ข่าวจีน

       เพิ่งจะประกวดกันไปเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา สำหรับการค้นหาสาวงามในแผ่นดินจีนของเวที Miss World China 2013 ที่จะเป็นการคัดเลือกตัวแทนของประเทศ เพื่อไปขึ้นประกวดบนเวทีระดับโลก Miss World ในเดือน ก.ย. ที่จะถึงนี้ต่อไป
       
       สาวงามวัย 25 ปี อี้ว์เว่ยเว่ย (Yu Weiwei) คือผู้ได้ครองมงกุฏ Miss World China ประจำปี 2013 ซึ่งประกวดกันไปเมื่อวันที่ 14 ก.ค. ณ Galaxy Soho ในกรุงปักกิ่ง ซึ่งเธอจะได้เป็นตัวแทนของประเทศในการประกวด Miss World ประจำปีนี้ซึ่งจะจัดกันที่อินโดนีเซียในวันที่ 28 ก.ย.
       
       สำหรับรองอันดับ 1 เป็นของ เฉินฮุ่ยหนิง (Chen Hui Ning) และรองอันดับสองคือ เจียงหยวนหยวน (Jiang Yuanyuan)
       
       อี้ว์เว่ยเว่ย เจ้าของส่วนสูง 176 ซม. ไม่ใช่หน้าใหม่ของเวที Miss World China แต่อย่างใด เพราะเธอเคยขึ้นประกวดเวทีนี้มาแล้วถึง 2 ครั้ง ทั้งในปี 2009 และคว้าตำแหน่งรองอันดับ 2 มาแล้วในปี 2011
       
       ซึ่งหากเธอไปไกลถึงคว้ามงกุฏ Miss World ได้ในเดือน ก.ย. ก็จะถือว่าตัวแทนของจีนสามารถคว้ามงกุฏระดับโลกในเวทีนี้ได้ถึง 2 ปีติดต่อกัน หลัง อี๋ว์เหวินเซียะ (Yu Wenxia
) ได้ครองตำแหน่งไปเมื่อปีก่อน (2012) และ อี้ว์เว่ยเว่ย อาจจะได้เป็น Miss World ชาวจีนคนที่ 3 ในรอบ 7 ปี นับจาก จางซือหลิน (Zhang Zilin) เป็นผู้หญิงจีนคนแรกที่ได้สวมมงกุฏ Miss World ในปี 2007

Manager Online

       ด้วยความสำเร็จของหนัง 2 ภาคแรกผู้สร้างจึงได้เดินเครื่องหนัง Lan Kwai Fong 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเพิ่งเปิดออดิชั่น ที่มีดาราสาวเซ็กซีในวงการสนใจมาโชว์ตัวในชุดเซ็กซี และหวังร่วมปรากฎตัวในหนัง ที่จะเปิดกล้องภายในเร็วๆนี้ กันมากมาย
       
       ผู้กำกับคนดัง วิลสัน ชิน และโปรดิวเซอร์ อู๋จินหง ได้เปิดการคัดเลือกนักแสดงครั้งใหญ่ เพื่อหาสาวสวยเซ็กซีที่จะมาร่วมโชว์โฉมในภาค 3 ของหนังฮิต Lan Kwai Fong แต่งานนี้ไม่ได้มีเฉพาะหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีงานในวงการหนังเท่านั้นที่มาร่วมคัดตัว เพราะดาราสาวหลายคนก็มาร่วมโชว์ชุดว่ายน้ำ ให้เหล่าผู้สร้างได้ยล เพื่อคัดเลือกตัว หวังได้ปรากฎตัวในหนังดังเรื่องนี้ด้วย
       
       Lan Kwai Fong ที่ตั้งชื่อตามแหล่งท่องเที่ยวอันโด่งดังของฮ่องกง เล่าถึงชีวิตกลางคืนอันมีสีสันของคนหนุ่มคนสาวในฮ่องกง โดยหนังภาคแรกสามารถแจ้งเกิดให้กับดาราไปแล้วหลายคน จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หนังภาคนี้จะมีนักแสดงหญิงระดับที่ยังไม่ได้โด่งดังนัก, นางแบบดาวรุ่ง หรือสมาชิกของกลุ่มนักร้องสาวเกิร์ลกรุ๊ปมาร่วมสมัครแย่งชิงบทกันมากมาย หวังได้แจ้งเกิดอย่างเต็มตัวจากหนังเรื่องนี้
       
       โดยหนังน่าจะพร้อมถ่ายทำได้ในเดือน ส.ค. นี้ ซึ่งผู้กำกับยอมรับว่าตอนนี้เขาวางตัวนักแสดงในบทนำเอาไว้หมดแล้ว แต่ก็เหลือที่ว่างสำหรับนักแสดงหญิงอีกหลายคนสำหรับบทต่างๆในหนัง

Manager Online

กลายเป็นข่าวเสียเองสำหรับผู้ประกาศข่าวสาวจากสถานีโทรทัศน์ TVB แห่งฮ่องกง ที่ผู้ชมสังเกตเห็นว่าเธอมีน้ำตาซึมระหว่างอ่านข่าว ก่อนจะมีเสียงลือตามมาว่าผู้ประกาศคนนี้เพิ่งจะโดนรุ่นพี่ผู้ประกาศข่าวด้วยกันหาเรื่อง
       
       ภาพของผู้ประกาศข่าวสาววัย 25 ปี คอนนี หว่อง (Connie Wong) ที่อ่านข่าวอาการป่วยของอดีตผู้นำแอฟริกาใต้ เนลสัน แมนดาล่า ด้วยสภาพตาแดงก่ำ เหมือนมีน้ำตาคลอ กลายเป็นที่วิจารณ์อย่างกว้างขวางในชุมชนออนไลน์ของชาวฮ่องกง เมื่อมีข่าวตามมาว่าสาวคนนี้ไม่ได้สะเทือนใจ กับข่าวอาการป่วยของ แมนดาล่า แต่อย่างใด เหตุผลที่เธอมีน้ำตาซึมกลับเป็นเพราะผู้ประกาศอีกคนที่ชื่อว่า เวนตี้ เจิ้ง (Wendy Cheung) ที่มีปัญหากันมานานแล้วต่างหาก
       
       อันที่จริงผู้ประกาศข่าวทั้งสองคน ถือว่าเป็นดาวรุ่งแห่งวงการโทรทัศน์ฮ่องกงทั้งคู่ แต่ชื่อเสียงของทั้งคู่กลับดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อมีข่าวเรื่องไม่กินเส้นเกิดขึ้น เพราะชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อยเชื่อว่า เวนดี้ เจิ้ง วัย 28 ปี อาจจะเป็นผู้รังแกรุ่นน้องจนถึงขั้นร้องไห้ออกหน้าจอกันจริงๆ
       
       ข่าวจากสื่อแท็ปลอยด์ของฮ่องกงอ้างว่าจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเพราะ ผู้ประกาศชายรายหนึ่งขอลากะทันหัน จากหน้าที่อ่านข่าวภาคค่ำตามปกติของเขา ด้วยเหตุผลที่ว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องทรงผม จนทางผู้บริหารต้องหาคนมาอ่านข่าวแทน ซึ่ง คอนนี และ เวนดี้ ก็คือตัวเลือกสำหรับข่าวในช่วงไพร์มไทม์ของวันนั้น แต่เพราะ คอนนี ติดงานในรายการอื่นอยู่แล้ว สุดท้าย เวนดี้ จึงรับหน้าที่อ่านข่าวในวันนั้นไป
       

       ผลงานกำกับเรื่องแรกของพระเอกฮอลลีวูดเปิดตัวในจีนแผ่นดินใหญ่อย่างน่าผิดหวัง ทั้งเสียงวิจารณ์ในแง่ลบ และรายได้ที่ไม่เพียงแพ้หนังของ "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) แต่ยังทำเงินสู้หนังที่เข้าฉายมาแล้วหลายสัปดาห์หลายๆเรื่องไม่ได้
       
       Blind Detective ผลงานของผู้กำกับชาวฮ่องกง ตู้ฉีฟง ที่ดึงเอาคู่ขวัญ หลิวเต๋อหัว และเจิ้งซิ่วเหวิน (Sammi Cheng) กลับมาร่วมงานกันอีกครั้ง ทำรายได้ในการฉายสุดสัปดาห์แรกที่จีนแผ่นดินใหญ่ ไปได้ถึง 84.4 ล้านหยวน (ประมาณ 424 ล้านบาท) ขึ้นอันดับ 1 หนังทำเงินประจำสัปดาห์ได้สำเร็จแทนที่ Tiny Times หนังวัยรุ่นของ กัวจิงหมิง ที่ถึงตอนนี้เข้าฉายไป 11 วันทำเงินไปมหาศาลถึง 418 ล้านหยวน (2,114 ล้านบาท) แล้ว
       
       ในสัปดาห์เดียวกัน Man of Tai Chi หนังร่วมทุนสร้างจีน-สหรัฐฯ ผลงานกำกับ และร่วมแสดงของ เคียนู รีฟส์ (Keanu Reeves) ก็เข้าฉายด้วย แต่ทำเงินในการฉาย 3 วันไปได้แค่ 17.8 ล้านหยวน (90 ล้านบาท) เท่านั้น เรียกว่ากวาดเงินในสุดสัปดาห์ที่แล้ว น้อยกว่าหนังที่ฉายมา 3 สัปดาห์อย่าง Man of Steel และ Badges of Fury เสียอีก
       

       หลังเจอทั้งปัญหาลิขสิทธิ์ และความล่าช้าในการคัดเลือกนักแสดง ตลอดจนปัญหาด้านสุขภาพของผู้กำกับ ล่าสุดผลงานใหม่ของ "จอห์น วู" (John Woo) ที่ถูกเลื่อนเปิดกล้องมาหลายรอบก็เริ่มต้นถ่ายทำอย่างเป็นทางการแล้ว
       
       The Crossing ของ จอห์น วู ต้องใช้เวลาเตรียมงานสร้างถึง 5 ปีเต็ม และติดขัดปัญหาต่างๆมากมาย แต่สุดท้ายหนังก็สามารถเปิดกล้องได้เป็นที่เรียบร้อย ในการเริ่มต้นถ่ายทำที่ปักกิ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
       
       โดยสื่อในจีนได้เผยแพร่ภาพของการเริ่มต้นถ่ายทำ ซึ่งไม่ได้เปิดให้สื่อเข้าเยี่ยมชมในวันที่ 6 ก.ค. ที่นักแสดงนำ ทาเคชิ คาเนชิโร่ (Takeshi Kaneshiro) ก็เดินมาถึงกองถ่ายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และดูเหมือนว่ากระแสวิจารณ์ที่ว่านักแสดงหนุ่มลูกครึ่งไต้หวัน-ญี่ปุ่น ดูแก่ลงไปมากในระยะหลังจะไม่ค่อยเป็นความจริงเท่าไหร่ เพราะจากภาพในกองถ่าย ทาเคชิ ก็ยังดูไม่แตกต่างอะไรไปจากที่ทุกคนคุ้นเคยกัน
       
       ผลงานเรื่องล่าสุดของ จอห์น วู จะเล่าถึงคนสามคู่ที่เดินทางจากจีนไปไต้หวันด้วยเรือจักรไอน้ำขนาดยักษ์ ระหว่างช่วงเวลาของการปฏิวัติในปี 1949 โดยทางผู้สร้างเรียกหนังเรื่องนี้ว่าเป็น "ไททานิค" ฉบับจีนแผ่นดินใหญ่กันเลยที่เดียว
       

หลังจากที่มีการเผยแพร่โฆษณาไอศกรีมยี่ห้อหนึ่ง โดยมี"หลินจื้อหลิง"  (Lin Chi Ling) นักแสดงสาวชื่อดังเป็นพรีเซ็นเตอร์ ได้มีความเห็นหลั่งไหลมามากมาย โดยวิจารณ์ว่าเธอโชว์หน้าอกของเธอมากไป จนคนสนใจอกอึ๋มมากกว่าไอศกรีม
       
       หลังจากมีการออกอากาศโฆษณาร้านไอศกรีมแบรนด์ดัง ที่ลือกันว่าโฆษณาชิ้นนี้ใช้งบสูงถึง 10.5 ล้านบาท โดยมีนักแสดง-นางแบบสาวสวย หลินจื้อหลิง วัย 38 ปีมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ก็ได้รับความสนใจจากผู้ชมไม่น้อย แต่ส่วนมากเป็นเสียงวิจารณ์แง่ลบที่ระบุว่าเธอทำให้โฆษณาดูเซ็กซี่เกินไป
       
       โดยส่วนมากวิจารณ์ถึงหน้าอกขนาด 34C ของนางแบบสาวที่โผล่พ้นออกมาจากชุดราตรีเกาะอกต่ำ พร้อมกับปะโยคที่ล้อกับผู้ชมว่า "ทุกประสาทสัมผัสของฉันสัมผัสได้"
       
       นอกจากนั้นแล้วยังมีภาพอีกหลายช็อต ที่โคลสอัพมาที่หน้าอกของหลินจื้อหลิง แทนที่จะเป็นไอศกรีม โดยชาวเน็ตบางส่วนได้ต่อว่านางแบบ-นักแสดงดังวัย 38 ปีนี้ว่า "ขายร่างกาย" ขณะที่บางส่วนก็ปกป้องเธอ โดยระบุว่าภาพลักษณ์หวานๆและเสียงใสๆของเธอเหมาะสมกับสินค้าเป็นอย่างมาก
       
       โดยชาวเน็ตรายหนึ่งระบุว่า "ผมน้ำลายไหลเลยขณะดูเธอปล่อยตัวเคลิ้มไปกับไอศกรีม"
       
       ความงามของหลินจื้อหลิง ดูเหมือนว่าจะสะกดคนได้ไม่น้อยทีเดียว แม้แต่ เทรุโยชิ ยูจิมูระ ดาวตลกชื่อดังชาวญี่ปุ่นวัย 48 ปีที่เพิ่งเดินทางไปเยือนไต้หวัน ก็ถึงขั้นเอ่ยปากชมหลังตกตะลึงในความงามของหลินจื้อหลิงเช่นกัน "เธอเซ็กซี่แล้วก็สมบูรณ์แบบมากๆ"

Manager Online

       หน่วยงานด้านท่องเที่ยวของไทเปโดนวิจารณ์อย่างหนัก หลังลงทุนจ่ายเงินถึงเกือบ 7 ล้านเหรียญไต้หวัน ว่าจ้างสมาชิก 3 คนของกลุ่มศิลปินสาว AKB48 ให้มาเยือนกรุงไทเป ทั้งๆ ที่ 3 สาวไม่ได้เป็นดาวเด่นแห่งวงไอดอลดังกล่าวแต่อย่างใด ฝ่ายหน่วยงานท่องเที่ยวของเมืองยันชื่อ AKB48 ขายได้แน่ และ 3 คนนี้ไม่มีมลทิน ไม่เคยมีข่าวฉาว จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
       
       เพื่อโปรโมตการท่องเที่ยวไต้หวัน โดยเฉพาะสร้างจุดขาย เรียกร้องความสนใจจากประชาชนชาวญี่ปุ่นโดยตรง รัฐบาลเมืองไทเปถึงกับยอมทุ่มเงินถึงเกือบ 7 ล้านเหรียญไต้หวัน ว่าจ้างให้สมาชิก 3 คนของ AKB48 กลุ่มศิลปินสาวที่โด่งดังที่สุดในแดนปลาดิบวินาทีนี้ และยังเป็นที่รู้จักไปทั่วเอเชีย ให้มาเยือนเมืองหลวงของไต้หวัน แต่กลับโดนวิจารณ์อย่างหนักจากสื่อท้องถิ่น และคนในแวดวงดนตรี ว่าเป็นการใช้เงินอย่างไร้ประโยชน์, ไม่เหมาะสม และไม่คุ้มค่า
       
       ในช่วง 2 - 3 ปีที่ผ่านมา AKB48 ได้โด่งดังไปทั่วประเทศญี่ปุ่น ระดับที่เรียกได้ว่าเป็น "ปรากฏการณ์" แห่งธุรกิจบันเทิง ที่มีภาพของสาวๆ กลุ่มนี้อยู่ทุกที่ทุกแห่งในเมืองต่างๆ ของแดนปลาดิบ ผลงานเพลงก็ขายดิบขายดีเกิน 1 ล้านชุดติดต่อกันหลายแผ่น
       
       AKB48 เป็นกลุ่มศิลปินไอดอลที่มีสมาชิกถึงมากกว่า 90 คน ตั้งแต่เด็กสาววัยรุ่น จนถึงสาวอายุ 20 เศษ ที่จะคัดสมาชิกใหม่เข้าร่วมวงในทุกๆปี และแบ่งกลุ่มสมาชิกออกเป็นทีมๆ เพื่อจัดกิจกรรมพิเศษพบปะกับแฟนคลับอยู่เป็นประจำ แต่ในจำนวนสมาชิกเฉียด 100 ชีวิต มีเพียงสมาชิกบางคนเท่านั้น ที่พอจะมีชื่อเสียงชนิดที่ว่าคนในวงนอกที่ไม่ใช่แฟนคลับผู้ติดตามผลงานอยู่เป็นประจำ ที่พอจะคุ้นชื่อ และหน้าตาอยู่บ้าง

       เอเอฟพี - นักร้องรุ่นใหญ่ "หลินอี้เหลียน" (Sandy Lam / 林憶蓮) ชาวฮ่องกงกลายเป็นเจ้าของเกียรติยศสูงสุดสำหรับฝ่ายหญิง ของพิธีมอบรางวัลเพลงภาษาจีนกลาง Golden Melody Awards ซึ่งจัดกันไปที่ไต้หวันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้านรางวัลนักร้องยอดเยี่ยมฝ่ายชายตกเป็นของศิลปินเจ้าถิ่น
       
       แม้จะไม่ได้มาร่วมงานด้วยตัวเองแต่สุดท้าย หลินอี้เหลียน วัย 47 ปี ก็ยังคงได้รับรางวัลเป็นนักร้องหญิงยอดเยี่ยมในการประกาศรางวัล Golden Melody Awards ครั้งล่าสุดที่กรุงไทเปเมื่อค่ำคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา ด้วยผลงานที่กล่าวถึงประเด็นสิ่งแวดล้อม Gaia และตั้งชื่อตามเทพธิดาแห่งพื้นโลกตามตำนานเทพปกรณัมของกรีก
       
       โดยโปรดิวเซอร์ ฉางจือเล่ย (Chang Shi-lei / 常石磊) เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ขอบคุณสำหรับรางวัลบนเวที ซึ่งมีใจความส่วนหนึ่งว่า "ฉันอยากจะขอบคุณกรรมการทุกท่าน ... ครูทุกคน และนักดนตรีทั้งหมดที่เคยได้พบเจอ ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากทุกคน"
       
       ด้วยรางวัลดังกล่าวยังถือว่า หลินอี้เหลียน สามารถเอาชนะนักร้องชื่อดังแห่งยุคอย่าง ไช่อี้หลิน (Jolin Tsai) แห่งไต้หวัน รวมถึง เอลเลน จอย์ซ ลู่ แห่งฮ่องกง และ เติ้งสึฉี หรือ G.E.M จนสามารถคว้ารางวัลนักร้องหญิงยอดเยี่ยมจาก Golden Melody ได้เป็นครั้งแรก นอกจากนั้นผลงานของเธอยังได้ชิงรางวัลอีกถึง 6 สาขา
       

       ทีวีบีเลือกผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย สำหรับการประกวด "มิสฮ่องกง" (Miss Hong Kong) ประจำปี 2013 ออกมาแล้ว ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ว่าในพักหลังเวทีประกวดความงามของฮ่องกงเวทีนี้ ชักจะหาสาวสวยผู้โดดเด่นได้ยากขึ้นทุกที
       
       ในจำนวนสาวสวย 20 คนที่จะมาขึ้นเวทีชิงตำแหน่งผู้หญิงที่สวยที่สุดในเกาะ และเป็นตัวแทนเพื่อขึ้นเวทีระดับนานาชาติ ดูเหมือนว่าสาวหมายเลข 11 ซัมเมอร์ อู๋ (Summer Ng) จะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่เพราะความสวยความงามหรือรูปร่างสัดส่วนอันโดดเด่นแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะการเขียนข้อความต่างๆ ในบล็อคส่วนตัวของเธอต่างหาก
       
       โดยสื่อท้องถิ่นถึงกับเรียกสาวคนนี้ว่าดูเป็น "สาวฮ่องกง" มากๆ โดยเฉพาะกับการชอบเขียนอะไรสุดโต่งแบบไม่ค่อยแคร์ใคร ทั้งที่เคยเขียนว่า "ถ้า หลินฟง (Raymond Lam ดาราชื่อดัง) แต่งงานไป ฉันขอตายดีกว่า" แถมยังเคยเขียนบล็อคด่าสุนัขของตัวเองที่ฉี่ และถ่ายเรี่ยราดไปทั่ว ว่าถ้าทำแบบนี้อีกเธอก็จะจับมาเชือดกินทำเป็นอาหารเลย
       
       โดยในการแถลงข่าวสาวซัมเมอร์ ก็ยังแสดงความมั่นใจเต็มที่ ด้วยการกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า "สิ่งสำคัญที่สุดของมิสฮ่องกงก็คือทั้งรูปลักษณ์ภายนอก และสติปัญญา ฉันคิดว่าตัวเองดูดี และมีการศึกษา ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ตราบใดที่เราพยายามที่สุดค่ะ"
       
       ส่วนสาวงามเบอร์ 1 เคนดี้ เจิ้ง (Kendy Cheung) ก็โดดเด่นด้วยข่าวลือที่ว่าเธออาจจะเป็นลูกหลานมหาเศรษฐีตระกูลหนึ่ง เพราะใน facebook ของเธอมีภาพที่ เคนดี้ เรียนอยู่ในสถานศึกษาสุดดังของฮ่องกง ที่เหล่าลูกหลานคนรวยเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ นอกจากนั้นเธอยังได้ไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน วิทยาเขตเมดิสัน อันโด่งดังด้วย

เรียกได้ว่าตอนนี้มีสถานะเป็นม่ายสาวพราวเสน่ห์เลยทีเดียวสำหรับ"จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung / 張栢芝) นักแสดงสาวที่มีข่าวฉาวภาพหลุดกับ"เฉินกวานซี" (Edison Chen) โดยหลังจากประกาศแยกทางกับ"เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse / 謝霆鋒) อดีตสามีแล้ว ตอนนี้มีข่าวว่าเธอคบเด็กหนุ่มเป็นสมาชิกบอยแบนด์ดังของฮ่องกง
       
       ตามรายงานระบุว่า แอนดี้ เหลียง (Andy Leung / 梁釗峰) นักร้องหนุ่มวัย 27 ปี จากวงบอยแบนด์ C Allstar ของฮ่องกง ได้ปรากฏตัวที่คอนโดของจางป๋อจือเมื่อวันพุธที่ผ่านมา จนเกิดข่าวลือว่าทั้งคู่กำลังคบหากัน
       
       มีรายงานว่า จางป๋อจือ ได้ชวนแอนดี้มายังที่พักของเธอ หลังเจอกันที่งานแห่งหนึ่ง โดยมีคนเห็นนักร้องหนุ่มถอดแว่นตาและนั่งซบไหล่จางป๋อจือขณะทั้งคู่อยู่ในรถ จากนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของคอนโด ก็เห็นทั้งสองคนอยู่ด้วยกันที่คอนโดของฝ่ายหญิงด้วย ซึ่งเขากล่าวด้วยว่า คืนนั้นแอนดี้ไม่ได้กลับออกมาจากคอนโดจางป๋อจือ
       
       แหล่งข่าวเปิดเผยว่า คู่รักที่กำลังเป็นข่าวลืออยู่ในขณะนี้ พบกันครั้งแรกระหว่างถ่ายแบบเมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเหล่าสมาชิก C Allstar ต่างก็ร้องขอถ่ายรูปคู่กับนักแสดงสาวเป็นรายคน โดยแอนดี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่เขาได้ขอแลกเบอร์กับนักแสดงสาวหลังจากเชิญเธอไปดูคอนเสิร์ตของพวกเขา
       

      พระเอกชาวฮ่องกง "เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung) เพิ่งจะอายุครบ 51 ปีไปเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา งานนี้นักแสดงยอดฝีมือยังตัดผมทรงใหม่ฉลองวันเกิดในปีนี้ด้วย
       
       เป็นปกติอยู่แล้วที่ เหลียงเฉาเหว่ย มักจะโพสต์ภาพส่วนตัวให้แฟนๆ ดูกันในวันคล้ายวันทุกๆปีของเขา โดยในปีนี้ภรรยาคนสวย หลิวเจียหลิง (Carina Lau) เป็นผู้โพสต์ภาพสามีให้กับทุกคนดูกันพร้อมอวยพรวันเกิดให้กับเขาก่อน จนกระทั่งเว็บไซต์ของ เหลียงเฉาเหว่ย จึงโพสต์ภาพของพระเอกหนุ่มขวัญใจแฟนหนังฮ่องกงตลอดกาลพร้อมกับผมทรงใหม่ และยังมีเค้กก้อนเล็กๆ ในวันเกิดแบบเรียบง่ายสไตล์ของเขาด้วย
       
       ระหว่างร่วมอีเวนต์งานหนึ่ง หลิวเจียหลิง ยังพูดถึงผมทรงใหม่ของสามีว่า "เขาดูหล่อรึเปล่าค่ะ? คือเขารู้สึกว่าไว้ผมทรง 'ยิปมัน' มาหลายปี เลยอยากจะลองอะไรใหม่ๆบ้าง แน่นอนค่ะว่าฉันชอบ เขาดูดีอยู่แล้วไม่ว่าจะทรงอะไร ตอนนี้คนยิ่งชมว่าเด็กขึ้นด้วยซ้ำ เขาไม่เคยแก่อยู่แล้ว"
       
       หลิวเจียหลิง ยังบอกอีกว่าสามีของเธอขอพรให้ตัวเองมีสุขภาพดีเท่านั้น ไม่ได้ขอเรื่องลูกอย่างที่หลายคนคิดแต่อย่างใด ดาราสาววัย 47 ปี บอกว่าถึงเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงหลายคนพยายามมีลูกกันมากเมื่ออายุเพิ่มขึ้น แต่สำหรับเธอและสามีกลับไม่ได้คิดมากถึงเรื่องนี้แต่อย่างใด "จริงๆ ทุกคนมีวิถีที่แตกต่างกันอยู่แล้ว เพื่อนหลายคนพยายามช่วยหาวิธีขอลูกให้ ซึ่งฉันก็ไม่รู้จะร้องไห้ หรือหัวเราะดี เอาเป็นว่าขอบคุณก็แล้วกันค่ะ"

Manager Online

       หลังเคยทำงานที่พระราชวังฤดูร้อนระหว่างถ่ายทำซีรีส์ "องค์หญิงกำมะลอ" (Princess Returning Pearl / 還珠格格) เมื่อหลายปีก่อน ล่าสุด "ฟั่นปิงปิง" (Fan Bing Bing) ได้กลับมาทำงานที่นี่อีกครั้ง แต่แตกต่างจากที่เคยรับบทเป็นสาวใช้ในซีรีส์ยอดฮิตเรื่องนั้น เพราะในวันนี้เธอได้สวมบทเป็น "ฮองเฮา"
       
       Lady in the Portrait หนังเรื่องใหม่ของ ฟั่นปิงปิง ได้เริ่มเดินกล้องถ่ายทำแล้วที่พระราชวังฤดูร้อนเฉิงเต๋อ ซึ่งตั้งอยู่ในมณฑลเหอเป่ย เป็นผลงานของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ชาร์ลส เดอ มูซ์ โดยผู้สร้างได้ปล่อยภาพ ฟั่นปิงปิง ในโฉมแรกของตัวละครซึ่งเธอสวมบทบาทในหนังเรื่องนี้ออกมาให้ชมกันแล้วด้วย
       
       ซึ่งอย่างที่แฟนๆ หลายคนน่าจะยังคงจดจำได้ ฟั่นปิงปิง วัย 31 ปี เคยร่วมแสดงในซีรีส์สุดฮิต "องค์หญิงกำมะลอ" เมื่อ 16 ปีก่อน ที่ถ่ายทำที่นี่ในบท "จินสั่ว" สาวใช้ผู้ภักดีของ จื่อเว่ย (夏紫薇) นางเอกที่สวมบทบาทโดย หลินซินหยู (Ruby Lin)
       
       การได้กลับมาทำงานที่เหอเป่ย ในงานที่มีฉากหลังอยู่ในยุคสมัยราชวงศ์ชิง เมื่อช่วงรัชสมัยของจักรพรรดิเฉียนหลงอีกครั้ง จึงทำให้หลายๆคนสนใจกันเป็นพิเศษ สำหรับความเปลี่ยนแปลงของดาราคนสวย ที่นอกจากรูปโฉมจะแตกต่างจากเดิมไปพอสมควรแล้ว เธอยังได้เปลี่ยนจากบทสาวใช้ มาแสดงเป็นจักรพรรดินีในหนังเรื่องนี้ด้วย
       

       ดาวบู๊ชาวฮ่องกงกล่าวระหว่างเปิดตัวหนังใหม่ "วิ่งสู้ฟัด 2013" ว่าเขาคงต้องขอกลับคำที่ว่าจะไม่เล่นหนังแอ็กชั่นอีกแล้ว เพราะผลงานเรื่องนี้ก็ยังจะเต็มไปด้วยฉากพะบู๊ดุเดือดเช่นเดิม แต่ก็จะมีเนื้อหาที่หนักแน่นจริงจังด้วย
       
       หลังประกาศว่า CZ12 จะเป็นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่เรื่องสุดท้ายของตนเอง แต่ล่าสุดระหว่างการแถลงเปิดตัวหนังใหม่ที่เซียงไฮ้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เฉินหลง (Jackie Chan) ได้เอ่ยปากขอกลับคำ และยอมรับว่าหนังใหม่ของเขาอย่าง Police Story 2013 ก็จะเป็นหนังแอ็กชั่นเหมือนเดิม
       
       เฉินหลง ยังเล่าว่าเป็นเขาเอง ที่ขอแก้บทเพิ่มฉากแอ็กชั่นที่แต่เดิมไม่มีในบทภาพยนตร์ดั้งเดิมลงไป "บทมีการแก้ไข พัฒนาทั้งเนื้อเรื่อง และใส่ฉากแอ็กชั่นลงไป ผมยังชอบถ่ายฉากบู๊ครับ เพราะมันทั้งตื่นเต้นและรู้สึกสุดยอดจริงๆ เมื่อได้ถ่ายทำฉากเจ๋งๆ โดยไม่ใช้สลิงค์"
       
       "บางทีผมอาจจะประกาศว่านี่คือหนังแอ็กชั่นเรื่องสุดท้ายอีก แต่ถ้าคนยังอยากให้ผมเล่นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่ไปเรื่อย ๆ อีกล่ะ ... ผมก็คงจะเล่นต่อไปอีกน่ะครับ" แจ็คกี้ ชาน กล่าว "คิดว่าสุดท้ายก็คงเล่นต่อไปอยู่ดี ...ทำไมไม่มีผู้กำกับคนไหนให้ผมเล่นหนังรักบ้างเลยนะ"

       แม้จะยังเป็นหนังบู๊ตามถนัดเหมือนเดิม แต่ เฉินหลง ยังบอกอีกกว่า Police Story 2013 จะมีเนื้อหาที่จริงจังมากขึ้น ที่ในหนังเรื่องนี้เขาจะสวมบทบาทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่ชาวจีนผู้มีจิตใจมั่นคง แตกต่างจากบทตำรวจฮ่องกงในหนังภาคก่อนหน้าอยู่พอสมควร
       

นักแสดงนำสองคนของหนังดรามาเกี่ยวกับศิลปะป้องกันตัว Unbeatable สามารถคว้ารางวัลได้ทั้งในสาขานำแสดงชาย และหญิง ในการมอบรางวัลเพื่อปิดฉากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซียงไฮ้ โดยฝ่ายหญิงยังเป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่มีอายุแค่ 10 ขวบเท่านั้น

       รูดม่านปิดฉากไปแล้วสำหรับเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเซียงไฮ้ครั้งที่ 16 เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมาโดยหนังรัสเซียเรื่อง The Major และหนังสวีเดน Reliance สามารถคว้ารางวัลสำคัญไปได้กันคนละ 3 สาขา
       
       แต่สำหรับดาวเด่นของค่ำคืนในวันนั้นก็คือหนังฮ่องกง Unbeatable ผลงานใหม่ของคนทำหนังดาวเด่นของวงการหนังจีนยุคนี้อย่าง ดังเต้ แลม ที่เล่าเรื่องของสองนักสู้ต่างวัย บนสังเวียนศิลปะป้องกันตัวผสมผสานแนว MMA ที่ จางเจียฮุย (Nick Cheung ) ซึ่งสวมบทเป็นอดีตนักมวยที่หวนคืนสู่สังเวียนอีกครั้ง สามารถคว้ารางวัลนักแสดงนำชายไปได้ เช่นเดียวกับเด็กหญิงวัย 10 ปี คริสตัล ลี (Crystal Lee) ชาวมาเลเซียที่ร่วมรับบทนำในเรื่อง ก็คว้ารางวัลนักแสดงนำหญิงมาได้เช่นเดียวกัน
       
       Unbeatable กลายเป็นงานที่คนให้ความสนใจกันตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ จางเจียฮุย ทุ่มทุนฟิตหุ่นเพื่อรับบทนำในหนังเรื่องนี้โดยเฉพาะ โดยเขากล่าวถึงความภูมิใจในรางวัลที่ได้รับว่า
       
       "ไม่ง่ายนะครับที่จะคว้ารางวัลในเซียงไฮ้ ที่มีหนังต่างชาติเข้ามาร่วมประกวดด้วย เป็นการแข่งขันที่โหดหินทีเดียว และผมเองก็ทั้งดีใจ และแปลกใจมากๆด้วยที่ คริสตัล ที่ยังอายุน้อยมากๆ กลายเป็นราชินีจอเงินไปแล้ว สำหรับตัวผมเองก็จะพยายามทำงานหนักต่อไป และขอบคุณเพื่อนนักแสดง และทีมงานทุกคนสำหรับการทำงานหนักของทุกคนด้วย" จางเจียฮุย วัย 45 ปี ที่อาชีพนักแสดงรุ่งสุดๆ เมื่ออายุย่างเข้าเลข 4 กล่าว

จากสตันต์แมน, สู่ผู้กำกับคิวบู๊ยอดฝีมือในวงการ และกลายเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนานแห่งวงการหนังกังฟู “หลิวเจียเหลียง” (Liu Chia-liang / Lau Kar-leung / 劉家良 / 刘家良) ที่มีผลงานอมตะมากมายตั้งแต่ยุค 60s เป็นต้นมา ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 76 ปี นับเป็นความสูญเสียอีกครั้งสำหรับวงการหนังฮ่องกง
       
       สื่อในฮ่องกงได้เปิดเผยว่า หลิวเจียเหลียง ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 25 มิ.ย. ด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวขณะที่มีอายุ 76 ปี หลังมีอาการป่วยมาหลายปี และแทบไม่มีผลงานให้เห็นเลยในระยะหลัง
       
       หลิวเจียเหลียง เกิดเมื่อวันที่ 28 ก.ค. 1936 ใน กวางโจว เป็นลูกชายของ หลิวชาน ครูมวยหงกวน ซึ่งเป็นศิษย์หลานของหวงเฟยหงผู้โด่งดัง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเองจะได้เริ่มเรียนมวยสายนี้มาตั้งแต่อายุแค่ 5 ขวบ
       
       โดยในช่วงวัยรุ่นเขามีโอกาสได้ใช้ความสามารถด้านหมัดมวย ทำงานเป็นสตันต์แมนในวงการภาพยนตร์ และได้เล่นหนังเกี่ยวกับ “หวงเฟยหง” ในยุคหนังขาวดำอยู่หลายเรื่อง จนอาชีพก้าวหน้าได้รับมอบหมายให้ทำงานเป็นผู้กำกับคิวบู๊ออกแบบฉากต่อสู้ในหนังขณะที่มีอายุได้แค่ 20 เศษเท่านั้น
       
       กระทั่งในกลางยุค 60s ความยิ่งใหญ่ของ หลิวเจียเหลียง จึงเริ่มต้นขึ้นเมื่อเขาได้มีส่วนร่วมออกแบบฉากต่อสู้ในหนังกำลังภายในยุคใหม่หลายเรื่อง ถือว่าเป็นผู้มีส่วนร่วมต่อการปฏิวัติฉากต่อสู้ในหนังฮ่องกง โดยเฉพาะ “เดชไอ้ด้วน” ของ จางเชอะ ที่กลายเป็นต้นแบบของหนังกำลังภายในยุคนั้นไปโดยปริยาย
       

เรียกได้ว่าหน้าตาดีไม่ผิดพ่อผิดแม่ทีเดียวสำหรับหนูน้อย"ลูคัส" (Lucas) และ "ควินตัส" (Quintus) ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของ"จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung) และ"เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse) 2 นักแสดงดังชาวฮ่องกง ซึ่งภาพถ่ายล่าสุดที่จางป๋อจือนำออกมาเผยให้แฟนๆได้ชม สร้างความสนใจได้ไม่น้อยเมื่อหนูน้อยทั้งสองเริ่มตัวโตแล้ว
       
       ภาพถ่ายชีวิตประจำวันของหนูน้อย ลูคัส และ ควินตัส ได้ถูกเผยแพร่ออกสื่ออย่างมากมายในช่วงที่ผ่านมา เรียกความสนใจจากแฟนๆ ที่ได้เห็นเด็กน้อยทั้งสองเริ่มโตแล้วและมีหน้าตาสดใสแม้ว่าครอบครัวจะแตกแยกก็ตาม
       
       นับตั้งแต่ที่ เซียะถิงฟง และ จางป๋อจือ ประกาศหย่าขาดจากกันเมื่อ 2 ปีก่อน จางป๋อจือ ก็เลือกที่จะรับงานบันเทิงให้น้อยลง และใช้เวลาส่วนใหญ่ทั้งหมดทุ่มเทให้ลูกๆเพื่อทำหน้าที่แม่อย่างสมบูรณ์ โดยมีคนเห็นเธอพาลูกๆทั้งสองออกท่องเที่ยวด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง
       
       ซึ่งภาพที่ทำให้แฟนๆชื่นชม คือภาพที่เผยให้เห็นความสนิทสนมของ 3 แม่-ลูก เมื่อลูกชายช่วยเป่าผมและหวีผมให้แม่ รวมถึงภาพที่เด็กๆคอยดูแลแม่เวลาที่จางป๋อจือป่วยด้วย
       
       โดยการให้สัมภาษณ์ล่าสุด เซียะถิงฟง ได้ยกเครดิตทั้งหมดให้กับจางป๋อจือ ที่อบรวมสั่งสอนลูกชายเป็นอย่างดี "เครดิตหลักๆที่ลูกชายผมเป็นเด็กดี ผมขอยกความดีทั้งหมดให้กับแม่ของพวกเขาเลยครับ"

Manager Online

       ท่ามกลางกระแสวิจารณ์ความน่าเชื่อถือของระบบโหวต นางแบบสาว "พัฟ กัว" (Puff Guo / Guo Xue Fu / กัวเสวี่ยฝู / 郭雪芙) คือผู้ครองตำแหน่งผู้หญิงไต้หวันที่เซ็กซีที่สุดในปี 2013 ของ FHM เอาชนะแชมป์สองสมัย" แอมเบอร์ แอน" (Amber Ann) ไปได้ในท้ายที่สุด
       
       นางแบบสาว พัฟ กัว วัย 24 ปี ที่มีงานในวงการบันเทิงตั้งแต่ งานถ่ายแบบ,โฆษณา และงานแสดง คือผู้ที่ได้รับเสียงโหวตจากชาวไต้หวันให้ขึ้นครองที่ 1 ของการจัดอันดับโดยนิตยสาร FHM เพื่อค้นหา 100 สาวเซ็กซีของไต้หวันประจำปี 2013 เอาชนะสาวเซ็กซีผู้เคยครองตำแหน่งในปีก่อนๆได้ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น แอมเบอร์ แอน, ซอนยา ซุย (Sonia Sui), หลินจือหลิง (Lin Zhi Ling) และ วิเวียน ซู (Vivian Hsu)
       
       อย่างไรก็ตาม กลับมีเสียงวิจารณ์ออกมา ถึงเหตุผลที่ซูเปอร์โมเดลคนนี้ได้รับตำแหน่ง ว่าไม่ได้มาจากเสียงโหวตของชาวไต้หวันจริงๆทั้งหมด แต่เป็นผู้จัดอันดับเองที่ล็อกผล เพื่อมอบรางวัลให้กับผู้ที่พร้อมมาร่วมงานมอบรางวัลครั้งนี้เท่านั้น
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ก็เพิ่งจะมีข่าวว่าสาว แอมเบอร์ แอน ที่ได้รับอันดับ 6 ในปีนี้ ถึงกับปฏิเสธที่จะมาร่วมงาน เพราะไม่อยากมาเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นๆ และเสียงวิจารณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในการให้สัมภาษณ์ แอมเบอร์ แอน ยืนยันว่าเธอไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่ได้ผิดหวังที่ในปีนี้ตัวเองไม่ได้อันดับ 1 "ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นที่ 1 ไปตลอดกาล แค่เคยเป็นก็ถือว่าดีแล้ว การแข่งขันแบบนี้ทำให้เราพัฒนาด้วยซ้ำไปค่ะ"

Manager Online

หลังจากที่มีการโปรโมทเทศกาลภาพยนตร์เมืองจีนครั้งที่ 5 พร้อมฉายหนัง The Grandmasters เปิดงานในประเทศเกาหลี งานนี้มีเพื่อนนักแสดงจากแผ่นดินจีนอย่าง"เหลียงเฉาเหว่ย" (Tony Leung) และ "จางจื้อยี่" (Zhang Ziyi) มาร่วมงานและสาวแดนโสมเจ้าของพื้นที่อย่าง "ซองเฮเคียว" (Song Hye Kyo) ให้การต้อนรับอย่างดี ด้านผู้กำกับมากฝีมือ"หว่องกาไว" (Wong Kar Wai) ถึงขั้นเอ่ยชมนักแสดงสาวเกาหลีออกสื่อเป็นดาราสาวที่สวยที่สุดในเอเชียบอกหน้าตาสมบูรณ์แบบ
       
       ตามรายงานระบุว่า ก่อนหน้าที่งานดังกล่าวจะเริ่มช่างภาพปาปารัสซีเห็นซองเฮเคียว นักแสดงสาวชาวเกาหลีใต้ปรากฏตัวอยู่ที่ร้านเสริมสวยในย่านกังนัม เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนวันงาน เพื่อร่วมโปรโมทภาพยนตร์ The Grandmasters ที่เข้าฉายในต่างประเทศ
       
       ทางด้านซองเฮเคียว ที่ก่อนหน้านี้ยุ่งอยู่กับการถ่ายทำละครเรื่อง THAT WINTER, THE WIND BLOWS จนไม่สามารถเดินทางไปร่วมโปรโมทภาพยนตร์พร้อมกับนักแสดงรายอื่นๆในประเทศต่างๆ ก็ได้เตรียมตัวเต็มที่ เพื่อเดินพรมแดงพร้อมกับผู้กำกับและนักแสดงรายอื่นที่มาเยือนถึงเกาหลีใต้
       
       อย่างไรก็ตาม ตามรายงานจากดีไซเนอร์และช่างทำผมของเธอระบุว่า นักแสดงสาวได้ร้องขอให้เสื้อผ้าและเครื่องประดับของเธอเป็นอะไรที่เรียบง่ายมากที่สุด โดยเธอระบุว่า การร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์เมืองจีนครั้งนี้ นักแสดงที่ควรได้รับการจับตามอง คือนักแสดงจากเมืองจีนที่เดินทางมาเยือนเกาหลีไม่ใช่ตัวเธอ
       

       นักแสดงสาวยอดฝีมือชาวจีน และศิลปินหนุ่มคนดังจากไต้หวันที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกันในหนังอีโรติกของ "อังลี" จะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง ในหนังฮอลลีวูดผลงานการกำกับของ "ไมเคิล มานน์" ที่มี "คริส แฮมสเวิร์ธ" (Chris Hemsworth) รับบทนำ
       
       หลังร่วมเข้าฉากใน Lust, Caution เมื่อ 5 ปีก่อน ล่าสุด ทังเวย (Tang Wei) กับ หวังลี่หง (Wang Lee Hom) ได้จะมีโอกาสร่วมแสดงในหนังใหม่ของ ไมเคิล มานน์ เป็นงานแนวระทึกขวัญที่เกี่ยวกับโลกไซเบอร์ซึ่งมี Legendary Pictures เป็นผู้สร้าง โดยข่าวรายงานว่าหนังจะมีความใกล้เคียงกับผลงานเก่าของ มานน์ อย่าง Heat แต่จะมีเรื่องของเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการโจรกรรมทางไซเบอร์ และสงครามไซเบอร์
       
       หนังที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการเรื่องนี้ยังจะเดินทางไปถ่ายทำทั้งที่ ลอสแอนเจลิส, ฮ่องกง และอีกหลายแห่ง ส่วนพล็อตยังไม่มีการเปิดเผยออกมา นอกจากรายละเอียดเกี่ยวกับตัวละครที่ว่า ทังเวย กับ หวังลี่หง จะสวมบทบาทเป็นพี่น้องกัน นอกจากนั้นตัวละครของ ทังเวย ก็จะมีความสัมพันธ์กับตัวละครเอกของ คริส แฮมสเวิร์ธ ด้วย โดยหนังเพิ่งจะเปิดกล้องกันไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
       
       ในวันที่ตลาดหนังจีนผงาดขึ้นมาเป็นตลาดหนังอันดับ 2 ของโลกรองจากฮอลลีวูด ทังเวย ถือว่าเป็นนักแสดงสาวจีนอีกคนที่ได้โอกาสรับงานหนังจากอเมริกา ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าต้องการใช้ดาราจีนมาดึงดูความสนใจของนักดูหนังที่นั่น เช่นเดียวกับ ฟั่นปิงปิง (Fan Bing Bing) ที่จะได้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ใน X-Men ภาคต่อไป ส่วน หลี่ปิงปิง (Li Bing Bing) ก็ได้ร่วมแสดงใน Transformers ภาคใหม่ของ ไมเคิล เบย์ ด้วย

      สร้างความฮือฮาไม่น้อยเมื่อสื่อในสิงคโปร์รายงานว่า สาวงาม 16 คนที่เข้ารอบสุดท้ายเพื่อชิงมงกุฏ "มิสสิงคโปร์ยูนิเวิร์ส 2013" เป็นสาวเชื้อสายจีนทั้งหมด ทั้งๆที่ประเทศยังมีประชากรเชื้อสายมาเลย์ และอินเดียอยู่ในจำนวนไม่น้อยก็ตาม
       
       สื่อท้องถิ่น The New Paper รายงานว่า Derrol StePenny Promotions ผู้รับผิดชอบการจัดประกวด มิสสิงคโปร์ยูนิเวิร์ส ประจำปี 2013 ต้องโดนโจมตีอย่างหนัก กับการตัดสินใจเลือกสาวงามผู้ผ่านเข้ารอบสุดท้าย 16 คนเป็นคนเชื้อสายจีนทั้งหมด
       
       โดยฝ่าย เพนนี เผิง หนึ่งในเจ้าของ Derrol StePenny Promotions ก็ยอมรับกับสื่อว่า นี่ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 12 ปี ที่การประกวดค้นหาสาวงามที่สุดในสิงคโปร์เวทีนี้ มีผู้ผ่านเข้ารอบเป็นสาวจีนทั้ง 16 คน
       
       สิงคโปร์ที่มีประชากรทั้งหมดประมาณ 5.3 ล้านคน ประกอบไปด้วยคนเชื้อสายจีนมากที่สุด 74.2% อย่างไรก็ตามก็ยังมีประชากรเชื้อชาติอื่นๆ อยู่ในจำนวนที่มากพอสมควร โดยเฉพาะคนมาเลย์ 13.2% และคนอินเดีย 9.2% โดยที่ผ่านมาส่วนใหญ่แล้วสาวจีนก็มักจะเป็นดาวเด่นบนเวทีประกวดมิสสิงคโปร์ยูนิเวิร์ส และคว้ามงกุฏไปได้ในท้ายที่สุดอยู่เป็นประจำ แต่ปรากฏการณ์ที่ไม่มีสาวเชื้อสายอื่นๆ ได้ขึ้นประกวดแบบนี้ นับว่าแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
       
       จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน ที่กองประกวดเผยโฉมภาพของสาวงามผู้ผ่านเข้ารอบทั้ง 16 คน ที่ล้วนเป็นคนจีนทั้งหมด ได้ทำให้เกิดกระแสที่คนสิงคโปร์จำนวนหนึ่งไม่พอใจ และไปแสดงความคิดเห็นใน Facebook ของกองประกวดอย่างรุนแรง โดยเฉพาะข้อกล่าวหาที่ว่ากองประกวดกำลังแสดงออกถึงจุดยืนเหยียดเชื้อชาติ ด้วยการจงใจเลือกผู้เข้าประกวดเป็นคนจีนทั้งหมด ขณะที่บางคนก็โจมตีว่านี่มันคือการประกวด มิสสิงคโปร์ หรือ มิสไชนิส สิงคโปร์ กันแน่

แม้จะไม่ได้เป็นดาราระดับพระเอก แต่ด้วยหน้าตาหล่อเหลา และความสูงที่มากกว่านักแสดงชาวจีนในยุคนั้นโดยทั่วไปทำให้ "หลีฮั่นฉือ" (Newton Lai / 黎漢持 / Lai Han Chi) ยังเป็นที่จดจำของแฟนๆหนังฮ่องกง รวมถึงหนังชุดทีวีบีในยุค 80s และเป็นข่าวเศร้าของแฟนๆอีกครั้ง เมื่อมีรายงานข่าวว่าเขาได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 62 ปี
       
       มีรายงานข่าวจากฮ่องกงว่านักแสดงรุ่นใหญ่ นิวตัน หลี่ฮั่นฉือ ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. โดยเพื่อนนักแสดงจากหนัง Tales From The Dark 2 ผลงานล่าสุดของเขาเป็นผู้เปิดเผยถึงเรื่องนี้ ต่อมาข่าวได้รับการยืนยัน และแฟนๆ รวมถึงเพื่อนฝูง กับรุ่นน้องในวงการต่างจึงร่วมแสดงความเสียใจ
       
       โดยผู้อำนวยการสร้างของหนัง Tales From The Dark 2 เปิดเผยว่านักแสดงรุ่นใหญ่เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลมาตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว และสิ้นลมลงในคืนวันพฤหัสด้วยสาเหตุโรคปอดอักเสบ
       
       แม้จะออกจากวงการบันเทิงไปหลายปี และหันไปทำงานเป็นหมอดูฮวงจุ้ยแต่ หลีฮั่นฉือ ยังคงติดต่อกับคนในวงการบันเทิงอยู่เป็นระยะ และเพิ่งมีโอกาสได้กลับมารับงานแสดงในหนังสยอง Tales From the Dark ของผู้กำกับ หลิวกัวะจาง ที่เพิ่งถ่ายทำเสร็จสิ้นไป ซึ่งระหว่างร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมาเขาดูมีรูปร่างที่ผอมลงไปกว่าเดิมมาก แต่ก็ยังดูกระปรี้กระเปร่า คนจึงไม่คิดว่าเขาจะจากไปอย่างกะทันหันเช่นนี้
       

       หลังมีข่าวท้องก่อนแต่งแพร่สะพัดอยู่ช่วงหนึ่ง ล่าสุด "เฉินห้าว" (Moses Chan) ได้เข้าพิธีแต่งงานกับดาราสาว "เฉินอิงเหว่ย" (Aimee Chan) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยจัดพิธีขึ้นที่กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ที่ว่ากันว่ามีค่าใช้จ่ายในพิธีร่วม 3 ล้านเหรียญฮ่องกงกันเลยทีเดียว
       
       หลังคบหากันมาหลายปีในที่สุด เฉินห้าว วัย 42 ปี ได้จูงมือแฟนสาวอดีตมิสฮ่องกง เฉินอิงเหว่ย วัย 32 ปี เข้าพิธีแต่งงานกันที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทั้งคู่ได้ยืนยันข่าวกับสื่อมวลชนในวันที่ 12 มิ.ย. พร้อมส่งภาพหวานระหว่างพิธีให้แฟนๆได้ชมกันด้วย
       
       ตามข่าวของ Apple Daily เฉินห้าว และแฟนสาวได้จดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่เดือน พ.ค. แล้วก่อนจะบินไปฝรั่งเศสพร้อมพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายในวันที่ 9 มิ.ย. เพื่อจัดงานแต่งงานขึ้นที่นั่น ซึ่งสื่อในฮ่องกงระบุว่า การเดินทางจากฮ่องกงเพื่อเข้าประตูวิวาห์ที่เมืองน้ำหอมครั้งนี้ มีค่าใช้จ่ายประมาณ 3 ล้านเหรียญฮ่องกง หรือ 11.8 ล้านบาทเลยทีเดียว
       
       โดยในงานเจ้าสาวสวมชุดวิวาห์สีขาวของดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่มีราคาประมาณ 68,200 เหรียญฮ่องกง (269,000 บาท) ส่วนในช่วงงานเลี้ยง สาวสวยอดีตเจ้าของมงกุฏมิสฮ่องกงในปี 2006 มาในชุดราตรีสีดำ
       
       สื่อฮ่องกงยังเชื่อว่าภาพจากพิธีทั้งหมด ล้วนเน้นถ่ายภาพช่วงครึ่งตัวบนเป็นหลัก ก็เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงที่จะเผยส่วนท้อง ที่อาจบ่งบอกได้ว่าเจ้าสาวกำลังอยู่ใช่ช่วงตั้งครรภ์ 3 เดือนนั่นเอง
       
       ซึ่งในงานครั้งนี้มีเพื่อนจากวงการบันเทิงมาร่วมงานเพียง 2 คนเท่านั้น เพราะเจ้าบ่าวเจ้าสาวต้องการให้พิธีเป็นเรื่องของครอบครัวมากกว่า ส่วนใหญ่จึงทำได้แค่อวยพรให้เจ้าบ่าวเจ้าสาวผ่านทางบล็อคส่วนตัวกันไปก่อน

เป็นข่าวเศร้าสำหรับแฟนหนังชุดของทีวีบีฮ่องกงอีกครั้ง เมื่อมีรายงานการเสียชีวิตของนักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ "ซูชิงฉวน" (So Hung-shuen / 蘇杏璇 / 苏杏璇) ที่แม้จะไม่ใช่ดาราซูเปอร์สตาร์ที่มีแฟนคลับมากมาย แต่บทสมทบมากมายที่เธอได้ฝากเอาไว้ในช่วงยุคทองของทีวีบี ก็ทำให้การแสดงของดาราหญิงท่านนี้ ยังอยู่ในความทรงจำของผู้ชมทุกคน
       
       ตามข่าว ซูชิงฉวน ป่วยเป็นโรคเบาหวานมาหลายปีแล้ว จนกระทั่งเสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 12 มิ.ย. ที่ผ่านมาที่โรงพยาบาลควีนอลิซาเบ็ธในฮ่องกงด้วยวัย 61 ปี โดยระยะหลังเพราะโรคร้ายยังทำให้เธอไม่สามารถขยับเขยื่อนขาซ้ายได้ และต้องเข้ารับการผ่าตัดหลายครั้ง นอกจากนั้น ดารารุ่นใหญ่ยังมีอาการแทรกซ้อนของโรคเส้นเลือดในสมอง และแผลในช่องท้อง ที่ทำให้สุขภาพของเธอทรุดโทรมลงมากในช่วงหลัง
       
       ซูชิงฉวน มีภูมิลำเนาเดิมอยู่ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ก่อนจะย้ายมาอาศัยอยู่ในฮ่องกง และได้เข้าเป็นนักเรียนการแสดงรุ่นที่ 1 ของทีวีบีในปี 1972 หลังจากนั้นจึงมีโอกาสได้รับงานแสดงตั้งแต่ในยุค 70s, 80s จนถึง 90s และออกจากการเป็นนักแสดงในสังกัดของสถานีโทรทัศน์ชื่อดังแห่งฮ่องกงไปเมื่อปี 2003
       
       ในช่วง 4 - 5 ปีหลัง ซูชิงฉวน ยังรับงานแสดงให้เห็นอยู่บ้าง แม้จะไม่ได้มากเช่นเดิม และเพิ่งจะคว้ารางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมบทในหนัง Life Without Principle ของ ตู้ฉีฟง ในงานตุ๊กตาทองฮ่องกงครั้งที่ 31 เมื่อปี 2012 ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเพราะเธอต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงไม่สามารถเดินทางไปรับรางวัลครั้งนั้นได้ด้วยตัวเอง
       

การประกวด "มิสฮ่องกง" ประจำปี 2013 ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว สำหรับการรับสมัครสาวงามในรอบแรกภายใต้แนวคิด "เหนือจินตนาการ" อย่างไรก็ตามหลังมีการเผยโฉมสาวงามที่ผ่านรอบคัดเลือกเข้ามา เสียงส่วนใหญ่ยังคงไม่ค่อยพอใจในคุณสมบัติรูปร่างหน้าตาของสาวงามที่ดูไม่โดดเด่นพอ

       สื่อมวลชน และชาวฮ่องกงลงความเห็นว่าในจำนวนสาวงาม 129 คนที่มารายงานตัวในวันแรกของการประกวด มิสฮ่องกง ประจำปี 2013 มีแค่บางคนเท่านั้นที่ดูสวยน่ารัก และพอใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่ยังดูไม่ได้มาตรฐานสำหรับการประกวดที่มีเป้าหมายในการค้นหาสาวสวยที่สุดในฮ่องกง
       
       เมื่อปีก่อนเวทีประกวด มิสฮ่องกง เกิดปัญหาขึ้นมากมาย ตั้งแต่เริ่มต้นที่ผู้กำกับดัง หวังจิง ออกปากวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนว่าหากไม่สามารถดึงดูดสาวสวยที่โดดเด่นให้มาขึ้นเวทีประกวดได้เหมือนแต่ก่อน TVB ก็ควรจะเลิกจัดการประกวดเวทีนี้ไปเลยจะดีกว่า
       
       ต่อมาเมื่อถึงวันประกวดในรอบสุดท้ายระบบโหวตออนไลน์ที่ทางกองประกวดริเริ่มขึ้นมา เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านได้มีโอกาสเลือกสาวที่สวยที่สุดในฮ่องกงก็มีปัญหาล่มอีก จนสุดท้ายต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ด้วยการให้คณะกรรมการเป็นผู้เลือกสาวงามที่เหมาะสมแทน จนเกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมากมาย
       
       อย่างไรก็ตามมาในปีนี้ทาง TVB ผู้รับผิดชอบการประกวดยังคุยว่า มีสาวๆทั้งที่อาศัยอยู่ในฮ่องกง และในต่างประเทศ สนใจในเวทีมิสฮ่องกงเหมือนเดิม และมีผู้ส่งใบสมัครเข้ามาถึง 2,000 คน แต่จะมีเพียงแค่ 400 คนที่ถูกคัดเลือกสำหรับรอบแรกเท่านั้น ซึ่งในวันแรกมีสาวสวย 129 คนมารายงานตัวกัน โดยส่วนใหญ่มีการศึกษาระดับปริญญาตรี และมีถึง 10 คนที่จบระดับปริญญาเอก โดยจะมีการคัดเลือกสาวงามให้เหลือ 60 - 70 คนสำหรับรอบต่อไป และคัดให้เหลือ 19 คนสำหรับขึ้นประกวดในรอบสุดท้าย
       

       กลายเป็นข่าวใหญ่สั่นสะเทือนวงการบันเทิงไต้หวัน เมื่อสัมพันธ์ชู้สาวระหว่างนักร้องหนุ่ม "ชอว์น เฉียน" (Shawn Chien / 簡翔棋) และหญิงสาวคนหนึ่ง ถึงกับทำให้ภรรยาของฝ่ายชายเสียใจและรับไม่ได้ จนตัดสินใจฆ่าตัวตาย ด้วยการกระโดดลงมาจากตึกในมาเก๊า
       
       สื่อบันเทิงไต้หวันได้เปิดเผยว่า อลิสย่า เยี่ยหลิงฮั่น (Alisya Yeh / 葉翎涵) วัย 24 ปี ภรรยาของ ชอว์น เฉียน อดีตสมาชิกวง Choc7 ได้ตัดสินใจดับชีวิตตัวเองด้วยการกระโดดตึกฆ่าตัวตายเมื่อวันที่ 31 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเชื่อกันว่าสาเหตุมาจากความเสียใจ และรับไม่ได้ ที่สามีของเธอไปมีสัมพันธ์กับผู้หญิงคนหนึ่ง และล่าสุดฝ่ายชายก็ได้ยอมรับผ่าน Facebook ว่าข่าวดังกล่าวเป็นความจริง
       
       จากข้อมูลของสื่อระบุว่าเมื่อวันที่เกิดเหตุขึ้น คู่สามีภรรยามีปากเสียกันใหญ่โตในช่วงเช้า จนต่อมาฝ่ายหญิงได้วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า และกระโดดลงมาจนถึงแก่ความตาย โดยข่าวเปิดเผยว่าฝ่ายชายยังอยู่ในเหตุการณ์และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น
       
       ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีที่มาจากที่ฝ่ายสามี อดีตนักร้องหนุ่มวัย 29 ปี ที่ตอนนี้ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่แผนกประชาสัมพันธ์ของโรงแรมแซนส์ มาเก๊า โฮเตล ได้แอบไปมีสัมพันธ์กับหญิงสาวคนหนึ่งที่สื่อเรียกว่า "สวี่" โดยทั้งภรรยา และหญิงสาวคนนี้เคยมีโอกาสเจอหน้าและกระทบกระทั่งกันหลายครั้ง แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายชายจะอยู่ข้างผู้หญิงคนใหม่ตลอด จนทำให้ภรรยาของเขาเสียใจเป็นอย่างมาก
       
       ยังมีการเปิดเผยข้อความที่ฝ่ายมือที่สามส่งมาให้กับ อลิสย่า เยี่ย ว่า "ฉันรู้ว่าเธอจะไม่หย่ากับเขา แต่เราก็จะไม่เลิกกันด้วย"