ข่าวจีน

ข่าวความรักครั้งล่าสุดของซูเปอร์สตาร์แห่งไต้หวัน “เจย์ โจว” (Jay Chou) เริ่มดูเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเรื่อยๆ ล่าสุดมีรายงานว่า เขาอาจจะตัดสินใจทุ่มเงิน 6 ล้านเหรียญไต้หวันเพื่อซื้ออิสรภาพให้กับสาวลูกครึ่ง “ฮันนาห์ ควินนิแวน” (Hannah Quinlivan) เพื่อนหญิงคนสนิทจากต้นสังกัดปัจจุบันของเธอ หลังนางแบบวัย 18 ปี เริ่มรู้สึกว่าการทำงานกับที่นี่ไม่ค่อยจะเวิร์คอีกต่อไปแล้ว

ว่ากันว่าสาวน้อยวัย 18 ปี ฮันนาห์ ควินนิแวน ที่โลดแล่นในวงการบันเทิงมาได้ 4 ปี เริ่มรู้สึกว่างานของเธอ ที่รับผ่านการผลักดันของต้นสังกัดในปัจจุบัน ดูจะไม่สามารถส่งเสริมให้ตนเองโด่งดังไปไกลในวงการได้มากกว่านี้อีกแล้ว จนพยายามขอยกเลิกสัญญากับบริษัท แต่แล้วนั่นยิ่งทำต้นสังกัดไม่พอใจ และป้อนงานให้กับเธอน้อยลงไปอีก

จนมีข่าวว่า เจย์ โจว หรือ โจวเจี๋ยหลุน ซูเปอร์สตาร์แห่งเกาะไต้หวันได้เข้ามาพยายามแก้ไขปัญหาให้กับเพื่อนหญิงคนสนิทของเขา ถึงขั้นที่ว่าเขาอาจจะลงทุนจ่ายเงินก้อนโต 6 ล้านเหรียญไต้หวัน (ประมาณ 6.1 ล้านบาท) เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของนางแบบสาววัย 18 ปี กับต้นสังกัดของเธอ

อย่างไรก็ตามล่าสุดต้นสังกัดของฝ่ายนางแบบสาวได้ออกมาปฏิเสธรายงานข่าวที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่ต้นสังกัดของ เจย์ โจว ยอมรับว่าเขาเองเป็นห่วงเธอในเรื่องนี้ ในฐานะเพื่อนสนิทคนหนึ่งอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ได้มีความพยายาม ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซงเกี่ยวกับเรื่องงานของ ฮันนาห์ ควินนิแวน หรือพยายามจะจ่ายเงินเพื่อฉีกสัญญาของเธอกับต้นสังกัดแต่อย่างใด

ข่าวการคบหากันของ “เจย์ โจว” กับหญิงคนใหม่ “ฮันนาห์ ควินนิแวน” เริ่มเป็นที่พูดถึงมาหลายเดือนแล้ว แต่ฝ่ายของศิลปินหนุ่มชื่อดัง และต้นสังกัดของเขาต่างบอกปัดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด

จนกระทั่งล่าสุดมีภาพที่พอจะยืนยันถึงสถานะความสัมพันธ์ของทั้งสองได้ในระดับหนึ่ง ถูกเผยแพร่ออกมาแล้ว เป็นภาพที่ถ่ายเอาไว้เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ที่ผ่านมา ระหว่างที่ เจย์ โจว กับสาวคนสนิทเดินทางไปฉลองวันเกิดอายุครบ 18 ปี ของฝ่ายหญิงซึ่งตรงกันวันที่ 12 ส.ค. ที่ประเทศฝรั่งเศส

ในที่สุด ขั้นตอนการหย่าขาดกันระหว่างสองนักแสดงชื่อดังแห่งวงการบันเทิงฮ่องกง “เซียะถิงฟง” (Nicholas Tse) และ “จางป๋อจือ” (Cecilia Cheung) ก็ได้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว เป็นการยุติความสัมพันธ์ของทั้งคู่ในฐานะสามีภรรยาหลังจากครองคู่กันมาได้ 5 ปีเต็ม

เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา เซียะถิงฟง และ จางป๋อจือ ได้ออกแถลงการณ์ร่วมกัน เพื่อประกาศถึงการหย่าร้าง ยุติความสัมพันธ์ในฐานะคู่สามีภรรยากัน โดยในแถลงการณ์ทั้งสองอธิบายอย่างกว้างๆ ว่าเรื่องอุปนิสัยที่แตกต่างกัน คือสาเหตุของการแยกทางกันในครั้งนี้ และแม้จะหย่ากันแล้ว แต่ทั้งคู่จะร่วมกันดูแลเลี้ยงดูลูก 2 สองคน ทั้ง ลูคัส (Lucas Tse) วัย 4 ขวบ และ ควินตัส (Quintus Tse) วัย 1 ขวบ ต่อไป

ทั้งสองยังร้องขอไปยังทุกฝ่าย ให้เลิกสนใจติดตามประเด็นความสัมพันธ์ของพวกเขา และยืนยันว่าภายหลังแถลงการณ์ที่ออกร่วมกันฉบับนี้ ทั้งสองจะไม่ให้ความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการตัดสินใจแยกทางกันอีกแล้ว

การพร้อมใจออกแถลงการณ์ร่วมกัน ถือเป็นจุดสิ้นสุดของประเด็นรักร้าว ซึ่งต่อมากลายเป็นการแยกทางกัน ของคู่สามีภรรยาที่โด่งดังที่สุดในวงการบันเทิงฮ่องกงยุคปัจจุบัน ที่เรื่องรักและเลิกของพวกเขาเป็นประเด็นข่าวในสื่อบันเทิงมาหลายเดือนติดต่อกัน

เรื่องครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นจากข่าวลือของเหตุการณ์เล็กๆที่ว่า ฝ่ายของ จางป๋อจือ ได้พบและแสดงความสนิทสนมออกนอกหน้ากับอดีตกิ๊กเก่าอย่าง เฉินกว้านซี (Edison Chen) ในการเจอกันโดยบังเอิญบนเที่ยวบินระหว่างไต้หวันไปฮ่องกง จนว่ากันว่าสร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายของ เซียะถิงฟง เป็นอย่างมาก แม้จะไม่ได้มีคำยืนยันใดๆ ว่าเรื่องดังกล่าวคือสาเหตุที่แท้จริงของปัญหาหรือไม่ แต่สุดท้าย คู่รักดาราที่ใช้ชีวิตด้วยกันมา 5 ปีเต็ม ก็ต้องหย่าขาดแยกทางกันไปจริงๆในที่สุด

Manager Online

เป็นเรื่องจนได้ !!! เมื่อ “หลิวเจียหลิง” (Carina Lau)ได้โพสต์ภาพของเธอ ที่ถ่ายคู่กับนักแสดงหนุ่มรุ่นน้องรายหนึ่ง … ซึ่งมันคงจะไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย หากหนุ่มคนที่ว่าจะไม่ใช่ หนุ่มจอมฉาว “เฉินกว้านซี” (Edison Chen) ที่ทำให้งานนี้กลายเป็นเรื่องวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา โดยเฉพาะข่าวลือเรื่องรักร้าวของ “หลิวเจียหลิง” กับ “เหลียงเฉาเหว่ย” (Tony Leung) ที่กลับมาเป็นประเด็นขึ้นอีกครั้ง

กลายเป็นเรื่องฮือฮาขึ้นมาเล็กๆ เมื่อ หลิวเจียหลิง ได้โพสต์ภาพของตัวเองที่ถ่ายคู่กับ เฉินกว้านซี ที่บังเอิญมาเจอกันในงานแห่งหนึ่ง ลงในเว็บไซต์ weibo ของเธอเอง และไม่เพียงเท่านั้นนักแสดงสาววัย 45 ปี ยังเขียนข้อความให้กำลังใจหนุ่มรุ่นน้องด้วยว่า “เธอเป็นคนที่ดีมาก ชีวิตมันก็ยากแบบนี้แหละ ต้องเชื่อในตัวเองเอาไว้”

ซึ่งภาพและข้อความดังกล่าวกลายเป็นที่สนอกสนใจมากมาย มีคนส่งต่อกันถึง 3,000 ครั้ง และทิ้งความเห็นไว้กว่า 2,000 ครั้งเลยทีเดียว

โดยว่ากันว่าทั้งสองได้ถ่ายภาพร่วมกันเอาไว้ จากการเจอกันในงานเปิดตัวไนต์คลับแห่งหนึ่ง ที่เซียงไฮ้เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งแม้จะเป็นการถ่ายภาพธรรมดาๆ ที่ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ แต่หลายคนก็คิดว่าการไปถ่ายภาพใกล้ชิดกับ “ตัวปัญหา” อย่าง เฉินกว้านซี ขนาดนั้น อาจจะกลายเป็นปัญหาลุกลามบานปลาย ทำให้ชีวิตสมรสของ หลิวเจียหลิง มีปัญหาขึ้นมาก็ได้

เพราะเหตุการณ์แบบนี้ก็เพิ่งเคยเกิดขึ้นกับสาว จางป๋อจือ (Cecilia Cheung) ที่ได้พบกับ เฉินกว้านซี บนเครื่องบิน จนกลายเป็นข่าวใหญ่โต และสุดท้ายเรื่องก็ลงเอย ด้วยการที่เธอต้องหย่าขาดกับสามี เซียะถิงฟง (Nicholas Tse) ไปในที่สุด ซึ่งเมื่อเทียบกันจริงๆ แล้วก็ต้องยอมรับว่า เรื่องราวของ จางป๋อจือ, เซียะถิงฟง และเฉินกว้านซี มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่ซับซ้อนกว่านั้นมาก

หลังมีข่าวทะเลาะตบตีกันในกองถ่ายหนัง Painted Skin 2 ล่าสุดมีการโต้ข่าวดังกล่าวด้วยการปล่อยภาพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสนิทสนมกันดีของสองดาราสาวคนดัง “โจวซวิ่น” (Zhou Xun) และ “จ้าวเวย” (Zhao Wei) เพื่อยืนยันว่าทั้งคู่ไม่ได้เคยมีเรื่องบาดหมางใดๆ เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เมื่อสัปดาห์ก่อนมีรายงานที่อ้างแหล่งข่าวเป็นทีมงานในกองถ่ายภาพยนตร์ Painted Skin 2 เล่าถึงเหตุทะเลาะเบาะแว้งถึงขั้น “เตะเก้าอี้” กันของสองดาราสาวแถวหน้าในวงการบันเทิง โจวซวิ่น และ จ้าวเวย ที่ก่อนหน้านี้เคยสนิทสนมกันดี แต่ตามรายงานกลับมาเหม็นหน้ากันเพราะปัญหาเรื่องค่าตัวที่ได้จากหนังเรื่องนี้ไม่เท่าเทียมกัน โดยมีคำบอกว่าว่าในเหตุการณ์ครั้งนั้น ทั้งสองทะเลาะกันอย่างรุนแรง จนทีมงานต้องเข้ามาแยก ให้ทั้งคู่ไปสงบสติอารมณ์กันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีทีมงานหลายคน ทั้งช่างแต่งหน้า เผิงผิงเจีย และช่างภาพ เปาเซียงหยู ได้โพสต์ภาพของ โจวซวิ่น กับจ้าวเวย ในอิริยาบถสบายๆ ระหว่างการแต่งหน้า ที่ทั้งคู่ก็ดูสนิทสนมกันดี เพื่อเป็นการโต้ข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั่นเอง

เช่นเดียวกันกับ จ้าวเวย ที่โพสต์ภาพดังกล่าวด้วย โดยไม่ได้เขียนข้อความอะไร ส่วน โจวซวิ่น ก็เขียนข้อความว่า “เพื่อนยังไงก็คือเพื่อน, ข่าวลือคงจบได้เมื่อความจริงปรากฏ”

อย่างไรแม้จะมีการแสดงหลักฐานต่างๆ ออกมาแล้ว ก็ยังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปต่าง ๆ นานา บ้างก็ว่า พวกเธอทั้งสองคนอาจจะเคยมีปัญหากันจริงๆ แต่คงสามารถเคลียร์เรื่องคาใจกลับมาดีกันเหมือนเดิมแล้ว ส่วนบางคนก็พูดถึงขั้นที่ว่า ภาพถ่ายของ โจวซวิ่น กับ จ้าวเวย น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าพวกเธอทั้งสองคน เป็นสุดยอดนักแสดงหญิงที่สามารถแสดงบท “เพื่อน” ได้สมจริงสมจังเสียมากกว่า

Manager Online

ASTVผู้จัดการ – มิสยูนิเวิร์สจีน อดีตนางแบบดัง “หลัว จื่อหลิน” (Luo Zilin / 罗紫琳) ซุ่มเก็บตัวนิวยอร์กหวังคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่บราซิล เจ้าแม่วงการทีวีจีนเผยต้องฝึกซ้อมเหมือนฝึกนักกีฬาแข่งโอลิมปิก ชี้หวังสูงก็ต้องเตรียมพร้อมที่สุด

ก่อนหน้าที่การประกวดนางงามจักรวาลรอบสุดท้ายในปีนี้จะจัดขึ้นในเดือนกันยายน 2554 ณ เมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล โดยปีนี้ถือเป็นปีสำคัญเพราะเป็นวาระครบรอบปีที่ 60 ของการประกวดนางงามจักรวาล ขณะที่ในรอบ 60 ปีที่ผ่านมาสาวงามจากประเทศยักษ์ใหญ่อย่างจีนยังไม่เคยคว้ามงกุฎนางงามจักรวาลได้มาก่อนเลย (มีเพียงการคว้าตำแหน่งนางงามโลก หรือ มิสเวิลด์ได้เท่านั้น)

ล่าสุดสื่อมวลชนในมหานครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ต่างจับตามองไปที่ตัวแทนมิสยูนิเวิร์สจีนนาม หลัว จื่อหลิน หรือ โรซาลีน (Roseline) นางแบบสาวจากเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเพิ่งคว้าตำแหน่งมิสยูนิเวิร์สจีนได้เมื่อวัน 10 ก.ค. 2554 ที่ผ่านมา โดยเธอถูกเจ้าแม่วงการโทรทัศน์จีนซึ่งเป็นชาวอเมริกันเชื้อสายจีนนาม จิ้น อี่ว์ซี (Yue-Sai Kan) พาไปเก็บตัวเพื่อติวเข้ม ณ มหานครนิวยอร์ก ก่อนเดินทางไปขึ้นเวทีที่ประเทศบราซิล

หลัว จื่อหลิน ปัจจุบันอายุ 24 ปี ก่อนก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนนางงามจีนเข้าร่วมการประกวดนางงามจักรวาล เธอเป็นนางแบบอาชีพที่มีชื่อเสียง โดยเคยได้รับรางวัลจากการประกวดนางแบบจากหลายเวทีและถ่ายแบบให้กับสินค้ามากมายเช่น Agnes B., โนเกีย, กุชชี, คาร์เทียร์, เกส ฯลฯ

อนึ่งหลังจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมา มิสยูนิเวิร์ส ออกาไนเซชัน ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การประกวดมิสยูนิเวิร์สได้มอบสิทธิ์การจัดประกวดในประเทศจีนให้กับ “จิ้น อี่ว์ซี” เธอจึงวางแผนที่จะปั้นให้ หลัว จื่อหลิน กลายเป็นมิสยูนิเวิร์สคนแรกของจีนให้ได้ หรือไม่อย่างน้อยก็ต้องติดอันดับ 1 ใน 5 โดยหลังคว้ามงกุฎนางงามจีนในเดือนกรกฎาคม หลัว จื่อหลิน มิสยูนิเวิร์สจีนและ หลี่ จือหาน รองอันดับที่ 1 ก็ถูกส่งไปเก็บตัวที่อพาร์ทเมนต์ของจิ้น อี่ว์ซีในนิวยอร์กเพื่อฝึกซ้อมด้านภาษาทั้งอังกฤษ และโปรตุกีส, การเตรียมความพร้อมด้านสภาพร่างกาย, การแสดงออก ฯลฯ เพื่อให้พร้อมสำหรับการประกวดใหญ่ที่บราซิล

ภาพยนตร์ Saving General Yang ได้ฤกษ์เปิดกล้องที่เหอหนานไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามในงานแถลงข่าวล่าสุด ผู้สร้างได้ยืนยันถึงการประกาศถอนตัวจากหนังของ “กู่เทียนเล่อ” (Louis Koo) ที่ไม่สามารถฝืนอาการบาดเจ็บที่ขา เพื่อรับบทเด่นในหนังสงครามย้อนยุคทุนสร้างสูงเรื่องนี้ได้แล้ว จนต้องมีการเปลี่ยนตัวให้ “เจิ้งอี้เจี้ยน” (Ekin Cheng) มารับบทเป็นพี่ใหญ่แห่ง “ขุนพลตระกูลหยาง” แทน

เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ผู้กำกับ รอนนี หยู และผู้อำนวยการสร้าง เรย์มอนด์ หว่อง ได้ร่วมกับนักแสดงนำในเรื่องบางส่วน จัดงานแถลงข่าวถึงภาพยนตร์สงครามฟอร์มยักษ์ Saving General Yang ขึ้นที่ปักกิ่ง หลังจากหนังได้เปิดกล้องดำเนินการถ่ายทำที่เหอหนานไปบ้างแล้ว ซึ่งตอนนี้กำลังมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญกับหนังเรื่องนี้เกิดขึ้น

ในข่าวแถลงข่าวครั้งนี้ ผู้สร้างได้ประกาศถึงการถอนตัวของ กู่เทียนเล่อ ที่ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าให้หายขาดได้ทัน สำหรับการเข้าฉาก เพื่อรับบทเด่นในหนังเรื่องนี้ได้ เพราะแพทย์ได้แจ้งวาเขาอาจต้องใช้เวลาในการพักฟื้น ซึ่งจะไม่สามารถเล่นฉากบู๊ได้ไปอีก 1 ปีเต็ม

โดยนักแสดงหนุ่มชื่อดัง เจิ้งอี้เจี้ยน จะเข้ามาแทนที่สำหรับการสวมบทบาทเป็น “หยางต้าหลาง” (Yang Dalang) พี่ใหญ่แห่ง “ขุนพลตระกูลหยาง” ต่อไป

โดยก่อนหน้านี้ เจิ้งอี้เจี้ยน ก็มีชื่ออยู่ในหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว กับการถูกวางตัวให้พลิกบทบาทมาเล่นเป็นตัวร้าย “พานเหรินเหม่ย” (Pan Ren Mei) อัครมหาเสนาบดีผู้กังฉิน ไม้เบื่อไม้เมาของตระกูลหยาง ซึ่งมีการเปิดเผยว่า เส้าปิง จะมารับบทเป็นตัวร้ายของเรื่องตัวนี้แทน

ในการแถลงข่าวครั้งนี้ ยังมีนักแสดงคนอื่นปรากฏตัวอยู่ด้วย อาทิ เจิ้งเส้าชิว (Adam Cheng Siu-Chow) ที่จะแสดงเป็น หยางเย่ พ่อของลูก ๆ ทั้ง 7 รววมถึง หยูเป่า (Yu Bo), โจวอวี้หมิ่น (Vic Zhou), หลินฟง (Raymond Lam) และ ฟู่ซินป๋อ (Fu Xinbo) ที่จะแสดงเป็นส่วนหนึ่งของพี่น้องแห่งตระกูลนักรบที่สร้างวีรกรรมไว้ร่วมพันปีที่แล้ว

สำหรับนักแสดงหญิงนอกจาก สวีฟาน ที่จะรับบทเป็น “เสอไท้จิน” แล้วก็ยังไม่มีการเปิดเผยถึงตัวละครและนักแสดงคนอื่นๆแต่อย่างใด

Manager Online

เป็นโสดมาพักใหญ่ๆ หลังเลิกรากับแฟนหนุ่มชาวต่างชาติ ล่าสุดมีรายงานว่านักแสดงสาวคนดังแห่งวงการบันเทิงจีน “จางจื่ออี๋” (Zhang Ziyi) ได้กลับไปซบอกอดีตคนรัก เศรษฐีหนุ่มชาวฮ่องกง “อีริค ฟ๊ก” (Eric Fok / 霍启山) แล้ว แถมยังมีข่าวลือว่า ทั้งสองอาจจะตัดสินใจจูงมือกันเข้าประตูวิวาห์ในเร็วๆนี้ด้วย

หลังจากเคยมีข่าวลือมาตั้งแต่ปลายปีก่อนว่า จางจื่ออี๋ และ อีริค ฟ๊ก ทายาทอภิมหาเศรษฐีแห่งฮ่องกง อดีตคู่รักที่เคยคบหากันตั้งแต่ 7 ปีก่อนได้กลับมาเริ่มต้นสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง ล่าสุดข่าวดังกล่าวยังคงเป็นกระแสอย่างต่อเนื่อง พร้อมมีหลายฝ่ายออกมายืนยันถึงข่าวลือ ว่าทั้งสองได้กลับมาคบหากันอีกครั้ง และจริงจังถึงขนาดกำลังวางแผนงานแต่งงานเพื่อเริ่มต้นใช้ชีวิตร่วมกันเลยทีเดียว

“จื่ออี๋ พักอยู่กับ อีริค ตอนที่เขาเดินทางมาปักกิ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน มันเป็นเรื่องจริงที่ว่าทั้งคู่กลับมาคืนดีกันแล้ว พวกเขายังเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานแล้วด้วย หวังว่าจะมีข่าวดีในเร็วๆนี้” คนวงในรายหนึ่งให้ข่าวถึงเรื่องนี้ “อีกสัก 2 สัปดาห์ เรื่องนี้ก็คงได้ข้อพิสูจน์แล้ว”

สำหรับ อีริค ฟ๊ก เป็นหลานปู่ของ เฮนรี่ ฟ๊ก นักธุรกิจผู้ยิ่งใหญ่ที่มีอิทธิพลต่อทั้งแวดวงเศรษฐกิจและการเมืองของฮ่องกง ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อปี 2006 โดยทายาทรุ่นที่ 3 ของตระกูลผู้มั่งมีรายนี้เริ่มคบหากับ จางจื่ออี๋ ในปี 2004 ก่อนจะเลิกรากันไปพร้อมกับข่าวเรื่องมือที่ 3 ที่ถูกลือออกมาในช่วงนั้น

หลังจากนั้น จางจื่ออี๋ วัย 32 ปีได้แฟนใหม่เป็นนักธุรกิจชาวยิว วีวี เนโว อยู่ช่วงใหญ่ๆ จนแยกทางกันไปเมื่อปีก่อน หลังจากนั้นเธอก็ครองตัวเป็นโสดอยู่พักหนึ่งจนกระทั่งปลายปีที่แล้วก็เริ่มกลับไปมีข่าวกับ อีริค อีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวเร็วๆนี้ นางเอกคนดังยังคงยืนยันว่าตัวเองกับอดีตแฟนหนุ่ม เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้น ยังไม่ได้กลับมาคบหาเป็นแฟนแต่อย่างใด แต่ก็ยอมรับกับนักข่าวว่าเธอยังเปิดกว้างเสมอสำหรับเรื่องหัวใจ ... “ฉันยังรอคอยที่จะ ได้ตกหลุมรักอีกครั้งค่ะ” เธอบอก

Manager Online

ซูเปอร์สตาร์ฝ่ายหญิงแห่งวงการบันเทิงจีน “จ้าวเวย” (Zhao Wei) และ “โจวซวิ่น” (Zhou Xun) มีอันต้องแปรเปลี่ยนจากความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หลังได้ร่วมงานกันในหนังเรื่อง Painted Skin เมื่อปี 2008 ไปเป็นคู่วิวาทเมื่อกลับมาร่วมงานกันใน Painted Skin 2 ถึงขั้นเตะเก้าอี้หาเรื่องกันเลยทีเดียว

ตามรายงานจากสื่อในจีน สองนักแสดงหญิงระดับนางพญาของวงการบันเทิงจีน จ้าวเวย และ โจวซวิ่น ได้โคจรกลับมาพบกันอีกครั้ง ในการกลับมารับบทเดิมของแต่ละคนในหนัง Painted Skin 2

แต่กลับมีเสียงที่เล็ดลอดออกมาจากกองถ่ายว่า จากอดีตที่เคยสนิทสนมกันเป็นอย่างดี แต่ตอนนี้สาวทั้งสองคนกลับไม่กินเส้นกันไปซะแล้ว หลังเกิดเหตุวิวาทกันระหว่างการถ่ายทำ เป็นเรื่องที่ใหญ่โตจนทีมงานต้องเข้ามาระงับเหตุกันเลยทีเดียว

โดยเหตุการณ์ที่กลายเป็นข่าวขึ้นมาครั้งนี้ เกิดขึ้นระหว่างการเข้าฉากถ่ายทำเมื่อไม่กี่วันก่อน โดยทีมงานที่เป็นพยานรู้เห็นเหตุการณ์ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นว่า “มีการเตรียมห้องให้กับนักแสดงนำหญิงทั้งสองคนได้ใช้พักระหว่างการถ่ายทำ ทั้งสองคนจะมีเก้าอี้กันคนละตัว เรื่องมันเกิดตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน ที่จ้าวเวยพักอยู่ในห้องที่ว่า ขณะที่ฝ่ายของ โจวซวิ่น กำลังอยู่ระหว่างการเข้าฉากในส่วนของเธอ จนเมื่อกลับมาที่ห้องเธอกลับเห็นเก้าอี้ที่ตัวเองใช้นั่ง ถูกจ้าวเวยเตะล้มลงกับพื้น โจวซวิ่น ถึงกับหัวเสียและสงสัยมาก ถึงขั้นเอ่ยปากถามไปว่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วย”

พยานคนนี้ได้อ้างคำพูดที่ จ้าวเวย ผู้โด่งดังจากบทองค์หญิงกำมะลอ ได้ตอบอย่างเย็นชาว่า “ก็เธอไม่ได้นั่งมันอยู่นี่ มันขวางทางอยู่ ฉันก็เลยผลักไปไว้ที่อื่น” ซึ่งนั่นดูจะเป็นคำตอบที่สร้างความไม่พอใจให้กับฝ่ายของ โจวซวิ่น อยู่พอสมควร ถึงขั้นที่เธอตอบโต้ด้วยการเตะเก้าอี้ของฝ่ายตรงข้ามให้ล้มลงบ้าง จนเรื่องเริ่มใหญ่โตขึ้นมาเรื่อยๆ

“มันหมายความว่ายังไงเนี่ย” ผู้อยู่ในเหตุการณ์อ้างคำพูดของ จ้าวเวย ขณะที่โจวซวิ่นก็ตอบกลับไปว่า “ก็ไม่มีอะไร ก็เธอลุกยืนขึ้นมาแล้ว เก้าอี้มันก็ขวางทางอยู่ฉันก็เลยเก็บมันไปซะ มีปัญหาอะไรเหรอ”

นางแบบจอมฉาว “ลี่เม่ยซี” (Li Mei Xi) หนึ่งในสาวที่ถูกลือว่าเกี่ยวข้องกับเหตุรักร้าวของ “จางป๋อจือ” (Cecilia Cheung) กับ “เซียะถิงฟง” (Nicholas Tse) สร้างความฮือฮาในผลงานล่าสุดได้จริงๆ กับการถ่ายภาพชุด เพื่อจำลองเหตุการณ์รักสามเส้าของซูเปอร์สตาร์ทั้ง 3 คนแห่งฮ่องกง

ชื่อของ ลี่เม่ยซี กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาโดยทันที เมื่อเธอกลายเป็นตัวละครที่ถูกนำไปโยงเข้ากับเรื่องราวดราม่าอื้อฉาวฉากใหญ่ของวงการบันเทิงฮ่องกง กับการแยกทางกันของคู่รักซูเปอร์สตาร์ เซียะถิงฟง กับ จางป๋อจือ ในฐานะมือที่สาม เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าอาจจะเป็นหญิงคนใหม่ของพระเอกพ่อลูกสอง

ล่าสุดเธอคนนี้ได้สร้างความฮือขึ้นอีกครั้ง ด้วยการปล่อยภาพชุด ที่เธอพยายามแต่งหน้าแต่งตัวให้คล้ายกับ จางป๋อจือ และถูกประกบข้างด้วยนายแบบหนุ่มสองคนที่เป็น “โคลนนิ่ง” ของ เซียะถิงฟง กับ เฉินกว้านซี (Edison Chen) ในการจัดฉากย้อนอดีตภาพความสัมพันธ์ระหว่างดาราสาวชื่อดังชาวฮ่องกง กับผู้ชายสองคนในชีวิตของเธอ

ภาพชุดนี้ประกอบไปด้วยทั้งการล้อเลียนภาพฉาวที่ฮือฮาสุด ๆ เมื่อ 3 ปีก่อน กับฉากหวิวที่จางป๋อจืออยู่ในชุดตำรวจ, รวมถึงการสร้างฉากชีวิตแต่งงานอันหวานชื่นแสนสุข ของคู่สามีภรรยาคนดังแห่งฮ่องกงให้เห็นกันอีกครั้ง ระหว่างที่ในชีวิตจริงทั้งสองกำลังจะแยกทางกัน และย้อนภาพในอดีตหลายปีก่อน เมื่อทั้ง เซียะถิงฟง, เฉินกว้านซี, จางป๋อจือ ยังคงหวานชื่นเป็นเพื่อนซี้กลุ่มเดียวกันอยู่

สำหรับสาว ลี่เม่ยซี คนนี้กลายเป็นที่รู้จักขึ้นมาในช่วงระยะเวลา 2 – 3 เดือนที่ผ่านมา ด้วยการกล่าวอ้างว่าตนเองเป็นลูกสาวของผู้มั่งมีจากชานสี มีทรัพย์สินมากมายทั้ง วิลล่าสุดหรู, รถยนต์หลายคัน และเรือยอช์ต ของฮิตของเศรษฐีจีนยุคใหม่ และที่สำคัญเธอยังอ้างตัวเป็นหญิงคนใหม่ของ เซียะถิงฟง ด้วย

ซึ่งนอกจากเรื่องฉาวกับ เซียะถิงฟง แล้วนางแบบสาวคนนี้ก็เพิ่งจะมีกรณีคลิปจูบปากดูดดื่มกับเพื่อนนางแบบ อิซาเบลล่า หยาง ที่หลุดออกมาว่อนเน็ต จนฝ่ายหลังกดดันกับเรื่องดังกล่าวมาก ถึงขั้นคิดสั้นพยายามจะกระโดดตึกฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว

Manager Online

นักแสดงสาวเซ็กซี่ “คริสตี้ ชุง” (Christy Chung) ออกมายอมรับว่าชีวิตสมรสของเธอและสามี “จอน เหยียน” ได้ปิดฉากลงไปเรียบร้อยตั้งแต่เมื่อ 6 เดือนก่อนแล้ว ซึ่งนอกจากเรื่องงานการที่ยุ่งเหยิงจนทำให้ทั้งสองไม่ได้มีเวลาให้แก่กันเลยแล้ว เธอยังยอมว่าความรู้สึกกดดันของฝ่ายชาย ที่มีภรรยาเป็นนักแสดงชื่อดัง ก็คืออีกสาเหตุให้ความสัมพันธ์ครั้งนี้ต้องจบลง

คริสตี้ ชุง หรือ จงลี่ถี ออกมายอมรับเป็นครั้งแรกว่าชีวิตแต่งงานของเธอกับ จอน เหยียน สามีนักดนตรีหนุ่มได้ปิดฉากลงเรียบร้อยแล้ว เป็นการแยกทางที่ไม่ได้มีเรื่องของ “มือที่สาม” เข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ถือเป็นการยุติความเป็นสามีภรรยา 7 ปีลงในที่สุด หลังจากได้เริ่มต้นคบหากันครั้งแรกเมื่อ 11 ปีก่อน

“ฉันรู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกันมา 11 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ในตอนแรกก็ดีนะคะ บางทีอาจจะเป็นที่ตัวฉันเองซึ่งไม่เคยรับรู้เลย ว่าเขาต้องอยู่ภายใต้ความกดดันแค่ไหน” จงลี่ถี เปิดใจถึงเรื่องนี้และยอมรับว่า การใช้ชีวิตภายใต้ความโด่งดังของภรรยามาตลอด กลายเป็นสิ่งที่สร้างความอึดอัดให้กับ จอน เหยียน สามีของเธอเรื่อยมา จนต้องลงเอยด้วยการแยกทางในที่สุด “ไม่ว่าจะเป็นในข่าวหรืองานอีเวนต์ที่ไหน ผู้สื่อข่าวก็จะมองข้ามเขา ไม่เคยพูดชื่อเลย เรียกแค่ว่าเป็น “สามีของ คริสตี้ ชุง” เท่านั้นเอง”

“ในฐานะของผู้ชายเขาก็อยากจะมีตัวตน ที่จริงแล้วเขาพยายามทำงานหนักมาก เพื่อพัฒนาอาชีพของตัวเอง แต่ก็ดูเหมือนว่าเวลาของเขายังเดินทางมาไม่ถึงเสียที หลังจากนั้นปัญหาเล็กๆน้อยๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นเรื่อยๆค่ะ” ดาราสาววัย 40 ปีกล่าว

ดาราสาวเจ้าของตำแหน่ง มิส ไชนิส อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำปี 1993 ยอมรับว่าเธอพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่า สถานการณ์ต่างๆจะไม่ได้ดีขึ้น สุดท้ายการแยกทางกันจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ซึ่งเธอก็ไม่รู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมาแต่อย่างใด “ฉันพยายามเปลี่ยนตัวเองแล้วค่ะ กลับบ้านมา และทำตัวเป็นแม่บ้านอยู่ช่วงหนึ่ง แต่สุดท้ายมันก็ไม่ได้ช่วยอะไร ฉันไม่อยากให้เขารู้สึกกดดันอะไรแบบนี้เลย แต่ถ้าเรายังดื้อดึงกันต่อไป ชีวิตก็คงจะมีแต่ความทุกข์”

กลายเป็นที่ครึกโครมในวงการบันเทิงจีนตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อปรากฏภาพของนางแบบสาวคนดังสองคน แสดงบทรักดูดดื่มจูบปากกัน จนกลายเป็นที่ฉาวโฉ่ และถูกวิจารณ์ไปต่างๆนานา จนล่าสุดเหตุดังกล่าวมีผลกระทบ ถึงกับทำให้หนึ่งในนางแบบสาวจอมฉาว เครียดหนัก ถึงขั้นพยายามจะกระโดดตึกฆ่าตัวตาย ก่อนเจ้าหน้าที่จะช่วยชีวิตเอาไว้ได้

สองนางแบบชื่อดังแห่งแผนดินจีน ลี่เม่ยซี (Li Mei xi / 李美熙) และ อิซาเบลล่า หยาง (Isabella Yang / 杨棋涵) ต้องกลายเป็นข่าวฉาวโฉ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อปรากฏภาพของทั้งสองแสดงบทรักอันร้อนแรง กับการจูบปากแลกลิ้นในแบบ “เฟรนช์ คิสส์” ในสถานที่ซึ่งดูคล้ายเป็นห้องคาราโอเกะแห่งหนึ่ง นอกจากนั้นยังมีข่าวลือด้วยว่า ในค่ำคืนแห่งการปล่อยตัวปล่อยใจนั้น นางแบบทั้งสองยังว่าจ้างหนุ่มขายบริการทางเพศ มาอยู่เป็นเพื่อนด้วย

คลิปภาพที่มีความยาวไม่กี่นาทีกลายเป็นที่พูดถึง เป็นประเด็นร้อนฉ่าในสังคมจีน ที่บางคนบอกว่าวาบหวิวยิ่งกว่าหนังอื้อฉาวแห่งปีอย่าง 3D Sex & Zen: Extreme Ecstasy เสียอีก ในเวลาเดียวกันมันก็ทำให้นางแบบทั้งสองคนกลายเป็นดาวเด่นคนดังในช่วงเวลาข้ามคืน แม้จะเป็นในทางเสียๆหายๆ แต่ก็ทำให้ชื่อของพวกเธอติดอันดับคำค้นสุดฮิต ในหมู่ผู้ใช้เนตชาวจีนในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาขึ้นมาเลยทีเดียว

โดยก่อนหน้านี้ฝ่ายสาว ลี่เม่ยซี พอจะเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวจีนอยู่บ้างแล้ว หลังชื่อของเธอถูกโยงเข้ากับข่าวรักร้าวของ เซียะถิงฟง (Nicholas Tse / 谢霆锋) กับ จางป๋อจือ (Cecilia Cheung) ในฐานะผู้หญิงคนใหม่ของหนุ่มเซียะด้วย แต่สุดท้ายก็ดูเหมือนจะเป็นแค่ข่าวที่ไม่ได้มีอะไรจริงจังมากมาย

ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา มีข่าวต่อเนื่อง หลังเรื่องดังกล่าวเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงกันไม่หยุดไม่หย่อน จนกลายเป็นความเครียดของหนึ่งในสองสาว ตัวละครสำคัญของเรื่องราวครั้งนี้ ถึงขั้นที่ว่าเธอรับกับความกดดันในกระแสวิจารณ์ไม่ไหวอีกแล้ว จนถึงขั้นพยายามฆ่าตัวตายกันเลยทีเดียว

ในช่วงเวลาประมาณ 16:30 น. ของวันที่ 11 ส.ค. มีผู้แจ้งเรื่องไปที่เจ้าหน้าที่ ถึงเหตุฉุกเฉินที่มีหญิงคนหนึ่ง พยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดลงมาจากตึกสูง โดยเธอได้ปีนออกไปนอกหน้าต่างของห้องพักในโรงแรม และทำท่าทำทางเหมือนจะพยายามจะกระโดดลงมา

ภาพในชุดแต่งงานของ “เซลิน่า” (Selina) แห่งวง S.H.E เป็นภาพที่แสดงถึงความสุขของหญิงสาวที่กำลังจะเข้าประตูวิวาห์คนหนึ่ง จนอาจทำให้หลายคนอาจจะลืมไปเลยว่า เจ้าสาวแสนสวยคนนี้ ต้องผ่านช่วงเวลาอันเลวร้าย และเจ็บปวดมากมาย จากอุบัติเหตุถูกไฟคลอกเมื่อไม่ถึง 1 ปีก่อน กว่าจะเดินทางมาถึงวันแห่งความปิตินี้

เมื่อปลายปีที่แล้วพิธีแต่งงานของ เซลิน่า เหรินเจียเสวียน สมาชิกวง S.H.E เกิร์ลกรุ๊ปสุดดังแห่งไต้หวัน กับแฟนหนุ่มทนายความนาม ริชาร์ด จาง ต้องถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด หลังว่าที่เจ้าสาวได้พบกับอุบัติเหตุถูกไฟคลอก จากความผิดพลาด ของเทคนิคพิเศษในการถ่ายทำฉากระเบิดในซีรีส์เรื่อง I Have A Date With Spring เมื่อช่วงเดือน ต.ค. ปีที่แล้ว จนทำให้เธอได้รับบาดเจ็บสาหัส จากการถูกไฟไหม้ทำลายผิวหนังไปกว่า 54% ของร่างกาย

หลังเหตุการณ์ดังกล่าว เซลิน่า ต้องอดทนและเสียน้ำตากับการรักษาปลูกถ่ายผิวหนังใหม่ และทำกายภาพบำบัดเป็นเวลา 10 เดือนเต็ม จนร่างกายเริ่มกลับมาหายดี และมีข่าวลือว่าเธอกับแฟนหนุ่มกำลังจะกำหนดการจัดพิธีแต่งงานขึ้นมาใหม่ อาจจะเป็นวันที่ 31 ต.ค. หรือ 1 พ.ย. ก็ได้ จนล่าสุดเจ้าตัวได้ยืนยันถึงเรื่องนี้แล้ว

โดยเมื่อเร็วๆนี้ เซลิน่า กับว่าที่สามีของเธอ ได้ตัดสินใจควงกันไปถ่ายรูปสำหรับการแต่งงานกันใหม่ เพราะหลังอุบัติเหตุ ฝ่ายเจ้าสาวมีรูปโฉมที่เปลี่ยนแปลงไปนิดหน่อย

ซึ่งล่าสุดนักร้องสาววัย 29 ปี ได้เป็นผู้โพสต์ภาพถ่ายล่าสุดของตนเอง ที่กำลังจะเป็นเจ้าสาวให้กับทุกๆคนได้ชมกันผ่านเว็บไซต์ Weibo โดยในภาพนักร้องสาวขวัญใจชาวไต้หวันอยู่ในชุดเจ้าสาวของ Vera Wang และอุ้มสุนัขตัวโปรดเอาไว้ เป็นสาวเจ้าที่มีรอยยิ้มอันสดใสไม่แพ้ใคร

อย่างไรก็ตามแม้ เซลิน่า จะดูสวยสมบูรณ์แบบแล้ว แต่ฝ่ายว่าที่สามีได้เปิดเผยว่า ด้วยการที่แผลยังไม่หายสนิทเสียทีเดียว เธอจำเป็นต้องสวมชุดรองไว้ด้านใน ถึงจะใส่ชุดแต่งงานได้ นอกจากนั้นเธอยังรู้สึกเจ็บ และระคายเคืองกับชุดที่ใส่อยู่นิดหน่อย รวมถึงต้องทนเจ็บปวดจนแทบนอนไม่หลับกับอาการเท้าบวมด้วย

“หว่าหวา” โต้ “เจซี ชาน” (Jaycee Chan) ลูกชาย “เฉินหลง” (Jackie Chan) ตามจีบ บอก เคยเจอกันแค่ 2 ครั้ง แต่ปลื้มพ่อมากกว่าลูก ส่วนข่าวกิ๊ก “โต๋” ก็ไม่จริง ชมเป็นคนจริงจังกับการทำงาน แต่ตนคงไม่ใช่สเปคของอีกฝ่าย พร้อมรับ กำลังปลูกต้นรักกับหนุ่มไต้หวันได้สักพักแล้ว

ไปโด่งดังออกอัลบั้มสร้างชื่ออยู่ประเทศไต้หวันอยู่นานพักใหญ่ กลับมาคราวนี้สาว “หว่าหวา ไพลิน รัตนแสงเสถียร” หรือ “หว่า หวา ไชน่าดอลล์” ก็มีข่าวเม้าท์ให้สาวๆ ได้อิจฉา เพราะลือกันให้แซดว่า “หวาหว่า” กำลังคบหาอยู่กับ “เจซี ชาน” ทายาทนักบู๊ชื่อก้องโลก “เฉินหลง” แต่พอถามไปเจ้าตัวก็ปฏิเสธเสียงหลง แต่ยอมรับเคยเจอฝ่ายชาย 2 ครั้ง

“กับลูกเฉินหลง (พูดเสียงสูงพลางหัวเราะ) เคยไปปาร์ตี้ด้วยกัน แต่ไม่มีอะไรค่ะ เขาไม่ได้มีทีท่ามาจีบเลย จริงๆ แล้วเขาเพิ่งกลับมาจากโปรโมทหนังของเขา เพื่อนๆ หลายคนในวงการก็ชวนๆ กันไปปาร์ตี้ฉลองต้อนรับเขากลับมาค่ะ”

“เราเองก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก อยากจะสนิทกับเฉินหลงมากกว่า (หัวเราะ) ก็เจอกันครั้ง 2 ครั้ง เจอเฉินหลงเหมือนกัน ตอนที่ไปงานที่เมืองจีน เจอเฉินหลงแล้วรู้สึกตื่นเต้น แล้วก็เจอที่งานเอเชีย แปซิฟิก ฟิล์มครั้งนึง รู้สึกว่าเฉินหลงเป็นคนที่มีเสน่ห์มาก ขนาดเราเห็นเขายังรู้สึกตื่นเต้นค่ะ ลูกก็มีเสน่ห์ แต่พ่อมีเสน่ห์กว่า(หัวเราะ)”

โต้ นักร้องหนุ่ม “โต๋ ศักดิ์สิทธิ์ เวชสุภาพร” ตามจีบ รับ มาสนิทกันตอนช่วงที่มาอยู่ไต้หวันเพราะฝ่ายชายไม่มีเพื่อนที่นั่น ชมฝ่ายชายพูดภาษาจีนเก่ง

”ส่วนกับโต๋นี่ คือทุกวันนี้จะนัดโต๋ออกมาเอาของ โต๋ไม่กล้าออกมาเจอ (หัวเราะ) คือเคยเจอโต๋ที่โรงเรียนสมัยเรียนเอแบค แต่ว่าไม่ได้สนิทเป็นการส่วนตัวจนไปไต้หวัน เลยได้ใช้ชีวิตที่โน่นด้วยกัน แล้วก็ได้ไปรู้จักกัน ได้ไปข้างนอกด้วยกัน ถึงรู้ว่าอ๋อ โต๋เป็นคนแบบนี้ เป็นคนจริงจังในเรื่องการทำงาน โต๋เป็นคนที่ออกไปข้างนอกต้องมีสมุด จดตลอดเวลา (หัวเราะ) ตกใจมาก เวลาออกไปข้างนอกแล้วทุกคนนั่งทานข้าว โต๋คิดอะไรได้ปุ๊บก็จดๆๆ”

เมื่อไม่นานมานี้ ซุปเปอร์สตาร์สะท้านจอเงิน อย่างหลินชิงเสีย (Brigitte Lin) ได้ออกเวทีอีกครั้ง แต่คราวนี้ เธอมาในฐานะนักเขียน ผู้เขียน "ชวงหลี่ชวงไว่ (窗里窗外)" หรือ "window of the window" โดยเนื้อหาของหนังสือ ประกอบด้วยความเรียง ทั้งภาพที่หาดูได้ยากนับร้อยๆภาพ ภาพถ่ายเหล่านี้ล้วนถูกเผยแพร่หลายครั้งแล้ว และในกลุ่มภาพเหล่านี้ ก็มีภาพที่หลินชิงเสีย และเติ้งลี่จวิน (Teresa Teng) ราชินีนักร้องแห่งไต้หวันในชุดบิกินี่ ถ่ายภาพร่วมกันเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ที่เมืองคานน์ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งดึงดูดใจผู้คนมาก

เฟิ่งหวงเน็ต / Manager Online

“หลินเจียซิน” (Karena Lam) ได้กลับมาสู่แสงสีวงการบันเทิงอีกครั้ง แต่คงจะเป็นเพียงการปรากฏตัวในงานอีเวนต์โฆษณาสินค้าเท่านั้น ไม่ใช่สำหรับการรับงานแสดงอย่างเต็มตัว ภายหลังดาราวัย 33 ปี เพิ่งจะให้กำเนิดลูกน้อยไปเมื่อช่วงปลายปีก่อน ซึ่งเธอยืนยันว่าตอนนี้มีความสุขดี และไม่เสียใจเลย กับการตัดสินใจหันหลังให้กับอาชีพการเป็นนักแสดงตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

นางเอกสาวผู้โด่งดังในวงการภาพยนตร์ฮ่องกง คาเรน่า - หลินเจียซิน ที่เพิ่งจะให้กำเนิดลูกน้อยไปเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน ปรากฏตัวในรูปโฉมที่ดูสดใสน่ารักเหมือนเดิม ในงานเปิดตัวสินค้าที่เธอเป็นพรีเซนเตอร์ ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อไม่กี่วันก่อน แม้นักแสดงสาววัย 33 ปี อาจจะเจ้าเนื้อขึ้นนิดหน่อย หลังทำหน้าที่แม่อย่างเต็มตัวมาเกือบปีเต็มแล้ว แต่เธอยังยืนยันว่าชีวิตตอนนี้มีความสุขดี

หลินเจียซิน ต้องเปลี่ยนงานจากการเป็นนักแสดง ที่เฉิดฉายอยู่หน้ากล้อง มาทำหน้าที่แม่เต็มตัว ต้องตื่นนอนตั้งแต่ 6 โมงเช้าทุกวัน เพื่อดูแลลูกสาววัย 8 เดือนด้วยตัวเองโดยไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงเด็กมาช่วยเลย

อย่างไรก็ตาม หลินเจียซิน เปิดเผยว่าเธอมีความสุขกับการใช้ชีวิตแบบคุณแม่ธรรมดาๆคนหนึ่งแบบนี้ โดยที่ไม่มีแสงสีของวงการบันเทิงอยู่รอบตัว และเมื่อเสร็จงานครั้งนี้แล้ว เธอก็จะเดินทางกลับบ้านที่ไต้หวันทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอห่างจากลูก

“การดูแลลูกเป็นงานที่สนุกดีค่ะ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ฉันแทบจะไม่คิดถึงมันเลยถ้าได้อยู่บ้านคอยดูแลลูกสาว” หลินเจียซิน กล่าว

นอกจากนั้นเธอยังกล่าวว่า ไม่ต้องการให้ลูกเดินตามรอยเข้าวงการบันเทิงมา เพราะมันเป็นงานที่ไม่ได้สบายๆอย่างที่หลายคนคิด “งานในวงการบันเทิงเป็นเรื่องที่โหดหินพอสมควรเลย ฉันอยากจะให้ลูกหาอะไรที่แกชอบทำจริงๆมากกว่า แต่ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของลูกด้วย”

แล้วสำหรับตัวเองล่ะ? หลินเจียซิน แสดงความมั่นใจว่าเธอไม่เสียดายที่ต้องทิ้งอาชีพในวงการไป เพื่อทุ่มเทให้กับการสร้างครอบครัว เพราะนี่คือสิ่งที่เธอเลือกเอง “มันไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากอะไรเลย ฉันพอใจกับชีวิตของตัวเอง ณ ขณะนี้นะคะ การต้องเลือกระหว่างอาชีพหรือครอบครัว ฉันขอเลือกครอบครัว และจะไม่มีวันเสียใจกับเรื่องครั้งนี้แน่นอนค่ะ”

“หลินจือหลิง” (Lin Chi Ling) ได้กลับไปรับงานที่ประเทศญี่ปุ่นอีกครั้ง นอกจากนั้นนี่ยังเป็นการกลับไปรับบท “เสียวเกี้ยว” (Xiao Qiao) ที่เคยสร้างความโด่งดังให้กับเธอในหนังเรื่อง Red Cliff อีกครั้งด้วย

นักแสดงสาวชาวไต้หวัน หลินจือหลิง ได้ฤกษ์เปิดตัวแสดงละครเวทีที่ กินซ่า โตเกียว เป็นครั้งแรกเมื่อค่ำคืนของวันจันทร์ที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา กับการงานที่เธอได้โอกาสแสดงทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นในละครเวที Red Cliffs ~ Love หรือ “โจโฉ แตกทัพเรือ” ที่ทำให้เธอได้ในกลับไปสวมบทบาทเป็น “เสียวเกี้ยว” สาวงามแห่งวรรณกรรม สามก๊ก อีกครั้ง หลังจากเคยสวมบทบาทดังกล่าวมาแล้วในฉบับหนังที่มี จอห์น วู เป็นผู้กำกับ

โดยคนดูที่ได้เข้าไปชมการแสดงมาแล้วกล่าวชื่นชมว่า หลินจือหลิง ไม่เพียงแก้ไขเรื่องการพูดเสียงเล็กๆ ที่หลายๆคนบ่นว่าน่ารำคาญของเธอได้แล้ว แต่ยังแสดงทักษะการแสดงละครเวที โชว์การร้องไห้น้ำตาอาบสองแก้มในตอนหนึ่งของเรื่องด้วย

หลังแจ้งเกิดจากการเป็นนางแบบ สาววัย 36 ปี ที่มุมานะกับงานแสดงในช่วง 4 – 5 ปีหลัง ได้โอกาสพิสูจน์ถึงฝีไม้ลายมือในการแสดง กับงานที่มีบทพูดเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด นอกจากนั้นยังต้องโชว์เสียงร้องเพลง อันเป็นสิ่งที่เธอเองก็ยอมรับว่าไม่ค่อยถนัดนัก รวมถึงการเต้น โดยเป็นการแสดงคู่กับ อากิระ ศิลปินหนุ่มแห่งวง EXILE ผู้สวมบทบาทเป็น จิวยี่ ในละครเวทีชุดนี้

หลังจบการแสดง หลิวจือหลิง กล่าวกับทีมงานหลังเวทีอย่างไม่หยุดปากว่า “ฉันตื่นเต้นมากๆค่ะ” ขณะเดียวกัน โกโร คิชิทานิ นักแสดงชื่อดัง ที่รับหน้าที่กำกับละครเวทีเรื่องนี้ ยังเอ่ยปากชมฝีไม้ลายมือของนักแสดงสาวชาวไต้หวัน และแสดงความเห็นว่าเธอยังสามารถพัฒนาไปได้อีกมาก

ซึ่งถึงขณะนี้มีรายงานว่าตั๋วการแสดง 32 รอบที่จะมีไปถึงปลายเดือนนี้ ได้ขายหมดเกลี้ยงเรียบร้อยแล้ว

Manager Online

สาวงามวัย 23 ปี “รีเบคกา จู” (Rebecca Zhu / 朱晨麗) กลายเป็น “มิสฮ่องกง” (Miss Hong Kong) คนล่าสุด ในการประกวดเมื่อค่ำคืนของวันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา เป็นสาวงามที่ได้รับการยกย่องทั้งในแง่ความสวย และความเฉลียวฉลาดในการตอบคำถาม ถือว่าเป็น “มิสฮ่องกง” ที่สื่อท้องถิ่นบอกว่าถูกใจชาวฮ่องกงเองอยู่ไม่น้อย

มิสฮ่องกงประจำปี 2011 รีเบคกา จู เป็นสาววัย 23 ปี ที่มีความสามารถพิเศษในการเต้นบัลเลต์ และจบการศึกษาในสาขาศิลปะการแสดงโดยตรง โดยเธอสามารถเอาชนะคู่แข่งอีก 13 คน กลายเป็นสาวสวยประจำเกาะฮ่องกงประจำนี้ได้สำเร็จ

ตามข้อมูลระบุว่า รีเบคกา จู เป็นสาวที่รักการเต้นรำและเสียงดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนั้นยังแสดงเจตจำนง ว่าอยากจะช่วยเหลือตอบแทนสังคมกลับด้วย โดยสาววัย 23 ปี ที่มีพื้นเพเดิมจากซูโจว จีนแผ่นดินใหญ่คนนี้ เพิ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ฮ่องกงเมื่อ 7 ปีก่อน จนสามารถคว้ารางวัลใหญ่บนเวทีประกวดสาวงามที่เก่าแก่โด่งดังที่สุดของที่นี่ได้สำเร็จ นอกจากนั้น รีเบคคา จู ยังได้รับเสียงโหวตจากคนดูในอินเตอร์เน็ต ให้เป็นมิสป๊อปปูลาโหวตประจำปีนี้ด้วย

ส่วนรางวัลรองอันดับ 1 ตกเป็นของ เฮแมน ชู วัย 23 ปี และ วิตนีย์ ฮุย วัย 22 ปี สาวอิมพอร์ตจากอังกฤษ ตัวเต็งคนหนึ่งที่สุดท้ายคว้าตำแหน่งรองอันดับ 2

ในการประกวดปีนี้ยังมีการจัดช่วงพิเศษ ให้สมาชิกในครอบครัวของสาวงามแต่ละคนได้ขึ้นมาบนเวที ซึ่งในรายของ เฮแมน ชู เป็นแม่ของเธอที่ขึ้นเวทีมาเพื่อพูดถึงการเข้าประกวดครั้งนี้ของลูกสาว เป็นความตื้นตันระหว่างแม่ลูก จนถึงกับทำให้ฝ่ายสาวงามผู้เข้าประกวดรายนี้กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ร้องไห้จนเครื่องสำอางเลอะออกมา ถึงกระนั้นก็ไม่มีใครที่คิดว่าเป็นเรื่องตลก แต่มองว่าเป็นฉากที่ซาบซึ้งที่สุดตอนหนึ่งของการประกวดในปีนี้ เรียกว่าถึงกับทำให้พิธีกรบนเวทีอย่างดาวตลก เจิ้งจื่อเหว่ย (Eric Tsang) ซึ้งไปด้วย จนมีน้ำตาซึมๆ ออกมาเลย

สำหรับรองอันดับ 2 วิตนีย์ ฮุย เป็นสาวงามที่ถือว่าก่อนหน้านี้ เป็นตัวเต็งคนหนึ่ง และได้รับความสนใจจากทั้งสื่อมวลชน รวมถึงประชาชนที่ติดตามการประกวด โดยเฉพาะจากรูปร่างเซ็กซี่กับหน้าอกขนาดคัพดีของเธอ ซึ่งแม้จะไม่ได้ตำแหน่งสูงสุด แต่เธอก็สามารถคว้ารางวัลขวัญใจช่างภาพกลับบ้านไปได้

สื่อไต้หวัน เหลียนเหอเป้า รายงาน ขณะที่กระแส 'โลลิตา แฟชั่น' กำลังโหมพัดเข้าสู่เกาะไต้หวัน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็มีการเปิดเวทีประกวดนางแบบช่วงปิดเทอมฤดูร้อนของไต้หวัน สาวน้อย 4,000 กว่าคน ได้แห่แหนกันมาสมัคร โดย 1 ใน 3 เป็นละอ่อนวัยไม่ถึง 18 ปี พวกเธอต่างมีความฝันที่จะได้เป็นนางแบบมืออาชีพชื่อดังอย่าง หลิน จือหลิง (Lin Chi Ling)

สื่อจีนระบุ เดิมการประกวดกำหนดคุณสมบัติด้านอายุของผู้สมัครเข้าประกวด ระหว่าง 9-15 ปี ต่อมาได้ปรับเป็น 13-20 ปี ทั้งนี้ ในกลุ่มนางแบบชั้นแนวหน้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก 50 คน มีนางแบบที่อายุไม่ถึง 18 ปี กว่า 10 คน และที่อายุอ่อนที่สุด 13 ปี

สาววัยละอ่อนแห่งเกาะไต้หวัน ผู้ปรารถนาเดินบนเส้นทางสู่ดวงดาวแห่งแคทวอล์คครั้งนี้ มีมากล้นกว่า 4,000 คน โดยกว่า 1,000 คน อายุไม่ถึง 18 ปี ผู้จัดการบริษัทจัดการประกวดกล่าวว่า ในช่วงราวสองปีมานี้ เด็กสาวอายุน้อยๆที่ต้องการเข้าสู่วงการนางแบบมีจำนวนมากขึ้นอย่างชัดเจน สาวงามที่เข้ารอบการประกวดฤดูร้อนเมื่อวาน (7 ส.ค.) 55 คน มี 20 กว่าคน ที่อายุไม่ ถึง 18 ปี และผู้ประกวดอายุน้อยที่สุด 16 ปี

ดีไซน์เนอร์และนักวิจารณ์แฟชั่นชาวไต้หวัน แสดงความเห็นเกี่ยวกับการที่กระแสแฟชั่นโลลิตาเข้ามายังไต้หวัน ว่าโลกตะวันตกและโลกตะวันออกมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เงื่อนไขด้านพัฒนาการร่างกายก็มีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติ และทัศนะด้านแฟชั่นก็ควรมาจากความคิดความอ่านของตัวเอง มิใช่เรื่องที่เด็กสาวอายุน้อยๆที่ยังไม่มีวุฒิภาวะทางจิตใจจะสามารถตัดสิน

นักออกแบบเสื้อผ้า พาน อี๋เหลียง ให้ความเห็นว่าการเปิดเวทีนางแบบที่อายุน้อยเกินไป “เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม” ยกตัวอย่างซูปเปอร์นางแบบระดับโลกที่ผู้คนชมชอบ เช่น Kate Moss, Heidi Klum เป็นต้นนั้น มีคุณสมบัติ บุคลิกที่ชัดเจน และคุณลักษณะพิเศษเฉพาะตัวที่แข็งแกร่ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่เด็กสาวที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ ไม่สามารถไปถึงได้

ด้านผู้ริเริ่มการประกวดฯ กล่าวว่า ที่ต่างประเทศต่างเปิดเวทีประกวดนางงามโลลิตามากนานแล้ว “สาวๆวัยรุ่นที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่ในปัจจุบัน ต่างก็มีความเป็นตัวของตัวเอง เพียงแต่พ่อแม่สนับสนุน นางแบบที่อายุยิ่งน้อยยิ่งมีโอกาสประสบความสำเร็จมาก”

นางแบบอายุน้อยที่สุด

ASTVผู้จัดการ – นสพ.อังกฤษของจีนระบุ ชาวเน็ตจีนกำลังปลื้มละครไทยอย่างหนัก ชี้กระแสมาแรงพอๆ กับเกาหลี ล่าสุดมีคนชม “รักในม่านเมฆ” ผ่านเว็บวิดีโอแชริงแล้วกว่า 40 ล้านครั้ง ขณะที่ล่าสุด “มาลัยสามชาย” ก็ติดชาร์ต เผยต้นปีหน้าเตรียมเอาเข้าอีก 5 เรื่อง

เมื่อช่วงต้นเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ไชน่า เดลี หนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษชื่อดังของจีนได้ตีพิมพ์รายงานข่าวชิ้นเล็กๆ เกี่ยวกับกระแสความนิยมของละครไทยในหมู่ชาวจีน โดยระบุว่า ละครโทรทัศน์ของไทยนั้นกำลังขึ้นมาเทียบชั้นกับละครน้ำเน่าจากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งในช่วงหนึ่งทศวรรษที่ผ่านมา ได้รับความนิยมอย่างสูงจากชาวจีน

รายงานข่าวดังกล่าวระบุว่า ในเว็บไซต์วิดีโอ แชริง ยอดนิยมอย่าง ฉีอี้ ด็อท คอม (Qiyi.com) ละครโทรทัศน์จากประเทศไทยกำลังได้รับความนิยมจากผู้ชมชาวจีนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยละครเรื่องล่าสุดคือ รักในม่านเมฆ หรือในชื่อภาษาจีนคือ “ม่านปู้หยุนตวน (漫步云端) ” กลายเป็นหนึ่งในวิดีโอที่ได้รับความนิยมสูงที่สุดนับ ตั้งแต่ละครเรื่องดังกล่าวเริ่มฉายในเว็บไซต์ของจีนเมื่อ 9 ก.ค. ที่ผ่านมา โดยถึงปัจจุบันมีผู้ชมไปแล้วมากกว่า 40 ล้านครั้ง

สำหรับละครรักในม่านเมฆนั้นเป็นละครหลังข่าวภาคค่ำทางช่อง 7 สี ออกอากาศในช่วงกลางปี 2553 ผลิตโดยบริษัทดีด้า วีดีโอ โปรดักชั่น จำกัด โดยมี “เติ้ล” ธนพล นิ่มทัยสุข และ “มีน” พีชญา วัฒนามนตรี รับบทพระเอก-นางเอก นอกจากนี้ยังมีดารา-นักแสดงไทยอื่นๆ เช่น ตะวัน จารุจินดา, กฤษณกันท์ มณีผกาพันธ์, รพีภัทร เอกพันธ์กุล, ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์, มณีนุช เสมรสุต, ไพโรจน์ สังวริบุตร, ตระการ พันธ์ธุมเลิศรุจี เป็นต้น ร่วมแสดงด้วย

ขณะที่ในกระดานสนทนาออนไลน์เกี่ยวกับละคร ก็มีการถกเถียงเกี่ยวกับเรื่องนักแสดง และโครงเรื่องอย่างสนุกสนาน นอกจากนี้ผู้ชมชาวจีนบางส่วนยังอาสาที่จะทำบทบรรยายภาษาจีน เพื่อให้คนอื่นได้ดาวน์โหลดกันฟรีๆ

ไชน่า เดลียังระบุด้วยว่า ละครไทยกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยจากผู้ชมชาวจีน โดยนำไปเปรียบเทียบกับละครโทรทัศน์ของเกาหลีใต้ ซึ่งถูกรสนิยมของชาวจีน และได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ทำให้ในช่วงต้นปีหน้า ทางเว็บไซต์ Qiyi.com จะนำละครไทยมาฉายเพิ่มอีก 5 เรื่อง

จัดแถลงข่าวไปเรียบร้อยแล้วสำหรับ Saving General Yang (一门忠烈之杨家将) หนังฟอร์มยักษ์เรื่องล่าสุดจาก ฮ่องกง-จีน ที่จะเล่าเรื่องโศกนาฏกรรมของ “7 พี่น้องขุนศึกตระกูลหยาง” ตระกูลนักรบผู้จงรักภักดีแห่งราชวงศ์ซ่ง ซึ่งผู้สร้างเลือกที่จะเริ่มต้นถ่ายทำ และจัดงานบวงสรวง กันที่เมืองไคฟงใน เหอหนาน เพื่อเป็นการเคารพดวงวิญญาณของขุนศึกตระกูลหยาง นักรบผู้เสียสละ ที่มีชีวิตอยู่ ณ ที่แห่งนี้เมื่อกว่า 1,000 ปีก่อนนั่นเอง

โดยนักแสดงหนุ่มที่ร่วมอยู่ในงานเปิดตัวหนังครั้งนี้ ได้แก่ หยูเป่า (Yu Bo / 于波) ที่จะเป็นพี่ชายคนรองของตระกูล “หยางเอ้อหลาง”, โจวอี้หมิน (Vic Zhou) เป็น “หยางซานหลาง”, หลินฟง (Raymond Lam / 林峰) เป็นลูกคนที่ 5 “หยางอู่หลาง” (Yang Wulang), อู๋จุน (Wu Zun / 吴尊) รับบทเป็นหยางหก หรือ “หยางลิ่วหลาง” (Yang Liu Lang) และ ฟู่ซินป๋อ (Fu XinBo / 付辛博) เป็นน้องเล็ก “หยางชีหลาง” (Yang Qi Lang)

สำหรับการแถลงข่าวการเปิดกล้องครั้งนี้ ยังมีนักแสดงหลักบางคนที่ไม่ได้มาร่วมเปิดตัวด้วย อาทิ เจิ้งเส้าชิว (Adam Cheng Siu-Chow) ที่จะสวมบทเป็น “หยางหลินกง” หรือ “หยางเย่” บิดาของลูกๆ ทั้ง 7 และเป็นผู้นำของตระกูล, ลี่เฉิน (Li Chen / 李晨) เป็น “หยางซื่อหลาง” (Yang Si Lang) หรือหยางคนที่ 4 รวมถึง กู่เทียนเล่อ (Louis Koo / 古天乐) ที่จะรับบทเป็นพี่ชายคนโต “หยางต้าหลาง” (Yang Dalang) ที่พลาดงานเปิดตัวไป เพราะอยู่ในช่วงการรักษาอาการบาดเจ็บที่ขานั่นเอง

นอกจากนั้นหนังยังมีดาราชื่อดังคนอื่นๆ มาร่วมงานอย่างคับคั่ง ทั้ง สวีฟาน ที่จะรับบทเป็น “เสอไท้จิน” แต่ที่พิเศษที่สุดก็คือ เจิ้งอวี้เจี้ยน (Ekin Cheng) จะพลิกบทบาทมารับบทเป็นตัวร้าย “พานเหรินเหม่ย” (Pan Ren Mei) อัครมหาเสนาบดีผู้กังฉิน ไม้เบื่อไม้เมาของตระกูลหยาง

หนังจะใช้ทุนสร้างประมาณ 200 ล้านหยวน ได้ผู้กำกับระดับอินเตอร์อย่าง รอนนี หยู มาคุมงานสร้าง หวงจื่อหง ส่วนลูกชายของผู้อำนวยการสร้าง หวงไป่หมิง รับหน้าที่เขียนบท หลังจากเคยสร้างชื่อในการเขียนบทหนัง Ip Man ทั้งสองภาคมาแล้ว

ซึ่งนักแสดงทุกคนยอมรับว่าสิ่งที่พวกเขาประทับใจในบทหนังเรื่องนี้ ไม่ใช่ด้านของคิวบู๊หรือฉากแอ็กชั่น แต่เป็นเนื้อหาว่าด้วยเรื่องของพี่น้อง และครอบครัวต่างหาก

มีหนังภาษาจีนสองเรื่อง ที่ได้เข้าฉายในสายประกวด เพื่อชิง “รางวัลสิงโตทองคำ” (Golden Lion Award) ที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิสในปีนี้ หนึ่งคือหนังสงครามทุนสูงของไต้หวัน Seediq Bale ขณะที่อีกเรื่องคือหนังชีวิตเรียบง่ายจากฮ่องกง A Simple Life ที่มี “หลิวเต๋อหัว” (Andy Lau) แสดงนำคู่กับนักแสดงอาวุโส “เยี่ยเต๋อเสียน” (Deannie Yip)

ในการประกาศรายชื่อหนังที่จะได้เข้าฉาย ในสายประกวดหลักของเทศกาลหนังนานาชาติเมืองเวนิสปีล่าสุด ผลงานเรื่องใหม่ของยอดผู้กำกับหญิงชาวฮ่องกง แอน ฮุย ที่มีชื่อเรื่องว่า A Simple Life กลายเป็นหนึ่งในงานที่ได้รับการคัดเลือกให้ร่วมชิง “รางวัลสิงโตทองคำ” เกียรติยศสูงสุดของเทศกาลหนัง ที่ว่ากันว่าสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป

A Simple Life เป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริง เล่าถึงมิตรภาพของชายคนหนึ่ง กับหญิงรับใช้ประจำตระกูล ผู้ทำหน้าที่เลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เด็ก โดยหนังมีสองนักแสดงชื่อดังอย่าง หลิวเต๋อหัว และ เยี่ยเต๋อเสียน แสดงนำ ซึ่งนับว่านี่เป็นโอกาสที่ดาราทั้งสอง ได้กลับมาร่วมงานกันเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี

นักร้องนักแสดงรุ่นใหญ่ เยี่ยเต๋อเสียน วัย 62 ปี และหลิวเต๋อหัวที่มีอายุน้อยกว่า 12 ปี อาจจะไม่ใช่คู่ขวัญพระเอกนางเอก แต่ก็ถือว่าเคยร่วมงานกันมาในหนังถึงเกือบ 10 เรื่อง หลายครั้งที่รับบทเป็นแม่และลูกกัน ซึ่งในชีวิตจริง หลิวเต๋อหัว เองก็นับถือนักแสดงรุ่นพี่คนนี้ เหมือนกับเป็นแม่บุญธรรมของเขาเหมือนกัน

ซึ่งแม้จะไม่ได้เข้าฉากด้วยกันมานาน แต่ดาราทั้งสองยืนยันว่าสามารถทำงานกันอย่างเข้าขา ตั้งแต่การถ่ายทำวันแรกเลย

เยี่ยเต๋อเสียน กล่าวว่าในการแสดงหนังเรื่องนี้ เธอตัดสินใจหยุดย้อมผมดำไป 2 เดือนเต็ม เพื่อให้สมกับบทบาทที่ได้รับมากที่สุด นอกจากนั้นระหว่างการถ่ายทำเธอพร้อมด้วยผู้กำกับ แอน ฮุย และพระเอกของเรื่องอย่าง หลิวเต๋อหัว ยังมีโอกาสไปเยี่ยมศูนย์ดูแลคนชรา เพื่อพูดคุยกับหญิงชราที่เคยทำงานเป็นคนรับใช้ นอกจากนั้น หลิวเต๋อหัว เองยังได้มีโอกาสพูดคุยกับ บุคคลจริงซึ่งเป็นที่มาของตัวละครซึ่งเขาสวมบทบาทด้วย

“ดอนนี เยน” (Donnie Yen) กำลังจะเป็นสามีของ “จางป๋อจือ” (Cecilia Cheung) ในหนังเรื่องใหม่ ที่จะเป็นการนำหนังสุดฮิตจากฮอลลีวูด Mr. & Mrs. Smith มาดัดแปลงเป็นฉบับฮ่องกงภายใต้ชื่อ Assassin Couple

New Asia Entertainment Group (AEG) ได้ประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อน ถึงผลงานใหม่ของบริษัทที่จะเป็นหนังแอ็กชั่นโรแมนติก ว่าด้วยเรื่องราวของสองนักฆ่าสามีภรรยา เป็นงานที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก Mr. & Mrs. Smith หนังสุดฮิตของฮอลลีวูดที่มี แอนเจลินา โจลี และแบรด พิตต์ แสดงนำเอาไว้ โดยในหนังฉบับจีนยังจะมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดหลายๆอย่างให้แตกต่างออกไป

บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ฮ่องกงได้วางตัว ตอนนี เยน และ จางป๋อจือ ไว้ในบทนำที่ขณะนี้ใช้ชื่อว่า Assassin Couple กับการสวมบทบาทเป็นสองนักฆ่ายอดฝีมือ เชี่ยวชาญทั้งการต่อสู้ด้วยกังฟู และการใช้ปืน ที่ต้องจัดการกับความสัมพันธ์อันยุ่งเหยิงทั้งรักและเกลียด ตั้งแต่ที่บ้านซึ่งทั้งสองอาศัยอยู่ด้วยกัน และการใช้ชีวิตในฐานะนักฆ่า

ก่อนหน้านี้มีข่าวว่าทั้ง ดอนนี เยน และ จางป๋อจือ กำลังจะขอหยุดงานชั่วคราว สำหรับฝ่ายชาย เพราะเขาทำงานรับหนังติดๆกันมาตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงอยากจะให้เวลากับครอบครัวบ้าง ขณะที่ฝ่ายหญิงก็ต้องการพักจากปัญหาชีวิตส่วนตัวในช่วงหลังๆ ที่ยุ่งเหยิงหนักกับเรื่องการแยกทางกับสามี แต่ว่ากันว่าด้วยเม็ดเงินจำนวนมหาศาลที่ทาง AEG ยื่นเข้ามาทำให้สองนักแสดงชื่อดังไม่สามารถปฏิเสธงานครั้งนี้ได้

ตามรายงานข่าว ดอนนี เยน จะได้รับทรัพย์จากหนังเรื่องนี้ 30 ล้านหยวน ขณะที่ค่าตัวของฝ่ายจางป๋อจือจะตกอยู่ที่ 15 ล้านหยวน ซึ่งแค่ค่าตัวดารานำทั้งสองคน ก็เรียกว่าแทบจะเกินครึ่งของทุนสร้างรวม 100 ล้านหยวนไปแล้ว โดย Assassin Couple มีกำหนดจะเปิดกล้องภายในช่วงต้นปีหน้า

จางป๋อจือ ที่ใช้เวลาในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไปกับการเลี้ยงลูกได้กลับมาทำงานอีกครั้งในปีนี้ ก่อนหน้าที่ข่าวการยุติความสัมพันธ์กับ เซียะถิงฟง จะกลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงฮ่องกงมาพักใหญ่ๆ

งานชุมนมคนรักการ์ตูนแห่งเกาะฮ่องกง ประจำปี 2011 ยังคงได้รับความสนใจอย่างคับคั่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหล่าวัยรุ่นจากทั่วเกาะฮ่องกง ที่ต่างเดินทางมางานครั้งนี้ด้วยจุดประสงค์ต่างกัน บ้างเพื่อสินค้าประเภทหาที่ไหนไม่ได้อย่างโมเดลแบบ Limited Edition ขณะที่บางคนลงทุนรอกันเป็นสัปดาห์ เพื่อกิจกรรมสุดพิเศษ กับโอกาสที่อาจจะได้สวมกอดกับ “มิยาบิ-มาเรีย โอซาว่า” (Miyabi - Maria Ozawa) นักแสดง AV คนดัง

มีเด็กวัยรุ่นชาวฮ่องกงนับร้อยคน ที่มารอคอยการเปิดงาน Animation-Comic-Game Hong Kong หรือ Ani-Com Hong Kongประจำปี 2011 ก่อนหน้าที่งานจะเปิดฉากเริ่มต้นขึ้นหลายชั่วโมง, บางคนอาจจะถึงขั้นเป็นวัน และบางคนถึงระดับสัปดาห์ เพื่อที่จะได้เป็นคนแรกที่จะได้เข้าสู่งานประจำปีนี้ ซึ่งจัดกันที่ศูนย์ คอนเวนชั่น เซนเตอร์ ของฮ่องกงเช่นเดียวกับในหลายๆปีที่ผ่านมา

โฆษกตัวแทนของผู้จัดงานครั้งนี้ กล่าวกับ AFP ว่างานน่าจะมีผู้เข้าร่วมมากกว่าปีก่อน ที่มีผู้เข้างานร่วม 680,000 คน “เราหวังว่าจะสร้างสถิติใหม่ในปีนี้ ให้มากกว่าที่เคยมีมาก่อน วัยรุ่นจำนวนมากมาเข้าแถวรอเข้างานกันที่ด้านนอก บางคนมารอตั้งแต่ 9 วันก่อนแล้ว พวกเขามากับถุงนอน, เก้าอี้พับ และทุกอย่าง เรามีบางคนที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของงานตัวจริง”

ตี๋หมวยฮ่องกงบางคนแต่งตัวคอสเพลย์เป็นตัวละครสุดโปรดแบบเต็มยศ เพราะสื่อบันเทิงจากแดนอาทิตย์อุทัย ก็ถือว่าได้รับความนิยมเป็นอย่างมากที่นี่ด้วยเช่นเดียวกัน

ขณะที่ของสะสมหายาก ก็เป็นอีกองค์ประกอบที่แฟนเกมและการ์ตูนหลายคน ไม่สามารถพลาดจากงานครั้งนี้ไปได้ เช่นเดียวกับ เจสซี่ หยุน หนุ่มน้อยวัย 13 ปี นักสะสมอีกคนที่กล่าวกับ AFP ว่าเขามาเฝ้าหน้าประตู ยืนรอคอย เพื่อให้ได้เข้างานนี้ก่อนใครๆ มา 12 ชั่วโมงเต็มแล้ว “ของสะสมแบบ Limited Edition ถือว่าหาได้ยากมากๆครับ ถ้าไม่มาให้เร็วแบบนี้ ก็คงอดแน่ๆ”

ขณะที่บางคนก็ยอมรับแบบไม่มีปิดบังว่า ของสะสมราคาแพงอาจทำเงินให้กับเขาได้ในอนาคตรวมถึง อลัน ตู้ ที่มองว่าการสะสมโมเดลจากการ์ตูนก็ถือว่าเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง “สิ่งที่ดีอย่างหนึ่งก็คือราคาของจะสูงขึ้นเรื่อยๆ ผมอาจจะทำเงินได้ไม่น้อยจากของพวกนี้”

“ต้าเอส” (Da S) ต้องพบกับเรื่องเศร้าครั้งสำคัญในชีวิต เมื่อมีรายงานว่าเธอได้สูญเสียลูกน้อยในครรภ์ไปไปแล้ว ข่าวยังระบุว่าการแท้งลูกครั้งนี้ อาจมีผลไปถึงความสัมพันธ์ของนักแสดงสาวคนดังจากไต้หวัน กับสามีด้วย

กลายเป็นข่าวที่ถูกรายงานไปในเว็บไซต์ของจีนหลายๆแห่ง กับเรื่องการแท้งลูกของ ต้าเอส หรือ สีว์ซีหยวน ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นระหว่างเดือน พ.ค. ถึง มิ.ย. ที่ผ่านมา

ซึ่งต่อมา หวางเสี่ยวเฟย (Wang Xiaofei) สามีของเธอ ได้ออกมายืนยันถึงข่าวครั้งนี้ผ่านเว็บไซต์ส่วนตัวของเขา คู่รักคนดังแห่งวงการบันเทิงจีน ยังได้ขอความเป็นส่วนตัวสำหรับเหตุการณ์ที่ต้อง “สูญเสียลูกอันเป็นที่รักไป” ในครั้งนี้ด้วย

อย่างไรก็ตามข่าวใหญ่ของคู่สามีภรรยา ที่เพิ่งเข้าพิธีแต่งงานกันไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน คงไม่สามารถรอดพ้นจากการเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปได้ รวมถึงสื่อมวลชนในจีนที่เชื่อว่า ข่าวเศร้าการเสียลูกที่เกิดขึ้น ยังมีผลให้ชีวิตคู่ของดาราสาววัย 34 และสามีนักธุรกิจหนุ่มผู้อายุน้อยกว่า 4 ปี เริ่มอยู่ในความตึงเครียดด้วย

โดยมีรายงานว่ามีคนเห็นทั้งสองเดินทางมาถึงสนามบินปักกิ่งเมื่อ 2 วันก่อน ซึ่งทั้งคู่ดูเหมือนจะปฏิบัติต่อกันอย่างเย็นชา เหมือนจะโกรธกันอยู่ ซึ่งแหล่งข่าวของสื่อในประเทศจีนได้อ้างว่า ต้าเอส และหวางเสี่ยวเฟย กำลังอยู่ในช่วงของการ “โยนความผิด” โทษกันไปโทษกันมา ถึงการเสียลูกไปในครั้งนี้

ต้าเอส และหวางเสี่ยวเฟย เริ่มต้นคบหากันเมื่อช่วงปลายปีก่อน จึงได้จดทะเบียนสมรสหลังจากนั้นไม่นาน และจัดพิธีแต่งงานระดับใหญ่โตอลังการ จนถูกเรียกว่าเป็น “พิธีแต่งงานแห่งปี” ของแวดวงคนดังจีนขึ้นในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา

ซึ่งความสัมพันธ์ที่รุดหน้าไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ข่าวลือเรื่อง “ท้องก่อนแต่ง” จะถูกพูดถึงออกมาเป็นระยะๆ ซึ่งเป็นแม่ของฝ่ายชายที่ออกมาสยบถึงข่าวลือในตอนนั้น ด้วยคำพูดที่ว่า “เดี๋ยวอีก 10 เดือน ทุกคนก็ได้รู้แน่ๆ ว่ามันเป็นจริงรึเปล่า” ขณะเดียวกันเมื่อเร็วๆนี้ ต้าเอส ได้ออกมาเปรยว่าเธอคงจะไม่รับงานไปอีกช่วงใหญ่ๆ เพราะต้องการทุ่มเทชีวิตในขณะนี้ให้กับการสร้างครอบครัวนั่นเอง

Manager Online

พานช่วงช่วง (Pan Shuang Shuang), Hannah Quinlivan และฮันนี่ เฉิน (Honey Chen) พวกเธอต่างก็เป็นนางแบบที่ไม่ค่อยจะมีคนรู้จัก จนกระทั่งพวกเธอมีอะไรเกี่ยวข้องกับ เจย์ โจว (Jay Chou), กัวฟู่เฉิง (Aaron Kwok), หลัวจื้อเสียง (Show Luo) และหลินฟง (Raymond Lam)

Celia Zhang นางแบบอีกคนหนึ่งที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ หลังจากเธอถูกพบเห็นว่าไปคาราโอเกะกับนักแสดงชายชื่อดัง เจอรี่ เหยียน (Jerry Yan)

เมื่อพวกเขาจะแยกกันหลังจากร้องเพลงแล้ว พวกเขาแสดงให้เห็นถึงสายตาที่มองกันอย่างหลงใหล เจอรี่ถึงขนาดทำท่า "โทรหาฉัน" ก่อนที่จะแยกกันไป

เชื่อกันว่า Celia วัย 27 ปี สูง 168 ซ.ม. และหนัก 50 กิโลกรัม ออกเดทกับเจอรี่มาสองสามครั้งแล้ว กล่าวได้ว่าทั้งคู่กำลังอยู่ในช่วงที่เป็นเพื่อนที่ยังไม่ถึงขนาดเป็นคู่รัก

อย่างไรก็ตาม บริษัทต้นสังกัดของเจอรี่ปฏิเสธว่า Celia เป็นคนรักใหม่ของเจอรี่ กล่าวว่า พวกเขาเป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน

ในทางตรงกันข้าม แฟนๆของเจอรี่ก็ไม่ได้รู้สึกอิจฉาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ครั้งใหม่ของไอด้อลในดวงใจของพวกเขา แต่พวกเขาแสดงออกว่าพวกเขายินดีกับเจอรี่ด้วย

ก่อนหน้านี้ เจอรี่เคยมีข่าวเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับนักแสดงหญิงหลินจื้อหลิง (Lin Chi-ling) และนักแสดงหญิงกวานหยิ่ง (Terri Kwan)

Xin MSN