดก็คือการเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งของเธอที่ "มาดาม ทุสโซด์" (Madame Tussauds) ในฮ่องกงเมื่อเร็วๆนี่เอง
       
       นักแสดงหญิงฝีมือดีผู้โดดเด่นเป็นพิเศษกับบทตลก อู๋จินหยู ได้โพสต์ท่ากับหุ่นขี้ผึ้งที่เรียกว่าทำออกมาได้เหมือนตัวจริงเป็นอย่างยิ่ง ในงานเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งตัวใหม่ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 28 มี.ค. ที่ผ่านมา ณ มาดาม ทุสโซด์ ฮ่องกง งานนี้ยังมี ปีเตอร์ ชาน สามีของเธอ และสมาชิกในครอบครัวมาร่วมแสดงความยินดีด้วย
       
       นับว่าช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีของ อู๋จินหยู จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้ไม่นาน ปีเตอร์ ชาน ที่คบหาดูใจกันมานาน ก็เพิ่งจะเรียกเธอว่า "ภรรยา" เป็นครั้งแรก
       
       โดยในงานเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮ่องกงที่เพิ่งผ่านมาเร็วๆนี้ ปีเตอร์ ชาน ได้แนะนำ อู๋จินหยู ว่าภรรยาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนในการคบหากัน 15 ปี และมีพยานรักเป็นลูกสาววัย 6 ขวบอยู่หนึ่งคน
       
       ในงานวันนั้นที่มีการนำผลงานเก่าๆ ของ ปีเตอร์ ชาน มาฉายพร้อมยกย่องถึงความสำเร็จในฐานะคนทำหนังของเขา ผู้กำกับยอดฝีมือรายนี้ได้กล่าวขอบคุณทุกคนทั้งเพื่อน และทีมงาน รวมถึงคนข้างตัวอย่าง อู๋จินหยู ด้วย " ... และภรรยาของผม หวังว่าเธอยังจะอดทนอยู่กับผมต่อไปได้อีกซักหลายๆสิบปี" เขาประกาศในงานซึ่งหลังจากนั้นยังอธิบายว่าเป็นการพูดออกไปตามปกติ ไม่ได้มีจุดประสงค์พิเศษอะไร
       

       SM Entertainment เตรียมส่งศิลปินน้องใหม่ EXO-M เปิดตัวในจีนแผ่นดินใหญ่ในเวลาใกล้เคียงกับการเปิดตัวในประเทศด้วยสมาชิกทั้งจีนและเกาหลี อย่างที่ "อีซูมาน" (Lee Soo Man) ผู้ก่อตั้งบริษัทเคยแสดงความเห็นว่า ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และแซงฮอลลีวูดเข้าซักวัน
       
       อีซูมาน ผู้ทรงอิทธิพลแห่งวงการบันเทิงกิมจิในฐานะผู้ก่อตั้ง และผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SM Entertainment ได้กล่าวอยู่เสมอว่า ตลาดจีนแผ่นดินใหญ่ที่มีประชากรเกินหลักพันล้านคน นับวันมีแต่จะเติบโตและมีกำลังซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ จนน่าจะเป็นตลาดบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในโลกแซงสหรัฐอเมริกาเข้าซักวัน
       
       ด้วยความเชื่อดังกล่าว อีซูมาน กำลังจะปล่อยอาวุธชิ้นใหม่ในการรุกคืบตลาดเพลงป๊อปในจีน กับกลุ่มบอยแบนด์ 6 คน EXO-M ที่จะเปิดตัวด้วยการแสดงในเกาหลีใต้ในวันเสาร์นี้ ต่อจากนั้นก็จะเดินทางไปแสดงที่ปักกิ่งในวันอาทิตย์ทันที โดย EXO-M เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มบอยแบนด์ Exo ที่ประกอบไปด้วยสองกลุ่มย่อยโดยอีกกลุ่มมีชื่อว่า EXO-K มีสมาชิก 6 คนเช่นเดียวกัน
       
       EXO-M คือกลุ่ม 6 หนุ่มที่ฝึกซ้อมและเตรียมงานเพื่อการทำงานในจีนแผ่นดินใหญ่โดยเฉพาะ วงมีสมาชิก 3 คนที่เป็นชาวจีนได้แก่ ลู่หาน (Lu Han), เต๋า (Tao) และเลย์ (Lay) ส่วนสมาชิกอีกคนที่ชื่อว่า คริส (Kris) ก็เป็นหนุ่มลูกครึ่งจีนแคนาดา โดยสมาชิกชาวเกาหลีใต้มีเพียง 2 คนเท่านั้น แต่ทั้งสองก็มีชื่อที่ออกไปทางชื่อจีนอย่าง ซิ่วหมิน (Xiu Min) และ เฉิน (Chen)

เจ้าพ่อธุรกิจบันเทิงแห่งฮ่องกง “อัลเบิร์ต หยัง” (Albert Yeung) ได้เปิดปากให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี และได้พูดถึงประเด็นอื้อฉาวต่างๆ ที่มีข่าวว่าเขาเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย ทั้งเรื่องของ "เฉินหลง" (Jackie Chan), "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) และ "เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse)
       
       "เขาเริ่มต้นเปิดกิจการร้านนาฬิกาในปี 1964 จนขณะนี้คือจักรพรรดิแห่งธุรกิจนาฬิกา และเครื่องประดับ .... ธุรกิจของ หยัง ภายใต้การบริหารของ Emperor Group อันยิ่งใหญ่ ยังมีผลประโยชน์อยู่ในการลงทุนด้าน ภาพยนตร์, โรงแรม, ดนตรี และร้านอาหาร"
       
       นี่คือคำบรรยาถึง อัลเบิร์ต หยัง ชายผู้ครองตำแหน่งผู้มั่งคั่งที่สุดอันดับ 31 ของฮ่องกง จากการจัดอันดับโดย Forbes ด้วยทรัพย์สินถึง 1,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 40,000 ล้านบาท
       
       Emperor Entertainment Group ของเขาก่อตั้งขึ้นในปี 1999 เป็นธุรกิจบันเทิงครบวงจร ที่จัดจำหน่ายทั้งผลงานจากในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นเอเยนซี่ของศิลปิน และรับจัดคอนเสิร์ตด้วย นอกจากนั้นยังบริหารโรงภาพยนตร์, สร้างภาพยนตร์ และรายการโทรทัศน์ รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่องอีกมากมาย
       
       อย่างไรก็ตามไม่ใช่เพราะเรื่องความร่ำรวยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่ทำให้ชายวัย 66 ปีคนนี้โด่งดังและเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวฮ่องกง หากแต่เป็นเพราะความ "ทรงอิทธิพล" ของเขาต่อวงการบันเทิงฮ่องกงตากหาก และเป็นอิทธิพลในด้านที่ไม่ค่อยจะเปิดเผยอย่างเป็นทางการนัก
       

       เพียงเพราะการให้กำลังใจเพื่อนร่วมวงการบันเทิงอย่าง "เจินจือตัน" (Donnie Yen) กลับทำให้นักแสดงสาว "ซูฉี" (Shu Qi) ต้องถูกถล่มโดยตัวป่วนทางเน็ต ที่ทั้งทิ้งคำด่าไว้ในเว็บไซต์ของเธอ รวมถึงเอาภาพวาบหวิวที่เธอเคยถ่ายเอาไว้สมัยยังไม่ดังมาโพสต์ ถึงขั้นที่ทำให้นักแสดงสาวคนสวยเครียดจัด และเสียน้ำตากันเลยทีเดียว
       
       ปัญหาความขัดแย้งที่กลายเป็นเรื่องทางกฏหมายระหว่าง ดอนนี เยน หรือ เจินจือตัน และ จ้าวเหวินจั๋ว (Vincent Zhao) ระหว่างการถ่ายทำหนัง Special Identity กำลังเป็นเรื่องใหญ่ในวงการบันเทิงฮ่องกง ที่มีคนบันเทิงหลายคนออกมาให้ความเห็น รวมถึง ซูฉี ที่ได้ให้กำลังใจฝ่ายของ ดอนนี เยน ยืนยันว่านักแสดงแอ็กชั่นผู้นี้มีความเป็นมืออาชีพอย่างเต็มร้อย
       
       "เจินจือตัน เป็นคนที่จริงจังกับทุกอย่างค่ะ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะถ่ายทำหนังทุกฉากให้ดีที่สุด ไม่ว่าอากาศหนาวเหน็บจนตัวสั่น แต่เมื่อได้ยินคำว่าแอ็กชั่น เจินจือตัน ก็จะมอบการแสดงด้วยความกระตือรือร้นโดยไม่บ่นอะไรเลย เขาเป็นพี่ใหญ่ที่ดี, เป็นนักแสดงที่ดี เป็นคนที่ดีคนหนึ่ง" นี่คือความเห็นของ ซูฉี ต่อนักแสดงรุ่นพี่ที่เธอได้ร่วมงานกับเขาในหนังเรื่อง Legend of the Fist: The Return of Chen Zhen ซึ่งดูเหมือนจะเป็นความเห็นทั่วๆไป แต่สุดทายกลับทำให้ ซูฉี เองที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งโดยตรงต้องลำบากไปด้วย
       

       ขณะที่คนดังส่วนใหญ่มักจะพยายามปกป้องลูกๆของตัวเองจากเหล่าช่างภาพอิสระ "เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse) กลับให้สัมภาษณ์ไปในทางตรงกันข้าม สนับสนุนให้เหล่า "ปาปารัซซี" ตามติดเพื่อถ่ายรูปลูกๆของเขา เพราะเชื่อว่าน่าจะช่วยเป็นเกราะป้องกันลูกจากปัญหาถูกลักพาตัว ที่เป็นปัญหาอยู่ในฮ่องกงขณะนี้ได้
       
       ในการให้สัมภาษณ์กับสื่อระหว่างร่วมงานอีเวนต์แถลงข่าวเกี่ยวกับหนัง Vanishing Bullet ที่เขารับบทนำ เซียะถิงฟง ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อเชียร์ให้ช่างภาพช่วยกันตามถ่ายภาพลูกชายทั้ง ลูคัส (Lucas Tse) และ ควินตัส (Quintus Tse) ได้เลย และจะถ่ายมากกว่านี้ก็ไม่ว่าอะไรกัน
       
       "ตามพวกเขาไปให้ตลอดได้เลยครับ ตามให้ติดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงจะเข้าห้องน้ำ, กลับจากโรงเรียน หรือเปลี่ยนเสื้อผ้า ถ่ายภาพของพวกเขาตามสบายเลย"
       
       เซียะถิงฟง อธิบายว่าเขาไม่ได้กล่าวประชดประชันนักข่าวและเหล่าช่างภาพแต่อย่างใด แต่คิดเช่นนั้นก็เพราะรู้สึกว่าระยะหลังมีปัญหา การลักพาตัวเด็ก และค้ามนุษย์เกิดบ่อยขึ้นเรื่อยๆในฮ่องกง จึงรู้สึกว่าหากลูกๆ มีสื่อคอยตามติดอยู่น่าจะปลอดภัยกว่า
       
       "ที่จริงผมต้องขอบคุณสื่อด้วยซ้ำ ที่ช่วยทำให้มีสายตา 6 ล้านคู่ (ประชากรชาวฮ่องกง) คอยจับตาดูว่าลูกๆของผมโอเครึเปล่า ทำไมผมต้องรำคาญด้วย ถ้าใครลักพาตัวลูกผม ก็จะมีรูปถ่ายของเขาคนนั้นออกมาในเว็บไซต์ต่างๆ เต็มอินเตอร์เน็ตไปหมด เพราะฉะนั้นอย่าคิดทำอะไรกับลูกผมเด็ดขาด"
       

มีรายงานยืนยันว่านักร้อง/นักแสดงสาวชื่อดังชาวฮ่องกง "เคลลี เฉินฮุ่ยหลิน" (Kelly Chen) ได้ลูกชายคนที่สองแล้ว หลังให้กำเนิดทายาทของเธอกับ "อเล็กซ์ เหลา" ผู้เป็นสามี เมื่อช่วงบ่ายของวันพุธ (21 มี.ค.) ที่ผ่านมา
       
       โดยมีการยืนยันจากเว็บไซต์ของ เฉินฮุ่ยหลิน เองว่าหลังคลอดทั้งแม่ และลูกชาย มีสุขภาพแข็งแรงดี ทารกน้อยมีน้ำหนักแรกเกิด 6.5 ปอนด์ (2.95 กก.) เธอยังระบุด้วยว่าสามีได้มาให้กำลังใจในห้องคลอดตลอดทุกขั้นตอน และเป็นผู้ทำการตัดสายรกเองด้วย
       
       ดาราสาววัย 39 ปี ได้เป็นคุณแม่ครั้งหลังจากให้กำเนิดลูกชายคนแรกเมื่อเดือน ก.ค. ปี 2009 อย่างไรก็ตามเธอยังแสดงความต้องการจะมีลูกอีกซักคนมาตลอด และย้ำว่าครั้งนี้อยากจะให้เป็นลูกสาวบ้าง กระทั่งเมื่อปีก่อน เฉินฮุ่ยหลิน ได้ประสบความสำเร็จกับการตั้งท้องลูกสาวฝาแฝดที่เกิดจากการผสมเทียม แต่สุดท้ายก็แท้งลูกทั้งสองไป หลังจากนั้นอีกไม่กี่เดือนจึงตั้งท้องถูกคนนี้แทน

Manager Online

      ภาพยนตร์จากฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่สามารถกวาดรางวัลในงาน Asian Film Awards ครั้งล่าสุดไปได้หลายสาขา แต่สำหรับรางวัลใหญ่ที่สุดอย่างภาพยนตร์ และผู้กำกับยอดเยี่ยมตกเป็นของงานจากอิหร่านที่สร้างความฮือฮืามาแล้วทั่วโลก A Separation
       
       ผู้กำกับชาวอิหร่าน อัสการ์ ฟาร์ฮาดี พาหนังดังของเขา A Separation คว้ารางวัลจากเวที Asian Film Awards ที่จัดกันขึ้นเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา (19 มี.ค.) ได้ทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, ผู้กำกับยอดเยี่ยม รวมถึงบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และการตัดต่อ เป็นความสำเร็จอย่างต่อเนื่องหลังจากหนังอิหร่านเรื่องนี้เคยไปไกลถึงการคว้าออสการ์มาแล้ว
       
       ส่วนหนังกำลังภายในร่วมทุนสร้างระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่ และฮ่องกง Wu Xia ของผู้กำกับคนดัง ปีเตอร์ ชาน ก็คว้ารางวัลได้ 3 สาขา ทั้งด้านการถ่ายภาพ, ออกแบบงานสร้าง และดนตรีประกอบยอดเยี่ยม ที่เป็นผลงานร่วมของ เฉินกัวะหยง, ปีเตอร์ กั๋ม และชาติชาย พงษ์ประภาพันธ์ นักแต่งเพลงประกอบภาพยนตร์ชาวไทยชื่อดังระดับนานาชาติ ที่เคยร่วมงานกับหนังดังๆมากมาย
       
       นอกจากนั้นก็ยังมีหนังกำลังภายในสามมิติ Flying Swords of Dragon Gate ที่คว้ารางวัลไปได้ 2 สาขา ส่วนตัวแทนจากไต้หวันหนังว่าด้วยกีฬายิมนาสติก Jump! Ashin คว้ารางวัลนักแสดงสมทบชายไปครอง
       

       การร่วมงานกันระหว่าง "จ้าวเหวินจั๋ว" (Vincent Zhao) และ "เจินจือตัน" (Donnie Yen0 สองดาราบู๊คนดังต้องปิดฉากลงก่อนกำหนด เพราะปัญหาเรื่องสัญญา แต่ล่าสุดดูเหมือนเรื่องจะบานปลายไปมากกว่านั้น เมื่อ "จ้าวเหวินจั๋ว" ได้ให้ข่าวกับสื่อโยนความผิดไปที่ "เจินจือตัน" ว่าคือตัวปัญหาที่ทำให้เขาต้องออกจากโปรเจ็คหนัง Special Identity
       
       เมื่อวันที่ 15 มี.ค. จ้าวเหวินจั๋ว ได้สร้างความตกตะลึงให้กับวงการ เมื่อไปให้สัมภาษณ์กับสื่อจีน ว่าพฤติกรรมเผด็จการเอาแต่ใจตัวเองของ เจินจือตัน คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้แผนการร่วมงานกันครั้งแรกระหว่างเขาทั้งสองต้องปิดฉากลงอย่างไม่ค่อยจะสวยนัก
       
       จากการให้สัมภาษณ์ จ้าวเหวินจั๋ว อ้างว่ามีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของบทหนังโดยที่ไม่ได้แจ้งให้เขาทราบ ซึ่งเขาเองอาจตัดสินใจฟ้องร้องผู้สร้างหนัง Special Identity ด้วย แตกต่างจากข่าวลือก่อนหน้านี้ ที่มีข่าวลือว่าปัญหาในการทำงาน วางก้ามเป็นดาราใหญ่ของ จ้าวเหวินจั๋ว คือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกถอดจากหนัง
       
       นักแสดงผู้โด่งดังขึ้นมากับหนังชุด หวงเฟยหง อ้างว่า เจินจือตัน หรือ ดอนนี เยน ที่รับหน้าที่กำกับคิวบู๊ และเป็นผู้ร่วมอำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้ ใช้สิทธิ์ดังกล่าวกับการเปลี่ยนแปลงบทภาพยนตร์ ซึ่งเดิมทีบทบาทของทั้งสองคนจะเท่าเทียมกัน และฉากต่อสู้ระหว่างกันคือไฮไลท์สำคัญของหนัง แต่สุดท้าย จ้าวเหวินจั๋ว อ้างว่ามีการปรับบทที่ทำให้เขากลายเป็นตัวประกอบไป เมื่อแสดงความไม่พอใจ และไม่สามารถเจรจาหาข้อยุติได้ เขาจึงถูกไล่ออกจากหนังเรื่องนี้
       

เรื่องอื้อฉาวอันวุ่นวายของนางแบบสาว “มากิโยะ” (Makiyo) ได้ข้อยุติแล้ว และสุดท้ายดูเหมือนว่า เธอจะรอดตัวไม่ต้องเข้าไปชดใช้ความผิดในคุกแต่อย่างใด หลังมีรายงานว่าคู่กรณีสองฝ่ายสามารถเจรจาตกลงยอมความกันได้แล้ว โดยฝ่ายของนางแบบสาวและเพื่อนชายชาวญี่ปุ่นยอมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงิน 3 ล้านเหรียญไต้หวัน
       
       ข่าวจากไต้หวันรายงานว่า มากิโยะ และเพื่อนชาวญี่ปุ่นนาม ทาคาเทรุ โทโมโยริ สามารถหาข้อยุติตกลงยอมความกับโชเฟอร์แท็กซี่ หลินอวี้จุน ผู้ถูกทั้งสองทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัสได้เป็นที่เรียบแล้ว ระหว่างการไต้สวนครั้งที่ 2 ที่ศาลเขตกรุงไทเป เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
       
       โดยฝ่ายโชเฟอร์แท็กซี่ผู้เสียหาย เป็นคนยื่นข้อเสนอยอมความกันด้วยค่าเสียหาย 3.8 ล้านเหรียญไต้หวัน (3.9 ล้านบาท) ซึ่งต่อมามีการเจรจากันระหว่างทนายความและคู่กรณี จนมาตกลงที่ตัวเลข 3 ล้านเหรียญไต้หวัน (3.1 ล้านบาท)
       
       ซึ่งทนายความเผยว่า โทโมโยริ และมากิโยะ จะจ่ายค่าเสียหายดังกล่าวกันคนละครึ่ง
       
       ยังมีรายละเอียดของการยอมความครั้งนี้ว่าหลังตกลงกันได้ อัยการที่เดิมทีเรียกร้องให้ศาลสั่งจำคุก มากิโยะ 4 ปี ได้เปลี่ยนเป็นการจำคุก 16 เดือนแทน และเนื่องจากนางแบบสาวไม่เคยก่อความผิดทางอาญามาก่อน จึงลดโทษเหลือเป็นการคุมประพฤติ 4 ปีเท่านั้น ส่วนหนุ่มชาวญี่ปุ่นก็ได้ลดโทษจาก 6 ปี เหลือ 2 ปี สุดท้ายจึงได้รับโทษเป็นการคุมประพฤติ 5 ปี
       

เมื่อภรรยาให้กำเนิดทายาทคนแรกในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า มีข่าวว่า "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau)  อาจจะเลือกไปลงหลักปักฐานที่มาเลเซียแผ่นดินเกิดของภรรยา เพื่อการใช้ชีวิตครอบครัวอย่างสงบสุข ไม่ต้องมีเหล่าสื่อกวนใจ ขณะที่ทางการของที่นั่นก็กล่าวเปิดโอกาสอย่างเต็มที่
       
       ตามกำหนด หลิวเต๋อหัว น่าจะได้อุ้มลูกสาวในเดือน มิ.ย. ที่จะถึงนี้ ซึ่งข่าวจากฮ่องกงยังระบุว่าเขาอาจจะเลือกไปใช้ชีวิตที่ประเทศมาเลเซีย ซึ่งเป็นบ้านเกิดของภรรยาอย่างถาวร พร้อมมีข่าวว่าพระเอกดังวัย 50 ปี ได้จับจองบ้านที่อัมปังใน รัฐสลังงอร์ มาเลเซีย เอาไว้แล้ว และยังจัดเตรียมบอร์ดีการ์ดเพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับ จูลี่เชี่ยน วัย 45 ปี ที่อุ้มท้องมาถึง 7 เดือน โดยเฉพาะด้วย
       
       ว่ากันว่า หลิวเต๋อหัว อยากจะให้ลูกสาวเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีกลุ่มผู้สื่อข่าวและตากล้องมาห้อมล้อมเหมือนกับอยู่ในฮ่องกง ซึ่งเพื่อนสนิทของพระเอกคนดังยังเผยว่า เขากำลังมองหาโอกาสขอวีซ่าพำนักถาวรในมาเลเซียเอาไว้ด้วย เพราะแม้หลิวเต๋อหัวจะยังคงต้องใช้ชีวิตในฮ่องกงเป็นส่วนใหญ่ต่อไป แต่มันจะช่วยให้เขาสามารถไปเยี่ยมและอยู่ดูแลภรรยากับลูกได้สะดวกขึ้น
       
       ขณะที่ต้นสังกัดของเขาไม่ขอแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ทางการมาเลเซียได้ตอบรับข่าวด้วยการยืนยันว่า พร้อมต้อนรับ หลิวเต๋อหัว อย่างเต็มที่ เพราะซูเปอร์สตาร์ฮ่องกงน่าจะช่วยในเรื่องการประชาสัมพันธ์ประเทศได้มาก
       
       เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว นายตัน ศรี มาห์มู้ด อาดัม ปลัดกระทรวงมหาดไทยมาเลเซีย ยืนยันว่าหลิวเต๋อหัวต้องผ่านขั้นตอนการขอวีซ่าพำนักถาวรแบบเดียวกับที่ใครๆทำกัน โดยสามารถยื่นคำร้องได้ทางอินเตอร์เน็ต
       

       ระหว่างการร่วมรายการโทรทัศน์ประเภทประกวดประเต้นรำ นางแบบสาวเซ็กซี่ “เมวิส พานช่วงช่วง” (Mavis Pan) อดีตแฟนสาวของพระเอกคนดังแห่งทีวีบี “หลินฟง” (Raymond Lam) ถึงกับน้ำตาแตก เมื่อต้องหวนนึกถึงเรื่องราวอันอื้อฉาวของเธอ ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปีก่อน เพราะนอกจากมันจะมีผลต่อตัวเธอเองแล้ว ก็ยังเป็นการทำลายชื่อเสียงของพ่อแม่ในเวลาเดียวกันด้วย
       
       นางแบบสาวชาวจีนแผ่นดินใหญ่ได้มีโอกาสร่วมโชว์ลีลาเท้าไฟในรายการ Dancing with the Stars ของ Dragon Satellite TV ที่เซียงไฮ้เมื่อสัปดาห์ก่อน โดยเธอต้องการเต้นในแบบแซมบ้า และพาโซโดเบ้
       
       อย่างไรก็ตามช่วงซึ่งกลายเป็นประเด็นที่ผู้คนให้ความสนใจกันมากที่สุด กลับเป็นตอนที่กรรมการพูดให้กำลังใจ พานช่วงช่วง หลังเธอต้องเผชิญเคราะห์กรรมข่าวฉาวกับพระเอกดัง หลินฟง เมื่อปีก่อน
       
       เมื่อต้องหวนคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านั้น นางแบบสาวถึงกับหลั่งน้ำตาออกมา เธอกล่าวขอโทษไปยังพ่อกับแม่ ที่ตนเองทำให้ท่านต้องขายหน้า ตกเป็นขี้ปากของบรรดาเพื่อนบ้าน … “สิ่งที่เกิดขึ้นมันสร้างแผลลึกให้ฉันค่ะ หวังแต่ว่าทุกคนจะไม่มองแต่ด้านลบของมัน”
       
       ในการให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านั้น พานช่วงช่วง ยังเปิดใจว่าเธอได้ปฏิเสธคำแนะนำของทีมงาน ที่ให้เธอเต้นท่า “บนเตียง” เพราะไม่ต้องการจะนึกถึงช่วงเวลาแย่ๆ ในอดีตอีกแล้ว “จริงๆแล้วฉันรู้สึกกังวลกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และความเห็นในแง่ไม่ดี ที่มีต่อตัวเองมากนะคะ แต่ก็ไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนั้น และคนคนนั้น (หลินฟง) อีกแล้ว”