ข่าวญี่ปุ่น

       หลังผลงานในช่วงปีที่ผ่านมาของ EXO สามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย ล่าสุดมีข่าวเปิดเผย บอยแบนด์พุ่งแรงแห่งวงการบันเทิงเกาหลีใต้เตรียมกลับมาออกผลงานใหม่ในเดือนหน้า ที่ต้นสังกัดหวังว่าจะช่วยทำให้ยอดขายรวมของหนุ่ม ๆ กลุ่มนี้ในปี 2013 รวมแล้วทะลุไปถึง 1 ล้านแผ่น
       
       จากอัลบั้มชุดแรก XOXO ที่ออกจำหน่ายในเดือน มิ.ย. ที่มีเพลงฮิต Wolf เป็นเพลงเด่นสามารถทำยอดขายได้อย่างถล่มทลาย ก่อนจะสานต่อความดังด้วยการเปลี่ยนปกและเพิ่มเพลง Growl ในเดือน ส.ค. ที่ถือว่าสร้างความฮือฮาได้ไม่แพ้กันจนทำให้ EXO แทบจะกลายเป็นวงบอยแบนด์ที่ดังที่สุดในปี 2013 ไปแล้ว ล่าสุดมีรายงานว่าบอยแบนด์สุดดังแห่งเกาหลีใต้พร้อมกลับมาออกผลงานอีกครั้งในเดือนหน้านี้แล้ว
       
       โดยตอนนี้ EXO ยังคงทำงานต่อเนื่อง โดยเฉพาะกิจกรรมในต่างประเทศ และการเตรียมตัวเพื่อขึ้นคอนเสิร์ตเวทีใหญ่ Asia Song Festival และ 2013 Changwon K-Pop World Festival รวมถึงงานของสมาชิกแต่ละคนไม่ว่าจะเป็นการให้สัมภาษณ์, ออกรายการโทรทัศน์ และถ่ายภาพนิ่งต่างๆ แต่ล่าสุดก็มีข่าวออกมาว่าพวกเขายังกลับไปเข้าห้องอัดเพื่อบันทึกเสียงผลงานลำดับต่อไปแล้ว
       
       ข่าวระบุว่าอันที่จริงทางวง และต้นสังกัดได้เตรียมเพลงบางเพลงเอาไว้ตั้งแต่ปีก่อนแล้ว ซึ่งกระแสความสำเร็จที่เกิดขึ้นตลอดทั้งปีของหนุ่มๆ EXO คือสาเหตุสำคัญที่ให้ทาง S.M. Entertainment รีบสานต่อกระแสความสำเร็จ และหวังว่าซิงเกิลล่าสุดที่มีกำหนดออกในเดือน พ.ย. จะยังคงร้อนแรงต่อไป
       

อนิเมชั่นสำหรับฉายทางโทรทัศน์ที่ถือว่าออกอากาศมายาวนานที่สุดในโลกอย่าง "ซาซาเอะ-ซัง" (Sazae San) ได้เปลี่ยนรูปแบบการผลิตจากการวาด และลงสีด้วยมือ ไปเป็นวิธีวาดภาพด้วยดิจิตอลอย่างเต็มรูปแบบในต้นเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นการปิดฉากยุคสมัยของ "การ์ตูนที่วาดด้วยมือ" ของญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
       
       ก่อนหน้านี้ ซาซาเอะ-ซัง ที่ออกอากาศมาถึง 2,250 ตอน คือการ์ตูนทางโทรทัศน์เรื่องเดียว และเรื่องสุดท้ายของญี่ปุ่นที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยการวาดมือล้วนๆ จากเทคนิค "เซลแอนิเมชั่น" (Cel Animation: การวาดภาพด้วยมือลงบนแผ่นเซลใสทีละแผ่น) จนกระทั่ง มีการใช้คอมพิวเตอร์มาช่วยในการวาดและลงสีเพิ่มขึ้นในปี 2005 อย่างไรก็ตาม ล่าสุดผู้สร้างได้ตัดสินใจที่จะผลิต ซาซาเอะ-ซัง ด้วยวิธีดิจิตอลอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่ตอนในวันที่ 6 ต.ค. นี้เป็นต้นมา
       
       ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา มีบริษัทผลิตแอนิเมชั่นในญี่ปุ่นหลายแห่ง ที่ตัดสินใจเปลี่ยนวิธีการผลิตจากการวาดด้วยมือ มาเป็นการวาดและลงสีในคอมพิวเตอร์อย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการ์ตูนดัง 2 เรื่องที่พยายามรักษาวิธีการสร้างแบบดั้งเดิมไว้ให้ได้นานที่สุดอย่าง จิบิ มารุโกะ-จัง (Chibi Maruko-chan) และ โดราเอมอน (Doraemon) แต่สุดท้ายผลงานทั้งสองเรื่องก็ต้องหันมาผลิตด้วยวิธีดิจิตอลในปี 1999 และ 2002 ตามลำดับ
       
       ส่วนบริษัทยักษ์ใหญ่ในวงการแอนิเมชั่นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Studio Ghibli, Sunrise และ Toei Animation ได้เปลี่ยนมาใช้วิธีแบบดิจิตอลมาตั้งแต่ยุค 90s แล้ว แต่สำหรับบริษัทที่เกิดขึ้นภายหลัง อาทิ Gonzo และ Satelight นั้นเลือกผลิตงานด้วยวิธีดิจิตอลมาตั้งแต่เริ่มแรกเลย
       

       ดาวตลกชื่อดังชาวญี่ปุ่น “ซากุระสุกะ ยัคคุง” (Yakkun Sakurazuka) วัย 37 ปี ที่โด่งดังมาจากการแต่งตัวเป็นผู้หญิง ในชุดนักเลงสาว ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 5 ต.ค.ในอุบัติเหตุทางรถยนต์
       
       สื่อญี่ปุ่นรายงานว่าดาราตลก ซากุระสุกะ ยัคคุง ได้เสียชีวิตจากอาการหัวใจถูกบีบรัด ที่เกิดขึ้นหลังเขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ระหว่างเดินทางไปจังหวัดคุมาโมโตะ เพื่อร่วมงานอีเวนต์ในวันที่ 6 ต.ค.กับสมาชิกของวง Bijomen Z Vlossom โดยอุบัติเกิดขึ้นในเวลาประมาณเกือบ 5 โมงเย็นของวันที่ 5 ต.ค.ที่รถมินิแวนที่ดาวตลกชื่อดังนั่งมา ได้ชนเข้ากับที่กั้นถนนคอนกรีตของทางด่วน ในเขตเมืองมิเนะ จังหวัดยามางูจิ
       
       ซึ่งหลังได้ตรวจสอบหลักฐานในบริเวณที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าได้เปิดเผยว่า ยัคคุง และทีมงานของเขาคนหนึ่ง สามารถออกมาจากรถได้แล้ว แต่กลับโดนรถที่วิ่งตามมาพุ่งเข้าชน จนเสียชีวิตลงทั้งคู่ ซึ่งเชื่อกันว่าฝนที่ตกลงมือมีส่วนทำให้เกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ขึ้น โดยมีชายอีกสองคนที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่ถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต และถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       ซากุระสุกะ ยัคคุง หรือ ยาสึโอะ ไซโตะ วัย 37 ปี เกิดที่จังหวัดยามางาวะ และเริ่มเปิดตัวในวงการบันเทิงเมื่อปี 2006 และยังมีผลงานเพลงมาแล้วหลายซิงเกิลทั้งในฐานะศิลปินเดี่ยว และกับวง Bijomen Z Vlossom ซึ่งมีเอกลักษณ์ตรงที่สมาชิกทุกคนจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง หลังตัวของ ยัคคุง เองสามารถสร้างชื่อขึ้นมาจากมุกตลกที่เขาจะแต่งตัวเป็นผู้หญิง ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อ “Sukeban Kyoko” ที่เป็นนักเลงสาว ซึ่งมักจะปรากฏตัวพร้อมกับถือดาบไม้ไผ่อยู่ในมือ

Manager Online

       หลังปิดฉากการเป็นสมาชิก AKB48 ไปตั้งแต่กลางปีก่อน ล่าสุดก็มีข่าวความรักครั้งแรกของ "มาเอดะ อัตสึโกะ" (Maeda Atsuko) ออกมาแล้ว โดยสื่อญี่ปุ่นเปิดเผยว่าเธอกำลังคบหาดูใจอยู่กับนักแสดงคาบูกิคนดัง ซึ่งสื่อถึงกับเรียกทั้งคู่ว่าเป็นคู่รักซูเปอร์สตาร์จากสองวงการเลยทีเดียว
       
       เคยต้องใช้ชีวิตอย่างเข้มงวดในฐานะสมาชิกของ AKB48 ที่มีกฎเหล็กห้ามสมาชิกในวงมีความรักอย่างเด็ดขาดอยู่พักใหญ่ ล่าสุดสื่อญี่ปุ่นรายงานว่าซูเปอร์สตาร์สาววัย 22 ปี มาเอดะ อัตสึโกะ ได้พบรักแล้ว หลังจบการศึกษาออกมาจากกลุ่มเมื่อเดือน ส.ค. 2012 ซึ่งฝ่ายชายก็คือนักแสดงหนุ่มคนดังแห่งวงการคาบูกิ มัตสึยะ โอโนเอะ (Matsuya Onoe) วัย 28 ปี ที่ข่าวเปิดเผยว่าทั้งคู่เริ่มคบหากันมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เพราะชอบอะไรเหมือนๆกัน โดยเฉพาะการดูละครเวที และภาพยนตร์ จึงสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นตอนนี้ฝ่ายชายยังพาอัตจังไปแนะนำให้กับมารดาของเขารู้จักแล้วด้วย
       
       ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า มัตสึยะ โอโนเอะ เองก็เป็นแฟนคลับของ AKB48 ด้วยเช่นเดียวกัน โดยเมื่อครั้งร่วมออกรายการ Gachigase เมื่อปีก่อนกับนักแสดงคาบูกิด้วยกันทั้ง นากามูระ ชิโด และ นากามูระ ชิจิโนะสึเกะ มีการกล่าวถึง AKB48 ขึ้นมาเมื่อ ชิจิโนะสึเกะ เอ่ยปากว่าเขาเป็นแฟนของวงหญิงล้วนวงนี้ ซึ่ง มัตสึยะ โอโนเอะ ก็เปิดเผยว่า "ผมเป็นคนแนะนำเองแหละครับว่า AKB48 ยอดเยี่ยมจริงๆ" เขายังเปิดเผยว่าตัวเองเคยไปชมการแสดงของพวกสาวๆ ถึงที่โรงละครของ AKB48 มาแล้วด้วย
       

       เปิดตัวเป็นที่เรียบร้อย สำหรับนักแสดงหญิงที่จะมารับบทเป็นพลขับของหุ่นยนต์ตำรวจสุดไฮเทคใน Patlabor ฉบับภาพยนตร์ ที่งานนี้ผู้สร้างทุ่มทุนถึงร่วม 2,000 ล้านเยน กันเลยทีเดียว
       
       ในงานแถลงข่าวเปิดตัวโปรเจ็คยักษ์ The Next Generation -Patlabor- ของผู้กำกับ มาโมรุ โอชิอิ ที่จิบะเมื่อช่วงเช้าของเมื่อวาน (25 ก.ย.) ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้สื่อข่าวอยู่ไม่น้อย ทั้งการนำหุ่นยนต์ยักษ์ Ingram ขนาดเท่าของจริงที่มีความสูง 8 เมตร มาโชว์พร้อมกับเหล่านักแสดงในเรื่องที่แต่งตัวกันด้วยเครื่องแบบที่จะใช้ในการถ่ายทำจริง
       
       โดยผู้กำกับ โอชิอิ ที่โด่งดังจากงานอย่าง Ghost in the Shell ได้กล่าวถึงโครงการยักษ์ล่าสุดของตัวเองที่จะประกอบไปด้วยซีรีส์พิเศษ 7 ภาค ได้แก่ "ตอน 0" ที่มีความยาว 10 นาที และ "ตอน 1 - 12" ตอนละ 48 นาที ที่จะจัดฉายในโรงภาพยนตร์ที่ทาง Shochiku เตรียมไว้เป็นพิเศษ เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2014 เป็นต้นไป ส่วนฉบับภาพยนตร์เต็มเรื่องความยาว 2 ชั่วโมง จะลงโรงฉายในปี 2015 ซึ่ง ผู้กำกับกล่าวว่าสำหรับฉบับซีรีส์จะเน้นอารมณ์เบาๆ มีความตลกอยู่พอสมควร แต่ฉบับภาพยนตร์จะค่อนข้างจริงจังซีเรียส
       
       Mobile Police Patlabor ที่เคยสร้างมาแล้วทั้งในรูปแบบ อนิเมะทางโทรทัศน์, ภาพยนตร์อนิเมะ และออกเป็นม้วนวิดีโอ เล่าถึงเหตุการณ์ในโลกอนาคตอันใกล้ (สำหรับตอนที่การ์ตูนต้นฉบับเริ่มเผยแพร่) ในปี 1998-2002 ที่มีการพัฒนาหุ่นยนต์ยักษ์ “เลเบอร์” เพื่อใช้งานในด้านต่างๆ และได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในธุรกิจหลายประเภททั้งอุตสาหกรรมหนัก และการก่อสร้าง จนเกิดมีการนำเลเบอร์ไปก่ออาชญากรรมมากมาย กรมตำรวจของโตเกียวจึงก่อตั้งหน่วยงานเลเบอร์ขึ้นมาภายใต้ชื่อ “Patlabor”

       เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ที่ผ่านมาสมาชิกรุ่นปัจจุบันของ Morning Musume ได้ร่วมกันฉลองวาระที่วงตั้งมาได้ 16 ปีพอดี ในอีเวนต์ 'Watashitachi ga, Ima no Morning Musume desu. 17-nen mo, Saa, Ikouka' ซึ่งจัดกันที่ Bellesalle Shibuya Garden
       
       ย้อนหลังไปในวันที่ 14 ก.ย. ของเมื่อ 16 ปีก่อน คือวันที่สมาชิกของ Morning Musume ในรุ่นแรกได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการใน ASAYAN รายการค้นหาดาราหน้าใหม่ของ TV Tokyo โดยในการฉลองวันเกิดปีที่ 16 ของ Morning Musume ลีดเดอร์คนปัจจุบันของวงอย่าง มิจิชิเงะ ซายุมิ (Michishige Sayumi) วัย 24 ปี ได้กล่าวถึงวาระสำคัญนี้ว่า "ต้องขอบคุณทุกคนมากๆ เลยค่ะที่ทำให้เราผ่านมาได้อย่างปลอดภัยถึง 16 ปีแบบนี้"
       
       โดยปัจจุบัน Morning Musume ประกอบไปด้วยสมาชิก 10 คน ได้แก่ มิจิชิเงะ, ฟุกุมุระ มิซึกิ (Fukumura Mizuki / อายุ 16 ปี), อิคุตะ เอรินะ (Erina Ikuta / 16), ซายาชิ ริโฮะ (Sayashi Riho / 15), ซูซูกิ คานอน (Suzuki Kanon / 15), อิคุโบะ ฮารุนะ (Iikubo Haruna / a18), อิชิดะ อายุมิ (Ishida Ayumi / 16), ซาโตะ มาซากิ (Sato Masaki / 14), คุโดะ ฮารุกะ (Kudo Haruka / 13) และ โอดะ ซากุระ (Oda Sakura / 14)
       

       นับเป็นธรรมเนียมประจำในญี่ปุ่นไปแล้วสำหรับการต่อคิวซื้อเกมฟอร์มใหญ่ โดยครั้งนี้ก็เป็น "มอนสเตอร์ฮันเตอร์ 4" (Monster Hunter) บนเครื่อง 3DS จากค่ายแคปคอมที่มีแนวโน้มจะทำตัวเลขหลักล้านได้ตั้งแต่สัปดาห์แรกเลยทีเดียว
       
       ตัวเกมได้วางขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันเสาร์ที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา โดยมีรายงานการต่อคิวซื้อตามร้านค้าปลีกหลายแห่งทั่วประเทศ พร้อมอิเวนท์ใหญ่นับถอยหลังที่ร้านซึทาญ่าสาขาชิบุยะซึ่งโปรดิวเซอร์ "ริวโซ ซึจิโมโตะ" จากค่ายแคปคอมและบรรดานักแสดงที่เป็นพรีเซนเตอร์ลงมาต้อนรับลูกค้าด้วยเอง
       
       นอกจากเกมเปล่าๆแล้ว ทางค่ายแคปคอมยังได้ร่วมมือกับนินเทนโดทำชุดพิเศษขายเกมพร้อมเครื่อง 3DS ลวดลายพิเศษ 2 แบบสีดำและขาว ซึ่งก็มีทั้งนักสะสมและคนที่ยังไม่ได้ซื้อเครื่องให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก แถมอุปกรณ์เสริมต่างๆอย่างเช่นจอยอนาล็อกสไลด์แพดก็พลอยขายดีตามไปด้วย
       
       "มอนสเตอร์ฮันเตอร์ 4" ถือเป็นภาคต่อหลักของซีรีส์เกมล่ามังกรชื่อดัง มีการปรับปรุงระบบเนื้อหาขนานใหญ่ เพิ่มอาวุธและศัตรูหน้าใหม่พร้อมดึงเอามังกรหน้าเก่าที่ขาดหายไปในภาค 3 กลับมาให้ผู้เล่นต่อสู้อีกครั้ง แถมยังเปิดให้เล่นออนไลน์ผ่านอินเตอร์เน็ตได้แบบไม่คิดค่าบริการอีกด้วย
       
       สำหรับฝั่งเมืองไทยก็มีรายงานว่าตัวเกมเริ่มทยอยเข้ามาตั้งแต่วันศุกร์ก่อนหน้าวันขายอย่างเป็นทางการ เช่นเดียวกับในบางประเทศที่มีคนโชว์เล่นเกมจริงลงตามเว็บไซต์โซเชียลเน็ตเวิร์คตั้งแต่ช่วงกลางสัปดาห์เลยทีเดียว

N3DS『モンスターハンター４』オープニングムービー

Manager Online
 

       ท่ามกลางความยินดีของชาวญี่ปุ่น ที่กรุงโตเกียวกำลังจะได้จัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกในปี 2020 ยังมีคนญี่ปุ่นโดยเฉพาะที่เป็นแฟนการ์ตูนจำขึ้นมาได้ ว่าเคยมีผลงานดังในอดีตเรื่องหนึ่ง ที่สามารถคาดเดาอนาคตการได้เป็นเจ้าภาพโอลิมปิกของญี่ปุ่นครั้งนี้ได้แม่นอย่างเหลือเชื่อมาแล้ว
       
       อาจจะเป็นแค่เหตุบังเอิญ หรือเป็นการวิเคราะห์อย่างเฉียบแหลมของ คัตสึฮิโระ โอโทโมะ (Katsuhiro Otomo) ที่มองว่าญี่ปุ่นน่าจะมีโอกาสกลับมาจัดโอลิมปิกฤดูร้อนอีกครั้งในปี 2020 อย่างที่เขาเขียนเอาไว้ในการ์ตูนชุด AKIRA เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน
       
       AKIRA เป็นการ์ตูนที่เล่าเรื่องโลกอนาคตปี 2019 ในฉากหลังเมืองหลวงใหม่ "นีโอโตเกียว" ที่สร้างขึ้นมาใหม่ หลังเมืองหลวงเดิมถูกทำลายโดยระเบิดนิวเคลียร์ ในสงครามโลกครั้งที่ 3 แต่ถึงกระนั้นสังคมญี่ปุ่นในเรื่องก็ยังคงสับสนวุ่นวาย และถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลจากปัญหาในทุกด้าน ซึ่งในเรื่องประชาชนชาวญี่ปุ่นก็คาดหวังว่า โอลิมปิก 2020 จะเป็นจุดเริ่มต้นของญี่ปุ่นยุคใหม่ อย่างที่โอลิมปิกในปี 1964 เคยได้ชื่อว่าเป็นการเปิดฉากยุคทองของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 มาแล้ว
       
       โดยหนังมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่กลุ่มเด็กหนุ่มแก๊งมอเตอร์ไซด์กวนเมือง ที่หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มที่ชื่อว่า "เท็ตสึโอะ" ต้องถูกองค์กรลึกลับจับตัวไปทดลองวิทยาศาสตร์ เพื่อปลุกพลังจิตในตัวขึ้นมา จนไม่สามารถควบคุมพลังงานอันมหาศาลได้ ซึ่งหนังยังมีฉากสำคัญในช่วงท้ายเรื่องที่สนามกีฬาแห่งชาติ ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างเพื่อใช้ในการแข่งขันโอลิมปิกด้วย
       

       สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์เอเซียอย่าง เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น สามารถเลือกผลงานที่จะส่งเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาหนังภาษาต่างประเทศ ในงานมอบรางวัลของสถาบันศิลปะและภาพยนตร์อเมริกันครั้งต่อไป ที่จะจัดขึ้นในปีหน้าได้แล้ว
       
       โดย สมาคมผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ของญี่ปุ่น ซึ่งมีหน้าที่คัดสรรค์หนังสำหรับส่งชิงรางวัลออสการ์ในสาขาหนังภาษาต่างประเทศ ได้ตัดสินใจเลือก หนังเรื่อง The Great Passage ให้เป็นตัวแทนของประเทศสำหรับออสการ์ครั้งนี้
       
       The Great Passage ผลงานของ อิชิอิ ยูยะ ที่เล่าเรื่องของทีมบรรณาธิการจัดทำหนังสือพจนานุกรมเล่มใหม่ ที่ผู้จัดทำมุ่งหมายว่าผลงานเล่มนี้จะสามารถช่วยให้ชาวญี่ปุ่นได้ทำความเข้าใจกับคำต่างๆ ได้ลึกซึ้งขึ้น โดยหนังมีจุดศูนย์กลางของเรื่องราวอยู่ที่หนึ่งในทีมงาน (ริวเฮย์ มัตสึดะ) อดีตเซลแมนผู้ไม่ค่อยประสบความสำเร็จในหน้าที่ ซึ่งได้เข้าเป็นหนึ่งในทีมงานทำพจนานุกรมเพราะความรักในการอ่าน และความเชี่ยวชาญด้านภาษา ที่เริ่มตกหลุมรักหลานสาวของเจ้าของบ้านเช่า (อาโออิ มิยาซากิ) ในเวลาเดียวกับที่เขากำลังได้รับมอบหมายให้เขียนความหมายของคำว่า "รัก" พอดี
       
       ฝ่าย สภาภาพยนตร์เกาหลี ก็ได้ตัดสินใจเลือก Juvenile Offender ของ คังยีกวาน เป็นตัวแทนในการชิงรางวัลออสการ์ในปีหน้าด้วย โดยหนังที่มี อีจุงฮยอน และ ซอยองจู รับบทนำ เล่าถึงเรื่องราวของเด็กหนุ่มวัย 16 ปีผู้เคยต้องคดีอาญา และอยู่ระหว่างการทำทัณฑ์บน ที่ได้กลับไปพบกับมารดาผู้ให้กำเนิด ที่ทอดทิ้งเขาไปนานอีกครั้ง
       

       หลังภาพการเล่นแผลงๆ ของดาวตลกชาวญี่ปุ่นที่ถึงกับถีบไปที่ศีรษะของไอดอลสาวแห่งวง AKB48 จนทำให้เกิดเสียงวิจารณ์มากมาย ล่าสุดมีรายงานว่าหน่วยงานเฝ้าระวังสื่อของญี่ปุ่นกำลังจะเข้ามาสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้ว
       
       เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในรายการ Mecha-Mecha Iketeru! ที่ดาวตลก โคจิ คาโตะ เล่นมุกสุดห่ามด้วยการยกเท้าขึ้นถีบไปที่ศีรษะของไอดอลสาว วาตานาเบ มายุ (Watanabe Mayu) จนสร้างความไม่พอใจให้กับแฟนๆ จำนวนไม่น้อยที่คิดว่าการกระทำดังกล่าวดูจะเกินเลยจากการเป็นเพียงมุกตลกทั่วๆ ไป ชนิดมีการแสดงความเห็นที่รุนแรงมากมาย อาทิ "มันล้ำเส้นไปแล้ว", "น่ารังเกียจ" และบางคนถึงกับประกาศจะฆ่าดาวตลกคนนี้กันเลยทีเดียว
       
       ซึ่งล่าสุดมีความเคลื่อนไหวของ คณะกรรมการเยาวชน แห่ง องค์กรพัฒนาจริยธรรม และรายการโทรทัศน์ (BPO) ของญี่ปุ่น ที่กำลังเริ่มเรียกทีมงานของรายการเพื่อให้เข้ามารายงานถึงรายละเอียดต่างๆ ของรายการ ตลอดจนไปถึงนโยบาย และจุดประสงค์ ที่สุดท้ายทำให้เกิดเนื้อหาที่รุนแรงแบบนี้ออกมาได้
       
       โดยหลังรายการแพร่ภาพ และประเด็นการ "ถีบศีรษะ" กลายเป็นที่ถกเถียงมากมายนั้น วาตานาเบ มายุ ได้เขียนผ่านบล็อกส่วนตัวถึงเรื่องนี้ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดอะไรมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย "รายการเมื่อวานสนุกมากๆ เลยค่ะ มันเหมือนช่วยให้ฉันได้ค้นพบมุมมองใหม่ในชีวิตเลย (ฮา) ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ ฉันไม่เป็นไรเลย ขอบคุณที่เป็นห่วงฉันนะคะ นี่คงจะเป็นฤดูร้อนที่น่าจดจำมากแน่ๆ"

Manager Online

       แม้จะเคยประกาศวางมือเลิกทำหนังมาแล้ว แต่สุดท้าย "ฮายาโอะ มิยาซากิ" (Hayao Miyazaki) ก็ยังหวนคืนสู่การกำกับอนิเมชั่นอีกครั้ง อย่างไรก็ตามสำหรับครั้งล่าสุดตำนานวัย 72 ปี ยืนยันว่าคงจะถึงเวลาของการวางมือจริงๆเสียที
       
       ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับอนิเมชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลคนหนึ่งของศิลปะภาพยนตร์แขนงนี้ ได้จัดแถลงเรื่องการวางมืออย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ (6 ก.ย.) ที่ผ่านมา ว่าเขาอยากจะใช้เวลาในชีวิตไปทำอย่างอื่นเสียที จากที่ต้องเหน็ดเหนื่อยกับการวาดรูป และทำหนังให้เสร็จตามกำหนดมาตลอด
       
       "ผมทราบว่าเคยพูดว่าจะเกษียณอายุไปหลายครั้ง หลายๆท่านก็คงคิดว่า 'อีกแล้วใช่ไหม' แต่คราวนี้ผมค่อนข้างจะจริงจังครับ" มิยาซากิ กล่าวในช่วงหนึ่งของการแถลงข่าวที่กินเวลาถึง 2 ชั่วโมง ซึ่งเขาได้มีโอกาสพูดถึงเรื่องราวต่างๆมากมายในชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่สงครามไปจนถึงอาหารอิตาลี
       
       ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทผลิตการ์ตูนอนิเมชั่น Studio Ghibli เคยคว้ารางวัลออสการ์เมื่อปี 2003 จากภาพยนตร์การ์ตูนเรื่อง Spirited Away ผลงานระดับปรมาจารย์ ที่มีเรื่องราวประทับใจ และเนื้อหาลึกซึ้งในการวิจารณ์แนวคิดอุตสาหกรรมนิยมยุคใหม่ โดยเขากล่าวว่าจริงๆแล้ว ตนเองอาจจะทำงานไปอีกซัก 10 ปีก็คงได้ แต่ก็ยอมรับว่าด้วยวัยที่มากขึ้นทำให้เขาทำงานช้าลงเรื่อยๆ จากหนังเรื่องล่าสุดที่ใช้เวลาถึง 5 ปี หากมีเรื่องต่อไปก็อาจกินเวลามากกว่านี้

ภาพสแกนนิตยสารเผยโฉมสกรีนช็อตแรกของเกม "ผ่าพิภพไททัน" (Attack on Titan) เวอร์ชันเครื่องพกพา 3DS ยืนยันจะเป็นแนวแอคชันกราฟิก 3 มิติให้ผู้เล่นต่อสู้กับกองทัพยักษ์เหมือนในต้นฉบับ

       ตัวเกมจะมีชื่อภาคเพิ่มเข้ามาว่า "ปีกสุดท้ายของมนุษยชาติ" ทำเป็นโหมดเนื้อเรื่องตามต้นฉบับหนังสือและอนิเมชันทางโทรทัศน์ ให้ผู้เล่นควบคุมตัวละครต่างๆต่อสู้ไปพร้อมกับตัวเอก "เอเรน เยเกอร์" ระบุว่าเป็นเกมแนว "แอคชันเคลื่อนที่แบบสามมิติ" อิงตามชื่ออุปกรณ์ของกองทหารในเรื่อง

       ผู้เล่นจะได้ใช้อุปกรณ์โหนเชือกเคลื่อนที่แบบความเร็วสูงไปรอบๆเมืองเหมือนในต้นฉบับ กำจัดเหล่ามนุษย์ยักษ์ด้วยการโจมตีไปที่บริเวณท้ายทอย หรือบางครั้งก็ต้องโจมตีแขนเพื่อช่วยพรรคพวกที่โดนจับตัว โดยนอกจากบรรดายักษ์ธรรมดาที่เคยโผล่ในการ์ตูนแล้วยังมีตัวขนาด 50 เมตรที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์ของเรื่องนี้ด้วย

       ผู้พัฒนาเกมคือ "สไปค์ชุนซอฟท์" (Spike Chunsoft) ที่เกิดจากการรวมตัวของสองค่าย แบ่งเป็นฝั่งสไปค์ที่เคยทำเกมต่อสู้ซีรีย์ "ดรากอนบอลแซด" และมวยปล้ำ "ไฟร์โปรเรสลิง" ขณะที่ทางชุนซอฟท์จะทำเกมแนวอาร์พีจีตะลุยดันเจียนกับแอดเวนเจอร์เน้นเล่าเรื่องเป็นหลัก

       Attack on Titan ฉบับ 3DS มีกำหนดการวางจำหน่ายภายในปี 2013 แต่ยังไม่ระบุวันที่ออกมาแน่ชัด ถือเป็นเกมแนวแอคชันสามมิติแบบถูกลิขสิทธิ์เกมแรกของการ์ตูนเรื่องนี้ จากที่เคยออกเป็นแนวโซเชียลมาก่อนทั้งบนแพลตฟอร์ม Mobage และ Gree

Manager Online

กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ที่ได้รับการโหวตให้เป็นเจ้าภาพป้ายแดงในการแข่งขันกีฬา โอลิมปิก 2020 สร้างความฮือฮาเอาใจคอการ์ตูนทั่วโลกด้วยการแต่งตั้ง โดราเอมอน (Doraemon) ตัวการ์ตูนยอดฮิตอภิมหาอมตะนิรันดร์กาล เป็นฑูตประจำการแข่งขันครั้งนี้

       เมื่อวันที่ 7 กันยายน คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ลงคะแนนโหวต กรุงโตเกียว รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก 2020 ด้วยคะแนนเหนือกว่านครอิสตันบูล ของ ตุรกี 60-36 คะแนน ท่ามกลางความดีใจของฝั่งตัวแทนจากแดนปลาดิบที่มาฟังผลการโหวตถึงกรุงบัวโนสไอเรส

       ล่าสุด คณะกรรมการโอลิมปิกญี่ปุ่น (JOC) เริ่มต้นแผนประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าไปแล้ว นั่นคือแต่งตั้ง โดราเอมอน ตัวการ์ตูนขวัญใจเด็กๆที่โด่งดังมาแล้วทั่วโลก ทำหน้าที่เป็นฑูตพิเศษประจำการแข่งขันอีก 7 ปีข้างหน้า ซึ่งเจ้าแมวสีฟ้าที่มีของวิเศษอยู่ในกระเป๋า จะทำหน้าที่โปรโมตการแข่งขันและความคืบหน้าต่างๆของทัวร์นาเมนต์นี้ รวมถึงคลอดสินค้าออกมาดูดเงินในกระเป๋าของแฟนๆด้วย

​       สำหรับ โดราเอมอน เป็นผลงานการสร้างสรรค์ของ ฟุจิโกะ เอฟ ฟูจิโอะ (Fujiko F. Fujio) นักเขียนชื่อดังชาวญี่ปุ่นในปี 1969 ก่อนได้รับความนิยมจากเด็กๆชาวญี่ปุ่น รวมถึงทั่วโลกในวงกว้างทั้งในรูปแบบหนังสือการ์ตูนและอนิเมชัน และน่าจะสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีในการแข่งขัน "โตเกียว เกมส์ 2020"

Manager Online

       เกือบ 2 เดือนมาแล้วที่ Kaze Tachinu ครองตำแหน่งอันดับ 1 บ็อกซ์ออฟฟิศในญี่ปุ่น และสัปดาห์ล่าสุดหนังก็ยังครองแชมป์เป็นขวัญใจนักดูหนังชาวเมืองปลาดิบต่อไป
       
       Kaze Tachinu การ์ตูนของ ฮายาโอะ มิยาซากิ จาก Ghibli Studio ทำเงินเพิ่มในสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา 338.8 ล้านเยน (110 ล้านบาท) เอาชนะหนังฮอลลีวูด Man of Steel ที่ทำรายได้ในช่วงเวลาเดียวกัน 268 ล้านเยน (87 ล้านบาท) จนสามารถครองตำแหน่งแชมป์บ็อกซ์ออฟฟิศได้เป็นสัปดาห์ที่ 7 ติดต่อกัน
       
       ยอดรายได้ดังกล่าวเป็นตัวเลขของสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการประกาศเกษียณตัวเองจากอาชีพทำหนังของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ให้ข่าวออกมาในวันจันทร์แต่อย่างใด แต่สิ่งที่ทำให้หนังทำรายได้แรงต่อเนื่อง น่าจะเป็นแผนการตลาดลดราคาตั๋วในวันอาทิตย์ ในโอกาสวันสุดท้ายของหน้าร้อน จนยอดรายได้ของหนังพุ่งสูงขึ้นกว่าสัปดาห์ก่อนเสียอีก โดยถึงตอนนี้ Kaze Tachinu ทำเงินไปได้ 8,848 ล้านเยน (2,876 ล้านบาท) แล้ว
       
       สัปดาห์ที่ผ่านมายังมีหนัง (และการ์ตูน) ญี่ปุ่นเปิดฉายอีกหลายเรื่องทั้ง Anohana ที่ทำรายได้ไป 198 ล้านเยน (64 ล้านบาท) ส่วนใหญ่เป็นรายได้จากกลุ่มผู้ชมเพศชายที่ตีตั๋วกันเข้ามาคิดเป็นถึง 70% ส่วน Sadako 3D 2 ก็เปิดตัวไป 160 ล้านเยน (52 ล้านบาท) สำหรับหนังที่สร้างจากการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่คลาสสิค Gatchaman ถึงตอนนี้ยังทำเงินไปแค่ 315 ล้านเยน (102 ล้านบาท) เท่านั้นหลังฉายมาได้ 2 สัปดาห์
       
       10 อันดับหนังที่ทำรายได้หนังในญี่ปุ่นมากที่สุด ระหว่างวันที่ 31 ส.ค. - 1 ก.ย.
       
       01 (01) Kaze Tachinu (Weeks: 07)

       สถานีโทรทัศน์ญี่ปุ่นที่ฉายหนังวาบหวิวให้ชมกันตลอด 24 ชั่วโมง ได้จัดกิจกรรมการกุศลประจำปีขึ้นอีกครั้ง และยังจัดให้มีกิจกรรมพิเศษ "จับหน้าอก" ดาราเอวี เพื่อเรี่ยไรเงินขึ้นเป็นที่ที่สองด้วย
       
       เป็นอีกปีที่หนุ่มๆ ชาวญี่ปุ่นได้ต่อแถวกันยาวเหยียด เพื่อร่วมกิจกรรมการกุศลจับหน้าอกดาราเอวี ที่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมแต่ละคนสามารถสัมผัสหน้าอกหน้าใจนักแสดงสาวจากหนังวาบหวิวได้ 5 ครั้ง แลกกับการบริจาคเงิน 1,000 เยนเพื่อการกุศล สำหรับการวิจัยเพื่อค้นหาวิธีป้องกันเชื้อ HIV และรักษาการผู้ช่วยโรค AIDS
       
       "ฉันภูมิใจนะคะที่ได้รับเลือกให้มาทำอะไรที่มีคุณค่าแบบนี้" นักแสดงสาววัย 25 ปี คนหนึ่งกล่าว ที่ได้มาร่วมกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ "นอกจากนั้นมันยังเป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับแฟนๆ โดยตรงด้วย"
       
       Paradise TV จัดกิจกรรมการกุศลที่ชื่อว่า 24-Hour TV: Eroticism Saves the Earth มาหลายปีติดต่อกันแล้ว ถือเป็นงานที่เป็นการตั้งชื่อเพื่อล้อเลียนรายการเรี่ยไรเงิน Love Saves the Earth อันเก่าแก่ของ Nippon TV โดยมีเป้าหมายเพื่อเรี่ยไรเงินในภารกิจต่อสู้กับโรค AIDS ที่สถานการณ์ยังไม่ค่อยน่าไว้วางใจแม้จะเป็นประเทศญี่ปุ่นเอง แต่แม้จะเริ่มต้นด้วยการเป็นรายการล้อเลียน ถึงปัจจุบัน Eroticism Saves the Earth ก็ดำเนินมาได้เกิน 10 ปีแล้ว
       

       บริษัทผลิตหนัง AV ชื่อดัง Muteki กำลังจะเปิดตัวดาราสาวคนใหม่นาม "ฮารุนะ ไออิซากะ" (Haruna Aisaka) ที่ข่าวระบุว่าเธอก็คือ "นารุเสะ ริสะ" (Naruse Risa) ที่เคยเป็นสมาชิกของ AKB48 นั่นเอง
       
       Muteki ได้เปิดตัวดาราเอวีคนล่าสุดที่จะมีผลงานกับบริษัทที่ชื่อว่า ฮารุนะ ไออิซากะ พร้อมคำโฆษณาว่าเธอเคยเป็นถึงอดีตสมาชิกของวงไอดอลแห่งชาติของญี่ปุ่น ที่จะมาโชว์ความเซ็กซีแบบไร้ขีดจำกัดในหนังเอวีที่จะเผยให้เห็นทุกสัดส่วนเป็นครั้งแรก
       
       ซึ่งในวินาทีนี้เมื่อกล่าวถึง "ไอดอลแห่งชาติ" ของแดนปลาดิบก็คงจะเป็นศิลปินหญิงกลุ่มใดไปไม่ได้นอกจาก AKB48 นั่นเอง และแฟนๆ ทั้งใน Twitter และชุมชนออนไลน์ 2ch จึงเริ่มพยายามค้นหาว่าเธอคนนี้เป็นใครกันแน่ ก่อนจะพบว่าเธอน่าจะคือ นารุเสะ ริสะ วัย 20 ปี อดีตสมาชิกรุ่น 4 ของ AKB48 ที่เคยอยู่กับวงตั้งแต่ปี 2007 ก่อนจะจบการศึกษาออกไปในปี 2009
       
       หากข้อมูลเป็นความจริง นารุเสะ ริสะ จะเป็นสมาชิก AKB48 คนที่ 2 ที่ผันตัวเล่นหนังผู้ใหญ่กับงานแนวเอวี หลังจากก่อนหน้านี้ รินะ นากานิชิ เคยก้าวสู่เส้นทางสายนี้ภายใต้ชื่อใหม่ว่า ริโกะ ยามากูจิ (Riko Yamaguchi / Rico Yamaguchi) เมื่อปี 2010 มาแล้ว ส่วน ริสะ ทาจิบานะ (Risa Tachibana) หรือ เอริ ทากามัตสึ (Eri Takamatsu) ที่เข้าสังกัด Soft On Demand อาจจะยังไม่นับว่าเป็นสมาชิก AKB48 เต็มตัว เพราะเธอเคยเป็นเพียงสมาชิกในระดับเด็กฝึกหัดของวงเท่านั้น
       

       ผกก. รุ่นใหญ่แห่งวงการอนิเมชั่นญี่ปุ่น "ฮายาโอะ มิยาซากิ" (Hayao Miyazaki) ประกาศว่าเขาขอเกษียณอายุการทำงาน หลังเพิ่งจะสร้างผลงานเรื่องที่ 11 เสร็จสิ้นเข้าฉาย และประสบความสำเร็จอย่างมากมายในบ้านเกิด
       
       AFP เรียกคำประกาศจาก ฮายาโอะ มิยาซากิ ว่าเป็น "ข่าวเศร้า" ของวงการภาพยนตร์โลก ที่ โคจิ โฮชิโนะ ประธาน Studio Ghibli ได้กล่าวยืนยันถึงเรื่องนี้ระหว่างเทศกาลหนังเมืองเวนิสที่ The Wind Rises ของ มิยาซากิ ได้เข้าร่วมฉายด้วย
       
       "มิยาซากิ ได้ตัดสินใจว่า Kaze Tachinu (The Wind Rises) จะเป็นหนังเรื่องสุดท้ายของเขา และเขาก็ได้ตัดสินใจที่จะเกษียณจากการทำหนัง" โฮชิโนะ กล่าวแต่ก็ยังไม่ได้ให้รายละเอียดอะไร แต่เปิดเผยว่า มิยาซากิ จะให้รายละเอียดต่างๆ ภายในสัปดาห์หน้าต่อไป
       
       มิยาซากิ วัย 72 ปี ที่ไม่ได้เดินทางมาเทศกาลหนังเมืองเวนิสปีนี้ด้วยตัวเอง เริ่มต้นอาชีพในวงการตั้งแต่เมื่อ 40 ปีก่อน และกลายเป็นผู้กำกับอนิเมชั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งตลอดกาลของโลกภาพยนตร์ ด้วยผลงาน อาทิ My Neighbor Totoro, Spirited Away, Howl’s Moving Castle และ Ponyo เป็นต้น โดยเขาเคยคว้ารางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมมาแล้วจาก Spirited Away เมื่อปี 2002 แต่ ฮายาโอะ ที่ไม่ค่อยชอบเดินทางไกล และออกจากประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้เดินทางไปรับรางวัลออสการ์แต่อย่างใด อย่างไรก็ตามเขาก็ยังเคยไปรับรางวัลสิงโตทองคำ ที่เทศกาลหนังเมืองเวนิสเมื่อปี 2005 มาแล้ว
       

       นักแสดงสาวดาวรุ่ง "ฮาชิโมโตะ ไอ" (Hashimoto Ai) ตกเป็นข่าวเรื่องความรักอีกครั้ง เมื่อสื่อญี่ปุ่นรายงานว่ามีคนเห็นเธอไปออกเดตกับดาราหนุ่มรุ่นพี่ "อายาโนะ โก" (Ayano Go) ที่อายุห่างกันถึง 14 ปี
       
       นิตยสารฉบับหนึ่งของญี่ปุ่นรายงานว่าในระยะหลัง เริ่มมีคนเห็นดาราสาว ฮาชิโมโตะ ไอ ไปใช้เวลาออกเดตทานอาหารค่ำในดินเนอร์สุดหวานกับ อายาโนะ โก ในร้านหรู ย่านชิบูย่า ภายใต้แสงเทียน กับดนตรีแจ๊สอันโรแมนติกอยู่เป็นระยะ หลังจากก่อนหน้านี้ในปลายเดือน มิ.ย. ก็เคยมีคนเห็นทั้งสองไปช็อปปิ้งด้วยกันมาแล้ว
       
       นอกจากจะอายุแตกต่างกัน 14 ปีแล้ว ความสัมพันธ์ครั้งนี้ยังทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ขึ้นมาอีก เพราะฝ่ายหญิงยังอยู่ในวัย 17 ปีเท่านั้น ที่ตามกฎหมายญี่ปุ่นยังถือว่าเธอเป็นผู้เยาว์ จึงมีความเห็นว่าความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นอาจจะผิดกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นการพรากผู้เยาว์
       
       อย่างไรก็ตาม แฟนๆบางคนยังเชื่อ ว่าทั้งสองไม่น่าจะทำอะไรผิด เพราะแค่ไปทานอาหารด้วยกันเท่านั้น ถึงกระนั้นก็ยังมีการตั้งคำถามขึ้นมาอีกว่า การไปเดตในสถานที่ซึ่งเสิร์ฟสุรา ก็ถือเป็นเรื่องผิดสำหรับ ฮาชิโมโตะ ไอ ที่อายุ 17 ปี อยู่ดี
       
       ฮาชิโมโตะ ไอ คือนักแสดงรุ่นใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่นในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยผลงานการแสดงในหนังและซีรีส์หลากหลายแนว ทั้งในภาพยนตร์ขวัญใจนักวิจารณ์ Confessions , เป็นผีสาว ซาดาโกะ ใน Sadako 3D และยังเคยได้รับรางวัลด้านการแสดงจาก The Kinishima Thing มาแล้ว แต่ในเวลาเดียวกันชีวิตส่วนตัวของเธอก็เป็นที่สนใจในสายตาของสื่อ และแฟนๆ เช่นเดียวกัน โดยเมื่อต้นปีเพิ่งจะมีข่าวว่าเธอกำลังสานสัมพันธ์กับนักแสดงหนุ่มวัย 23 ปี โอชิอาอิ โมโตกิ (Ochiai Motoki)

       "อุทาดะ ฮิการุ" (Utada Hikaru) ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจในเหตุที่มารดาวัย 62 ปี ของเธอเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ท่ามกลางกระแสข่าวลือว่าอาจจะเป็นการจบชีวิตตัวเองด้วยการฆ่าตัวตาย
       
       นักร้องซูเปอร์สตาร์แห่ง J-Pop วัย 30 ปี ได้กล่าวถึงการเสียชีวิตของ ฟูจิ เคโกะ (Fuji Keiko) มารดาผู้ล่วงลับของเธอเป็นครั้งแรก ผ่านข้อความที่โพสต์ในเว็บไซต์ของตัวเองว่า "ฉันภูมิใจที่ได้เป็นลูกแม่ค่ะ คงไม่มีอะไรที่จะซาบซึ้งใจกว่านี้อีกแล้ว สำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่แม่ทำให้กับฉัน"
       
       กลายเป็นข่าวใหญ่เมื่อ ฟูจิ เคโกะ มารดาของ อุทาดะ ที่เป็นอดีตนักร้องเพลงแนวเอ็งกะผู้โด่งดังในช่วงยุค 70s ได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุการณ์ที่เชื่อกันว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เมื่อเธอตกลงมาจากชั้น 13 ของอพาร์ตเมนต์ที่อาศัยอยู่ในกรุงโตเกียว โดยเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าผู้ตายสวมเสื้อยืด และกางเกงกีฬา นอนจมกองเลือดอยู่หน้าบริเวณอพาร์ตเมนต์ในยานชินจูกุเมื่อเวลา 7 โมงเช้าของวันที่ 22 ส.ค. ก่อนจะถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
       
       เจ้าหน้าที่ยังเปิดเผยว่าระหว่างที่เสียชีวิต ในอพาร์ตเมนต์ยังมีเพื่อนชายวัย 30 เศษของ ฟูจิ เคโกะ นอนหลับอยู่ด้วย นอกจากนั้นยังมีการพบรองเท้าแตะของเธออยู่ในบริเวณระเบียงของห้อง อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่าไม่ได้มีการพบจดหมายลาตายแต่อย่างใด
       
       ในแถลงการณ์ อุทาดะ ฮิการุ ยังยอมรับว่าแม่ของเธอต้องทนทุกข์กับโรคซึมเศร้ามาหลายปี แต่การที่ท่านจากไปในลักษณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากจะทำใจอยู่ดี "อย่างน้อยแม่ก็ได้เป็นอิสระจากความเจ็บปวดเสียที แต่ .... ด้วยวิธีที่แม่เลือกที่จะจบชีวิตตัวเอง มันก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากอยู่ดี ฉันเองก็เจ็บปวดเหลือเกินค่ะ กับการสูญเสียที่เกิดขึ้นแบบนี้"

      พิธีจบการศึกษาของ “โทโมมิ อิตาโนะ” (Tomomi Itano) ทำให้ AKB48 ชุดดั้งเดิมที่สร้างชื่อจนกลายเป็นศิลปินหญิงขวัญใจอันดับ 1 ของชาวเมืองปลาดิบเหลือเพียงแค่ 3 สาวเท่านั้น
       
       ก่อนหน้านี้ โทโมมิ อิตาโนะ ได้ประกาศเรื่องที่ว่าเธอจะจบการศึกษาออกจากการเป็นสมาชิกของ AKB48 ไปในเดือน ก.พ. กระทั่งล่าสุดนักร้องสาววัย 21 ปี จึงได้ขึ้นแสดงคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายในฐานะ AKB48 ในโชว์ที่โตเกียวโดมไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
       
       โดยในคอนเสิร์ตวันนั้น อิตาโนะ ยังได้ร่วมร้องเพลง และเสียน้ำตาร่วมกับเพื่อนๆ ที่ถือว่าเป็นสมาชิกรุ่นแรกของ AKB48 ที่ตอนนี้เหลือแค่ 3 คนเท่านั้น ทั้ง มินามิ ทากาฮาชิ (Minami Takahashi) วัย 22 ปี, ฮารุนะ โคจิมะ (Haruna Kojima) วัย 25 และ มินามิ มิเนงิชิ (Minami Minegishi) วัย 20 ที่กล่าวกับ อิตาโนะ ว่า “เธอจะไปจริงๆเหรอ?”
       
       จากสมาชิกรุ่นที่ 1 ที่มีเพียง 21 คนในปี 2005 กับคอนเสิร์ตรอบแรกที่มีคนดูเพียงเพียงหยิบมือ และยอดขายซิงเกิลแรกแค่ 46,000 แผ่น AKB48 ค่อยๆ สร้างความนิยมขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยระยะเวลาเพียงไม่กี่ปีสาวๆ กลุ่มนี้ได้กลายเป็นกลุ่มศิลปินหญิงที่โด่งดังที่สุดในประเทศญี่ปุ่นไปแล้ว ด้วยผลงานเพลงหลักล้านแผ่นในทุกซิงเกิล
       
       อย่างไรก็ตามถึงตอนนี้อาจกล่าวได้ว่า AKB48 กำลังเข้าสู่ช่วงแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อดาวเด่นโดยเฉพาะสมาชิกรุ่นแรก กำลังจะจบการศึกษาออกจากวงไปจนแทบจะหมดแล้ว จึงถือเป็นบทพิสูจน์สำคัญว่าพวกเธอจะสามารถรักษาฐานความนิยมไว้ได้หรือไม่ ด้วยสมาชิกในรุ่นปัจจุบัน

Manager Online

       “อากิโมโตะ ซายากะ” (Akimoto Sayaka) กลายเป็นอดีตสมาชิกของ AKB48 ไปอีกคน เมื่อเธอได้มีพิธีจบการศึกษาออกจากวง ระหว่างขึ้นคอนเสิร์ต ~2013 Manatsu no Dome Tour ~Mada Mada, Yaranakyaikenai Koto ga Aru~' ที่โตเกียวโดมเมื่อวันที่ 22 ส.ค. ที่ผ่านมา
       
       โดยนอกจากสมาชิกยุคปัจจุบันของ AKB48 แล้วสาว อากิโมโตะ ซายากะ วัย 25 ปี ยังได้อดีตเพื่อนร่วมวงไม่ว่าจะเป็น โอโฮริ เมงูมิ (Ohori Megumi) และ โทโมมิ คาซาอิ (Tomomi Kasai) มาร่วมฉลองโอกาสพิเศษในวันนั้นด้วย ซึ่งในช่วงหนึ่งของคอนเสิร์ต ซายากะ ยังเอ่ยปากว่า “ฉันรัก AKB48 ค่ะ วันที่ได้เป็น AKB48 คือช่วงที่มีความสุขที่สุดของฉันเลย”
       
       คอนเสิร์ตซึ่งจัดในโตเกียวโดมระหว่างวันที่ 22 – 25 ส.ค. ที่ผ่านมาในรอบวันที่ 22 ซึ่งมีแฟนตีตั๋วเข้าไปชมการแสดงถึง 42,000 คน โดยในช่วงอำลาจากวงไป ซายากะ ได้ขึ้นเวทีมาพร้อมกับการร้องเพลง Mushi no Ballad ก่อนจะมีการฉายภาพในอดีตของเธอกับ AKB48 ซึ่งหลังจากนั้นเธอจึงได้ร้องเพลง Tsuyosa to Yowasa no Aida de ร่วมกับสมาชิกที่ถือว่าเป็นรุ่นที่ 2 ด้วยกัน ทั้ง โอชิมะ ยูโกะ, อุเมดะ อายากะ และ มิยาซาว่า ซาเอะ
       
       อากิโมโตะ ซายากะ เข้าเป็นหนึ่งในสมาชิกของ AKB48 เมื่อปี 2006 ในฐานะสมาชิกรุ่นที่ 2 และยังเคยได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกัปตันของทีม K ประจำวง นอกจากนั้นยังได้เป็นสมาชิกของซับยูนิท DiVA ด้วย โดยหลังจากจบการศึกษา หมดสิ้นวาระการเป็นสมาชิก AKB48 ไปแล้ว อากิโมโตะ ซายากะ วางแผนว่าจะมุ่งมั่นกับการเป็นนักแสดงแทน
 

       “ฟูจิ เคโกะ” (藤 圭子 / Fuji Keiko) นักร้องเพลงเอ็งกะชื่อดังชาวญี่ปุ่นวัย 62 ปี ที่เป็นมารดาของ “อูทาดะ ฮิคารุ” (Utada Hikaru) ได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันเมื่อวันที่ 22 ส.ค. หลังมีการพบศพของเธอบริเวณด้านหน้าของอพาร์ตเมนต์ในย่านชินจูกุ กรุงโตเกียว หลังร่วงลงมาจากชั้นบน ซึ่งหลายฝ่ายสงสัยอาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย
       
       โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจชินจูกุ ทราบเรื่องดังกล่าวจากพยานที่ระบุว่าเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ร่วงลงมาจากตึกอพาร์ตเมนต์ ได้โทรศัพท์แจ้งเหตุกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อมาถึงก็พบเธอนอนบาดเจ็บสาหัส มีบาดแผลบนร่างกายหลายจุด และหัวใจได้หยุดเต้นไปแล้ว จึงมีการนำตัวเธอส่งโรงพยาบาล แต่ก็ไม่ทันการ ต่อมาอดีตสามีจึงเดินทางมาเมื่อเพื่อยันว่านี่คือนักร้องเพลงชื่อดังจริงๆ
       
       ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่า ฟูจิ เคโกะ น่าจะตกลงมาจากระเบียงของห้องที่อาศัยอยู่ โดยหลายฝ่ายเชื่อว่าอาจจะเป็นการฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่มีการพบจดหมายลาตายใดๆ ที่พอจะสรุปชี้ชัดได้
       
       ฟูจิ ที่มีชื่อจริงว่า จุนโกะ อูทาดะ (ชื่อเดิม จุนโกะ อาเบะ) เกิดที่อิวาเทะ และเติบโตขึ้นมาในเมืองอาซาฮิคาว่า ฮอกไกโด มีพ่อเป็นนักร้องเพลงแนวโรเคียวคุ (เพลงพื้นเมืองของญี่ปุ่น) และแม่ที่ตาบอดเป็นนักเล่นซามิเซ็ง (เครื่องดนตรีพื้นเมืองของญี่ปุ่น) โดยเธอโด่งดังขึ้นมาในยุค 60s – 70s ด้วยเสียงแหบเสน่ห์อันเป็นเอกลักษณ์
       
       หลังแจ้งเกิดในวงการดนตรีด้วยวัยเพียง 17 ปี กับเพลง Shinjuku no Onna ฟูจิ ก็เริ่มสร้างชื่อเสียงขึ้นมาเรื่อยๆ และมีเพลงฮิตอีกหลายเพลง จนคว้ารางวัล “นักร้องยอดนิยม” ในการมอบรางวัล Japan Record Award ก่อนจะได้เข้าร่วมมหกรรมดนตรีแห่งปี Kohaku Uta Gassen

       ผลงานล่าสุดของสาวๆ AKB48 สามารถทำยอดขายเกินล้านแผ่นภายในวันเดียวอีกครั้ง สำหรับ Koisuru Fortune Cookie งานเพลงอันดับ 1 แผ่นที่ 16 ของพวกเธอ

       Koisuru Fortune Cookie คือซิงเกิลลำดับที่ 32 ของ AKB48 ที่ออกจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค. เป็นซิงเกิลที่มีสาว ซาชิฮาระ ริโนะ แห่ง HKT48 เป็นตำแหน่งเซนเตอร์หลังได้รับเสียงโหวตมาเป็นอันดับ 1 ในการ "เลือกตั้งทั่วไป" หรือ Senbatsu General Election ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดกันไปในเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา
       
       โดยซิงเกิล Koisuru Fortune Cookie สามารถทำยอดขายไปได้ 1,096,000 แผ่น ในการขายวันแรกวันเดียว และขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตประจำวันของ Oricon อย่างไรคู่แข่ง ถือว่าเป็นซิลเกิลที่ 5 ของ AKB48 ที่ทำยอดขายได้ล้านแผ่นภายในวันเดียว และเป็นซิงเกิลที่ 2 ติดต่อกันหลังจากซิงเกิลที่แล้ว Sayonara Crawl ถล่มชาร์ตด้วยยอดขาย 1,451,000 แผ่นในการออกขายเมื่อเดือน พ.ค.
       
       สำหรับซิงเกิล "1 วัน 1 ล้านแผ่น" ของ AKB48 ที่ผ่านมายังประกอบไปด้วย Flying Get (ส.ค. 2011), Kaze wa Fuiteiru (ต.ค. 2011) และ Manatsu no Sounds good! (พ.ค. 2012)

【MV】恋するフォーチュンクッキー ダイジェスト映像 / AKB48[公式]
 

Manager Online

ยอดผู้ใช้ “ไลน์” (LINE) ที่ทะลุ 18 ล้านราย ติดอันดับ 2 ของโลก ไลน์ยังคงเป็นเครื่องมือสื่อสารฮอตฮิตที่สุดเวลานี้ ล่าสุด “กันตนา” คว้าลิขสิทธิ์การ์ตูนทีวีซีรีส์ออนแอร์ช่อง 5 พร้อมกับลิขสิทธิ์ไลน์เซ่นการ์ตูนทั้ง 5 ตัวของไลน์ รุกธุรกิจโปรโมชั่น ในขณะที่สองค่ายใหญ่ เอไอเอส ออกสติกเกอร์ลาย “เจมส์จิ” ตามด้วยสติกเกอร์ “น้องมะม่วง” จากค่ายหนังเมเจอร์ ที่เปิดโหลดในวันเดียวกัน

ดูเหมือนว่ากระแสข่าวรัฐบาลคุมเข้ม LINE จะทำอะไรโปรแกรมยอดฮิตตัวนี้ไม่ได้ ด้วยยอดผู้ใช้ไลน์ในไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนล่าสุดทะลุไปถึง 18 ล้านราย เป็นรองแค่เฟซบุ๊ก แถมไทยยังเป็นประเทศที่มีผู้ใช้ไลน์เป็นอันดับ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น และมีแนวโน้มว่ายอดผู้ใช้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ในแง่การตลาดออนไลน์ สติกเกอร์ไลน์กำลังเป็นเครื่องมือสื่อสารที่เจ้าของแบรนด์สินค้าและบริการนิยมใช้เพื่อสื่อสารกับลูกค้า ด้วยการออกสติกเกอร์มาให้โหลด และเปิดออฟฟิเชียล แอคเคานต์ไว้ส่งข้อความ แม้ว่าราคาของสติกเกอร์ 1 ชุด ในเวลา 3 เดือน จะขึ้นไปถึง 5 ล้านบาทก็ตาม แต่หลายแบรนด์ประเมินแล้วว่า “คุ้มค่า” กับการให้ผู้บริโภคได้รับรู้แบรนด์ และยังสื่อสารกับกลุ่มลูกค้าจำนวนมากหลายล้านคนได้โดยตรง

“ถ้าเทียบกับเครื่องมืออื่นๆ อย่างเฟซบุ๊ก เราอยากสื่อสารกับลูกค้า เราต้องดึงให้เขามาหาเรา แต่การใช้ไลน์ ทำให้เราส่งข้อความไปหาเขาโดยตรง และส่งถึงพร้อมกันทีเดียวหลายล้านคน ได้ทั้งการรับรู้แบรนด์และเข้าไปอยู่ในไลฟ์สไตล์ของเขา แล้วยังสามารถสื่อสารกิจกรรมกับผู้บริโภคได้อีก กับเงินจำนวน 5 ล้านบาทสำหรับแบรนด์ใหญ่ๆ ถือว่าคุ้ม” นักการตลาดโทรศัพท์มือถือ บอก

ส่วน อนรรฆวี ชูรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการด้านการตลาด ของซีพีเอฟ ที่ออกสติกเกอร์ไลน์มา 2 เวอร์ชั่น มองว่า จุดเด่นของไลน์ จะช่วยให้ลูกค้าเกิดภาพจำ และสร้างความคุ้นเคยกับแบรนด์ โดยจะใช้ควบคู่ไปกับเครื่องมือสื่อสารออนไลน์หลัก ที่ใช้คู่กับเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม และเว็บไซต์

หลังจากโดนวิจารณ์เละ ว่าลอกเลียนแบบคอนเซ็ปต์เพลง Bar Bar Bar มาจากวง "Momoiro Clover Z" ของญี่ปุ่น ล่าสุดวงเกิร์ลกรุ๊ป "Crayon Pop" ของเกาหลีใต้ก็ออกมาแก้ตัวแล้วว่าไม่ได้เลียนแบบยุ่นแต่อย่างใด แต่ได้แรงบันดาลใจจากวงในตำนานอย่าง "DJ Doc"
       
       หลังจากถูกนำภาพมาเปรียบเทียบกันระหว่าง 2 วงเกิร์ลกรุ๊ปจากเกาหลีและญี่ปุ่นให้เห็นชัดๆ ทั้งเรื่องการใส่ชุดกีฬา, ทำท่าพาวเวอร์ เรนเจอร์ และการติดป้ายชื่อที่เสื้อผ้าตลอดเวลา ที่เป็นไปในลักษณะเดียวกันเกินไปจนโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว
       
       ล่าสุดทางวง Crayon Pop ได้ออกมาชี้แจงถึงคอนเซ็ปต์ของตนเอง โดยแก้ตัวว่าทั้งหมดไม่ได้เลียนแบบมาจากญี่ปุ่นอย่างที่ถูกกล่าวหา
       
       "พวกเราเป็น DJ DOC เวอร์ชันผู้หญิงค่ะ ( วงชายล้วนในตำนานของเกาหลี ) DOC เป็นต้นแบบของพวกเรา ชุดกีฬาลำลองเป็นคอนเซ็ปต์จาก Dancing Queen ซึ่งเป็นคอนเซ็ปต์เดิมที่เรานำมาใช้เพื่อโปรโมท และเป็นเรื่องจริงค่ะที่เราได้รับแรงบันดาลใจสิ่งนี้มาจาก DJ DOC ซึ่งเป็นต้นแบบของพวกเราสาวๆ เราคิดว่ามันเหมาะดีกับท่าเต้นกระฉับกระเฉงที่มีท่าเตะด้วย เราเลือกมันเพราะว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ไม่เคยมีเกิร์ลกรุ๊ปกลุ่มไหนเคยทำแบบนี้บนเวทีมาก่อน หลังจากนั้นเราก็ใส่ชุดนักเรียนท่อนบนทับชุดกีฬา เพื่อครีเอตเป็นคอนเซ็ปต์ชุดนักเรียน-กีฬา และคอนเซ็ปต์นี้ก็ถูกนำมาใช้ต่อเนื่องในเพลง Bar Bar Bar เพื่อโปรโมทด้วย"
       
       "ส่วนป้ายชื่อที่หน้าอกมักมีการใช้ในรายการเพลงเกือบทั้งหมด ซึ่งมักจะใช้ในรอบซ้อมเพื่อบอกชื่อศิลปินหน้าใหม่ และในวันนั้นมันก็กลายเป็นไอเดียขึ้นมา ดังนั้นเราเลยติดชื่อมันไว้ตลอดแม้แต่ตอนขึ้นแสดงจริงด้วย"