ข่าวญี่ปุ่น

"อัตสึโกะ มาเอดะ" (Atsuko Maeda) อดีตสมาชิกวง AKB48 วัย 21 ปี ที่อกจากเกิร์ลกรุ๊ปแดนปลาดิบชื่อดัง ผันตัวมาสู่แวดวงการแสดง โดยงานนี้ประเดิมจอแก้วครั้งแรกได้แสดงร่วมกับ"ชิงโง" (Shingo) นักร้องหนุ่มจากวง SMAP
       
       อัตสึโกะ มาเอดะ ประเดิมจอแก้วเรื่องแรกกับละครที่มีชื่อว่า คาสึคานะ คาโนโจ ( Ghostly Girlfriend ) ร่วมกับ ชิงโง คาโตริ นักร้องหนุ่มจากวง SMAP วัย 36 ปี โดยเตรียมออกอากาศในเดือน เม.ย. นี้ในช่วงเวลาไพร์มไทม์วันอังคารเวลา 22.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น
       
       โดยมาเอดะ รับบทเป็นคุณครูในโรงเรียนแห่งหนึ่ง ผลงานละครเรื่องนี้นับเป็นผลงานการแสดงเรื่องแรกหลังจากที่เธอออกจากวง AKB48 ไปเมื่อเดือนส.ค. ที่ผ่านมา โดยเธอกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่าตื่นเต้นมากกับผลงานเรื่องแรก "เราเพิ่งเริ่มการถ่ายทำค่ะ ฉันตื่นเต้นมากจริงๆเลยล่ะค่ะ"

Manager Online

       ปล่อยตัวอย่างออกมาให้ชมกันแล้วสำหรับหนังซูเปอร์ฮีโร่โรคจิตจากญี่ปุ่น "HK: Hentai Kamen" หรือที่รู้จักกันในหมู่นักอ่านการ์ตูนชาวไทยภายใต้ชื่อ "เทพบุตร หลุดโลก" ที่กลับมาอีกครั้งในรูปแบบของภาพยนตร์คนแสดง

       เทพบุตร หลุดโลก หรือ Kyūkyoku!! Hentai Kamen ผลงานของ เคชู อันโด (Keishuu Ando) เป็นการ์ตูนที่เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Weekly Shōnen Jump อยู่ช่วงสั้นๆ ระหว่างปี 1992 - 1993 แม้จะมีความยาวแค่ 6 เล่มจบ แต่กลับโด่งเป็นที่พูดถึงมาจนถึงปัจจุบัน ด้วยเรื่องราวเนื้อหา และภาพอันสุดโต่งหลุดโลกแบบที่ไม่เคยมีในการ์ตูนเรื่องใด
       
       โดยการ์ตูนเรื่องนี้เล่าเรื่องของ เคียวสึเกะ ชิกิโจ เด็กหนุ่มมัธยมที่แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เมื่อนำกางเกงในผู้หญิงมาสวมไว้บนศีรษะ พลังแห่งความลามกจะถูกปลุกขึ้นมาในตัวเขา จนมีผลไปถึงบุคลิกอันสุดโต่ง นอกจากนั้นยังดึงศักยภาพร่างกายออกมาจนเหนือมนุษย์ รวมถึงฝีไม้ลายมือในการต่อสู้แบบไร้เทียมทาน พร้อมเรียกตัวเองว่า Hentai Kamen (หน้ากากวิตถาร) เพื่อออกปราบปรามเหล่าร้ายเป็นซูเปอร์ฮีโร่ในแบบที่ไม่เหมือนใคร ซึ่งนอกจากจะเป็นการ์ตูนบู๊ตลกทะลึ่งแล้ว Kyūkyoku!! Hentai Kamen ก็ยังสะท้อนถึงช่วงชีวิตที่ขาดความเชื่อมั่นในตัวเองของเด็กวัยรุ่น โดยเฉพาะกับเรื่องทางเพศด้วย
       
       ล่าสุดการ์ตูนดังเรื่องนี้ได้ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ฉบับคนแสดงแล้วภายใต้ชื่อ HK: Hentai Kamen และได้ เรียวเฮ ซูซูกิ  (Ryohei Suzuki) จาก Gatchaman มาสวมบทบาทเป็นซูเปอร์ฮีโร่หน้ากากกางเกงใน นอกจากนั้นยังจะมีดาราสาว ฟุมิกะ ชิมิซึ (Fumika Shimizu) แห่งซีรีส์ Kamen Rider Fourze ร่วมแสดงอยู่ด้วย
       

"โอชิน" ละครโทรทัศน์ภาคเช้าระดับตำนานของวงการโทรทัศน์ญี่ปุ่น กำลังจะถูกนำมาสร้างใหม่ในฉบับภาพยนตร์ ซึ่งล่าสุดมีการเปิดตัวนักแสดงนำบางส่วนกันไปเรียบร้อยแล้ว ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 5 ก.พ. ที่ผ่านมา

       โอชิน ผลงานการเขียนบทของ ฮาชิดะ ซุงาโกะ ที่แพร่ภาพทาง NHK ในช่วงเช้าวันละ 15 นาที ระหว่างปี 1983 - 1984 ด้วยจำนวนตอนทั้งหมด 297 ตอน ถือเป็นตำนานบทหนึ่งแห่งวงการโทรทัศน์ญี่ปุ่น ด้วยการมีเรตติ้งสูงสุดถึง 62.9% และเรตติ้งเฉลี่ย 52.6% นับว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์โทรทัศน์แดนอาทิตย์อุทัย
       
       สำหรับเรื่องราวในซีรีส์มีฉากหลังอยู่ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 กับชีวิตของ โอชิน หญิงสาวผู้เติบโตขึ้นมาจากครอบครัวที่ยากไร้ในยามางาตะ และใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคในชีวิตมากมาย แต่ก็ไม่ท้อถอย เป็นงานที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราวในชีวิตจริงของ คัทสึ วาดะ มารดาของ คาซึโอะ วาดะ ผู้ก่อตั้งและประธานห้างสรรพสินค้าเยาฮัน
       
       โดยซีรีส์เรื่องนี้ยังถูกซื้อไปฉายใน 86 ประเทศทั่วโลก รวมถึงในเมืองไทยภายใต้ชื่อ "สงครามชีวิตโอชิน" ด้วย
       
       สำหรับ โอชิน ฉบับภาพยนตร์จะเน้นเนื้อหาไปที่ช่วงตัวละครเอกยังเป็นเด็กที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเป็นสตรีผู้งดงามทั้งรูปกาย และจิตใจ ในบ้านนอกที่ยามางาตะ ที่ซึ่งเด็กสาวตัวน้อยๆ ต้องทำทุกอย่างเพื่อครอบครัวแม้จะต้องเจอกับปัญหาต่างๆมากมาย โดยหนังจะอ้างอิงจากบทละครดั้งเดิมของ ฮาชิดะ ที่เขียนเอาไว้เมื่อร่วม 30 ปีก่อน แต่ก็จะเพิ่มเติมรายละเอียดใหม่บางอย่างลงไป
       

       ศิลปินสาวคนเก่ง "มิกะ นากาชิม่า" (Mika Nakashima) พาอัลบั้มชุดล่าสุดขึ้นอันดับ 1 ชาร์ตยอดขายอัลบั้มของ Oricon ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี ส่วนซิงเกิลล่าสุดของ สาวๆ SKE48 ก็ถล่มชาร์ตด้วยยอดขายสัปดาห์แรกเหยียบ 5 แสนแผ่น

       REAL อัลบั้มชุดที่ 7 ของ มิกะ นากาชิม่า ที่ออกวางขายเมื่อวันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายได้ทั้งหมด 49,000 แผ่น ขึ้นอันดับ 1 ของชาร์ตอัลบั้ม Oricon สัปดาห์ล่าสุดได้อย่างงดงาม ถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี 2 เดือนที่นักร้องสาวเสียงดีคนนี้กลับไปครองอันดับ 1 ของ Oricon ไม่ว่าจะเป็นชาร์ตอัลบั้มหรือซิงเกิลได้อีกครั้ง เพราะหากจะย้อนกลับไปครั้งก่อนก็ต้องสมัยออกอัลบั้มชุดที่ 5 VOICE เมื่อเดือน พ.ย. 2008 นั่นเลย
       
       สำหรับอัลบั้มชุดนี้จะประกอบไปด้วยเพลงทั้งหมด 13 เพลงรวมถึง Hatsukoi เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง Kyou, Koi wo Hajimemasu, Dear เพลงประกอบภาพยนตร์ Youkame no Semi และ LETTER ที่เขียนขึ้นเพื่อมอบให้กับแฟนคลับที่ติดตามผลงานของเธอมาตลอด
       
       สำหรับชาร์ตซิงเกิลเป็น Choco no Dorei ผลงานซิงเกิลลำดับที่ 11 ของ SKE48 ที่กวาดยอดขายตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. ที่ผ่านมามโหฬาร 539,000 แผ่น ถือเป็นเป็นสถิติใหม่ของสาวๆกลุ่มนี้ และยังเป็นซิงเกิลเพลงที่ 7 ของพวกเธอที่เปิดตัวอันดับ 1 ของ Oricon ได้ติดต่อกันแล้ว
       
       เรียกได้ว่าในหมู่ศิลปินกลุ่มหญิงด้วยกัน SKE48 ก็เป็นรองเพียง Pink Lady คู่ดูโอ J-Pop รุ่นเก่าที่มีซิงเกิลอันดับ 1 ถึง 9 เพลงติดต่อกันและ AKB48 ที่สร้างสถิติเอาไว้ 16 ซิงเกิลติดต่อกันเท่านั้น
       

“มินามิ มิเนกิชิ” (Minami Minegishi) นักร้องสาวสมาชิกวง AKB48 โกนหัวตนเองเพื่อเป็นการขอโทษแฟนๆ หลังเจ้าตัวละเมิดกฎของต้นสังกัดที่ห้ามมีแฟน แต่ถูกสื่อจับได้แฉภาพขณะออกจากที่พักของแฟนหนุ่ม
       
       มินามิ มิเนกิชิ นักร้องสาววัย 20 ปี สมาชิกวง AKB48 ทำเอาแฟนๆ ถึงกับช็อกทีเดียวเมื่อเจ้าตัวตัดสินใจโกนผมยาวสลวยทิ้ง เพื่อเป็นการลงโทษตนเองที่ละเมิดกฎของต้นสังกัดและเป็นการขอโทษแฟนคลับ โดยระบุว่า ตนเองนั้นไม่อยากออกจากวง AKB48 ซึ่งวิดีโอขอโทษดังกล่าวมีผู้ชมนับล้านวิวเลยทีเดียว
       
       มินามิ ถูกต้นสังกัดประณาม และต่อว่าอย่างรุนแรง หลังเธอละเมิดกฎเหล็กของบริษัทที่ห้ามมีแฟน หลังถูกสื่อจับภาพได้ขณะออกจากอพาร์ตเมนต์ของ อลัน ชิราฮามา (Alan Shirahama) แฟนหนุ่มแดนเซอร์จากวง GENERATION ในเช้าวันถัดมาหลังหายเข้าไปทั้งคืน ซึ่งตั้งอยู่ในย่านเซตากายะ กรุงโตเกียว
       
       โดยทันทีที่ถูกสื่อตีพิมพ์ภาพดังกล่าว ไม่กี่ชั่วโมงต่อมาเธอก็ออกวิดีโอขอโทษทันที ซึ่งวิดีโอดังกล่าว ถูกอัปโหลดลงในหน้าเว็บไซต์ทางการของวง AKB48 โดยระบุว่า เธอตัดสินใจที่จะโกนศีรษะของตนเอง เพื่อเป็นการแสดงความสำนึกผิดต่อการกระทำที่ขาดความยั้งคิดของเธอ
       
       “ฉันไม่คิดว่าสิ่งที่ฉันทำนี้จะสามารถได้รับการให้อภัยจากสิ่งที่เกิดขึ้นได้ แต่สิ่งแรกที่ฉันคิดคือฉันไม่อยากออกจากวง AKB48 ค่ะ” นักร้องสาวกล่าวในวิดีโอสำนึกผิด พร้อมทั้งก้มศีรษะเพื่อเป็นการขอโทษต่อแฟนๆ และต้นสังกัดทัั้งน้ำตาระหว่างกล่าวในวิดีโอความยาวเกือบ 4 นาที
       

       หลัง "มาเอดะ อัตสึโกะ" (Maeda Atsuko) เพิ่งโบกมือลาวง AKB48 ไปเมื่อปีก่อน ล่าสุดมีข่าวว่า สาวฮ็อตสมาชิกแถวหน้าอีกคนของเกิร์ลกรุ๊ปที่โด่งดังเป็นขวัญใจอันดับ 1 ของชาวญี่ปุ่นในยุคนี้ ก็กำลังจะจบการศึกษาออกจาก AKB48 ในเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน
       
       ระหว่างรอบปฐมทัศน์ของ No Flower Without Rain ภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของ AKB48 ที่ฉายไปเมื่อวันที่ 1 ก.พ.หนึ่งในสมาชิกของวงอย่าง อิตาโนะ โทโมมิ (Itano Tomomi) ได้ประกาศว่าเธอมีแผนจะ "จบการศึกษา" ออกจาก AKB48 ภายในปีนี้แล้ว
       
       โดยระหว่างการแถลงข่าวเปิดตัวหนัง สาววัย 21 ปีสมาชิกรุ่นแรกของ AKB48 ได้ประกาศถึงเรื่องดังกล่าวว่า "ดิฉัน อิตาโนะ โทโมมิ AKB48 ทีม K, นี่อาจจะเป็นเรื่องกะทันหันนิดหน่อย แต่ อิตาโนะ โทโมมิ กำลังจะจบการศึกษาอออกจาก AKB48 แล้วค่ะ ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดเวลาอะไรที่แน่ชัด แต่ถ้าทุกอย่างลงตัวแล้วก็จะแจ้งให้ทราบทันที ฉันอยากจะใช้เวลาที่เหลือกับ AKB48 ด้วยความสนุกเหมือนเดิม กับเพื่อนๆรุ่นแรกทุกคนด้วยค่ะ"
       
       นอกจากผลงานในฐานะสมาชิกของ AKB48 ทีม K แล้ว อิตาโนะ โทโมมิ ยังประสบความสำเร็จกับการออกผลงานเดี่ยวด้วย และไม่เพียงแต่เธอเท่านั้น แต่สาว คาซาอิ โทโมมิ (Kasai Tomomi) ก็มีกำหนดจบการศึกษาออกจาก AKB48 ในเร็วๆนี้เช่นเดียวกัน
 

Manager Online

      ถึงจะมีการดึงภาพเจ้าปัญหาออกไปแล้ว แต่ล่าสุดทางสำนักพิมพ์ "โคดันชะ" (Kodansha) ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศยกเลิกการจำหน่ายหนังสือรวมภาพของ ไอดอลสาว "โทโมมิ คาซาอิ" (Tomomi Kasai) แห่งวง AKB48 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังภาพนู้ดเซ็กซีในเล่มได้ก่อให้เกิดเรื่องบานปลาย ถึงขั้นตำรวจได้เข้ามาสอบสวน ว่าอาจมีการทำผิดกฏหมายสื่อลามกอนาจารเด็ก
       
       บรรณาธิการของสำนักพิมพ์ยังได้กล่าวขออภัยสำหรับผู้ที่สั่งจองหนังสือรวมภาพถ่าย Tomo no Koto, Suki? ไปแล้ว และขอบคุณทุกคนที่เข้าใจการตัดสินใจของทางสำนักพิมพ์ อย่างไรก็ตามหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้ทาง โคดันชะ อาจจะมีการผลิตโฟโต้บุ๊คเล่มใหม่ของ โทโมมิ คาซาอิ เพื่อออกจำหน่ายแทน
       
       ภาพนู้ดของไอดอลสาวในโฟโตบุ๊คเล่มแรกของเธอ ได้ก่อให้เกิดประเด็นวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนขึ้นมา นิตยสารการ์ตูน Young Magazine ซึ่งอยู่ในเครือของ โคดันชะ เช่นเดียวกันที่นำภาพดังกล่าวซึ่ง โทโมมิ คาซาอิ เปลือยท่อนบน และมีเด็กชายชาวต่างชาติยืนอยู่ด้านหลัง ยื่นมือมาปิดบังหน้าอกของเธอ ไปตีพิมพ์เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ยังต้องถูกสั่งเลื่อนจำหน่ายไปด้วย ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงโตเกียวยังได้เข้ามาสืบสวนเรื่องนี้แล้ว เพราะอาจถือว่าเป็นการละเมิดกฏหมายสื่อลามกอนาจารของผู้เยาว์ได้
       
       โดยรายงานของสื่อในญี่ปุ่นระบุว่า โคดันชะ ต้องสูญเงินจากปัญหาครั้งนี้ไปมากกว่า 300 ล้านเยน (98 ล้านบาท) เฉพาะสำหรับการเลื่อนจำหน่าย และตีพิมพ์ Young Magazine ฉบับที่มีปัญหาใหม่เพียงเท่านั้น
       

สุดท้ายเป็นนักศึกษาปริญญาโท วัย 26 ปี ตัวแทนของฮ่องกง และ มาเก๊า ที่สามารถคว้ามงกุฎ “มิสเอเชีย” ในการประกวดเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ส่วนสาวไทยคว้าตำแหน่งนางงามมิตรภาพ

      หลังใช้เวลาเตรียมงาน และคัดเลือกสาวงามผู้เข้าประกวดถึง 6 เดือนเต็ม การประกวดรอบสุดท้ายของเวทีสาวงาม มิสเอเชีย 2012 ของสถานีโทรทัศน์ ATV ที่มีเป้าหมายค้นหาสาวงามประจำทวีป ได้มีขึ้นเมื่อวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.2013 ที่ผ่านมา
       
       และเป็น เอมี เฉิน (Amy Chen / 陳彥蓉) ตัวแทนของฮ่องกง และมาเก๊า ที่คว้าตำแหน่ง มิสเอเชีย ไปได้ สามารถเอาชนะตัวเต็งอย่าง แอนนี ฉี (Annie Qi / 齊真晨) ที่สุดท้ายทำดีที่สุดเพียงตำแหน่งรองอันดับ 1 ส่วนรองอันดับ 2 เป็นของ สเว็ตลานา กูลาโควา (Svetlana Gulakova / 絲域蘭娜 古拉高華) ตัวแทนอินเดีย ที่ได้ตำแหน่งไป
       
       นอกจากมงกุฎมิสเอเชียแล้ว เอมี ยังคว้าตำแหน่งสาวงามเจ้าเสน่ห์ไปอีกรางวัลด้วย โดยเธอกล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่าหลังคว้าตำแหน่งได้แล้ว ก็อยากจะลองเข้าวงการบันเทิงดูบ้าง อย่างไรก็ตาม สาวเอมีซึ่งมีพื้นเพมาจากไต้หวัน ยังกล่าวว่าสิ่งที่เธอกำลังมุ่งมั่นที่สุดในตอนนี้ก็คือ การฝึกพูดภาษาจีนกวางตุ้งให้คล่องนั่นเอง
       

       หลังฟ้องร้องจนสามารถเอาชนะคดี ในการต่อสู้ทางกฏหมายกับอดีตต้นสังกัด SM Entertainment ได้เป็นที่เรียบร้อย ล่าสุดสามหนุ่ม JYJ ยังสามารถเอาชนะทางคดี เหนือบริษัทบันเทิงยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่น Avex ได้อีกครั้ง
       
       C-JeS Entertainment บริษัทซึ่งทำหน้าที่ดูแลจัดการให้ JYJ ได้แถลงถึงผลคำตัดสินของศาลญี่ปุ่น ที่ได้มีคำชี้ขาดว่า Avex ไม่ใช่ผู้ถือสิทธิ์การจัดการการทำงานต่างๆ ของ JYJ ในญี่ปุ่นแต่เพียงผู้เดียวอย่างที่บริษัทอ้างแต่อย่างใด
       
       นอกจากนั้นศาลยังสั่งให้ Avex ต้องจ่ายเงินให้กับ C-JeS Entertainment ต้นสังกัดปัจจุบันของ JYJ เป็นจำนวนถึง 660 ล้านเยน (ประมาณ 218 ล้านบาท) และตัดสินว่า Avex มีพฤติกรรมหมิ่นประมาท ซีอีโอของ C-JeS ซึ่งต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับซีอีโอของบริษัทเป็นเงิน 1 ล้านเยน (330,000 บาท)
       
       โดยคดีดังกล่าวเริ่มต้นเป็นปัญหาขึ้นมา เมื่อทาง JYJ และ Avex ซึ่งรับหน้าที่จัดจำหน่ายผลงานให้กับหนุ่มๆ มาตั้งแต่สมัยยังร่วมเป็นสมาชิกของ ทงบังชินกิ (Dong Bang Shin Gi) ได้ยกเลิกสัญญาระหว่างกันเมื่อปี 2010 หลังเกิดความขัดแย้งเกี่ยวกับการทำงานในญี่ปุ่นของ 3 หนุ่มโดยฝ่าย Avex ได้ออกแถลงการณ์ว่า การยุติการทำงานร่วมกันเกิดขึ้นเพราะ CEO ของ C-JeS มีสายสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับองค์กรนอกกฏหมาย นอกจากนั้นทาง Avex ยังอ้างว่าพวกเขาต่างหาก ที่มีสิทธิ์ต่อกิจกรรมทั้งหมดของ JYJ ในญี่ปุ่น และยังเข้าไปขัดขวางการแสดงคอนเสิร์ตเพื่อการกุศลของ JYJ เมื่อปี 2011 จนเกิดการฟ้องร้องกันตามมา
       

"Crayon Shin Chan Online" เกมออนไลน์ตัวแรกของเจ้าหนูจอมกวน แนวตะลุยด่านภาพสองมิติสไตล์การ์ตูน เตรียมเปิดโอเพ่นเบต้าให้บริการในเกาหลีเป็นที่แรก
       
       เปิดให้ผู้เล่นแดนกิมจิได้ทดลองเล่นในช่วงทดสอบโคลสเบต้าไปเรียบร้อยแล้วถึง 3 ครั้งกับเกม "Crayon Shin Chan Online" เกมแนวแอ็คชั่น MMO ที่สร้างมาจากการ์ตูนญี่ปุ่นสุดฮิตในอดีต "ชินจังจอมแก่น" ซึ่งตัวเกมเป็นผลงานความร่วมมือกันระหว่างสามค่ายเกมเกาหลีทั้ง WindySoft, Daewon Media และ Rainfall Soft
       
       โดยทางค่ายผู้ให้บริการอย่าง WindySoft ได้ปล่อยเทรลเลอร์เปิดตัว พร้อมคลิปวิดีโอโชว์ระบบการเล่นจริงภายในเกม ซึ่งเผยให้เห็นภาพกราฟฟิกสไตล์สองมิติสดใสน่ารักเหมือนกับต้นฉบับการ์ตูน ส่วนรูปแบบการเล่นจะเป็นแนวแอ็คชั่นลุยด่านด้านข้างในลักษณะคล้ายๆกับเกม Maplestory ผู้เล่นจะได้สวมบทชินจังและผองเพื่อนร่วมกันผจญภัยออกเดินทางต่อสู้กับศัตรู ทำภารกิจ แก้ปริศนา แข่งขันมินิเกม แถมยังสอดแทรกมุกให้ได้ฮาตลอด
       
       สำหรับ "ชินจังจอมแก่น" ถือเป็นการ์ตูนแนวตลกขบขันเรื่องหนึ่งที่ได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในประเทศไทยและต่างแดน ด้วยลายเส้นง่ายๆที่เป็นเอกลักษณ์พร้อมมุกตลกทะลึ่งตึงตังของผู้ใหญ่ โดยมีเนื้อเรื่องเกี่ยวกับเด็กอนุบาลวัย 5 ขวบ "โนะฮาร่า ชิโนสึเกะ" หรือที่เรียกกันติดปากว่า "ชินจัง" ซึ่งด้วยนิสัยความเป็นเด็กแก่แดดชอบยียวนกวนประสาทนี้เองที่ทำให้เกิดเป็นเรื่องเป็นราวความอลหม่านสร้างเสียงหัวเราะและรอยยิ้มได้ทุกครั้ง
       

ประกาศออกมาแล้วสำหรับผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิง “รางวัลภาพยนตร์เอเชียครั้งที่ 7” โดยหนังจีนแผ่นดินใหญ่ Mystery และหนังแก๊งสเตอร์จากเกาหลี Nameless Gangster: Rules of the Time ได้ชิงรางวัลมากที่สุดเรื่องละ 6 สาขา
       
       โดยในปีนี้มีหนัง 5 เรื่องจาก 4 ประเทศ ที่ได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ได้แก่ Mystery หนังแนวระทึกขวัญของ โหลวเย่ และ เหาเหล่ย ที่เคยสร้างความฮือฮาให้กับโลกภาพยนตร์ด้วยกันใน Summer Palace เมื่อหลายปีก่อน, Drug War จากจีนแผ่นดินใหญ่ฝีมือของผู้กำกับชาวฮ่องกง ตู้ฉีฟง, Gangs of Wasseypur, Part 1 & 2 งานแนวอาชญากรรมจากอินเดีย, Outrage Beyond หนังยากูซาผลงานล่าสุดของ ทาเคชิ คิตาโนะ และ Pieta หนังดังของผู้กำกับ คิมคีดุ๊ก ที่เคยคว้ารางวัลที่เทศกาลหนังเมืองเวนิสมาแล้ว
       
       รางวัลภาพยนตร์เอเชียครั้งที่ 7 ของสมาคมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮ่องกง มีกำหนดประกาศรายชื่อผู้ชนะได้รับรางวัลในวันที่ 18 มี.ค.โดยในการเผยรายชื่อผู้ชิงรางวัลทั้งหมดใน 14 สาขา หนึ่งในคณะกรรมการอย่าง หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) ยังมาร่วมแถลงข่าวด้วย
       
       พระเอกคนดังที่เพิ่งจะได้มีโอกาสทำหน้าที่กรรมการรางวัลม้าทองคำมาหมาดๆ ยังกล่าวว่าตอนนี้เขาเริ่มชินและไม่เครียดกับการทำหน้าที่ตัดสินให้รางวัลหนังเรื่องต่างๆ แล้ว และยอมรับว่าวงการหนังฮ่องกงค่อนข้างจะตกต่ำในระยะหลัง ในปีนี้ก็มีเพียง เหลียงเจียฮุย เป็นตัวแทนจากหนังฮ่องกง ที่ได้ชิงรางวัลนักแสดงนำชายจาก Cold War เท่านั้น “ทำงานกันให้หนักขึ้นในอีกหนึ่งปีข้างหน้า ความรุ่งเรือง, ความตกต่ำเรื่องธรรมดาครับ”
       

เอเอฟพี - "โคดันชะ" (Kodansha) ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นถึงกรณีภาพถ่ายของไอดอลสาวแห่งวง AKB48 ในโฟโตบุ๊ค และนิตยสาร Young Magazine ว่าจะเข้าขายเป็นสื่อลามกอนาจารเด็กหรือไม่ แต่ยอมรับว่าภาพดังกล่าว ไม่เหมาะสมสำหรับมาตรฐานของสังคม และตัดสินใจระงับขายนิตยสารกว่า 670,000 เล่ม
       
       นิตยสาร Young Magazine จำนวนถึง 670,000 เล่มที่ควรออกจำหน่ายเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ต้องโดนระงับการขาย และเลื่อนวันจำหน่ายออกไปก่อน หลังเกิดกระแสวิจารณ์ถึงภาพถ่ายของไอดอลสาว โทโมมิ คาซาอิ (Tomomi Kasai) ที่อยู่ในเล่มซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการละเมิดกฎหมาย
       
       ปัญหาของภาพอยู่ตรงเด็กชายผมบลอนด์ที่ยืนอยู่ด้านหลัง คาซามิ โทโมมิ แห่งวงเกิร์ลกรุ๊ป AKB48 ที่เอื้อมแขนมาปิดบังส่วนหน้าอกของเธอเอาไว้ และโดนตั้งข้อสงสัยว่า ภาพลักษณะนี้มีสิทธิ์ละเมิดกฎหมายสื่อลามกอนาจารเด็ก
       
       โดยมีการตีพิมพ์ภาพเจ้าปัญหาใน Young Magazine นิตยสารรายสัปดาห์ที่ขายดีที่สุดอีกเล่มของญี่ปุ่น ก็เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์หนังสือรวมภาพถ่ายของ คาซาอิ โทโมมิ แห่งวง AKB48 ซึ่งตีพิมพ์โดย โคดันชะ เช่นเดียวกัน
       
       ซึ่งล่าสุดทางสำนักพิมพ์ โคดันชะ ผู้ตีพิมพ์นิตยสาร ได้ตัดสินใจระงับการวางแผงของ Young Magazine รวมถึงจะมีการปรับเปรียบ ดึงภาพที่มีปัญหาออกจากหนังสือรวมภาพถ่ายของ คาซาอิ ที่มีกำหนดจะวางแผงในเดือนหน้าต่อไปด้วย
       

เอเอฟพี - ผู้กำกับระดับตำนานของวงการภาพยนตร์ญี่ปุ่น “นางิสะ โอชิมา” (Nagisa Oshima) เจ้าของผลงานอันเป็นที่จดจำมากมาย รวมถึงหนังสุดอื้อฉาว In the Realm of the Senses ได้เสียชีวิตลงแล้ว ด้วยวัย 80 ปี
       
       นางิสะ โอชิม่า วัย 80 ปี เจ้าของหนังซึ่งเป็นที่พูดถึงในหมู่นักวิจารณ์ทั่วโลกอย่างกว้างขวาง และยาวนาน In the Realm of the Senses ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง และเนื้อหาต้องห้าม ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 15 ม.ค.หลังจากป่วยมาพักใหญ่
       
       โดยลูกชายคนเล็กของเขาที่ชื่อ อาราตะ ได้ให้ข่าวกับเอเอฟพี ว่า “พ่อของผมจากไปอย่างสงบครับ ท่านได้อยู่กับครอบครัวในวาระสุดท้าย ทั้งภรรยา และทาเคชิ ลูกชายคนโต ผมเองไม่ได้อยู่ที่นั่น พ่อเข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่เมื่อปีก่อน และเสียชีวิตด้วยอาการปอดบวม”
       
       เส้นทางในสายงานภาพยนตร์ของ นางิสะ โอชิมา ที่มีพื้นเพเดิมเป็นชาวเกียวโต เริ่มต้นขึ้นในยุค 60s หลังจบมหาวิทยาลัยแล้วได้งานที่บริษัทผลิตภาพยนตร์ Shochiku และในเวลาอันสั้นเขาก็ได้รับตำแหน่งผู้กำกับ มีผลงานที่ได้รับความสนใจหลายเรื่อง ส่วนใหญ่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง จนสร้างชื่อได้ในฐานะผู้กำกับผู้มีงานอันหนักหน่วงจริงจัง
       
       หนังหลายเรื่องของ โอชิมา มักจะกล่าวถึงประเด็นการแบ่งแยกเชื้อชาติ และมีเป้าหมายสำรวจถึงเส้นขอบเขตของมาตรฐานทางสังคม ผลงานเด่นในช่วงเริ่มต้นของเขาก็เช่น Cruel Story of Youth (1960) และ Night and Fog in Japan (1960)
       

       ปกโฟโตบุ๊คของไอดอลสาวคนดัง กลายเป็นปัญหาที่ทำให้เกิดความวุ่นวายกันไปหมด ทั้งนิตยสารที่นำภาพปกดังกล่าวไปตีพิมพ์ก็ต้องเลื่อนจำหน่ายออกไปร่วมสัปดาห์ ส่วนตัวของโฟโตบุ๊คก็มีข่าวว่าต้องเปลี่ยนภาพปก ที่หลายฝ่ายมองว่าเข้าข่ายอนาจาร
       
       ก่อนหน้านี้ทาง โคดันฉะ ผู้ตีพิมพ์นิตยสาร Young Magazine และโฟโตบุ๊คของไอดอลสาว ได้ประกาศเลื่อนการวางจำหน่าย Young Magazine ฉบับที่มีการนำภาพของโฟโตบุ๊ค Tomo no Koto, Suki? ของ คาซาอิ โทโมมิ (Kasai Tomomi) วัย 21 ปี แห่งวง AKB48 ไปเป็นหน้าปก โดยมีคำอธิบายว่า ต้องมีการแก้ไขหน้าปกนิตยสารฉบับดังกล่าวก่อน ถึงจะวางจำหน่ายได้
       
       ล่าสุดทางสำนักพิมพ์ยังเปิดเผยว่าหน้าปกของโฟโตบุ๊ค Tomo no Koto, Suki? ที่จะวางแผงในวันที่ 4 ก.พ. ก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงภาพหน้าปกเช่นเดียวกัน หลังมีเสียงวิจารณ์ออกมาจากคนจำนวนมากว่าภาพปกดังกล่าวเข้าขั้น "ไม่สามารถยอมรับได้โดยสังคมทั่วไป และอาจสร้างความรู้สึกไม่ดีให้กับกลุ่มผู้อ่านจำนวนมาก"
       
       โดยภาพปกหนังสือรวมภาพของเธอ เป็นภาพที่ คาซาอิ เปลือยท่อนบน และมีเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ใช้มือมาปิดหน้าอกของเธอเอาไว้ ซึ่งทนายความของช่างภาพยืนยันว่า เป็นภาพที่ไม่ได้มีอะไรผิดกฏหมาย เพราะมือของหนูน้อยยังไม่ถึงกับสัมผัสโดนจุกของไอดอลสาวคนดังแต่อย่างใด ซึ่งมันจะเป็นเรื่องต้องห้ามทันที หากมือของผู้เยาว์เกิดไปสัมผัสโดนเข้า และยังไม่ถือว่าเป็นการละเมิดกฏหมายสื่อลามกอนาจารเช่นเดียวกัน หากภาพยังมีการปิดบังอวัยวะพึงสงวนของนางแบบเอาไว้
       

       กลุ่มไอดอลสาวจากแดนกิมจิประสบความสำเร็จกับการแสดงที่ “โตเกียวโดม” สถานที่จัดคอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น ซึ่งในช่วงท้ายสาวๆ ถึงกับเสียน้ำตากับการปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งนี้เลย
       
       เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา KARA ได้ขึ้นแสดงต่อหน้าแฟนๆ 45,000 คน ในสถานที่ซึ่งไม่ใช่เฉพาะศิลปินจากเกาหลีใต้เท่านั้น แต่ศิลปินญี่ปุ่นจำนวนมากก็ใฝ่ฝันจะได้ขึ้นแสดงที่โตเกียวโดมแห่งนี้ด้วย โดยคอนเสิร์ตที่มีความจุผู้ชม 45,000 คน ขายบัตรหมดเกลี้ยงทันทีภายใน 5 นาที หลังเปิดจำหน่ายบัตรเมื่อเดือนก่อน
       
       สาวๆ KARA ยังถือว่าเป็นกลุ่มศิลปินหญิงจากเกาหลีใต้กลุ่มแรกที่ได้แสดงที่ โตเกียวโดม โดยระหว่างการแถลงข่าว กยูริ (Gyuri) หนึ่งในสมาชิกของวงได้แสดงความรู้สึกถึงสิ่งที่พวกเธอได้รับ กับการเข้ามาทำงานในประเทศญี่ปุ่น ว่า “เราได้รับความรักมากมายจากแฟนๆ ชาวญี่ปุ่น มีคำพูดดีจากแฟนๆ ซึ่งทำให้เราอยากจะตอบแทนให้ดียิ่งขึ้นไปอีกค่ะ”
       
       โดยเมื่อการแสดงเดินทางมาถึงช่วงสุดท้าย สมาชิกทั้ง 5 คนของ KARA ยังถึงกับเสียน้ำตาให้กับความสำเร็จ และกระแสตอบรับของแฟนๆ ชาวอาทิตย์อุทัยด้วย
       
       KARA ถือว่าเป็นวงไอดอลจากเกาหลีใต้อีกกลุ่มที่เข้ามาออกผลงานเพลงภาษาญี่ปุ่น และถือว่า เป็นศิลปิน K-Pop ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกลุ่มหนึ่งในแดนปลาดิบหลังจากทำงานที่นี่ได้เพียง 2 ปี ถึงตอนนี้สาวๆ แทบจะให้ความสำคัญกับตลาดเพลงที่ญี่ปุ่น พอๆ กับที่บ้านเกิดไปแล้ว โดยเมื่อปีก่อน ทัวร์คอนเสิร์ต Karasia Tour ของพวกเธอยังสามารถทำยอดคนดูรวมได้ถึง 130,000 คน

Manager Online

       หลังจดทะเบียนสมรสกันไปตั้งแต่เมื่อเดือน มี.ค.ปีก่อน และจัดพิธีแต่งงานไปแล้ว ล่าสุด สองนักแสดงชื่อดังชาวญี่ปุ่นได้จัดพิธีวิวาห์รอบสองขึ้นที่รัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา ในช่วงฉลองปีใหม่ 2013 ที่ผ่านมา
       
       พิธีแต่งงานรอบสองของ โองูริ ชุน (Oguri Shun) กับ ยามาดะ ยู (Yamada Yu) จัดขึ้นที่ โรงแรม โฟร์ ซีซันส์ รีสอร์ต เมื่อวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ ทั้งคู่เคยจัดพิธีวิวาห์มาแล้วครั้งหนึ่ง ที่โอกินาวาบ้านเกิดของฝ่ายหญิงในเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว หลังจดทะเบียนสมรสในเดือน มี.ค.ปีเดียวกัน อย่างไรก็ตาม คู่บ่าวสาวมีความประสงค์ที่จะจัดงานแต่งงานกันที่ฮาวายมาตั้งแต่ต้น เพราะเป็นสถานที่ซึ่งมีโอกาสมาใช้เวลาร่วมกันอยู่บ่อยครั้ง หลังจากเริ่มคบหามาตั้งแต่ปี 2008
       
       โดยในงานมีดาวตลกดูโอ Tunnels ซึ่งประกอบไปด้วย ทสึรุเบะ โชฟุกุเทย์ และ คินาชิ โนริทาเกะ มาช่วยดำเนินพิธีการ ซึ่งมีแขกที่เป็นบรรดาญาติสนิท กับเพื่อนๆ มาร่วมงานประมาณ 100 ชีวิต และเป็นพิธีซึ่งแขกที่มาเป็นพยานหลายๆ คนบอกว่าเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ
       
       เมื่อพิธีสิ้นสุดลง ทั้งสองยังส่งแถลงการณ์ถึงสื่อมวลชน ว่า “ในช่วงปีใหม่นี้ เราได้รับคำอวยพรมากมายจากเพื่อน และผู้ใหญ่ นับแต่นี้ไปพวกเราจะพยายามทำงานในหน้าที่ และสร้างครอบครัวให้ดีที่สุด” ส่วนฝ่ายหญิงก็กล่าวหลังจบพิธีว่า เธอมีความสุขมากจริงๆ ที่มีคนมาอวยพรมากมายแบบนี้
       

      ไม่ว่าจะชอบหรือเกลียดข้อเท็จจริงเรื่องความสำเร็จของสินค้าออกทางวัฒนธรรมจาก "เกาหลี" คือสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ และดูเหมือนว่าความสำเร็จที่ว่าได้ปรากฏอย่างเป็นรูปธรรมในปี 2012 นี้ ... ทั้งหนังที่ได้รับการยอมรับในด้านคุณภาพ ส่วนเพลงก็เป็นครั้งแรกที่ K-Pop เจาะตลาดสหรัฐฯ สำเร็จ แต่สำหรับตลาดหลักอย่างญี่ปุ่น 2012 กลับเป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวาย
       
       ปี 2012 เป็นปีที่เกาหลีใต้ประกาศศักดาความยิ่งใหญ่ในเวทีโลกได้อย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง ส่วนแบ่งในตลาดอุปกรณ์ไอที, ชัยชนะ ณ สนามกีฬาโอลิมปก รวมถึงรางวัลทางภาพยนตร์ในเทศกาลหนังที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และเพลงฮิตที่อาจเรียกได้ว่าเป็น "เพลงแห่งปี" ของปี 2012 คือส่วนหนึ่งของความสำเร็จของเกาหลีใต้ในสนามต่างๆ … แต่สถานการณ์ในวงการบันเทิงญี่ปุ่นของ K-Pop กลับไม่สวยหรูอย่างที่ผ่านมา
       
       ญี่ปุ่นเก่งในบ้าน - เกาหลีเน้นเยือน
       
       ความสำเร็จของเกาหลีใต้เกิดขึ้นในช่วงที่ญี่ปุ่นเริ่มอ่อนแรงลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งสภาพเศรษกิจโดยรวมที่ไม่ได้แข่งแกร่งเหมือนเมื่อช่วงหลายสิบปีที่แล้วอีกต่อไป ขณะที่สินค้าออกทางวัฒนธรรม หรือเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอเกมก็กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก หรือกระทั่งแวดวงมังงะ (หนังสือการ์ตูน) และอนิเมะที่เป็นสิ่งเชิดหน้าชูตาของชาติมานาน ก็แสดงออกถึงความถดถอย
       
       ปัญหาใหญ่ของอุตสาหกรรมบันเทิงของญี่ปุ่นดูเหมือนจะอยู่ตรงที่ความใหญ่โต และกำลังซื้ออันมหาศาลของตลาดภายในประเทศนั่นเอง ที่ทำให้ผู้ผลิตแทบไม่เคยใส่ใจในการตอบสนองความต้องการของตลาดตะวันตก ทำให้สินค้าส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นออกแบบมาเพื่อคนญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น เพลง, ภาพยนตร์ หรือโทรทัศน์ ที่มีวิธีการนำเสนออันเป็นเอกลักษณ์ส่วนตัวอย่างชัดเจน และแทบไม่อ้างอิงกับกระแสความนิยมของนานาชาติเลย

One Piece สุดยอดการ์ตูนญี่ปุ่นยุคนี้ยังคงครองแชมป์การ์ตูนขายดีแห่งปี 2012 ด้วยยอดขายทิ้งห่างอันดับ 2 และ 3 แบบไม่เห็นฝุ่น ขณะที่ฉบับรวมเล่มก็ขายดียึดครองอันดับ 1 - 4 ของชาร์ตยอดขายการ์ตูนเป็นรายเล่มประจำปี 2012 อย่างเบ็ดเสร็จ

การ์ตูนโจรสลัดแฟนตาซี One Piece ของ เออิจิโร โอดะ (Eiichiro Oda) ยัง ครองแชมป์การ์ตูนขายดีแบบไม่มีคู่แข่งต่อไปอีกปี ด้วยการกวาดยอดขายในปี 2012 ไปถึง 23 ล้านเล่ม นอกจากนั้นในอันดับยอดขายเป็นรายเล่ม One Piece ก็ยังกวาด 4 อันดับแรกไปครองทั้งหมด แม้แต่เล่ม 64 ที่ออกจำหน่ายไปตั้งแต่ปลายปี 2011 ก็ยังติดเข้ามาในอันดับของการ์ตูนขายดีปี 2012 ด้วย

อย่างไรก็ตามยอดรวม 23 ล้านเล่มของ One Piece ก็ยังนับว่าห่างไกลจากปี 2011 ที่ปีก่อนยอดจำหน่ายทะลุไปถึง 37 ล้านเล่มเลยทีเดียว

สำหรับอันดับที่ 2 ในปีนี้กลายเป็นการ์ตูนกีฬาบาสเกตบอล Kuroko's Basketball ของ ทาดาโทชิ ฟุจิมากิ (Tadatoshi Fujimaki) ที่ เริ่มตีพิมพ์ตั้งแต่ปี 2008 และค่อยๆ สร้างชื่อขึ้นมาจนตอนนี้สามารถขึ้นมาเป็นการ์ตูนสุดฮิตอีกเรื่องของญี่ปุ่น เป็นที่เรียบร้อยแล้ว กับยอดขายรวมในปีนี้ 8 ล้านเล่ม ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะได้แรงส่งจากฉบับอนิเมะที่ได้ออกอากาศในช่วงกลางปีที่ ผ่านมานี่เอง ทำให้ฉบับเก่าๆ ของการ์ตูนเรื่องนี้กลับมาขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอีกครั้ง แม้แต่เล่ม 1 ที่ตีพิมพ์เอาไว้ตั้งแต่ปี 2009 ก็ยังขายได้ในปี 2012 ถึง 382,366 เล่ม เลยทีเดียว เทียบแล้วผลงานของ ฟุจิมากิ กระโดดขึ้นมาหลายเท่าตัวจากที่ปีก่อนขายได้เพียง 1.7 ล้านเล่มเท่านั้น

อันดับการ์ตูนขายดีของปีนี้ยังประกอบไปด้วยผลงานดังๆ ไม่ว่าจะเป็น Gintama, Detective Conan, Fairy Tail, Toriko, Bleach, Sket Dance, Naruto ฯลฯ ซึ่งเป็นผลงานที่แฟนการ์ตูนชาวไทยก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว

"เคจิ นากาซาว่า" (Keiji Nakazawa) นักเขียนการ์ตูนที่เคยใช้ชีวิตผ่านช่วงเวลาแห่งความหายนะจากระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิม่า ในช่วงวัยเด็ก และนำประสบการณ์มาถ่ายทอดผ่านผลงานอมตะ Barefoot Gen ได้เสียชีวิตลงแล้วเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. ที่ผ่านมาด้วยโรคมะเร็งขณะที่มีอายุได้ 73 ปี
       
       ยอดนักเขียนการ์ตูนผู้ยิ่งใหญ่ เคจิ นากาซาว่า ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลในฮิโรชิม่าด้วยสาเหตุของโรคมะเร็งปอด โดยจะไม่มีการจัดพิธีศพใดๆ ตามคำร้องขอก่อนเสียชีวิตของเจ้าตัว โดยก่อนหน้านี้เขาเคยเข้ารับการผ่าตัดเพื่อรักษามาแล้วทั้งในปี 2010 และ 2011 นอกจากนั้นโรคร้ายยังทำลายความหวังในการกลับมาเขียนภาคต่อของผลงานสุดอมตะ Barefoot Gen ในปี 2009 ของเขาด้วย ที่แม้เจ้าตัวจะสูญเสียการมองเห็นส่วนหนึ่งไป แต่ก็ยังยืนยันมาตลอด ว่าจะพยายามสร้างงานออกมาอีกให้ได้ พร้อมให้เหตุผลว่า "เป็นความจำเป็นที่คนรุ่นเราต้องบอกเล่าเรื่องความน่าสยดสยองของสงคราม และระเบิดนิวเคลียร์ต่อไป"
       
       เคจิ นากาซาว่า เกิดที่ฮิโรชิม่าในปี 1939 และมีอายุได้ 6 ขวบในตอนที่ฮิโรชิม่าต้องพบกับหายนะจากระเบิดปรมาณูระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาเดียวกันเขายังต้องสูญเสียสมาชิกในครอบครัวไปหลายคนไม่ว่าจะเป็น บิดา, พี่สาว, และน้องชาย มีเพียงตัวเขา, มารดา และน้องชายอีก 2 คนที่รอดชีวิตมาได้
      
       เขาจบการศึกษาระดับชั้นมัธยมในปี 1954 หลังจากนั้นอีก 7 ปี นากาซาว่า จึงได้เดินทางไปยังกรุงโตเกียว กระทั่งในปี 1963 จึงประสบความสำเร็จกับอาชีพนักเขียนการ์ตูนเมื่ออายุเข้า 24 ปี และมีผลงานที่ประสบความสำเร็จได้รับการจดจำมากมายรวมถึง Kuroi Ame ni Utarete ซึ่งกล่าวถึงผลกระทบของสงครามโลกต่อชีวิตของคนญี่ปุ่น ที่เขาเขียนออกมาหลังการเสียชีวิตของมารดาในปี 1966 โดยผลงานสำคัญส่วนใหญ่ของเขาถูกวาดออกมาในช่วงปี 1973 - 1985 รวมถึง Barefoot Gen อันลือลั่น

      สาวซ่าแห่งวงการเพลงญี่ปุ่น "แครี่ ปามิว ปามิว" (Kyary Pamyu Pamyu / きゃりーぱみゅぱみゅ) เตรียมเดินทางไปทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลก ที่นอกจากหลายประเทศในยุโรป และบ้านเกิดอย่างญี่ปุ่นแล้ว ศิลปินหญิงเจ้าแม่แฟชั่นยังจะเดินทางมาเปิดการแสดงในเมืองไทยด้วย
       
       ทัวร์คอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า 100%KPP WORLD TOUR 2013 ของสาวซ่าแห่ง J-Pop แครี่ ปามิว ปามิว จะถือได้ว่าเป็นทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกครั้งแรกของเธอ โดยศิลปินวัย 19 ปี จะเดินทางไปเปิดการแสดงทั้งที่ เบลเยียม, ฝรั่งเศส, อังกฤษ, เกาหลีใต้, ฮ่องกง, สหรัฐอเมริกา, สิงคโปร์, ออสเตรเลีย รวมถึงไทยด้วย นอกจากนั้นก็ยังจะไปเปิดการแสดงในเมืองใหญ่ๆ ของญี่ปุ่น รวมทั้งหมดเป็นทัวร์ที่มีการแสดงจำนวนถึง 20 รอบเลยทีเดียว
       
       โดยทัวร์คอนเสิร์ตจะเริ่มต้นขึ้นหลังซิงเกิลล่าสุดของ แครี่ ปามิว ปามิว เริ่มจำหน่ายในปลายเดือน ม.ค. กับการแสดงที่ บรัสเซล ในเบลเยียม ในวันที่ 9 ก.พ., ก่อนจะไปแสดงยัง ปารีส กับ ลอนดอน จนกลับมาแสดงที่ญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 2 มี.ค. ถึง 5 เม.ย. หลังจากนั้นเธอจึงจะไปเปิดการแสดงที่ ลอสแอนเจลิส กับ นิวยอร์ก ในวันที่ 12 - 14 เม.ย. ตามลำดับ
       
       สำหรับการแสดงใน ออสเตรเลีย, สิงคโปร์ และไทย ยังไม่มีการกำหนดวัน หรือสถานที่แสดงอย่างเป็นทางการในขณะนี้
       
       สำหรับ แครี่ ปามิว ปามิว หรือ คิริโกะ ทาเคมูระ (Kiriko Takemura) วัย 19 ปีเป็นทั้ง บล็อคเกอร์แฟชั่น, นางแบบ และศิลปิน ที่โด่งดังขึ้นมาจากแวดวงแฟชั่นของฮาราจูกุ ถือว่าพุ่งแรงขึ้นมาอย่างรวดเร็วในช่วง 2 - 3 ปีนี้ ด้วยสีสันของการแต่งหน้า และแต่งตัวอันสุดโต่ง ซึ่งทำให้เธอได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย

      สาวสวย “ลีอาห์ ดีซอน” (Leah Dizon) ที่หายเงียบไปนานร่วม 2 ปี ตั้งแต่หย่าขาดจากสามีเมื่อปลายปี 2010 ได้ประกาศคืนวงการอีกครั้ง หลังใช้เวลาช่วงที่ผ่านมากับการเรียนการแสดง โดยเธอระบุว่าตอนนี้คงจะเน้นการทำงานที่สหรัฐอเมริกาเป็นหลักไปก่อน แต่ก็ไม่ปิดโอกาสสำหรับการกลับมารับงานในญี่ปุ่น
       
       คุณแม่คนสวย ลีอาห์ ดีซอน วัย 26 ปี เพิ่งจะจบการศึกษาจากโรงเรียนการแสดงในนิวยอร์ก ที่เธอเริ่มต้นเรียนตั้งแต่เดือน ม.ค.2011 ได้เปิดเผยว่า ตอนนี้เธอได้เซ็นสัญญากับเอเยนซีแห่งหนึ่งในสหรัฐอเมริกาแล้ว และพร้อมกลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งเอเยนซีของเธอยังระบุว่า ลีอาห์ จะไม่ได้รับงานเฉพาะในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น แต่ถ้ามีข้อเสนอจากญี่ปุ่นที่เธอเคยมีชื่อเสียงโด่งดังมาก ดาราคนสวยก็พร้อมพิจารณา
       
       สาวที่มีเชื้อสายฝรั่งเศสจากทางแม่ และจีน กับฟิลิปปินส์ จากทางพ่อ โด่งดังในฐานะสาวต่างชาติคนสวยในวงการบันเทิงญี่ปุ่น โดยเธอมีโอกาสออกอัลบั้ม และได้งานถ่ายแบบในแดนอาทิตย์อุทัยตั้งแต่ปี 2007 ถือว่าโด่งดังเป็นขวัญใจหนุ่มๆ ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากเมื่อหลายปีก่อน
       
       แต่แล้วเมื่อปี 2008 กลับเป็นข่าวช็อกแฟนๆ เมื่อเธอได้ประกาศแต่งงาน และยอมรับว่า ได้ตั้งท้องลูกคนแรกแล้ว จนเมื่อเธอให้กำเนิดทายาทเมื่อปี 2009 จึงกลับมารับงานอีกครั้ง แต่แล้วในปลายปี 2010 กลับเกิดปัญหาเรื่องชีวิตคู่ สุดท้ายจึงตัดสินใจหย่าขาดกับสามี และเดินทางกลับสหรัฐอเมริกา เพื่อเรียนการแสดงหวังเริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงใหม่อีกครั้ง
       

      สาวๆ Ebisu Muscats ประกาศว่า พวกเธอจะทำงานร่วมกันถึงในช่วงกลางปีหน้าเท่านั้น เพราะหลังจากสาวเอวีกลุ่มนี้ได้ทำงานร่วมกันมาได้ 5 ปีเต็ม ก็ถึงเวลาแห่งการยุบวงสิ้นสุดการทำงานด้วยกันในที่สุด
       
       เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.ที่ผ่านมา Ebisu Muscats ได้ร่วมกันแสดงในงาน X’mas Rock’n Roll Night~Hadaka no manma de Dete Oide~ ที่นากาโน ซัน พลาซ่า ซึ่งในระหว่างการแสดงนั่นเองทางวงได้ประกาศยืนยันการยุติการทำงานร่วมกันภายใต้ชื่อ Ebisu Muscats หลังจบการแสดงที่ มาอิฮามะ แอมพริเธียเตอร์ ในวันที่ 7 เม.ย.2013
       
       โดยลีดเดอร์ของวง คิชิ ไอโนะ (Kishi Aino) เป็นผู้ประกาศข่าวเศร้าดังกล่าวด้วยน้ำตา ว่า วง Ebisu Muscats ของพวกเธอทุกคนได้เดินทางมาถึงการทำงานในช่วงสุดท้าย เพราะรายการประจำที่ถือว่าเป็นต้นกำเนิดการรวมตัวของทุกคนกำลังจะปิดฉากลงแล้วนั่นเอง “รายการ Onedari Muscat SP! จะจบลงในฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ เราจึงจะแยกวงด้วยเช่นเดียวกัน แม้จะน่าเสียดาย แต่นี่คือสิ่งที่เราตัดสินใจแล้วค่ะ”
       
       “ตอนแรกมีการบอกกันว่ารายการคงอยู่ได้แค่ซัก 6 เดือน แต่สุดท้ายเราก็ทำงานมาด้วยกันได้ถึง 5 ปี สอนอะไรให้กับเรามากมายเหมือนอยู่โรงเรียนเลย ถึงแม้เราจะแตกต่างจากไอดอลคนอื่นๆ แต่ฉันก็ภูมิใจที่จะประกาศว่าเราจะแยกวงกันในสถานที่แสดงคอนเสิร์ตที่ใหญ่ไม่น้อยเหมือนกัน ขอบคุณทุกคนสำหรับ 5 ปีที่ผ่านมาค่ะ” คิชิ กล่าวพร้อมกับเสียงปรบมือจากผู้ชมในวันนั้นอย่างกึกก้อง
       

      นอกจากเทคนิคพิเศษระดับฮอลลีวูดในการสร้างหุ่นยนต์ยักษ์ และสัตว์ประหลาดในหนังฟอร์มใหญ่ Pacific Rim ชาวญี่ปุ่นบางส่วนอาจตื่นเต้นกับงานชิ้นนี้มากขึ้นอีกนิดหน่อย เพราะขวัญใจของพวกเขาอย่างดาราเด็ก “อาชิดะ มานะ” (Ashida Mana) จะได้ร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ด้วย

       Pacific Rim ผลงานใหม่ของผู้กำกับ กีแยร์โม เดล โทโร (Guillermo del Toro) ที่จะเข้าฉายในปีหน้า เป็นหนังที่เห็นได้ชัดว่าได้รับอิทธิพลมาจากการ์ตูน และหนังแนวสัตว์ประหลาดของญี่ปุ่น นอกจากนั้นก็ยังมีดาราญี่ปุ่น รินโกะ คิคุจิ (Kikuchi Rinko) ประชันบทบาทกับดาราฮอลลีวูดด้วย แต่ที่หลายคนเพิ่งจะมาทราบหลังได้ชมตัวอย่างก็คือ หนังเรื่องนี้ยังจะมีซูเปอร์สตาร์ตัวน้อยของแดนอาทิตย์อุทัย อาชิดะ มานะ ร่วมแสดงอยู่ด้วย
       
       ข่าวระบุว่า อาชิดะ มานะ จะสวมบทบาทเป็น มาโกะ โมริ หรือนางเอกในวัยเด็ก ถือว่าเป็นบทเดียวกับที่ รินโกะ คิคุจิ แสดงนำนั่นเอง
       
       มานะ วัย 8 ขวบ ได้มีโอกาสไปออดิชันบทดังกล่าวตั้งแต่ปี 2011 แล้ว ซึ่งทีมงานก็ประทับใจในตัวเธอมาก จนมอบบทในหนังฟอร์มยักษ์เรื่องนี้ให้ ซึ่งน่าจะทำให้เธอกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก หลังจากเป็นขวัญใจของชาวเมืองปลาดิบมาหลายปี
       
       นักแสดงตัวน้อยกล่าวกับสื่อในประเทศ ว่า เธอรู้สึกตื่นเต้นกับการรับงานหนังฮอลลีวูดอยู่เหมือนกัน แต่ก็พยายามทำงานให้ดีที่สุด ระหว่างทำงานในกองถ่ายที่โตรอนโตแคนาดาเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา เธอต้องแสดงฉากหนีสัตว์ประหลาดซ้ำๆ กันถึง 30 รอบ นอกจากนั้น ฉากที่เธอต้องร้องไห้อย่างสิ้นหลังก็สร้างความประทับใจให้กับทีมงานทุกคน โดยเฉพาะผู้กำกับ กีแยร์โม เดล โทโร ที่กล่าวว่า เขาชื่นชมความเป็นนักแสดงตัวจริงของเด็กสาวชาวญี่ปุ่นคนนี้มาก
       

       DSP Media เผยบัตร 45,000 ที่นั่งสำหรับการแสดงในโตเกียวโดมขของสาวๆ Kara ในช่วงต้นปีหน้าได้จำหน่ายหมดเกลี้ยงไปแล้ว
       
       ตั๋วสำหรับการชมคอนเสิร์ต Karasia 2013 Happy New Year in Tokyo Dome ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 6 ม.ค. ที่โตเกียวโดม เริ่มเปิดขายให้กับแฟนคลับของ Kara เมื่อเดือนก่อน และเปิดให้บุคคลทั่วไปได้จองกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมานี่เอง ซึ่งทาง DSP Media ต้นสังกัดของสาวๆ เผยว่าตั๋วคอนเสิร์ตจำนวนถึง 45,000 ใบ ขายหมดเกลี้ยงไปตั้งแต่เปิดขายเพียง 5 นาทีเท่านั้น
       
       ก่อนหน้านี้มีศิลปินเกาหลีใต้อย่าง TVXQ, Rain และ Big Bang ที่เคยมาเปิดการแสดงในโตเกียวโดมสถานที่จัดคอนเสิร์ตอันยิ่งใหญ่ของวงการเพลงญี่ปุ่น แต่สำหรับ Kara จะถือว่าเป็นเกิร์ลกรุ๊ปจากแดนกิมจิกลุ่มแรกที่มาเปิดการแสดงขึ้นที่นี่
       
       ถึงตอนนี้นับว่า Kara ได้เข้ามาทำงานในวงการเพลงญี่ปุ่นได้ 3 ปีเต็มแล้ว เมื่อต้นปีที่ผ่านมาสาวๆ ก็เพิ่งจะเปิดการแสดงใน 6 เมืองใหญ่ของญี่ปุ่นตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึง มิ.ย. ในทัวร์คอนเสิร์ต Karasia Tour และมีผู้ชมตีตั๋วเข้าดูการแสดงถึง 130,000 คน
       
       หลังจากแสดงในแดนอาทิตย์อุทัยเสร็จสิ้นเรียบร้อย Karasia Tour จะไปเปิดการแสดงที่กรุงโซลในวันที่ 18 ก.พ. ก่อนจะไปทัวร์ในอีกประเทศแถบเอเชีย ทั้ง จีน, ฮ่องกง, ไต้หวัน และประเทศไทย ต่อไป

Manager Online

Kohaku Uta Gassen ในปลายปีนี้จะไม่มีศิลปินชาวเกาหลีใต้ร่วมรายการอยู่ด้วย เหมือนในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้รับผิดชอบอ้างว่าการตัดสินใจดังกล่าว ไม่ได้เป็นผลของประเด็นทางการเมือง เกี่ยวกับปัญหาความตึงเครียดระหว่างญี่ปุ่น และเกาหลีใต้โดยตรง แต่ทางสถานีต้องพยายามเลือกศิลปินตามที่ชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่เห็นชอบด้วยเป็นหลัก
       
       NHK สถานีโทรทัศน์ที่ดำเนินงานด้วยเงินภาษีของประชาชนชาวญี่ปุ่น ได้ยืนยันอีกครั้ง ว่าการตัดสินใจไม่เลือกศิลปินเกาหลีใต้หรือ K-Pop ให้มีส่วนร่วมในรายการ Kohaku Uta Gassen ในปีนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเด็นทางการเมืองอย่างแน่นอน
       
       เมื่อปีก่อนศิลปินวงหญิงล้วนอย่าง KARA และ Girls’ Generation รวมถึงวงบอยแบนด์สัญชาติกิมจิ TVXQ เคยมีส่วนร่วมใน Kohaku Uta Gassen จนทำให้รายการได้รับความสนใจเพิ่มจากบรรดาชาวต่างชาติ ที่เป็นแฟนคลับของศิลปินเกาหลีใต้เหล่านี้ไปด้วย แต่สำหรับรายการที่จะออกอากาศในวันสิ้นปี 2012 จะไม่มีศิลปินเกาหลีใต้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรายการอีกแล้ว
       
       เขี่ย K-Pop พ้น Kohaku Uta Gassen ไม่เกี่ยวการเมือง แต่เกี่ยวกับความรู้สึกคนดู
       
       Kohaku Uta Gassen หรือการประกวดเพลงขาวแดง เป็นรายการเพลงที่จะคัดเลือกศิลปินที่มีผลงานโดดเด่นในรอบปีของวงการดนตรีญี่ปุ่น ให้มาแข่งขันร้องเพลงกัน โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ทีม คือศิลปินชายเป็นทีมสีขาว และศิลปินหญิงเป็นทีมสีแดง ถือว่าเป็นรายการเพลงส่งท้ายปีที่จะมีทั้งนักร้องดาวเด่น และเพลงฮิตในรอบปีมาให้ชาวปลาดิบได้รับความบันเทิงก่อนเข้าสู่ช่วงของการส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่