Jackie Chan (C)

        “เฉินหลง” หรือ “แจ็คกี ชาน” (Jackie Chan) กลายเป็นนักแสดงที่มีรายได้มากที่สุดอันดับ 2 ของโลก จากข้อมูลของ Forbes ที่เปิดเผยว่าเขาทำเงินในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาถึง 50 ล้านเหรียญฯ เป็นรองเป็นแค่ “โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์” (Robert Downey Jr.) เท่านั้น
       
       ฮอลลีวูดเริ่มจะสูญเสียความเป็นจุดศูนย์กลางของวงการบันเทิงโลกไปเรื่อยๆ หลังฐานล่าสุดก็คือรายได้ของหนังเรื่องต่างๆ ที่ทำเงินถล่มทลายในจีนแผ่นดินใหญ่โดยไม่ต้องพึ่งพิงตลาดหนังสหรัฐฯ เลย รวมถึงผลงานเรื่องล่าสุดของ เฉินหลง ที่ชื่อว่า Dragon Blade ซึ่งสามารถทำรายได้ไปถึง 120 ล้านเหรีญฯ (4,052 ล้านบาท) โดยไม่ต้องเข้าฉายในสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ
       
       โดยนักบู๊รุ่นใหญ่วัย 61 ปี ได้รับส่วนแบ่งจากหนังเรื่องนี้สูงถึง 10 ล้านเหรียญฯ (337 ล้านบาท) รวมรายได้จากแหล่งอื่นๆ อาทิ การลงทุน และการเป็นพรีเซนเตอร์โฆษณา ในตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา เฉินหลง สามารถโกยเงินไปได้ 50 ล้านเหรียญฯ (1,688 ล้านบาท) จนได้รับการจัดให้อยู่ในอันดับที่ 38 ของคนดังที่มีรายได้สูงที่สุดในรอบปีที่ผ่านมา ของ Forbes และเป็นที่ 2 ในกลุ่มนักแสดง เป็นรองเพียงแค่ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ทำรายได้ไป 80 ล้านเหรียญฯ (2,701 ล้านบาท) เท่านั้น
       

        ลูกสาวนอกสมรสของ “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อว่าสำหรับเธอแล้ว “เฉินหลง” ก็แค่ “คนแปลกหน้า” ที่เธอไม่เคยต้องการจะพบเลย
       
       หลายเดือนที่ผ่านมาชื่อของ เอ็ตต้า อู๋ (Etta Ng) ลูกสาวของอดีตนางงาม อู๋ฉีลี่ (Elaine Ng) และ เฉินหลง ได้ปรากฏอยู่ในหน้าสื่อของฮ่องกงหลายสัปดาห์ติดต่อกัน จากปัญหาเรื่องวุ่นวายในครอบครัว ที่เธอพยายามหนีออกจากบ้าน เพราะทนปัญหาติดสุราของผู้เป็นแม่ไม่ได้ แต่สุดท้ายแม่กับลูกสาวก็กลับมาคืนดีกันได้ในที่สุด และพวกเธอก็ยังบอกว่าตอนนี้แทบจะใกล้ชิดกันยิ่งกว่าเดิมด้วยซ้ำ
       
       โดยระหว่างที่เกิดเรื่องขึ้น เฉินหลง เองก็ได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่าเขาเองก็รู้ก็สึกผิดอยู่ไม่น้อย ที่ไม่เคยได้ดูแล เอ็ตต้า เลย จนมีเสียงลือว่าสาวน้อยวัย 15 ปี เริ่มอยากจะพบกับพ่อของเธอ แต่ล่าสุดเจ้าตัวได้ให้ข่าวปฏิเสธด้วยตัวเอง ว่าเธอไม่เคยอยากจะพบ เฉินหลง เลย
       
       “ฉันไม่เคยมีพ่อ” เอ็ตต้า อู๋ บอกกับสื่อ “คนที่เลี้ยงฉันมาต่างหากที่สำคัญที่สุด”
       
       สายเลือดของ เฉินหลง ยังยอมรับว่าเธอเคยรู้สึกสงสัยอยู่บ้าง ว่าทำไมตัวเองไม่มีพ่อเหมือนคนอื่น รวมถึงเวลาที่เพื่อนๆ ที่โรงเรียนพูดถึงพ่อของตัวเองกัน แต่เธอกลับไม่มีความทรงจำแบบนั้นอยู่เลย อย่างไรก็ตาม เอ็ตต้า อู๋ ก็ยืนยันว่าเธอไม่ได้โกรธ เฉินหลงเลย “ฉันแค่ไม่มีความรู้สึกอะไรกับเขาเท่านั้นเอง ชินแล้วล่ะ ที่อยู่มาแบบไม่มีพ่อแบบนี้”
       

        ดารา/นักร้องชื่อดัง “ยูซึงจุน” (Yoo Seung Jun) ที่เคยถูกขับออกจากเกาหลีใต้ และถูกแบนห้ามเข้าประเทศมานานนับ 10 ปี เพราะจงใจหลบเลี่ยงการเกณฑ์ทหารด้วยการขอสัญชาติอเมริกัน ได้แสดงการขอโทษต่อสาธารณะชนเป็นครั้งแรก
       
       ยูซึงจุน ที่ปัจจุบันทำงานอยู่ในวงการบันเทิงจีน เพราะกลับเข้าเกาหลีใต้ไม่ได้ ยอมพูดถึงเรื่องการหนีทหารของตัวเองเป็นครั้งแรก ในรายการ Afreeca TV ที่แพร่ภาพทางอินเตอร์เน็ต หลังเขาไม่เคยเอ่ยปากถึงเรื่องดังกล่าวเลยในตลอด 13 ปีที่ผ่านมา
       
       โดยดาราวัย 39 ปี ได้แสดงความตั้งใจจริงที่จะขอโทษทุกๆ คนในครั้งนี้ว่า “ผมไม่ทราบเหมือนกันว่าควรจะเริ่มต้นว่าอย่างไร ตอนนี้หัวว่างไปหมด แต่ก่อนอื่น ผมคิดว่าต้องขอโทษประชาชนชาวเกาหลีใต้ด้วย … หากย้อนเวลากลับไปได้ ผมก็คงจะเข้ารับการเกณฑ์ทหารแน่นอน ไม่เคยรู้เลยว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่แบบนี้ หากย้อนเวลาได้ ผมจะไปโดยไม่ติดซักวินาทีเดียวเลย”
       
       อย่างไรก็ตามก็ยังมีชาวเกาหลีใต้ที่สงสัยในจุดยืนของเขา เพราะ ยูซึงจุน ได้เลือกที่จะเอ่ยปากว่าต้องการกลับเกาหลีเมื่อเขาอายุครบ 39 ปีไปแล้ว ซึ่งเกาหลีมีกฎหมายว่าผู้ชายทุกคนสามารถรับใช้ชาติได้จนถึงอายุ 38 ปี โดย ยูซึงจุน ได้อธิบายถึงเรื่องนี้ว่า “ก.ค. ปีก่อน ผมบอกว่าผมอยากจะเข้ารับการเกณฑ์ทหาร หลังสละสัญชาติอเมริกันไปแล้ว ตอนนั้นผมอายุ 38 ปี ซึ่ง เฉินหลง (ยูซึงจุน สังกัดอยู่ในเอเยนซีของ เฉินหลง [Jackie Chan]) กับคนอื่นๆ ก็บอกว่านี่เป็นทางเดียวที่ผมจะทำได้ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว ผมก็เลยบอกครอบครัวไปว่าจะเกณฑ์ทหาร แต่สองวันต่อมาเมื่อมีการเช็ควันเดือนปีเกิด ผมก็บอกไปว่าเกิดปี 1976 ซึ่งกลายเป็นว่าไม่สามารถเกณฑ์ทหารได้แล้ว เพราะกฎที่ว่าชาวเกาหลีจะเกณฑ์ทหารได้จนอายุ 38 ปีนั้น จะบังคับใช้สำหรับคนที่เกิดในปี 1980 ขึ้นไปเท่านั้น”

        “ฟ่านปิงปิง” (Fan Bing Bing) ยังคงครองอันดับ 1 ของการจัดอันดับคนดังผู้ทรงอิทธิพลของจีนโดยนิตยสาร Forbes เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยในปีนี้ไอดอลหนุ่มคนดัง “ลู่หาน” (Lu Han)  และ “อู๋อี้ฟาน” (Kris Wu) ก็ติดอันดับเข้ามาด้วย
       
       นิตยสาร Forbes แห่งประเทศจีนได้มีการจัดอันดับ 100 คนดังทรงอิทธิพลที่สุดเป็นประจำทุกปี ด้วยการประเมินจากปัจจัยหลายๆ ด้าน อาทิ รายได้ในรอบปี, ผลการค้นหาออนไลน์ และการปรากฏตัวตามสื่อต่างๆ ทั้งหนังสือพิมพ์, นิตยสาร และ โทรทัศน์ โดยในปีนี้สาว ฟ่านปิงปิง ยังคงครองอันดับหนึ่งต่อไป

        ตามข้อมูล ฟ่านปิงปิง ทำรายได้ในรอบปีที่มาผ่านไปถึง 128 ล้านหยวน (696 ล้านบาท) นอกจากนั้นซีรีส์ The Empress of China ที่เธอแสดงนำ และอำนวยการสร้างก็ประสบความสำเร็จสร้างเรตติ้งที่สูงมาก แถมยังกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์ในสังคมจีน ที่ใครๆ ก็พูดถึงการที่ซีรีส์โดนเซนเซอร์ ส่วนหนัง Ever Since We Love ของ ฟ่านปิงปิง ก็ทำเงินได้ดี และแน่นอนว่า ฟ่านปิงปิง ยังได้ไปปรากฏโฉมอยู่ในงานสำคัญๆ ทั่วโลกมากมาย จนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์หญิงอันดับ 1 ของวงการบันเทิงจีนในยุคปัจจุบันก็ว่าได้

        ส่วนอันดับ 2 เป็นว่าที่คุณพ่อ เจย์ โจวเจี๋ยหลุน (Jay Chou) ที่ทำเงินไป 101.5 ล้านหยวน (552 ล้านบาท) ซึ่งนอกจากงานเพลงยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่องแล้ว ข่าวการแต่งงานของ เจย์ โจว กับแฟนสาวลูกครึ่ง ฮันนา ควินลีแวน (Hannah Quinlivan) ยังกลายเป็นข่าวใหญ่ในช่วงต้นปีที่ทั้งชาวไต้หวัน และจีนต่างให้ความสนใจ

       ไม่ใช่แค่ดังจากการเล่นฉากเสี่ยงตายเท่านั้น แต่การเล่นหนังแอ็กชั่นมาตลอด 40 ปีในวงการดาราบู๊วัย 62 ปี เคยผ่านประสบการณ์ “เฉียดตาย” มาครั้งแล้วครั้งเล่า และหลายครั้งก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด

       เมื่อย้อนไปมองถึงเส้นทางในวงการของ เฉินหลง (Jackie Chan) ก็นับว่าเขาผ่านการเล่นฉากบู๊เสี่ยงตายมามากมาย และที่แล้วมาก็เกิดความผิดพลาดจน เฉินหลง เกือบจะตายจริงๆ หรือไม่ก็พิการอยู่หลายครั้ง
       
       อย่างเช่นฉาก “หอนาฬิกา” อันโด่งดังใน Project A ที่ เฉินหลง ต้องร่วงลงมาจากหอนาฬิกาสูงกว่า 10 เมตร ที่เจ้าต้องต้องการทำเพื่อ “คารวะ” ดาราตลกตำนานของฮอลลีวูดอย่าง “แฮร์โรลด์ ลอยด์” ด้วยการเลียนแบบฉากในหนัง Safety Last! (1923) นั่นเอง แต่ขณะที่ ฉากต้นฉบับ ลอยด์ แค่ห้อยโตงเตงอยู่เท่านั้น แต่ เฉินหลง กลับขอสร้างความตื่นเต้นด้วยการร่วงลงมากับพื้น จนได้รับบาดเจ็บสาหัส และสลบไปพักใหญ่เลยทีเดียว
       
       นอกจากนั้นในหนังเรื่องต่างๆ เฉินหลง ก็ได้รับบาดเจ็บมาแล้วแทบจะทุกส่วน อาทิ
       
       “ศีรษะ และ สมอง” ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างแรงจากหนังเรื่อง Armour of God และเคยได้รับความกระทบกระเทือนจนหมดสติใน Hand of Death
       
       “หู” ในอุบัติเหตุครั้งเดิมใน Armour of God หูข้างซ้ายของเฉินหลง มีประสิทธิภาพทางการได้ยินน้อยลง
       

        นายกสมาคมศิลปินนักแสดงแห่งฮ่องกง "เฉินหลง" (Jackie Chan) จัดงานระดมทุนให้กับสมาคมขึ้นที่ฮ่องกง เพื่อหาเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสมาคม งานนี้พระเอกยอดนักบู๊ยังควักกระเป๋าบริจาคเงินถึง 150,000 เหรียญฮ่องกง ด้วย
       
       โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เป็นการหวนรำลึกถึงยุค 80s ณ Intercontinental Hotel ซึ่ง เฉินหลง ที่นั่งตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนล่าสุด ได้มาร่วมงานพร้อมๆ กับ รองนายกสมาคมฯ อย่าง สแตนลี ตง และ เหมียวเฉียวเหว่ย นอกจากนั้นก็ยังมีดาราชื่อดังในวงการบันเทิงมาร่วมงานมากมาย อาทิ เวินปี้เสีย, เฉินเจียเล่อ, หลอไห่เผิง รวมถึง 3 นายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมอันได้แก่ เจิ้งจื่อเหว่ย, อลัน ทัม และ ไมเคิล ฮุย ก็มาร่วมงานด้วยเช่นเดียวกัน
       
       ในงาน เจิ้งจื่อเหว่ย (Eric Tsang) ได้กล่าวว่าคราวนี้สมาคมคงสามารถระดมทุนได้มากกว่าทุกครั้ง เพราะ "พี่ใหญ่" เฉินหลง ออกงานเอง ซึ่งนอกจากจะบริจาคเงิน 150,000 เหรียญฮ่องกง (6.3 แสนบาท) แล้ว เฉินหลง ยังนำของสะสมส่วนตัวถึง 8 ชิ้นมาร่วมประมูลหาเงินเข้าสมาคม ร่วมถึงภาพอักษรลายภู่กันของ เคนนี บี ที่มีผู้ประมูลไปด้วยเงินถึง 100,000 เหรียญฮ่องกง (4.2 แสนบาท)
       

        “เฉินหลง” (Jackie Chan) เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับหนังสืออัตชีวประวัติเล่มใหม่ของเขาที่จะเล่าทั้งเรื่องราวอื้อฉาวที่เขาเคยลับลอบมีความสัมพันธ์กับอดีตมิสเอเซียจนกลายเป็นข่าวใหญ่ รวมทั้งเรื่องรักในอดีตของ “เฉินหลง” กับราชินีเพลงระดับตำนาน “เติ้งลี่จวิน” (Teresa Teng) ด้วย
       
       ในวาระที่กำลังจะอายุครบ 61 ปี เฉินหลง ได้ขอถ่ายทอดประสบการต่างๆ ในชีวิตผ่านหนังสืออัตชีวประวัติซึ่งเขาเขียนร่วมกับเพื่อนคนหนึ่งที่ชื่อว่า “เฉินหลง: ไม่ได้เติบโตขึ้น, ก็แค่แก่ตัวลง” ที่จะมีเนื้อหาเกี่ยวกับทั้งชีวิตครอบครัว และด้านมืดของเขา รวมถึงข่าวฉาวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวของ เฉินหลง เอง และลูกชาย
       
       เกือบตัดสินใจหย่าเพื่อชดใช้ความผิด!!
       
       หนึ่งในข่าวฉาวที่ถือว่าร้ายแรงที่สุดในชีวิตของ เฉินหลง ก็คือเรื่องเมื่อปี 1999 ที่เขาไปมีสัมพันธ์กับอดีตมิสเอเชีย อู๋ฉีลี่ (Elaine Ng) ถึงขั้นมีลูกด้วยกัน ซึ่ง เฉินหลง ก็ยอมรับว่าตอนนั้นคิดได้อย่างเดียวว่า เขาควรจะหย่ากับหลินฟงเจียว เพราะได้ทำสิ่งที่ผิดพลาดชนิดคงแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้วลงไป
       
       “ผมทำเรื่องผิดพลาดใหญ่มากไป และคิดว่าการหย่าคือคำตอบ … มันเป็นความผิดพลาดที่คงไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ตอนสื่อรายงานเรื่องนี้ออกไป ผมได้โทรศัพท์ไปหาเธอ (ภรรยา) และไม่รู้จะพูดอะไรเลย ตอนนั้นจู่ๆ ผมก็หายเกร็งขึ้นมา เพราะคิดว่าคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้ว สิ่งที่ต้องทำก็คือแค่โทรศัพท์ไปหาเธอ ถ้าเธอซักไซ้ไล่เลียง ก็คงบอกว่าเราหย่ากันเถอะ แล้วก็วางสายไป นั่นคือสิ่งที่ผมคิดเอาไว้ตอนนั้น”
       

        เกิดเรื่องวุ่นๆ กับครอบครัวของ "เอ็ตต้า อู๋" ลูกสาวนอกสมรสของ "เฉินหลง" (Jackie Chan) ขึ้นแล้ว ... เมื่อมีข่าวว่า "อู๋ฉีลี่" (Elaine Ng) แม่ของเด็ก ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีสัมพันธ์กับพระอกนักบู๊ชื่อดัง ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีข้อหามียาเสพติดในครอบครอง และลงมือใช้ความรุนแรงกับลูกสาว
       
       ขณะที่ลูกชายเพิ่งจะเคลียร์ปัญหาในคดียาเสพติดไป และกำลังเริ่มต้นชีวิตใหม่ ล่าสุดสื่อฮ่องกงได้รายงานว่าขณะนี้ได้เกิดปัญหากับลูกสาวของ เฉินหลง เช่นเดียวกัน
       
       โดยมีข่าวรายงานว่า อู๋ฉีลี่ อดีตมิสเอเซีย ที่เคยมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับ เฉินหลง ถึงขั้นมีลูกสาวด้วยกัน ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวข้อหามียาเสพติดในครอบครอง และยังลงมือใช้ความรุนแรงกับลูกสาวด้วย
       
       ซึ่งตามข่าวเรื่องดังกล่าวกลายเป็นคดีความขึ้นมา เพราะตัวลูกสาววัย 14 ปี ได้เล่าให้คุณครูที่โรงเรียนฟังว่าแม่ของเธอมักจะดื่มหนัก และยังชอบตีเธอด้วย จนทำให้ครูตัดสินใจแจ้งเรื่องกับเจ้าหน้าที่ กระทั่งในวันที่ 11 มี.ค. ที่ผ่านมาตำรวจจึงได้จับกุม อู๋ฉีลี่ ระหว่างมารับลูกสาวที่โรงเรียน นอกจากนั้นยังมีการค้นเจอยาเสพติดที่บ้านของเธอด้วย จนต้องมีจ่ายเงินประกันตัวทั้งสิ้น 2,000 เหรียญฮ่องกง ส่วนลูกสาวได้ไปอยู่ในการดูแลของญาติแล้ว ซึ่งหลังเกิดเรื่องทั้งลูกสาว และแม่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสพบหน้ากันอีกเลย โดย อู๋ฉีลี่ จะต้องมารายงานตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่ในเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้ต่อไป
       

        "โจวเหวินฟะ" (Chow Yun Fat)w และ "หวังจิง" (Wang Jing) พร้อมด้วยนักแสดงของหนัง From Vegas to Macau 2 ร่วมฉลองรายได้ของหนังที่กำลังจะแตะระดับ 1,000 ล้านเหรียญฯ หลังฉายโกยเงินมาตั้งแต่ช่วงตรุษจีน
       
       From Vegas to Macau 2 หนังตลก-แอ็กชั่นที่ทำให้ โจวเหวินฟะ ได้กลับมารับบทเป็นโคตรเซียนพนันอีกครั้ง คือหนังที่ทำเงินในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมาได้มากที่สุด โดยหลังเข้าฉายมาตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. ถึงตอนนี้ ผลงานของผู้กำกับ หวังจิง สามารถกวาดรายได้ไปถึง 910 ล้านหยวน (ประมาณ 4,791 ล้านบาท) แล้วสำหรับการฉายในจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนที่ฮ่องกงก็กวาดไปได้ไม่น้อยถึง 28 ล้านเหรียญฮ่องกง (118 ล้านบาท) หลังจากนั้นภาคแรกเคยทำเงินไปประมาณ 523 ล้านหยวน หรือประมาณ 2,748 ล้านบาท
       
       From Vegas to Macau 2 คือหนึ่งในหนังฟอร์มใหญ่ที่เข้าฉายต้อนรับเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมา ส่วน The Dragon Blade ของ เฉินหลง (Jackie Chan) ก็ทำเงินไปได้ไม่น้อยถึง 626 ล้านหยวน (3,295 ล้านบาท) นอกจากนั้นก็ยังมีผลงานเรื่อง Wolf Totem ของผู้กำกับชาวฝรั่งเศส ฌอง ฌากส์ อันโน ที่สร้างจากนิยายชื่อดัง, หนังแฟนตาซี Zhong Kui: Snow Girl and the Dark Crystal และหนังรัก Somewhere Only We Know ที่มี คริส อดีตสมาชิกวง EXO ที่ทำเงินได้ 494 (2,600 ล้านบาท), 394 (2,072 ล้านบาท)และ 276 ล้านหยวน (1,453 ล้านบาท) ตามลำดับ
       
       ซึ่งเมื่อรวมรายได้ของหนังทุกเรื่องแล้ว ก็ถึงกับทำให้จีนแผ่นดินใหญ่ กลายเป็นตลาดหนังที่ทำเงินในเดือน ก.พ. สูงที่สุดในโลกเหนือฮอลลีวูดเลยทีเดียว
       

        "เฉินหลง" (Jackie Chan) กล่าวแสดงความภาคภูมิใจในตัวลูกชาย และพูดเล่นว่าถ้าติดคุกแล้ว "เจย์ซี" (Jaycee Chan) สามารถปรับปรุงตัวได้ดีแบบนี้ เขาก็อยากจะให้ลูกเข้าไปใช้ชีวิตในห้องขังเป็นประจำทุกๆ ปีเลย
       
       ระหว่างเดินสายโปรโมตหนัง เฉินหลง ได้เปิดใจเกี่ยวกับความสัมพันธ์กับลูกชายหลัง เจย์ซี เพิ่งจะผ่านวิกฤตครั้งใหญ่ในชีวิต โดยซูเปอร์สตาร์แอ็กชั่นวัย 60 ปี ได้เผยว่านี่แทบจะเป็นโอกาสแรกในรอบ 10 ปี ที่เขาได้ใช้เวลากับลูกชาย และภรรยาอย่างเต็มที่ นอกจากนั้นหลังผ่านการถูกจองจำมา เจย์ซี ก็ดูเปลี่ยนแปลงไปมาก จนเขาเองก็ยังไม่ชินเลย
       
       เฉินหลง ยังเล่าว่า เจย์ซี ยังช่วยแม่ทำอาหาร และเก็บกวาดทำความสะอาดบ้านด้วย นอกจากนั้นเขายังได้พูดคุยกับลูกมากขึ้น ซึ่ง เฉินหลง ก็ยอมรับว่าอยากจะให้ลูกปรับปรุงตัวได้แบบนี้ตลอดไป ... "ผมยังบอกเขาไปด้วยว่า 'แบบนี้น่าจะลองกลับไปติดคุกทุกๆ 6 เดือนก็คงดี'" เฉินหลง บอกแบบติดตลก
       
       นอกจากจะเป็นซูเปอร์สตาร์ขวัญใจของคนทั้งโลกแล้ว อีกด้าน เฉินหลง ยังได้ชื่อว่าเป็นพ่อที่เข้มงวด และไม่ค่อยมีเวลาให้กับลูก โดยเฉพาะในช่วง 10 ปีหลังมานี้ ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยอมรับว่าแทบจะไม่ได้เจอหน้า เจย์ซี จนบางครั้งพ่อกับลูกต้องห่างกันไปเป็นเวลาถึง 2 ปีเต็ม ก่อนที่สุดท้ายปัญหาเรื่องคดียาเสพติดของลูกชาย จะทำให้ เฉินหลง ต้องกลับมาทบทวนวิธีการเลี้ยงลูกของตัวเองอีกครั้ง
       

        "เจย์ซี ชาน" (Jaycee Chan) ต้องการแสดงให้ทุกคนเห็นว่าเขาจะขอปรับปรุงตัวเป็นคนใหม่ หลังเข้าไปพัวพันกับคดียาเสพติด ด้วยการโพสต์ภาพที่เขาตัดสินใจตัดผมทรงใหม่ และคนที่ลงมือตัดผมให้กับเขาก็คือ "เฉินหลง" (Jackie Chan) ผู้เป็นพ่อนั่นเอง
       
       โดยในภาพหนึ่ง เฉินหลง ถึงกับยิ้มออกมา ระหว่างที่กำลังตัดผมยาวของลูกชายทิ้ง ส่วน หลินฟงเจียว ผู้เป็นแม่ก็ยืนอยู่ข้างๆ ขณะที่ เจย์ซี ก็ยืนยันว่าการตัดผมครั้งนี้ จะเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของเขา หลังผ่านเรื่องร้ายๆ มามากมาย
       
       อย่างที่ทราบกันดี เจย์ซี ชาน วัย 32 ปี พร้อมด้วยเพื่อนรุ่นน้องจากไต้หวัน ไค โค (Kai Ko) ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจปักกิ่งควบคุมตัวไปเมื่อเดือน ส.ค. ปีก่อน จากบ้านของ เจย์ซี ในกรุงปักกิ่ง โดยเจ้าหน้าที่ยังค้นพบกัญชาจำนวน 100 กรัมในบ้านด้วย จนทำให้ทายาทนักแสดงชื่อดังถูกส่งไปคุมขังทันที ก่อนจะมีการตัดสินว่าเขามีความผิดในข้อหาจัดหาสถานที่ให้ผู้อื่นเสพยา และต้องโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ซึ่ง เจย์ซี ชาน เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวหลังชดใช้ความผิดทั้งหมดไปแล้ว เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมานี่เอง
       
       Oriental Daily News ยังเผยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ เฉินหลง และลูกชายได้พบหน้ากัน หลังเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน โดยระหว่างที่ เจย์ซี ได้รับการปล่อยตัว เฉินหลง เองก็กำลังวุ่นกับการโปรโมตหนัง Dragon Blade พอดี และหลังจากนี้ก็คงต้องเดินทางไปโปรโมตหนังต่อในอีกหลายๆ ประเทศ
       

        เป็นงานใหญ่งานหนึ่งกันเลยทีเดียวสำหรับการเปิดตัวภาพยนตร์ Dragon Blade ดาบมังกรฟัด ในรอบกาลาที่จัดขึ้นในประเทศไทยโดยจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่กลางลานพาร์คพารากอนท่ามกลางแฟนๆที่แห่มารอยลโฉมศิลปินดังทั้ง “เฉินหลง” (Jackie Chan),จอห์น คูแซค” (John Cusack), “เอเดรียน โบรดี” (Adrien Brody), “ชเวซีวอน” (Choi Si Won), หลิงผิง (Lin Peng), หวังเหลี่ยวซิน (Mika Wang Ruoxin) ฯลฯ
       
       การจัดงานครั้งนี้นับเป็นการเปิดตัวภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งในเมืองไทยเลยก็ว่าได้ โดยค่ายหนัง โมโนฟิล์ม ผู้นำเข้าภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ขอจัดหนักจัดใหญ่ให้สมกับที่ขนนักแสดงนำมาเมืองไทยกันยกทีม
       
       ต้องบอกว่าการเปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ทำเอาลานพาร์คพารากอนเกือบแตกเมื่อแฟนคลับแห่มายลโฉมซูเปอร์สตาร์ดังกันมากมาย โดยหลังจากที่ศิลปินเดินพรมแดงให้สื่อได้เก็บภาพแล้ว ก็มีการพูดคุยกันถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยระหว่างที่มีการแนะนำตัวก็มีการหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน
       
       โดยเฉินหลงได้กล่าวถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยว่าเป็นภาพยนตร์ที่ลงทุนสูงมากที่สุด “เป็นภาพยนตร์ที่ลงทุนในการสร้างเยอะที่สุดในเมืองจีน เรื่องนี้พยายามจะรวบรวมให้สำเร็จใช้เวลาถึง 7 ปี ตอนนี้อาจจะมีปัญหาวุ่นวายเยอะแยะมากมายแต่เรื่องนี้อยากเข้าใจความหมายขอคำว่าสันติสุขและสันติภาพ ”
       
       ทางด้าน จอห์น คูแซค นักแสดงชื่อดังก็เผยถึงความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับชาวเอเชียด้วย “ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกับทีมงานของชาวจีน ซึ่งเป็นงานที่ใหญ่ที่สุดที่เคยร่วมงานด้วย เป็นงานแรกที่ยิ่งใหญ่มากและยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับเฉินหลงด้วย”
       

        “เจย์ซี ชาน” (Jaycee Chan) เลือกวันที่ 14 ก.พ. หรือหนึ่งวันหลังได้รับอิสรภาพในการเปิดแถลงข่าวเพื่อขออภัย สำหรับความผิดในคดียาเสพติดที่ทำให้เขาต้องถูกลงโทษจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน
       
       เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา เจย์ซี ชาน หรือ ฝางจู่หมิง ได้จัดแถลงข่าวใหญ่ขึ้นที่กรุงปักกิ่ง เพื่อขออภัยถึงเรื่องที่เขาถูกจับในคดียาเสพติด โดยแม่ของเขาไม่ได้มาอยู่ร่วมในการแถลงข่าวอย่างที่มีรายงานก่อนหน้านี้แต่อย่างใด
       
       โดย เจย์ซี ได้เริ่มเปิดการแถลงข่าวในเวลาประมาณบ่ายสองโมง ซึ่งเขาพร้อมด้วยผู้จัดการส่วนตัวได้โค้งคำนับเพื่อขออภัยนานถึง 5 วินาที นอกจากนั้นก็ยังเอ่ยปากยอมรับว่า “ต้องขอโทษด้วยครับ ผมทำผิดพลาดไปแล้ว” ซึ่งเขาไม่ขอที่จะอธิบาย หรือแก้ตัวถึงพฤติกรรมที่เกิดขึ้น แต่ยืนยันว่าจะจำเรื่องนี้เอาไว้เป็นบทเรียน นอกจากนั้นก็ยังย้ำว่าหลังจากนี้เขาจะปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดให้มากที่สุด
       
       “ในฐานะบุคคลสาธารณะผมมีพฤติกรรมที่ส่งผลด้านลบต่อสังคม และยังทำให้คนที่สนับสนุนผมต้องผิดหวังด้วย ผมจะไม่ขอแก้ตัวใดๆ สำหรับความผิดที่เกิดขึ้นครับ” เจย์ซี กล่าว โดยเขาปรากฏตัวในชุดสูทสีเทา และพูดค่อนข้างช้า แต่ก็ยังพูดสะดุดอยู่เป็นระยะ “หลังจากนี้ผมจะปรับมุมมองในชีวิตใหม่ ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยมองเห็นค่าสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวเลย ในศาลผมได้พูดเอาไว้ว่าบทลงโทษที่ได้รับนั้น ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ผมได้รับความเห็นใจ หรือได้รับการให้อภัยแล้ว เพราะความไว้เนื้อเชื่อใจคือสิ่งที่ต้องค่อยๆ สร้างขึ้นมาใหม่ … ผมจะจดจำตัวตนเดิมของผมเอาไว้ครับ เพราะมันคือส่วนหนึ่งในชีวิตของผม โดยเฉพาะการจดจำถึงความผิดพลาดที่ทำลงไป”
       

        “เจย์ซี ชาน” (Jaycee Chan) ลูกชายของ “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้รับการปล่อยตัวเมื่อช่วงเช้ามืดของวันนี้ (13 ก.พ.) หลังสูญเสียอิสรภาพจากคดียาเสพติดนาน 6 เดือนเต็ม
       
       โดยมีข่าวว่า เจย์ซี ชาน วัย 32 ปี จะจัดแถลงข่าวขึ้นเพื่ออภัยต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (14 ก.พ.) ซึ่ง หลินฟ่งเจียวมารดาของเขาก็น่าจะมาอยู่ในการแถลงข่าวด้วย ส่วน เฉินหลง ผู้เป็นพ่ออยู่ระหว่างเดินทางมาโปรโมตหนังเรื่องใหม่ที่ประเทศไทยพอดี
       
       ซึ่งข่าวของ South China Morning Post ได้รายงานว่ามีรถยนต์บิวอิกสีเงินมารับ เจย์ซี ที่เขตตงเจิ้ง ในกรุงปักกิ่ง เมื่อช่วงหลังเที่ยวคืนของเมื่อวานนี้ ซึ่งนอกจากกระจกรถจะค่อนข้างทึบแล้ว เจย์ซี ก็ยังพยายามปิดบังใบหน้าของตัวเองอยู่ตลอดเวลาด้วย โดยคนขับได้พยายามใช้ความเร็ว เพื่อหลบหนีการติดตามของบรรดาผู้สื่อข่าว ถึงขั้นที่สื่อจีนรายงานว่ารถยนต์ที่มารับ เจย์ซี ได้ฝ่าไฟแดงไปหลายครั้งเลยทีเดียว
       
       ในเวลาต่อมาต้นสังกัดของ เจย์ซี จึงได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเขาได้รับอิสรภาพแล้วในเวลาประมาณตี 3 ของวันที่ 13 ก.พ.
       

        นักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังชาวฮ่องกงได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ล่าสุดของลูกชาย ที่ยังคงถูกจองจำในคดียาเสพติด ว่าเป็นเรื่องดีกับ “เจย์ซี” (Jaycee Chan) แล้วที่จะได้โตเป็นผู้ใหญ่เสียที
       
       ระหว่างโปรโมตผลงานเรื่องใหม่ เฉินหลง (Jackie Chan) ยอมรับว่าช่วงนี้เป็นช่วงที่เขาทำงานหนักมาก จนแทบไม่ได้พักผ่อน และคงต้องฉลองตรุษจีนที่จีนแผ่นดินใหญ่ ระหว่างโปรโมตหนังเรื่อง Dragon Blade ที่เขาแสดงนำร่วมกับ จอห์น คูแซค, เอเดรียน โบรดี และ ซีวอน วง Super Junior จึงไม่น่าจะได้ไปฉลองตรุษจีน กับลูกชายที่กำลังจะพ้นผิดคดียาเสพติดในช่วงนี้
       
       เฉินหลง ยังกล่าวถึงโทษจำคุก 6 เดือนของ เจย์ซี ซึ่งน่าจะสิ้นสุดลงในเร็วๆ นี้ว่าเขาคงไม่ไปรับลูก และไม่ทราบเหมือนกันว่าลูกชายจะได้รับอิสรภาพเมื่อใด “สื่อน่าจะทราบดีกว่าผม ผมไม่เคยได้ไปเยี่ยมเขาด้วยซ้ำ”
       
       เฉินหลง ยังบอกว่า เจย์ซี น่าจะโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นบ้าง จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และควรเรียนรู้ที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ด้วยตัวเอง พร้อมเปรยว่า “ผมไม่อยากให้เขาใช้ชีวิตอยู่ใต้ร่มเงาของผมอีก”
       
       นอกจากนั้น เฉินหลง ยังยอมรับว่าปกติแล้วเขาเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสเจอหน้าลูกบ่อยนัก ครั้งล่าสุดแทบจะจำไม่ได้แล้วว่าเจอกันเมื่อไหร่ “บางทีเราไม่ได้เจอกันร่วม 2 ปีได้ … พูดตามตรงผมโล่งใจนิดหน่อยเหมือนกัน เรือนจำทำให้เขาโตขึ้นมาก และหวังว่าเมื่อได้ออกมา เขาจะเรียนรู้ว่าควรทำตัวอย่างไร ผมคงพูดแทนลูกไม่ได้ แต่ก็จะอยู่ตรงนี้ คอยสนับสนุนลูกอยู่เสมอ”
       

        นักแสดงชื่อดังชาวฮ่องกง "เฉินหลง" (Jackie Chan) ได้รับการเชิดชูเกียรติจากทางการมาเลเซีย ให้รับตำแหน่ง “ดาโต๊ะ” (Datuk) ซึ่งเทียบเท่ากับตำแหน่งอัศวินของประเทศนั่นเอง
       
       เฉินหลง วัย 60 ปี ได้เดินทางไปรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นอัศวิน Panglima Mahkota Wilayah (PMW) จากทางการมาเลเซียในงานซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ก.พ. ที่ตรงกับวันหยุด Federal Territory Day ของชาวมาเลเซีย จึงจะทำให้เขาสามารถใช้คำว่า “ดาโต๊ะ” นำหน้าชื่อได้ด้วย
       
       โดย เฉินหลง ที่มีชื่อจริงว่า เฉินกั่งเซิง ได้ร่วมงานอันทรงเกียรติดังกล่าวด้วยชุดสูทสีดำ นอกจากนั้นเขาก็ยังสวมหมวกซอเกาะก์ แบบผู้ชายชาวมาเลเซียด้วย ในการรับตำแหน่งดาโต๊ะจาก สมเด็จพระราชาธิบดีสุลต่านตวนกู อับดุล ฮาลิม มูอักดซซอม ชาห์ ในงานซึ่งจัดที่พระราชวังเนการา ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์
       
       การได้รับตำแหน่งดังกล่าวของ เฉินหลง ถือว่าสร้างความสงสัยให้กับชาวมาเลเซียจำนวนหนึ่ง ที่มองว่านักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังไม่ได้เป็นชาวมาเลเซีย และไม่เห็นเคยทำให้อะไรให้มาเลเซียเลย บางคนถึงกับจิกกัดว่าอีกหน่อยมาเลเซียก็อาจจะมอบตำแหน่ง ดาโต๊ะ ให้กับนักแสดงฮอลลีวูดอย่าง แอนเจลีนา โจลี (Angelina Jolie) หรือดาราชาวฮ่องกง หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) aที่มีภรรยาเป็นคนมาเลเซียบ้างก็ได้
       

        "เจย์ซี" (Jaycee Chan) เขียนจดหมายความยาว 3 หน้าถึงแม่ระหว่างใช้ชีวิตอยู่ในที่คุมขัง โดยทายาทนักแสดงชื่อดังได้ตัดพ้อว่าที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยได้ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อเลย
       
       เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2015 ที่ผ่านมา เจย์ซี วัย 32 ปี เพิ่งจะถูกศาลปักกิ่งตัดสินลงโทษจำคุก 6 เดือน และปรับเงิน 2,000 หยวน (ประมาณ 10,000 บาท) หลังเขายอมรับสารภาพ ว่ายอมให้มีคนเข้ามาเสพยาในบ้านของเขาที่กรุงปักกิ่ง จนมีความผิดฐานจัดหาสถานที่สำหรับการเสพยา โดย เฉินหลง (Jackie Chan) และภรรยาไม่ได้มาร่วมรับฟังการพิจารณาคดีแต่อย่างใด
       
       ในเวลาเดียวกัน China News Service ยังได้เผยแพร่ข้อมูลที่อ้างว่าเป็นเนื้อหาจากจดหมายส่วนตัวของ เจย์ซี ที่ส่งให้กับแม่ระหว่างถูกควบคุมตัว โดยในจดหมาย เจย์ซี ยอมรับว่าการเติบโตขึ้นมาในครอบครัวคนดัง ที่มีเงินทองมากมาย ทำให้เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระโดยไม่เคยต้องกังวลกับเรื่องอะไร ซึ่งในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่า พ่อไม่ค่อยเหลียวแลเขาด้วยเช่นเดียวกัน
       
       เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เจย์ซี เติบโตมาภายใต้การดูแลของแม่ ขณะที่ เฉินหลง ผู้เป็นพ่อแทบจะต้องเดินทางไปถ่ายทำหนังตลอดเวลา
       
       ซึ่งในจดหมายทายาทนักแสดงคนดังยังบอกว่า ตนยังไม่ได้คิดว่าหลังได้รับอิสระแล้วจะทำอะไรดี แต่ก็รู้สึกกดดันกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นมาในอนาคตอยู่เหมือนกัน
       

        ศาลปักกิ่งมีคำตัดสินลงโทษจำคุก “เจย์ซี” (Jaycee Chan) เป็นเวลา 6 เดือนในคดีเกี่ยวข้องกับยาเสพติด โดยนับรวมการถูกกักขังก่อนหน้านี้เข้าไปด้วย ซึ่งจะทำให้เขาเหลือการถูกจำคุกอีกเพียงเดือนเศษเท่านั้น
       
       นักร้องนักแสดงหนุ่มวัย 32 ปี ได้กล่าวยอมรับผิดต่อหน้าผู้พิพากษาของศาลเขต ตงเฉิง กรุงปักกิ่ง ในการพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 9 ม.ค. ซึ่งเปิดให้สาธารณะชนเข้าร่วมฟังการพิจารณ์คดีอย่างเปิดเผย ส่วนพ่อกับแม่ของผู้ต้องหาไม่ได้เดินทางมาร่วมฟังคำตัดสินด้วยแต่อย่างใด ซึ่งนอกจากการถูกจำคุกแล้ว เจย์ซี ยังจะถูกปรับเงินประมาณ 2000 หยวน หรือ 10,000 บาทด้วย
       
       โดยผู้พิพากษาได้กล่าวว่าการตัดสินลงโทษครั้งนี้ พิจารณาโดยมองประวัติของผู้ต้องหา และความประพฤติหลังถูกจับ รวมถึงการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาประกอบด้วย ซึ่งเพราะเขาถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่เดือน ส.ค. แล้ว จึงจะทำให้ เจย์ซี เหลือโทษจำคุกอีกจนถึงวันที่ 13 ก.พ. ที่จะถึงนี้เท่านั้น
       
       เจย์ซี หรือ ฝางจู่หมิง ลูกชายของ เฉินหลง (Jackie Chan) ถูกควบคุมตัวพร้อมกับเพื่อนนักแสดงชาวไต้หวัน เค่อเจิ้นตง (Kai Ko) โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงปักกิ่งจากที่บ้านของเขาเองในกรุงปักกิ่ง เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา โดยมีการค้นพบกัญชามากกว่า 100 กรัมที่บ้านของเขาด้วย ซึ่งนักแสดงหนุ่มวัย 32 ปี ได้ถูกควบคุมตัวไว้ที่สถานกักกันแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่งนับจากตอนนั้นเป็นต้นมา และไม่ได้รับอนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด จนกระทั่งในเดือน ธ.ค. ที่ผ่านมาจึงเพิ่งจะมีการตั้งข้อหา
       

        หลัง “เจย์ซี” (Jaycee Chan) ถูกตั้งข้อหาในคดียาเสพติด และอาจจะถูกลงโทษจำคุก 3 ปี “เฉินหลง” (Jackie Chan) ผู้เป็นพ่อได้ให้ข่าวกับสื่อจีนว่าเขาไม่เคยพยายามวิ่งเต้นช่วยเหลือลูก และหวังว่าหลังได้รับอิสรภาพลูกชายของเขาจะมีพฤติกรรมที่ดีขึ้น
       
       เมื่อวันจันทร์ที่ 22 ธ.ค. อัยการประจำกรุงปักกิ่ง ได้แถลงถึงการตั้งข้อหาจัดหาสถานที่สำหรับการเสพยาเสพติดผิดกฎหมายกับ เจย์ซี ชาน หลังควบคุมตัวเขามาถึง 4 เดือนเต็ม ซึ่งหากผิดจริงศิลปินหนุ่มวัย 32 ปี ก็อาจจะถูกลงโทษเป็นการจำคุกถึง 3 ปีเลยทีเดียว
       
       โดย เฉินหลง ผู้เป็นพ่อได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับ Xinhua ในวันพุธ (24 ธ.ค.) ว่า “ในฐานะพ่อ ผมรู้สึกละอายใจ และหัวใจสลาย ก็หวังว่าเด็กวัยรุ่นจะได้บทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นกับ เจย์ซี และอยู่ให้ห่างยาเสพติดเอาไว้” นอกจากนั้นเขายังย้ำว่าตนเองไม่เคยพยายามวิ่งเต้น หรือขอร้องใครให้ช่วย เจย์ซี อย่างแน่นอน
       
       นักแสดงแอ็กชั่นวัย 60 ปี ยังเปรยว่าหากเป็นไปได้ “ผมก็ว่าหวังว่าในอนาคต เขาจะเป็นทูตต่อต้านการใช้ยาเสพติด และบอกเล่าถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นให้คนรุ่นใหม่ได้รับรู้ต่อไป”

Manager Online

        หลังถูกควบคุมตัวมามากกว่า 4 เดือนล่าสุด “เจย์ซี”  (Jaycee Chan) ลูกชายของ “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้ถูกเจ้าหน้าที่จีนตั้งข้อหาในความผิดฐานจัดหาสถานที่ให้ผู้อื่นใช้เสพยา ซึ่งหากศาลตัดสินว่าเขามีความผิดจริง ดาราหนุ่มชื่อดังก็อาจจะถูกจำคุกถึง 4 ปีเลยทีเดียว
       
       เจย์ซี ชาน วัย 32 ปี คือหนึ่งในคนดังที่ถูกเจ้าหน้าที่จีนแผ่นดินใหญ่จับกุมตัวในความผิดเกี่ยวกับการใช้ยาเสพติด นอกจากนั้นยังมีคนดังอีกจำนวนมากที่ถูกจับในคดีซื้อบริการทางเพศด้วย หลังรัฐบาลปักกิ่งประกาศนโยบายกวาดล้างพฤติกรรมละเมิดกฎหมาย โดยเฉพาะในหมู่คนดังที่มีอิทธิพลต่อประชาชนส่วนใหญ่
       
       การถูกดำเนินคดีของ เจย์ซี ยังส่งผลถึง เฉินหลง ผู้เป็นพ่ออย่างรุนแรง โดยราชานักบู๊ยอมรับว่าเขารู้สึก “อับอาย” เพราะตนเองก็เคยถูกแต่งตั้งเป็นทูตต่อต้านยาเสพติดมาก่อน
       
       โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจปักกิ่งได้ควบคุมตัว เจย์ซี และนักแสดงชื่อดังชาวไต้หวันที่ชื่อว่า ไค โค (Kai Ko) ที่บ้านของ เจย์ซี เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าตรวจพบสารเสพติดประเภทกัญชาในร่างกายของทั้งสอง และทั้งสองก็ยอมรับว่าทั้งเสพ และครอบครองยาเสพติดจริงๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังพบกัญชาประมาณ 100 กรัมจากบ้านของ เจย์ซี ด้วย
       
       หลังถูกจับกุมตัวได้ประมาณ 14 วัน ไค โค หรือ เค่อเฉินตง จึงได้รับการปล่อยตัว ก่อนที่เขาจะเดินทางกลับไต้หวัน และถูกทางการไต้หวันตั้งข้อหาเช่นเดียวกัน ส่วน เจย์ซี ก็ยังถูกควบคุมตัวนานอย่างไม่มีกำหนด จนเพิ่งจะมีการตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ผ่านมานี่เอง
       

        ผู้จัดการส่วนตัวของ "เจย์-ซี" (Jaycee Chan) ลูกชายของ "เฉินหลง" (Jackie Chan) ออกมาให้รายละเอียดหลังเขาสูญเสียอิสรภาพมาได้ 113 วัน โดยเฉพาะการใช้เวลาอ่านหนังสือทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้เขาแทบจะไม่เคยใช้เวลาอ่านหนังสือเลย
       
       นอกจากจะถูกกักบริเวณมา 113 วันแล้ว เจย์-ซี ยังต้องฉลองวันเกิดปีที่ 32 ในสถานกักกันที่กรุงปักกิ่งด้วย โดยผู้จัดการส่วนตัวของเขาได้เปิดเผยว่า เจย์-ซี แทบจะเปลี่ยนจากการเป็นคนไม่อ่านหนังสือ กลายเป็นหนอนหนังสือไปเลย
       
       โดยผู้จัดการส่วนตัวบอกว่าก่อนหน้านี้ เจย์-ซี เป็นคนที่เกลียดการอ่านหนังสือมาก เวลาต้องอ่านบทหนังก็จะให้คนอื่นอ่านออกเสียงให้ฟัง แต่ระหว่างสูญเสียอิสรภาพ 113 วัน เขาได้ยืมหนังสือมาอ่านถึง 100 เล่มเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังใช้เวลาที่ผ่านมาในการเขียนเพลง และเขียนบทหนังด้วย
       
       แต่ในเวลาเดียวกันยังมีคนสงสัยว่าผู้จัดการของดาราหนุ่มชื่อดังจะแต่งเรื่องให้ดูเหลือเชื่อเกินไปรึเปล่า เพราะการอ่านหนังสือ 100 เล่มในระยะเวลา 113 วันดูจะเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก แต่ก็มีคนแก้ตัวว่า "เขาบอกว่ายืมหนังสือมา 100 เล่มไม่ได้อ่านครบหมดแล้วซะหน่อย"
       
       สำหรับเรื่องคดีนั้นเพราะ เจย์-ซี ที่มีความผิดฐานทั้งเสพ และครอบครองยาเสพติดประเภทกัญชาในปริมาณที่มาก ทำให้สถานการณ์ของเขาค่อนข้างลำบากอยู่พอสมควร เพราะตามกฎหมายจีนเขาจะไม่ได้รับอนุญาตให้ประกันตัว และยังห้ามเยี่ยมอย่างเด็ดขาดด้วย โดยต้องมีการตัดสิน และลงโทษก่อนศาลจึงจะอนุญาตให้มีการเยี่ยมได้
       

        นักแสดง และผู้กำกับรุ่นใหญ่ "แฟรงกี ชาน" (Frankie Chan / 陳勛奇 / 陈勋奇) ต้องร่วมพิธีศพของลูกสาวตัวเอง หลังนักแสดงหญิงวัย 40 ปี "คอลีน เฉิน" (Colleen Chan / 開心  / 陈开心) เสียชีวิตจากการพลัดตกลงมาจากตึกชั้นที่ 24 ซึ่งหลายฝ่ายชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
       
       เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แฟรงกี ชาน ได้ร่วมพิธีศพของลูกสาวอย่างเงียบๆ ในพิธีที่มีเพียงญาติสนิทมาร่วมงานเท่านั้น โดยลูกชายของ แฟรงกี ชาน ซึ่งเป็นน้องชายของผู้ตายเป็นคนทำหน้าที่จัดการพิธีด้วยตัวคนเดียวทั้งหมด เพราะชาวจีนมีธรรมเนียมอยู่ว่าถือเป็นเรื่องต้องห้าม ที่พ่อแม่จะมาจัดพิธีศพให้กับลูก
       
       สำหรับ แฟรงกี ชาน เป็นรุ่นใหญ่ในวงการ มีทั้งผลงานการแสดง, ทำเพลง และกำกับภาพยนตร์ นอกจากนั้นยังเป็นเพื่อนซี้ของ เฉินหลง (Jackie Chan) ที่ทั้งคู่สนิทกันมากจน เฉินหลง มักจะร่วมช่วยเหลืออำนวยการสร้างหนังให้กับ แฟรงกี ชาน เสมอ รวมถึงหนัง Lady Warriors of Yang Family ผลงานกำกับของ แฟรงกี ชาน ที่ เฉินหลง เป็นคนอำนวยการสร้างให้
       
       แต่เมื่อปลายเดือน ต.ค. นักแสดงรุ่นใหญ่ก็ต้องพบกับข่าวเศร้าที่สุดในชีวิตเมื่อ คอลีน เฉิน ลูกสาวของเขาได้เสียชีวิตลงอย่างกะทันหันจากการตกลงมาจากตึกสูงชั้นที่ 24 ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าน่าจะเป็นการฆ่าตัวตาย เพราะก่อนจะเสียชีวิตแค่ 4 ชั่วโมงเธอได้โพสต์ภาพของดาราสาวเซ็กซี เฉินเป่าเหลียน  (Pauline Chan Bo-Lin / 陳寶蓮) ที่ฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดตึกพร้อมเขียนข้อความว่า "ไม่รู้ว่าฉันจะเป็นคนต่อไปรึเปล่า" ก่อนจะเขียนข้อความอีกว่า "ทั้งคนที่ดูถูกฉัน, คนที่รักฉัน, เราคงไม่ได้เจอกันแล้ว"
       

        ระหว่างโปรโมตผลงานเรื่องใหม่ “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้เอ่ยปากขอร้องสื่อให้ช่วยรายงานข่าวเฉพาะที่มีมูลความเป็นจริง เพราะการนำเสนอข่าวลือต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดียาเสพติดของลูกชายของเขา ก็คือการทำร้ายภรรยาของเขาไปในเวลาเดียวกันด้วย
       
       ระหว่างที่ เจย์ซี ชาน (Jaycee Chan) ยังอยู่ระหว่างการถูกควบคุมตัวในคดียาเสพติด เฉินหลง ก็ยังคงทำงานต่อไป และเพิ่งจะได้เปิดตัวหนังผลงานเรื่องใหม่ Skiptrace ที่มีนางเอกสาวชื่อดัง ฟั่นปิงปิง (Fan Bing Bing) ร่วมแสดงนำด้วยเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
       
       แต่กลายเป็นข่าวประเด็นเกี่ยวกับคดีของลูกชายคือสิ่งที่คนให้ความสนใจกันมากที่สุด ซึ่งเฉินหลงก็เปรยว่าเขาก็ไม่ทราบสถานการณ์อะไรมากนัก และขอปล่อยเรื่องทั้งหมดให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ส่วนเขาก็จะขอมุ่งมั่นกับการทำงานต่อไป
       
       เฉินหลง ยังเอ่ยปากขอให้สื่อช่วยรายงานสิ่งที่มีหลักฐานยืนยันชัดเจนเท่านั้น เพราะการนำเสนอข่าวลือต่างๆ มากมายทำให้ภรรยาของเขาที่เป็นแม่ของ เจย์ซี ต้องเสียใจกับเรื่องนี้ไม่น้อย “ผมก็รู้เรื่องนี้พอๆ กับที่ทุกคนทราบนั่นแหละครับ ผมอยากจะให้สื่อช่วยกันหลีกเลี่ยงที่จะรายงานอะไรที่ไม่มีหลักฐานด้วย อย่าทำร้ายแม่ของ เจย์ซี ด้วยการตีพิมพ์อะไรที่ไม่จริงอีกเลย ถ้าทำได้ผมเองก็อยากจะอธิบายเรื่องนี้ให้ทุกคนทราบอย่างชัดเจนเอง”
       
       นักแสดงบู๊ชื่อดังวัย 60 ปี ยังยอมรับว่าเขาไม่ได้เป็นพ่อที่ดีนัก แต่หลังจากนี้เขาก็จะพยายามทำหน้าที่พ่อให้ดีขึ้นให้ได้
       

        ซูเปอร์สตาร์ชาวฮ่องกงแสดงความเห็นเกี่ยวกับกระแสการประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยเป็นครั้งแรก ด้วยการแสดงความวิตกกังวลว่าความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้น อาจจะกลายเป็นการทำลายเศรษฐกิจ และบทบาทในฐานะศูนย์กลางทางการเงินของฮ่องกง
       
       ดูเหมือนว่า เฉินหลง (Jackie Chan) ได้เลือกที่จะแสดงจุดยืนอยู่ข้างเดียวกับรัฐบาลปักกิ่ง แทนที่จะเป็นประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง เมื่อล่าสุดเขาได้เขียนข้อความผ่าน Weibo ว่าตนเองรู้สึก “กังวล” กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นว่าการประท้วงอาจจะส่งผลลบต่อตลาดทางการเงินตลอดจนระบบเศรษฐกิจของฮ่องกง และเรียกร้องให้ทุกคน “ใช้เหตุผล” กันมากกว่านี้
       
       ความเห็นของ เฉินหลง ไม่ได้สร้างความแปลกใจให้กับชาวฮ่องกง หรือชาวจีนแผ่นดินใหญ่เลย เพราะที่แล้วมาเขาก็มักจะแสดงความเห็นโน้มเอียงไปทางพรรคคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลจีนอยูเสมอ
       
       “ผมทราบจากข่าวว่าเศรษฐกิจฮ่องกงเสียหายไปแล้ว 350 ล้านเหรียญฮ่องกง จึงรู้สึกเป็นห่วงจริงๆ … ผมเชื่อว่าทุกคนรักฮ่องกง และมีความปรารถนาดี อนาคตอันสดใสของฮ่องกงจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุน และทำงานหนัก” นักแสดงเจ้าของหนังชุด “วิ่งสู้ฟัด” กล่าวต่อไปว่า “ในเพลงที่ชื่อว่า Country มีเนื้อร้องท่อนหนึ่งว่า “บ้านจะไม่มั่งคั่งหากประเทศไม่มั่นคง” ซึ่งผมจะทำงานให้หนักเช่นเดียวกับทุกคน และกลับไปใช้เหตุใช้ผลกันอีกครั้ง เพื่อเผชิญหน้ากับอนาคต, รักประเทศของเรา และรักฮ่องกงของเรา”
       

        ระหว่างเดินทางไปเข้าฉากเพื่อแสดงบทรับเชิญในหนังของ “หงจินเป่า” (Sammo Hung) ที่รัสเซีย “หลิวเต๋อหัว” (Andy Lau) ได้มีโอกาสพูดถึงโอกาสที่เขาจะไปร่วมรายการเรียลลิตี้แนวคุณพ่อคนดังเลี้ยงลูกที่ฮิตระเบิดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพระเอกดังวัย 52 ปีได้ขอปฏิเสธ และเปรยว่าเขาคงไม่คิดร่วมรายการประเภทนี้แน่ๆ
       
       ขณะที่รายการเรียลตี้ Dad! Where Are We Going? กำลังดังสุดๆ ในวงการโทรทัศน์จีน กับการนำเสนอภาพของคุณพ่อคนดัง ที่ต้องมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง โดยไม่มีคุณแม่มาค่อยช่วย ซึ่งในฐานะพ่อลูกคนอ่อนอีกคนของวงการ หลิวเต๋อหัว ก็เป็นคนดังอีกคนที่แฟนๆ อยากเห็นในรายการประเภทนี้มากที่สุด
       
       ซึ่งพระเอกคนดังได้พูดถึงโอกาสไปร่วมรายการ Dad! Where Are We Going? แบบขำๆ ว่าอาจจะพอมีโอกาสอยู่เหมือนกัน แต่เขาอยากออกรายการในฐานะลูก และให้พ่อของเขาเป็นคนมาดูแลมากกว่า “ตัวผมยังไม่พร้อมเลยครับ ต้องถามพ่อก่อน ไม่รู้ว่าพ่อยังอยากจะเลี้ยงผมอยู่รึเปล่า”
       
       จนเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามตรงๆ ว่าเขากับลูกสาวจะไปออกรายการประเภทนี้บ้างรึเปล่า หลิวเต๋อหัว จึงยืนยันอย่างชัดเจนว่าคงไม่มีทาง “ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ เถอะครับ” พระเอกคนดังกล่าว