ข่าวจีน

        หลังหายหน้าหายตาจากวงการบันเทิงไปถึง 12 ปีเต็มล่าสุดมีชาวเน็ตไต้หวันรายหนึ่งโพสต์ภาพล่าสุดของ "หวังจู่เสียน" (Joey Wong) ซึ่งใบหน้าของเธอแทบดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จนมีข่าวลือออกมาว่าอดีตนางเอกที่สวยที่สุดคนหนึ่งของวงการหนังฮ่องกงเมื่อยุค 90s ต้องเสียโฉมเพราะการทำศัลยกรรมพลาสติกที่ผิดพลาด
       
       โดยชาวเน็ตไต้หวันที่ใช้ชื่อว่า 'augustpaul' ได้โพสต์ภาพของหญิงสาวคนหนึ่งที่เขาเชื่อว่าคือ หวังจู่เสียน ซึ่งเขามีโอกาสได้พบกับเธอโดยบังเอิญบนรถไฟใต้ดิน พร้อมเขียนข้อความเอาไว้ว่า "ไม่รู้ว่าใช่เธอรึเปล่า? แต่ดูเหมือนภาพที่อยู่ในหนังสือพิมพ์เหมือนกัน คิดว่าน่าจะเป็นเธอนั่นแหละ" ซึ่งภาพดังกล่าวได้ถูกส่งต่อในหมู่ชาวไต้หวัน, จีน และฮ่องกงมากมาย
       
       แน่นอนว่าภาพดังกล่าวได้กลับมาตกย้ำประเด็นเรื่องข่าวที่ว่า หวังจู่เสียน ต้องเสียโฉมเพราะศัลยกรรมอีกครั้ง หลังจากเมื่อกลางปีก่อน เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นข่าวใหญ่ในสื่อทั้งที่ไต้หวัน และฮ่องกง เมื่อ หวังจู่เสียน ได้กลับมาทำธุระที่ฮ่องกง และมีสื่อตีพิมพ์ภาพของเธอ แต่รูปโฉมของอดีตนางเอกดังกลับแตกต่างจากเมื่อสมัยเธอยังสาวโดยสิ้นเชิง
       
       โดยมีแฟนคลับคนหนึ่งถึงกลับเปรยออกมาเมื่อมีภาพของเธอเผยแพร่ออกมาอีกว่า "แทบจะทนดูภาพพวกนี้ไม่ได้เลย"
       

        สื่อจีนเผยแพร่ภาพพรีเวดดิงสุดหวานของนักแสดงสาวชื่อดังชาวเกาหลีใต้ “แชริม” (Chae Rim) และแฟนหนุ่มนักแสดงชาวจีน “เกาจื่อฉี” (Gao Tzi Qi) ที่เพิ่งจะเริ่มต้นคบหาดูใจกันเมื่อต้นปีที่ผ่านมา แต่ความรักสุดงอมอย่างรวดเร็ว และมีกำหนดจะแต่งงานกันภายในเดือน ต.ค. ที่จะถึงนี้
       
       ซึ่งนอกจากภาพในชุดวิวาห์แบบตะวันตกแล้ว นักแสดงสาวชาวเกาหลีใต้ และว่าที่สามีชาวจีนก็ยังสวมใส่ชุดประจำชาติของแต่ละฝ่ายด้วย โดยทั้งสองจะจัดงานแต่งงานทั้งในเกาหลีและที่จีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งจะเริ่มจากงานที่จีนก่อนในวันที่ 14 ต.ค. หลังจากนั้นจึงจะได้เดินทางกลับไปจัดงานที่เกาหลี เพื่อมาจัดงานแต่งตามธรรมเนียมของเกาหลีที่เมืองซอนบก ทางตอนเหนือของกรุงโซล
       
       เมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมาทาง Sidus HQ ต้นสังกัดของนักแสดงสาวชื่อดัง แชริม ได้ให้ข่าวยืนยันว่าเธอได้หมั้นหมายกับแฟนหนุ่มชาวจีน เกาจื่อฉี วัย 33 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และมีกำหนดจะแต่งงานกันในเดือน ต.ค. ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะถือว่านี่คือการแต่งงานรอบที่ 2 ของนักแสดงสาวชาวเกาหลีใต้วัย 35 ปีแล้ว
       
       แชริม และ เกาจื่อฉี เริ่มคบหาดูใจกันมาตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาหลังมีโอกาสร่วมงานกันในซีรีส์เรื่อง The Lee Family ของ CCTV เมื่อปีก่อน ก่อนจะเปิดเผยถึงความสัมพันธ์ครั้งนี้อย่างเป็นทางการเมื่อเดือน มี.ค. และคบหาดูใจกันอย่างเปิดเผยมาตั้งแต่ตอนนั้น อย่างไรก็ตาม ในตอนแรกต้นสังกัดของฝ่ายหญิงได้เคยออกมาให้ข่าวว่าเธอยังไม่มีแผนจะจัดงานวิวาห์เพื่อใช้ชีวิตคู่กับแฟนหนุ่มชาวจีนแต่อย่างใด กระทั่งเมื่อกลางปีที่ผ่านมาทั้งสองจึงยอมรับว่ากำลังมีแผนจะแต่งงานกันในเดือน ต.ค. ที่จะถึงนี้จริงๆ
       

        หลังจากที่มีรายงานว่า “จางป๋อจือ” (Cecilia Cheung) ถึงขั้นทำใจไม่ได้เมื่อ “เซียะถิงฟง” (Nicholas Tse) อดีตสามีไปคืนดีกับแฟนเก่าอย่าง “เฟย์ หว่อง” (Wang Fei) ล่าสุดมีการเผยภาพยิ้มชื่นมื่นของ”จางป๋อจือ”ขณะอยู่กับลูกพร้อมโต้ข่าวร้องห่มร้องไห้ว่าไม่เป็นความจริง ด้าน “หลีหย่าเผิง” (Li Ya Peng) อดีตสามีของ”เฟย์ หว่อง”ร่วมอวยพรแม่ของลูกผ่านโลกออนไลน์ด้วย
       
       หลังจากที่จางป๋อจือ หอบหิ้วลูกชายทั้ง 2 คนอย่าง ลูคัส (Lucas Tse) วัย 7 ปี และ ควินตัส (Quintus Tse) วัย 4 ปีไปอยู่ที่สิงคโปร์ ล่าสุดมีภาพของจางป๋อจือกินข้าวกับลูกๆเมื่อวันจันทร์ปรากฏออกมาหลังเจอแฟนๆขอถ่ายรูป ซึ่งงานนี้เจ้าตัวยิ้มยิ้มเพื่อยืนยันว่าเธอสบายดี
       
       โดยในวันเดียวกันชาวเน็ตรายหนึ่งเผยว่า ทิฟฟานี เฉิน อดีตผู้จัดการของ จางป๋อจือ ที่สนิทกับนักแสดงสาวก็ได้กล่าวด้วยว่า รายงานข่าวของฮ่องกงเป็นเรื่องโกหก ไม่มีเหตุการณ์ร้องห่มร้องไห้หนักใดๆทั้งสิ้น ส่วนทางด้านผู้จัดการคนปัจจุบันได้ระบุว่าตอนนี้จางป๋อจืออยู่ในช่วงกำลังพักผ่อนและขอบคุณแฟนๆทุกคนที่เป็นห่วงความรู้สึกเธอ
       
       ส่วนทางด้าน เมนี ฟก ผู้จัดการของเซียะถิงฟง เมื่อถูกถามถึงเรื่องที่จางป๋อจือกล่าวหาเซียะถิงฟงว่าไม่ยอมมาเยี่ยมลูก ก็ได้ตอบว่า “เขาทำงานมากจริงๆเพื่อหาเงินเลี้ยงดูลูกชาย ถ้าพูดในฐานะผู้หญิง ไม่ใช่ในฐานะผู้จัดการของเซียะถิงฟง ก็เสียใจกับจางป๋อจือด้วย ก็ได้แต่หวังว่าเธอจะปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไป เข้าใจและยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อเธอมีความสุข ลูกชายของเธอก็จะได้รับความสุขไปด้วยจากการที่เขาโตขึ้นในสภาพแวดล้อมที่ดี ซึ่งเธอเองก็ควรจะเปิดใจเพื่อรักครั้งใหม่ของตนเองเช่นกัน”

        ระหว่างเดินทางไปเข้าฉากเพื่อแสดงบทรับเชิญในหนังของ “หงจินเป่า” (Sammo Hung) ที่รัสเซีย “หลิวเต๋อหัว” (Andy Lau) ได้มีโอกาสพูดถึงโอกาสที่เขาจะไปร่วมรายการเรียลลิตี้แนวคุณพ่อคนดังเลี้ยงลูกที่ฮิตระเบิดในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งพระเอกดังวัย 52 ปีได้ขอปฏิเสธ และเปรยว่าเขาคงไม่คิดร่วมรายการประเภทนี้แน่ๆ
       
       ขณะที่รายการเรียลตี้ Dad! Where Are We Going? กำลังดังสุดๆ ในวงการโทรทัศน์จีน กับการนำเสนอภาพของคุณพ่อคนดัง ที่ต้องมาเลี้ยงลูกด้วยตัวเอง โดยไม่มีคุณแม่มาค่อยช่วย ซึ่งในฐานะพ่อลูกคนอ่อนอีกคนของวงการ หลิวเต๋อหัว ก็เป็นคนดังอีกคนที่แฟนๆ อยากเห็นในรายการประเภทนี้มากที่สุด
       
       ซึ่งพระเอกคนดังได้พูดถึงโอกาสไปร่วมรายการ Dad! Where Are We Going? แบบขำๆ ว่าอาจจะพอมีโอกาสอยู่เหมือนกัน แต่เขาอยากออกรายการในฐานะลูก และให้พ่อของเขาเป็นคนมาดูแลมากกว่า “ตัวผมยังไม่พร้อมเลยครับ ต้องถามพ่อก่อน ไม่รู้ว่าพ่อยังอยากจะเลี้ยงผมอยู่รึเปล่า”
       
       จนเมื่อผู้สื่อข่าวได้ถามตรงๆ ว่าเขากับลูกสาวจะไปออกรายการประเภทนี้บ้างรึเปล่า หลิวเต๋อหัว จึงยืนยันอย่างชัดเจนว่าคงไม่มีทาง “ปล่อยให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างธรรมดาๆ เถอะครับ” พระเอกคนดังกล่าว
       

        ภาพหญิงสาวสวยสามคนที่ถูกมัดด้วยเชือกที่ทั้งเซ็กซี และสยองขวัญในสื่อโฆษณาของหนัง Inside the Girls (女生宿舍 / Nu Sheng Su She)ได้ทำให้ภาพยนตร์สยองขวัญฟอร์มเล็กจากจีนแผ่นดินใหญ่เรื่องนี้ได้รับความสนใจขึ้นมาอย่างเกินคาด

       Inside the Girls เป็นหนังสยองขวัญเรื่องใหม่จากจีนแผ่นดินใหญ่ที่ว่าด้วยเหตุการณ์ในยุค 1930 เมื่อหญิงสาวสองได้เข้าไปใช้ชีวิตกันในหอพักเก่าแก่ของวิทยาลัยพยาบาล ก่อนจะได้พบกับเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเพื่อนร่วมหอได้เสียชีวิตลงอย่างปริศนาไปทีละคน โดยหนังได้เริ่มเปิดฉายไปเมื่อกลางเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา และก็ดูเหมือนจะมีแฟนหนังทั้งในเมืองจีน และต่างประเทศให้ความสนใจกันพอสมควร
       
       โดยหนังเป็นผลงานของผู้กำกับหญิง เหลียงถิง (Liang Ting) ที่ลงมือกำกับภาพยนตร์เป็นครั้งแรก หลังเคยอำนวยการสร้างหนังสามก๊กที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับ กวนอู ที่ชื่อว่า The Lost Bladesman มาแล้ว และเธอก็เชื่อว่า Inside the Girls น่าจะเป็นที่สนใจทั้งทั้งสำหรับสาวๆ และหนุ่มๆ "เรื่องราวความซับซ้อนทางอารมณ์น่าจะทำให้ผู้หญิงสนใจหนังเรื่องนี้กันอยู่บ้าง และแน่นอนว่าความตื่นเต้น กับภาพเซ็กซีก็คงทำให้หนุ่มๆ อยากดู ซึ่งแม้จะเป็นหนังย้อนยุคแต่ Inside the Girls ก็จะพยายามนำเสนอเกี่ยวกับชีวิตของนักศึกษาหอพักในสังคมจีนยุคปัจจุบันด้วย มันเป็นเรื่องของความอิจฉาริษยา และความหึงหวง อันเป็นบ่อเกิดของความเห็นแก่ตัว และความเกลียดชัง"
       

        ท่ามกลางข่าว "รักรีเทิร์น" ของ "เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse) กับ "หวังเฟย" (Wang Fei)  ที่แยกทางกันไปร่วม 11 ปีเต็มก่อนจะกลับมาสานสัมพันธ์กับอีกครั้ง กลับมีข่าวว่า "จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung) อดีตภรรยาของ "เซียะถิงฟง" ได้แสดงความไม่พอใจในการทำหน้าที่ "พ่อ" ของอดีตสามีอย่างรุนแรง
       
       ระหว่างที่เรื่องรักของ เซียะถิงฟง และ หวังเฟย กำลังเป็นประเด็นในสื่อบันเทิงจีน กลับมีข่าวว่า จางป๋อจือ ได้เปรยกับนายหญิงแห่งบริษัท China Star Entertainment ว่าหลังแยกทางกับ เซียะถิงฟง เมื่อ 3 ปีก่อน อดีตสามีของเธอก็แทบไม่เคยสนใจใยดีลูกชายทั้งสองคนของเขาเลย นอกจากนั้น เซียะถิงฟง ยังมักจะพยายามให้ข่าวว่าทั้งเขาและเธอต่างช่วยกันเลี้ยงลูก แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ โดยเฉพาะเมื่อเธอพาลูกไปอยู่ที่สิงคโปร์ซึ่งน่าจะดีกับเด็กๆ ที่สุด แต่ผู้เป็นพ่อก็แทบไม่เคยเดินทางไปเยี่ยมเลย
       
       ข่าวระบุว่า จางป๋อจือ ได้พูดเรื่องนี้ให้กับ ทิฟฟานี เฉิน แห่งบริษัท China Star Entertainment ได้รับฟัง ซึ่ง ทิฟฟานี เฉิน ได้เปิดเผยเรื่องนี้ให้สื่อทราบอีกต่อหนึ่งว่า "ฉันถามว่าเธอร้องไห้มากแบบนี้เพราะยังรักเขาอยู่ใช่รึเปล่า? แต่เธอก็บอกว่าไม่ได้รักแล้ว เพียงเจ็บใจแทนลูกๆ เท่านั้น เซียะถิงฟง ไม่เคยแคร์ลูกของเขาเลย ปีนี้เขาเจอหน้าลูกแค่ไม่กี่ครั้ง จางป๋อจือ พร้อมเสมอไม่ว่าเมื่อไหร่ ถ้าเขาอยากจะมาหาลูก แต่เขาก็พูดแค่ว่าไม่ว่างติดงานอยู่ตลอดเวลา นานๆ สักครั้งถึงจะขอมาหาลูก เพราะแบบนี้แหละ จางป๋อจือ ถึงรู้สึกว่าเขาไม่มีค่าอะไรจะให้รักแล้ว"
       

        หลังแยกทางกันไปมากกว่าทศวรรษ และต่างฝ่ายต่างผ่านการหย่าร้างกันมาทั้งคู่ ล่าสุดมีข่าวว่า "เซียะถิงฟง" (Nicholas Tse) และแฟนสาวรุ่นพี่ "หวังเฟย" (Wang Fei) ที่อายุมากกว่าเขา 11 ปี ได้กลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้งแล้ว โดยมีคนเห็นฝ่ายชายไปหาฝ่ายหญิงถึงที่บ้าน และใช้เวลาอยู่ที่นั้นถึง 4 วัน 4 คืนด้วยกัน

       ภาพที่ หวังเฟย นั่งอยู่บนตักของ เซียะถิงฟง และแสดงความสนิทสนมกันเหมือนเมื่อ 10 กว่าปีก่อน กลายเป็นภาพที่ถูกตีพิมพ์อยู่ในสื่อบันเทิงของจีน และฮ่องกงแทบจะทุกฉบับ นอกจากนั้นยังมีภาพที่ทั้งสองจูบกัน และใช้เวลาอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดในอิริยาบถต่างๆ มากมาย โดยสื่อฮ่องกงว่านักแสดงสาวคนดัง จ้าวเวย (Zhao Wei) zได้ทำหน้าที่เป็นแม่สื่อ ที่ทำให้อดีตคู่รักได้กลับมาสานสัมพันธ์กันอีกครั้ง
       
       โดยสื่อจีน Sohu Entertainment ได้ให้ข้อมูลถึงการกลับมาคืนดีของทั้งสองว่ามีคนเห็น เซียะถึงฟง เดินทางมาที่บ้านของอดีตแฟนสาวรุ่นพี่ตั้งแต่วันที่ 15 ก.ย. และไม่ได้ออกไปไหนอีกเลยตลอด 4 วันหลังจากนั้น โดยทั้งคู่ดูจะแสดงออกต่อกันเหมือนคู่รักใหม่กันเลยทีเดียว นอกจากจะทำกับข้าวกินกันแล้วก็ยังใช้เวลาคุยกันอย่างออกรส และยังกอดจูบกันเหมือนคู่รักที่กำลังอินเลิฟสุดๆ ด้วย
       
       หวังเฟย ศิลปินสาวที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในวงการเพลงจีนตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยเธอเคยแต่งงานมาแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งครั้งแรกเกิดขึ้นหลังเธอตั้งท้องในปี 1996 จนทำให้เธอต้องแต่งงานกับร็อคเกอร์ชาวปักกิ่ง ตู้เวย อย่างกะทันหัน แต่สุดท้ายชีวิตคู่ก็ยืนยาวอยู่แค่ 3 ปีเท่านั้น
       

        นักแสดงวัย 52 ปี ปฏิเสธข่าวลือที่ว่าเธอมีเนื้องอกในสมอง พร้อมยืนยันว่าตนเองยังสุขภาพแข็งแรงดีทุกประการ นอกจากนั้นยังเปรยว่าอาจจะใช้มาตรการทางกฎหมายเล่นงานคนที่ปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงพวกนี้ด้วย
       
       เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนมีรายงานว่าสาเหตุที่ทำให้ กวนจื่อหลิน (Rosamund Kwan) ถอนตัวจากวงการบันเทิงก็คือการตรวจพบเนื้องอกในสมองเมื่อปี 1994 ซึ่งแม้จะไม่มีอันตรายถึงกับชีวิต แต่ก็ทำให้เธอมีปัญหาสุขภาพ และต้องเข้ารับการตรวจร่างกายทุกๆ ครึ่งปี จนเมื่อปี 2007 เธอจึงได้ถอนตัวจากวงการบันเทิงอย่างถาวร เพื่อให้เวลากับการดูแลตัวเองอย่างเต็มตัว
       
       แต่ล่าสุด กวนจื่อหลิน ได้เขียนข้อความปฏิเสธข่าวทั้งหมด และยืนยันว่าประเด็นที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Oriental Sunday รวมถึงสื่ออีกหลายๆ ฉบับล้วนไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด โดยเธอเรียกเรื่องข่าวที่เกิดขึ้นว่าเป็น "เรื่องแต่ง" ล้วนๆ และเธอมีสุขภาพแข็งแรงดีทุกอย่าง ไม่ได้มีเนื้องอก หรือมะเร็งอยู่ในสมองทั้งนั้น ส่วนที่มีคนเห็นเธอเดินทางไปพบแพทย์ก็เป็นเพียงการไปทำฟันตามปกติเท่านั้น
       
       "ข่าวที่เกิดขึ้นสร้างผลกระทบให้กับฉัน และครอบครัวอย่างไม่จำเป็น ก็หวังว่าทางสื่อ และทุกคนจะเคารพต่อสิทธิ์ทางกฎหมายของฉันด้วย โปรดลบข่าวทั้งหมดทิ้ง และอย่าใช้ข่าวที่ไม่เป็นความจริงพวกนี้เพื่อการขายหนังสือเลยค่ะ ฉันขอสงวนสิทธิ์การใช้มาตรการทางกฎหมาย สำหรับสื่อและใครก็ตามที่ได้นำเสนอเรื่องเหล่านี้ไป ขอขอบคุณทุกคนด้วยสำหรับความเป็นห่วง" นางเอกชื่อดังกล่าว

Manager Online

        ดาวตลกคนดังร่วมคัดเลือกนักแสดงสาวเพื่อหานักแสดงรับบท "เงือก" สำหรับหนัง Mermaid ผลงานเรื่องต่อไปของเขา ซึ่งเพิ่งจะจัดการแคสติ้งแบบพิเศษในรอบสุดท้ายไปเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา พร้อมได้ 6 สาวที่จะได้เล่นหนังเรื่องนี้ของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
       
       โดยสาวๆ ที่ผ่านมาเข้ารอบมาได้ทั้ง 13 คน ต้องโชว์ลีลาการแสดงในรูปแบบต่างๆ ให้ โจวซิงฉือ (Stephen Chow) และ วิลสัน เฉิน (Wilson Chin) ได้ชม ทั้งการโพสต์ท่าเซ็กซี, แสดงความสามารถด้านการแสดง, เปลือยหน้าลบเครื่องสำอางให้กรรมการพิสูจน์ความสวยแบบธรรมชาติของพวกเธอ และสาวๆ ยังต้องสวมชุดนางเงือกขึ้นบนเวทีด้วย
       Yinyin, Lin Yun, Xu Zhenzhen and Sun Jialing, as      No results related      Add now  well as Hong Kong's very own Kabby Hui, and Japanese star Linah Matsuoka.
       ซึ่งในจำนวนสาวๆ ทั้ง 13 คนดาวเด่นที่สื่อให้ความสนใจอย่างสาวญี่ปุ่น รินะ มัตสึโอกะ (Linah Matsuoka) ก็สามารถผ่านเข้ารอบไปได้ เช่นเดียวกันดาราสาวจอมฉาว คิบบี้ หลิว (Kabby Hui) ก็ผ่านเข้าไปเป็น 6 คนสุดท้ายเช่นเดียวกัน ส่วน บาร์บี หลิวฮุยอี้ (Barbie Liu) และ เรนกี้ ฮุย (Rainky Wai) ตกรอบไปอย่างน่าเสียดาย แต่อย่างน้อยสาว เรนกี้ ฮุย ก็ยังได้รับรางวัลความคิดสร้างสรรค์จาก โจวซิงฉือ กลับบ้านไปด้วย โดยสาวผู้เข้าประกวดหมายเลข 6 เกรซ หยวนลี่หรั่วซิน (Grace Yuanli Ruoxin) จากชิงเต่าเป็นผู้รับรางวัลป๊อปปูล่าไปครอง
       

        “จางอีว์ฉี” (Kitty Zhang) ออกแถลงการณ์พร้อมยอมรับบทลงโทษที่ “หวังฉวนอัน” (Wang Quan'an)  สามีของเธอจะได้รับหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวในคดีการซื้อบริการทางเพศ ระหว่างที่เธอเดินทางไปร่วมงานแฟชั่นระดับโลก และข่าวยังระบุว่าเขาได้ซื้อบริการทางเพศจากโสเภณีถึง 3 วันซ้อนเลยทีเดียว
       
       "ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของทุกคน ที่มีให้กับตัวฉัน และครอบครัวของเราค่ะ ฉันเองรู้สึกสับสบกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่เหมือนกัน และเชื่อว่าทางการจะมีบทลงโทษที่เป็นธรรมสำหรับการละเมิดกฎของสังคมครั้งนี้ เราจะขอรับผลที่เกิดขึ้นอย่างมีสติร่วมกันค่ะ" จางอีว์ฉี ได้ออกแถลงการณ์ ซึ่งถือว่าเป็นคำพูดแรกของเธอ หลังสามีของดาราสาวคนสวยได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับในคดีซื้อบริการทางเพศ จนกลายเป็นข่าวอื้อฉาวสั่นสะเทือนวงการบันเทิงจีนอยู่ในขณะนี้ เพราะฝ่ายชายถือว่าเป็นคนทำหนังที่โด่งดังมาก
       
       โดยผู้กำกับระดับโลก หวังฉวนอัน เจ้าของรางวัลหมีทองคำจากเทศกาลภาพยนตร์เบอร์ลินเมื่อปี 2007 ได้ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวในวันที่ 10 ก.ย. จากข้อหาที่ว่าเขาจ่ายหญิงให้กับหญิงสาวเพื่อซื้อบริการ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องต้องห้ามในจีนแผ่นดินใหญ่ นอกจากนั้นตำรวจยังเผยว่าในช่วงเวลาดังกล่าว หวังฉวนอัน ได้ซื้อบริการจากโสเภณีถึง 3 วันติดต่อกันคือตั้งแต่วันที่ 8, 9 และ 10 นอกจากนั้นในวันที่ 9 เขายังซื้อบริการจากโสเภณีถึง 2 คน และมีเพศสัมพันธ์กับเธอพร้อมๆ กันในคราวเดียวด้วย โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ จางอีว์ฉี ผู้เป็นภรรยาได้เดินทางไปร่วมงานแฟชั่นที่นิวยอร์ก
       

นักร้อง/นักแสดงระดับตำนานที่โด่งดังทั้งในญี่ปุ่นและจีน "โยะชิโกะ ยะมะงุชิ" (Yoshiko Yamaguchi / Shirley Yamaguchi / Yoshiko Ōtaka) หรือ "หลี่เซียงหลาน" (Li Xianglan) เจ้าของเพลงอมตะ "เย่ไหลเซียง" ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 94 ปี หลังใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวและเรื่องราวต่างๆ มามากมาย
       
       โดยข่าวระบุว่า โยะชิโกะ ยะมะงุชิ ที่ตอนนี้ใช้ชื่อว่า โยะชิโกะ โอตะกะ ตามนามสกุลของสามีได้เสียชีวิตลงแล้ว จากอาการหัวใจวายที่บ้านของเธอในโตเกียวเมื่อวันที่ 7 ก.ย. ซึ่งครอบครัวของเธอได้ประกาศข่าวที่สร้างความเสียใจให้กับทั้งชาวจีน และญี่ปุ่นมากมายว่า "ในระยะหลังท่านแทบจะอาศัยอยู่แต่ที่บ้านเพราะอายุมากแล้ว แต่ก็ใช้ชีวิตอย่างปกติธรรมดาทั่วไป โดยท่านมักจะใช้เวลาชมแผ่นดีวีดีทั้งภาพยนตร์ และสารคดี โดยเฉพาะที่มาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น จีน หรือสหรัฐอเมริกา"
       
       โยะชิโกะ ยะมะงุชิ เป็นชาวญี่ปุ่นที่ลืมตาดูโลกขึ้นมาในแมนจูเรีย ในช่วงก่อนเกิดสงครามโลก หลังพ่อที่เป็นวิศวกรบริษัทรถไฟของเธอตัดสินใจมาตั้งรกรากอยู่ที่นี่ และอาศัยเรียนภาษาจีนจากพ่อ ระหว่างที่ท่านสอนภาษาให้กับเหล่าพนักงานการรถไฟที่เป็นชาวญี่ปุ่น
       
       ในวัยเด็ก ยะมะงุชิ เคยมีปัญหาสุขภาพจากอาการป่วยเป็นวัณโรค แพทย์จึงแนะนำให้เธอเรียนร้องเพลงเพื่อเป็นการออกกำลังระบบหายใจไปในตัว ซึ่งพ่อของ ยะมะงุชิ เชื่อว่าลูกสาวน่าจะหัดร้องเพลงแนวดั้งเดิมของญี่ปุ่นก่อน แต่เธอกลับสนใจเพลงของตะวันตกมากกว่า และตัดสินใจสมัครเข้าเรียนการร้องเพลงโอเปราจาก มาดาม โพเดรซอฟ นักร้องชาวอิตาเลียน ภรรยาของขุนนางชาวรัสเซียคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองจีน และนี่เองได้กลายเป็นต้นทุนสำคัญที่ทำให้ ยะมะงุชิ โด่งดังขึ้นมาในเวลาต่อมา
      

        "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) ออกมายอมรับว่าเขาไม่ได้สนิทสนมกับ "โจวซิงฉือ" (Stephen Chow) แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรอย่างที่หลายคนเชื่อ และยังยืนยันว่าเขาติดตามผลงานของ "โจวซิงฉือ" ในฐานะแฟนคลับคนหนึ่งมาตลอด
       
       ปัญหาความขัดแย้งของ โจวซิงฉือ และสามีภรรยาผู้อำนวยการสร้าง ชาร์ลส์ เซียง กับ ทิฟฟานี เฉิน ได้ถูกขยายผลจนมีคนบันเทิงเข้ามาเกี่ยวข้องมากมาย เมื่อฝ่าย ทิฟฟานี เฉิน ได้ให้ข่าวว่า โจวซิงฉือ เป็นจอมสร้างปัญหา จนแทบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าในวงการบันเทิงไปแล้ว
       
       ซึ่ง หลิวเต๋อหัว ก็เป็นอีกคนที่ ทิฟฟานี เฉิน อ้างว่าเขาเคยเปรยกับเธอว่า เขาไม่เคยเป็นเพื่อนของ โจวซิงฉือ และไม่มีวันจะเป็นเพื่อนกันได้ ซึ่งล่าสุด หลิวเต๋อหัว ได้ออกมาชี้แจงถึงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว
       
       โดยระหว่างร่วมงานฉายรอบปฐมทัศน์ของหนังสารคดี My Voice, My Life หลิวเต๋อหัว ได้กล่าวถึงข้อสงสัยที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องมิตรภาพระหว่างเขากับ โจวซิงฉือ ว่า "ก่อนอื่นผมไม่เคยพูดกับใครนะครับว่าเขา (โจวซิงฉือ) ไม่ใช่เพื่อนของผม สิ่งที่ผมพูดไปก็คือ คุณเซียง เป็นเพื่อนของผม ไม่ว่าจะในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคต ผมยังพูดว่า คุณเซียง เป็นเจ้านายที่ดีมาก บางทีคุณนายเซียงอาจจะเขาใจความหมายผิดไป"
       

        "หวังฉวนอัน" (Wang Quan'an) ผกก.ภาพยนตร์ชื่อดังเจ้าของรางวัลหมีทองคำ และสามีของนักแสดงสาว "จางอี่ว์ฉี" (Kitty Zhang) ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกรุงปักกิ่งตั้งข้อหาในคดีซื้อบริการทางเพศจากโสเภณี ระหว่างที่ภรรยาเดินทางไปต่างประเทศ
       
       ตำรวจปักกิ่งได้ออกแถลงการณ์เปิดเผยว่าผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง หวังฉวนอัน ได้ตกเป็นผู้ต้องสงสัยว่าเขาซื้อบริการทางเพศจากผู้หญิงคนหนึ่งด้วยเงิน 800 หยวน ซึ่งตามข่าวฝ่ายโสเภณีเป็นสาววัย 31 ปี ที่มีพื้นเพมาจากเฮยหลงเจียง โดยทั้งคู่มีความสัมพันธ์ทางเพศกันในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งที่ตงเฉิน เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ซึ่งก็ไม่ใช่แค่ครั้งนี้เท่านั้นเจ้าหน้าที่ยังพบว่าเขาได้ซื้อบริการทางเพศถึง 3 วันติดต่อกันเลยทีเดียว
       
       ซึ่งการขายบริการ และซื้อบริการทางเพศถือว่าเป็นเรื่องผิดกฏหมายสำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ โดยข่าวยังระบุว่าทั้งคู่ได้ยอมรับผิดโดยไม่มีการโต้แย้งใดๆ
       
       ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังวัย 49 ปี จบการศึกษาจากสถาบันภาพยนตร์ปักกิ่ง สถาบันการศึกษาที่ผลิตบุคลาการให้กับวงการภาพยนตร์จีนมามากมาย โดยเขาได้ชื่อว่าเป็นดาวเด่นของกลุ่มคนทำหนังที่ถูกเรียกรวมกันว่า "ผู้กำกับรุ่นที่ 6 แห่งวงการภาพยนตร์จีน" ซึ่งทำหนังที่สะท้อนถึงความเป็นไปของสังคม
       
       หวังฉวนอัน โด่งดังในระดับโลกจากการคว้ารางวัลในเทศกาลหนังเมืองเบอร์ลินเมื่อปี 2007 จากผลงานเรื่อง Tuya’s Marriage ต่อมาผลงานเรื่อง Apart, Together ของเขายังได้ฉายเพื่อเปิดเทศกาลภาพยนตร์ระดับโลกงานนี้ในปี 2010 อีก
       

        ก่อนหน้านี้ซูเปอร์สตาร์แห่งไต้หวันเคยเปรยว่าเขามีแผนจะแต่งงานกับแฟนสาวในช่วงต้นปี 2015 ซึ่งล่าสุด "เจย์ โจว" (Jay Chou) ได้กล่าวย้ำคำพูดเดิมอีกครั้ง และยังเผยว่าเขาอาจจะเลื่อนการแต่งงานให้เร็วขึ้นเป็นปลายปีนี้ก็ได้
       
       ระหว่างร่วมงานแถลงข่าวงานแข่งกีฬาการกุศล Mission Hills World Celebrity Pro-Am เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ซึ่ง เจย์ โจว หรือ โจวเจี๋ยหลุน จะมีส่วนร่วม และจะได้แข่งกอล์ฟกับคนดังระดับโลกอย่าง นิโคล คิดแมน และ คริส อีแวนส์ ที่จะมาร่วมกิจกรรมการกุศลครั้งนี้ด้วย ซูเปอร์สตาร์ชาวไต้หวันยังได้มีโอกาสพูดถึงแผนการในอนาคต ทั้งการออกอัลบั้มใหม่ และการเตรียมจูงมือแฟนสาวเข้าประตูวิวาห์ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันในช่วงปลายปีนี้
       
       โดย เจย์ โจว ได้กล่าวถึงแผนการของตัวเองว่า "ผมคิดเอาไว้ว่าจะต้องทำอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ก่อนจะอายุครบ 36 ปี ครับถ้าจะเป็นการสร้างครอบครัวก็น่าจะดีเหมือนกัน .... ผมเคยเลื่อนออกอัลบั้มมาแล้วหลายครั้ง สุดท้ายอัลบั้มอาจจะออกมาก่อน แต่ยังไงผมคงไม่สามารถเลื่อนการแต่งงานออกไปได้อีกแล้ว"
       
       ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่า เจย์ โจว อาจจะเลือกวันที่ 18 ม.ค. ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของเขาเป็นวันวิวาห์ แต่จากคำพูดล่าสุดหลายฝ่ายก็เชื่อว่าเขาอาจจะตัดสินใจจูงมือแฟนสาวแต่งงานภายในปีนี้เลย
       
       เจย์ โจว คบหาสาวลูกครึ่ง ฮันนาห์ ควินลิแวน (Hannah Quinlivan) ที่อายุน้อยกว่าเขา 14 ปี มาตั้งแต่ปี 2011 ก่อนที่ความรักจะสุกงอมเมื่อเขาได้ขอเธอแต่งงานในเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเกิดปีที่ 21 ปีของแฟนสาวด้วย

Manager Online

        ท่ามกลางกระแสวิจารณ์เรื่องนิสัยส่วนตัวของ "โจวซิงฉือ" (Stephen Chow) มีว่ากันว่าย่ำแย่มากจนแทบไม่มีใครในวงการบันเทิงฮ่องกงคบหาด้วยแล้ว แต่ล่าสุด "โจวซิงฉือ" ได้เลือกที่จะไม่ขอตอบโต้คู่กรณี และลุยงานคัดเลือกตัวนักแสดงสำหรับหนังเรื่องใหม่ที่กำลังจะเปิดกล้องในเร็วๆ นี้ต่อไป
       
       กลายเป็นประเด็นร้อนในวงการบันเทิงฮ่องกงทันที เมื่อภรรยาของผู้อำนวยการสร้างคนดัง ออกมายื่นคำขาดให้ โจวซิงฉือ รีบเคลียร์ประเด็นที่เธอเชื่อว่าเขาเป็นคนปล่อยข่าวว่าสามีของเธอเกี่ยวข้องกับแก๊งมาเฟียให้ชัดเจนภายใน 10 วัน โดยปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อมีบทความเกี่ยวกับชีวิตของ โจวซิงฉือ เผยแพร่ออกมาในเว็บไซต์แห่งหนึ่ง และตอนหนึ่งของบทความได้ระบุว่าที่ โจวซิงฉือ ยื่นขออพยพไปอยู่แคนาดาไม่ผ่าน ก็เพราะเคยร่วมงานกับผู้อำนวยการสร้างหนังคนนี้ ที่มีสานสัมพันธ์เกี่ยวข้องอยู่กับแก๊งมาเฟียนั่นเอง
       
       ไม่เท่านั้น ทิฟฟานี เฉิน ภรรยาของ ชาล์ส เซียง ยังโจมตี โจวซิงฉือ ในหลายๆ ประเด็นทั้งเรื่องที่ว่าเขาเป็นพวกหน้าเลือด, ไม่เคยให้เกียรติคนอื่น และเห็นแก่ตัว จนแทบจะไม่มีคนในวงการบันเทิงฮ่องกงเอาด้วยแล้ว และสื่อฮ่องกงยังต่อยอดข่าวด้วยการหยิบยกความเห็นในแง่ลบของคนดังจำนวนหนึ่ง ที่เคยพูดถึง โจวซิงฉือ ในวาระต่างๆ มารวบรวบใหม่จนกลายเป็นประเด็นใหญ่โต
       
       แต่ล่าสุดดูเหมือนว่า โจวซิงฉือ ได้เลือกที่จะไม่ตอบโต้กระแสที่เกิดขึ้น และทำงานของตัวเองเงียบๆ ต่อไป
       

       แม้จะเคยมีปัญหาฟ้องร้องกันมาก่อน แต่อดีตเด็กปั้นคนสวย "จางอวี้ฉี" (Kitty Zhang) ก็ขอปกป้อง "โจวซิงฉือ" (Stephen Chow) อย่างเต็มตัว และอธิบายว่าเหตุผลที่เขาอาจจะไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบในหมู่เพื่อนร่วมวงการนัก ก็คงเพราะดาวตลกซูเปอร์สตาร์เป็นศิลปินที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูงมากนั่นเอง
       
       ครั้งหนึ่ง จางอวี้ฉี เคยมีปัญหาถึงขั้นฟ้องร้องเพื่อขอยกเลิกสัญญาจากบริษัทของ โจวซิงฉือ มาแล้ว แต่ล่าสุดเธอได้แสดงให้เห็นว่าโดยส่วนตัวแล้วเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขาแน่นอน เพราะในขณะนี้ที่ โจวซิงฉือ กำลังตกที่นั่งลำบาก หลังโดนคนในวงการหลายคนจวกยับว่าเขาเป็นคนที่ทั้ง เอาแต่ใจ, หน้าเงิน และไม่เคยให้เกียรติคนอื่น แต่สำหรับ จางอวี้ฉี กลับขอยืนยันว่าสำหรับเธอ โจวซิงฉือ ไม่ได้เลวร้ายอะไรขนาดนั้น
       
       โดยระหว่างร่วมงานแฟชั่น New York Fashion Week เมื่อไม่กี่วันก่อน จางอวี้ฉี ได้ให้ข่าวกับสื่อจีนว่า โจวซิงฉือ ดีกับเธอมาตลอดการถ่ายทำหนัง CJ7 เมื่อปี 2008 ที่เขาเป็นผู้กำกับ และทำให้เธอโด่งดังเป็นพลุแตกขึ้นมา
       
       "โจวซิงฉือ เป็นอัจฉริยะที่มีความเป็นตัวของตัวเองค่ะ เขาก็แค่จริงจังกับการทำงาน และนักแสดงของเขามากเท่านั้นเอง" จางอวี้ฉี กล่าวพร้อมอธิบายว่า โจวซิงฉือ ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายขนาดที่สื่อกล่าวหาแน่นอน และส่วนใหญ่ที่คนในวงการบันเทิงหลายๆ คนไม่ค่อยชอบเขา ก็น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
       

ภรรยาผู้อำนวยการสร้างคนดังออกมาให้สัมภาษณ์จวก “โจวซิงฉือ” (Stephen Chow) ยกใหญ่ หลังมีบทความเผยแพร่ในเน็ตที่ยกย่องดาวตลกคนดัง แต่กลับไปพาดพิงสามีของเธอ จนข้อกล่าวหาที่ว่า “โจวซิงฉือ” เป็นคนดังที่มีเบื้องหลังกับเบื้องหน้าแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้กลับมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง
       
       เมื่อเร็วๆ นี้ได้มีบทความที่ชื่อว่า “ทำไมใครๆ ก็เกลียด โจวซิงฉือ?” เผยแพร่ออกมาในเว็บไซต์ Art Western District ก่อนจะถูกส่งต่อไปในวงกว้าง
       
       โดยบทความที่มีความยาวประมาณ 50,000 ตัวอักษรได้เล่าประวัติส่วนตัวของดาวตลกคนดังทั้งวัยเด็ก, การทำงาน และเรื่องรัก แต่เนื้อหาส่วนใหญ่ดูจะมีจุดประสงค์เป็นการแก้ตัวให้กับ โจวซิงฉือ โดยเฉพาะประเด็นที่มีข่าวลือว่าเขาเป็นคนประเภท “หมาหัวเน่า” และ “ไม่มีใครคบ” เพราะมีนิสัยส่วนตัวที่ไม่น่าคบหา ซึ่งบทความอ้างว่าเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น
       
       แต่ปัญหาของบทความกลับอยู่ตรงที่ประเด็นที่อธิบายว่า โจวซิงฉือ ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าประเทศแคนาดา เพราะเคยทำงานอยู่กับผู้อำนวยการสร้างคนดัง “เซี่ยงหัวเฉียง” ลูกชายของผู้ก่อตั้งแก๊งซันยี่อัน องค์กรนอกกฎหมายอันดับ 1 ของเกาะฮ่องกง ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทบันเทิง Win's Entertainment และ China Star Entertainment Group นั่นเอง ซึ่งเนื้อหาส่วนนี้ได้ทำให้ เฉินหลัน ภรรยาของ เซี่ยงหัวเฉียง ออกมาแสดงความไม่พอใจอย่างรุนแรง ซึ่งเธอเชื่อว่าทีมงานของ โจวซิงฉือ เป็นคนอยู่เบื้องหลังบทความ และยังประกาศออกมาว่า “ฉันไม่กลัวที่จะมีเรื่องกับเขา และจะกระชากหน้ากากของ โจวซิงฉือ ออกมาเอง”
       

       สื่อฮ่องกงเปิดเผยสาเหตุที่แท้จริง ที่ทำให้อดีตนางเอกชื่อดังในยุค 90s กวนจื่อหลิน (Rosamund Kwan) ตัดสินใจถอนตัวจากวงการบันเทิงอย่างเด็ดขาดในปี 2007 ว่าอันที่จริงแล้วมีสาเหตุมาจากเรื่องปัญหาสุขภาพ ที่เธอมีเนื้องอกในสมอง และต้องรักษาตัวมาถึง 20 ปีเต็ม
       
       กวนจื่อหลิน เคยเป็นหนึ่งในนางเอกที่ดังที่สุดในฮ่องกงเมื่อยุค 90s และมีผลงานเด่นทั้งในหนัง “เดชคัมภีร์เทวดา 2” และเป็นที่จดจำได้ของแฟนหนังทุกคนจากบท “น้าสิบสาม” ในหนังชุด “หวงเฟยหง” ก่อนที่ระยะหลังเธอจะเริ่มรับงานน้อยลงเรื่อยๆ และประกาศยุติบทบาทอาชีพนักแสดงอย่างเป็นทางการในปี 2007 โดยในตอนนั้น กวนจื่อหลิน บอกว่าอยากจะใช้เวลากับการลงทุนทางธุรกิจมากกว่า แต่ล่าสุดกลับมีข่าวว่าอันที่จริงแล้วสาเหตุที่ทำให้เธอตัดสินใจเลิกรับงานแสดงก็คือปัญหาเรื่องสุขภาพนั่นเอง
       
       สื่อฮ่องกงได้เปิดเผยว่า กวนจื่อหลิน ได้ตรวจพบเนื้องอกเล็กๆ ในสมองมาตั้งแต่ปี 1994 แล้ว อย่างไรก็ตามเนื้องอกดังกล่าวก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นเป็นอันตรายต่อชีวิต และไม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัด เพราะสามารถใช้ยาเพื่อรักษา และควบคุมอาการได้ แต่ก็ดูเหมือนว่า กวนจื่อหลิน จะวิตกกับปัญหาดังกล่าวอยู่ไม่น้อย ถึงขั้นตอนอายุได้ 32 ปี เธอเคยเขียนพินัยกรรมเก็บเอาไว้เลยทีเดียว
       

       หลังใช้เวลาถ่ายทำกันมาหลายเดือนทั้งที่ฮ่องกง และเมืองไทยล่าสุดภาพยนตร์ฮ่องกงเรื่องแรกของ "จา พนม" (Tony Jaa) ได้ปิดกล้องลงแล้ว โดยหนังมีกำหนดฉายในปีหน้าต่อไป
       
       โดยหนัง SPL 2 ที่นำทีมโดย เจิ้งป๋อไช่ ได้เดินทางมาถ่ายทำในเมืองไทยตั้งแต่กลางเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งแม้ทีมงานหนังชาวฮ่องกงหลายคนจะไม่ค่อยชินกับอาการร้อนในเมืองไทย แต่บรรยากาศการทำงานก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ทีมงานทั้งชาวฮ่องกง และชาวไทยทำงานร่วมกันอย่างเข้าขา จนการถ่ายทำดำเนินไปอย่างเรียบร้อยดี และหนังก็ได้ปิดกล้องลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
       
       SPL 2 เป็นภาคต่อของหนังแอ็กชั่นสุดดังเมื่อหลายปีก่อน ที่ภาคแรกเคยมี เจินจือตัน (Donnie Yen) แสดงนำเอาไว้ ซึ่งแม้จะไม่ได้มีพระเอกคนดังกลับมาเล่นแล้ว แต่หนังกลับได้รับการจับตามองจากแฟนหนังแอ็กชั่นทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เพราะผู้สร้างสามารถดึงเอา จา พนม มาประชันบทบาทกับดาวบู๊ชาวจีนทั้ง อู๋จิง (Wu Jing) และ จางจิน (Max Zhang) เจ้าของตุ๊กตาทองฮ่องกงคนล่าสุดจากหนัง The Grandmasters และยังมี เยิ่นต๊ะหัว (Simon Yam) และ กู๋เทียนเล่อ (Louis Koo) ซึ่งจะรับบทเป็นตัวร้าย มาร่วมแสดงด้วย ในเรื่องราวที่ว่าด้วยตำรวจชาวฮ่องกงที่โดนแก๊งมาเฟียตลบหลังจนต้องเข้าไปติดคุกในเมืองไทย แต่ในคุกตำรวจหนุ่มกลับได้เจอหนทางที่จะได้กลับไปแก้แค้น เมื่อเขาได้รู้จักกับผู้คุมคุกยอดฝีมือ ที่กำลังพยายามทำทุกอย่างเพื่อหาทางรักษาลูกสาวที่ป่วยเป็นโรคร้าย
       
       แม้ตลอด 11 ปีที่ผ่านมา จา พนม จะมีผลงานการแสดงในหนังอยู่เพียง 5 เรื่องเท่านั้น แต่ในปี 2015 พระเอกนักบู๊ชื่อดังชาวไทยจะมีผลงานเข้าฉายถึงอย่างน้อยก็ 3 เรื่องเลยทีเดียว
       

       หลังชีวิตต้องวุ่นวายเพราะเรื่องคดียาเสพติดของลูกชายอยู่พักใหญ่ ล่าสุด “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้เดินทางกลับไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแอ็กชันสตาร์ชื่อดังได้เริ่มเตรียมงานถ่ายทำสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขาจะแสดงคู่กับ “ฟั่นปิงปิง” (Fan Bing Bing) และ “จอห์นนี น็อกซ์วิลล์” (Johnny Knoxville) แล้ว
       
       Mingpao News ได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เฉินหลง ได้เดินทางไปถึงเหอเป่ยเพื่อถ่ายทำหนังแอ็กชันเรื่องใหม่ Skiptrace แล้ว แม้หนังจะมีกำหนดเริ่มถ่ายทำในอีก 4 วันข้างหน้า (6 ก.ย.) แต่พระเอกนักบู๊ชื่อดังก็ยังตัดสินใจเดินทางมาก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่นักแสดงร่วมทั้ง ฟั่นปิงปิง และ จอห์นนี น็อกซ์วิลล์จะเดินทางมาถึงในเร็วๆ นี้
       
       โดยหนังจะเล่าเรื่องของนักสืบชาวฮ่องกงที่มีเพื่อนคู่หูเป็นนักพนันชาวอเมริกา ซึ่งทั้งสองต้องร่วมมือกันในการแกะรอยคดีใหญ่จากที่ฮ่องกง ไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และเดินทางผจญภัยไปในสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองจีน โดยหนังได้ผู้กำกับฮอลลีวูด เรนนี ฮาร์ลิน มากุมบังเหียน
       

       "กัวฟู่เฉิง" (Aaron Kwok) ปรากฏตัวในคราบชายแก่ที่ไว้หนวดเครารุงรัง, สวมแว่นตาหนา และมีผมขาวแซมแทบจะทั้งศีรษะในการแถลงข่าวเปิดตัวหนังเรื่องใหม่ ที่เขาจะรับบทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่ผู้มากประสบการณ์
       
       พิสูจน์ความทุ่มเทในฐานะนักแสดงอีกครั้งเมื่อ กัวฟู่เฉิง ลงทุนเปลี่ยนแปลงตัวเองไปโดยสิ้นเชิงในหนังเรื่องใหม่ ที่เขาจะต้องรับบทเป็นหนุ่มใหญ่ที่ดูจะไม่ได้สนใจดูแลตัวเองอะไรเลยในหนังที่มีชื่อว่า Port of Call "ชุดพวกนี้ทำให้เข้าถึงตัวละครได้ง่ายขึ้นครับ นี่เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่ผมไว้หนวดเคราแบบนี้ นี่ไว้มาสองสามอาทิตย์แล้ว"
       
       โดยพระเอกวัย 48 ยังบอกว่าตัวละครในหนังแนวอาชญากรรมเรื่องนี้จะแตกต่างจากภาพพจน์การเป็นคนกระตือรือร้นของเขาโดยสิ้นเชิงด้วย ซึ่งนอกจากจะรับบทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่แล้ว ในหนังยังจะมีฉากที่เขาต้องเล่นเป็นช่วงวัยหนุ่มของตัวละครตัวนี้ด้วย ซึ่งเขายังเสริมว่านอกจากจะไว้หนวดไว้เคราแล้วเขายังต้องพักการออกกำลังกายไปช่วงหนึ่ง เพื่อให้ร่ายกายดูโทรมลง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพราะเขาชอบบทหนังเรื่องนี้มาก
       
       ซึ่งนอกจากหนังเรื่องนี้แล้ว กัวฟู่เฉิง ยังมีผลงานอีกเรื่องคือ The Monk หนังของผู้กำกับดัง เฉินกายเค่อ ที่ว่าด้วยชีวิตของนักบวชหนุ่มกับการค้นหาตัวเอง ซึ่งเกิดประเด็นขึ้นมาเพราะหนังมี เจย์ซี ชาน (Jaycee Chan) ลูกชายของ เฉินหลง (Jackie Chan) ที่สร้างเรื่องอื้อฉาวเอาร่วมแสดงนำอยู่ด้วย
       

       ซีซีทีวี/ASTVผู้จัดการ - เว็บท่ายักษ์ใหญ่ของจีนเปิดผลสำรวจผ่านโลกออนไลน์จัดอันดับ “10 เมืองในประเทศจีนที่สาวๆ มีเสน่ห์ที่สุด” สาวจีนจากเมืองไหนหนอที่ขึ้นชื่อว่างามงดและมีเสน่ห์ที่สุดในสายตาของชาวจีนในปัจจุบัน?
       
       เมื่อเร็วๆ นี้ ซิน่า เว็บท่ายักษ์ใหญ่ของจีนได้ทำการสำรวจในโลกออนไลน์เพื่อจัดอันดับ “10 เมืองในประเทศจีนที่สาวๆ มีเสน่ห์ที่สุด (中国十大最有味道美女城市)” โดยผลปรากฎดังนี้คือ

       อันดับ 10 สาวกวางเจา (ก่วงโจว) : ร่ำลือกันว่าเมืองหลวงแห่งมณฑลกวางตุ้งทางตอนใต้ของจีนเมืองนี้มิเพียงมีอาหารอร่อย ด้านสาวๆ กวางเจาก็มีจุดเด่นตรงมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนสูง ทั้งมี “เสน่ห์ปลายจวัก” รู้จักการเอาอกเอาใจสามีเป็นอย่างดี นอกจากนี้สาวกวางเจายังขึ้นชื่อว่าเป็นสาวจีนที่มีรสนิยมดี ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจของเมืองและมณฑลที่เป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญของประเaทศจีน และเป็นเมืองท่าที่อยู่ใกล้กับเกาะฮ่องกง

       อันดับ 9 สาวฮ่องกง : แม้ว่าสาวสวยบนเกาะฮ่องกงส่วนใหญ่จะมาจากพื้นที่อื่น ส่วนสาวฮ่องกงแท้ๆ เองจะดูหน้าตาไม่ค่อยโดดเด่นเท่าไหร่ แต่ต้องยอมรับว่าความเป็นอินเตอร์ของสาวฮ่องกงนั้นมีสูง ทำให้เมื่อเปรียบเทียบกับสาวจีนเมืองอื่นๆ แล้ว ต้องถือว่า “สาวฮ่องกง” นั้นถือว่าเป็นสาวนำแฟชั่นในระดับแถวหน้า จุดนี้เองที่พาสาวฮ่องกงเบียดเข้ามาในอันดับที่ 9

       อันดับ 8 สาวปักกิ่ง : จุดเด่นของสาวนครหลวง เมืองที่มีประวัติศาสตร์การเป็นศูนย์กลางการปกครองอันยาวนาน ว่ากันว่าสาวปักกิ่งทั้งใจกว้าง ทั้งฉลาดเฉลียว และเข้าใจโลกเป็นสาวจีนทางเหนือที่เข้าใจโลก

       ว่ากันว่าพ่อบังเกิดเกล้าของนักแสดงสาวคุณแม่ลูก 2 "จางป๋อจือ" (Cecilia Cheung) เคยเป็นขาใหญ่ของวงการนักเลงในฮ่องกง แต่ล่าสุดมีข่าวว่าปัญหาหนี้สินของ "จางเหรินหยง" ทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก ถึงขั้นโดนทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ ส่วนลูกสาวคนสวยก็แสดงท่าทีว่าจะไม่ช่วยเหลืออะไรพ่อของเธออีกแล้ว
       
       ตลอด 3 - 4 ปีหลังมานี้ พ่อของ จางป๋อจือ ได้สร้างปัญหาให้กับลูกสาวอยู่เป็นระยะ โดยเฉพาะเรื่องปัญหาหนี้สินที่ทำให้นักแสดงสาววัย 33 ปี เสียชื่อเสียงอยู่หลายครั้ง ซึ่งบางครั้งเธอก็ช่วยชดใช้หนี้แทนพ่อไป
       
       แต่เมื่อปีก่อน จางเหรินหยง ได้สร้างปัญหาขึ้นอีกครั้ง หลังมีข่าวใหญ่พาดหัวหนังสือพิมพ์ว่าเขาไปก่อเรื่องด้วยการเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เข้าข่ายเป็นการต้มตุ๋นในจีนแผ่นดินใหญ่ และสร้างหนี้เอาไว้ถึง 2 ล้านหยวน จนมีการทวงหนี้กันแบบถึงลูกถึงคน เมื่อเจ้าหนี้ได้ติดป้ายประกาศทวงหนี้ที่มีชื่อของ จางป๋อจือ เอาไว้ในย่านธุรกิจทั้งที่ว่านไจ๋ และเซนทรัล จนนักแสดงสาวชื่อดังต้องให้ข่าวว่า เธอจะไม่ขอเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพ่ออีกแล้ว แต่ขอใช้เวลาหลังจากนี้ในการเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว
       
       ซึ่งจากข่าวล่าสุดได้อ้างว่าสุดท้ายแล้วดูเหมือนว่า จางป๋อจือ จะทำแบบนั้นจริงๆ โดยเธอได้ย้ายไปอยู่ที่สิงคโปร์ ส่วนพ่อก็ใช้ชีวิตอยู่ตามลำพังในหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ไท่เหว่ย ซึ่งเมื่อวันที่ 20 ส.ค. ปาปารัสซีของสื่อในฮ่องกงฉบับหนึ่งได้พบพ่อของนักแสดงสาวคนดังเดินทางไปกินติ๋มซำ และยังดูมีอาการไม่ค่อยดีเหมือนบาดเจ็บที่ขา ชนิดว่าต้องให้เพื่อนที่เดินทางไปด้วยกันพยุงอยู่ตลอดด้วย
       

       “เคอเจิ้นตง” (Kai Ko) ที่โดนจับในคดีเสพกัญชาพร้อม “เจย์ซี ชาน” (Jaycee Chan) ได้เดินทางถึงกรุงไทเป ไต้หวัน บ้านเกิดแล้ว และยังจัดแถลงข่าวเพื่อเปิดใจต่อหน้านักข่าวร่วมร้อยชีวิต
       
       หลังถูกควบคุมตัวอยู่ที่กรุงปักกิ่งเป็นเวลาถึง 14 วัน ล่าสุด เคอเจิ้นตง ได้รับการปล่อยตัว และได้เดินทางกลับมาถึงไต้หวันแล้ว โดยนักแสดงหนุ่มวัย 22 ปี ยังได้จัดแถลงข่าวขึ้นในทันทีในช่วงเช้าของวันที่ 30 ส.ค. หลังจากเดินทางมาถึงด้วยเครื่องบินเที่ยวดึกของหนึ่งวันก่อนหน้านั้น โดยในการแถลงมีผู้จัดการส่วนตัว และพ่อแม่ร่วมให้กำลังใจอยู่ด้วย ซึ่งในการแถลงข่าววันนั้น เคอเจิ้นตง ถึงกับร้องไห้ออกมาในช่วงหนึ่งเลยทีเดียว
       
       จนกระทั่งวันต่อมานักแสดงหนุ่มชื่อดังจึงได้จัดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เขาได้ตัดสินใจที่จะเผชิญหน้ากับสื่อพร้อมผู้จัดการส่วนตัว โดยไม่ได้มีพ่อกับแม่มาคอยให้กำลังใจอยู่ด้วยแต่อย่างใด โดยในการแถลงข่าวครั้งนี้ เคอเจิ้นตง ไม่ได้ร้องไห้อีกแล้ว แต่เขาก็ยังแสดงออกว่ารู้สึกผิด ด้วยการกล่าวคำว่า “ผมขอโทษครับ” ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังไม่กล้าสบตาใครเหมือนเดิม โดยในการแถลงข่าวมีผู้สื่อข่าวจากนับ 100 สำนักข่าว มาร่วมฟังการแถลงด้วย
       
       ระหว่างการเปิดใจนักแสดงหนุ่มคนดังเปรยว่าเขาจัดการแถลงข่าวขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อใช้เป็นโอกาสสำหรับการขอโทษอย่างเป็นทางการ และยอมรับว่าตนเองเป็นตัวอย่างที่แย่มากสำหรับทุกคน แต่ก็ยังได้รับกำลังใจจากเพื่อนๆ และครอบครัวให้ลุกขึ้นเพื่อเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง พร้อมสัญญาว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีขึ้นให้ได้
       

สาวงามจากแวนคูเวอร์ได้รับเสียงโหวตจากผู้ชมไปถึง 156,191 เสียง ในการประกวดค้นหามิสฮ่องกงคนล่าสุดที่จัดกันไปเมื่อค่ำคืนของวันที่ 31 ส.ค. ที่ผ่านมา จนได้เป็นผู้ครองมงกุฏสาวที่สวยที่สุดในฮ่องกงประจำปี 2014

       การประกวดมิสฮ่องกงประจำปี 2014 (Miss Hong Kong 2014) ซึ่งเป็นปีที่ 2 ที่จะให้ผู้ชมร่วมกันเป็นกรรมการตัดสินลงคะแนนโหวตเลือกสาวงามให้คว้ามงกุฏได้จบสิ้นลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และเป็นสาวงามหมายเลข 15 เวโรนิกา เส้า (Veronica Shiu / 邵珮詩) ตัวแทนจากเมืองแวนคูเวอร์ ประเทศแคนาดา ที่ได้รับเสียงโหวตไปแบบไร้คู่แข่ง 156,191 เสียง จนได้ครองมงกุฏไปในที่สุด ส่วนสาวงามหมายเลข 9 อีริน หว่อง (Erin Wong / 王卓淇) ได้รับเสียงโหวต 28,894 เสียง ได้รับตำแหน่งรองอันดับ 1 ไปครอง และ แคทเธอรีน เหอ (Katherine Ho / 何艷娟) หมายเลข 7 ได้ 24,903 เสียงโหวต คว้ารองอับดับ 2
       
       โดยนับตั้งแต่ปี 1991 เป็นต้นมาทางทีวีบี และกองประกวดมิสฮ่องกงได้เปิดโอกาสให้สาวจีนโพ้นทะเล ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศได้ร่วมสมัครชิงมงกุฏมิสฮ่องกงด้วย โดยส่วนใหญ่จะตัวแทนจากชุมชนชาวจีนในต่างประเทศ อาทิ โตรอนโต, นิวยอร์ก, ลอสแองเจลิส, ซีแอตเทิล, ซานฟรานซิสโก, มาเลเซีย, ออสเตรเลีย และลอนดอน ต่างเดินทางมาประกวดมิสฮ่องกงกันแทบจะทุกปี
       
       อย่างไรก็ตามตัวแทนจากเมืองแวนคูเวอร์ ในรัฐบริติช โคลอมเบีย ประเทศแคนาดา กลับสามารถคว้ามงกุฏกลับบ้านไปได้มากที่สุด โดยตลอด 23 ปีที่ผ่านมามีสาวสวยเชื้อสายจีนจากแวนคูเวอร์ที่คว้ามงกุฏมิสฮ่องกงมาแล้วถึง 9 คนเลยทีเดียว จนกระทั่งมามี เวโรนิกา เส้า คนนี้ที่เป็นสาวแวนคูเวอร์คนที่ 10 ที่ได้ครองตำแหน่งรองมิสฮ่องกง หลังจากเธอเคยเป็นรองมิสไชนิสแวนคูเวอร์เมื่อปี 2012 มาแล้ว