Eric Tsang (C)

        นายกสมาคมศิลปินนักแสดงแห่งฮ่องกง "เฉินหลง" (Jackie Chan) จัดงานระดมทุนให้กับสมาคมขึ้นที่ฮ่องกง เพื่อหาเงินสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ของสมาคม งานนี้พระเอกยอดนักบู๊ยังควักกระเป๋าบริจาคเงินถึง 150,000 เหรียญฮ่องกง ด้วย
       
       โดยงานดังกล่าวจัดขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ที่เป็นการหวนรำลึกถึงยุค 80s ณ Intercontinental Hotel ซึ่ง เฉินหลง ที่นั่งตำแหน่งนายกสมาคมฯ คนล่าสุด ได้มาร่วมงานพร้อมๆ กับ รองนายกสมาคมฯ อย่าง สแตนลี ตง และ เหมียวเฉียวเหว่ย นอกจากนั้นก็ยังมีดาราชื่อดังในวงการบันเทิงมาร่วมงานมากมาย อาทิ เวินปี้เสีย, เฉินเจียเล่อ, หลอไห่เผิง รวมถึง 3 นายกกิตติมศักดิ์ของสมาคมอันได้แก่ เจิ้งจื่อเหว่ย, อลัน ทัม และ ไมเคิล ฮุย ก็มาร่วมงานด้วยเช่นเดียวกัน
       
       ในงาน เจิ้งจื่อเหว่ย (Eric Tsang) ได้กล่าวว่าคราวนี้สมาคมคงสามารถระดมทุนได้มากกว่าทุกครั้ง เพราะ "พี่ใหญ่" เฉินหลง ออกงานเอง ซึ่งนอกจากจะบริจาคเงิน 150,000 เหรียญฮ่องกง (6.3 แสนบาท) แล้ว เฉินหลง ยังนำของสะสมส่วนตัวถึง 8 ชิ้นมาร่วมประมูลหาเงินเข้าสมาคม ร่วมถึงภาพอักษรลายภู่กันของ เคนนี บี ที่มีผู้ประมูลไปด้วยเงินถึง 100,000 เหรียญฮ่องกง (4.2 แสนบาท)
       

        ในฐานะที่อยู่ในวงการบันเทิงมาร่วม 40 ปี "เจิ้งจื่อเหว่ย" (Eric Tsang) ได้แสดงความเห็นถึงเส้นทางในวงการของ "หลิวเจียหลิง" (Carina Lau) ที่เริ่มต้นจากเด็กสาวที่แสดงอะไรไม่เป็นเลยด้วยซ้ำ แต่กลับอยู่ยงคงกระพันธ์ในวงการบันเทิง ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นแทบจะหายหน้าจากวงการไปหมดแล้ว
       
       ในการให้สัมภาษณ์สื่อครั้งล่าสุดพี่เตี้ยขาใหญ่แห่งวงการบันเทิงฮ่องกง เจิ้งจื่อเหว่ย ได้มีโอกาสพูดถึงเส้นทางในวงการของ หลิวเจียหลิง ดาราหญิงที่ยังคงโลดแล่นในวงการบันเทิงแม้อายุจะเข้าใกล้เลข 50 แล้ว ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นไม่ว่าจะเป็น จางม่านอวี้, จงฉู่หง หรือ หลีเจียซิน ต่างหายหน้าหายตาไม่มีผลงานในวงการบันเทิงมาให้ดูกันอีกแล้ว
       
       โดย เจิ้งจื่อเหว่ย ได้เอ่ยถึงวันที่ หลิวเจียหลิง เข้าวงการบันเทิงมาใหม่ๆ ว่าเธอเป็นคนเชยมาก และแสดงอะไรไม่เป็นเลย แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาเธอกลับสามารถพัฒนาทั้งบุคคลิกภาพ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะการเข้าสังคม จนประสบความสำเร็จ กลายเป็นนักแสดงหญิงจากยุค 80s คนสุดท้ายที่ยังคงรักษาชื่อเสียง และสถานภาพในวงการภาพยนตร์เอาไว้ได้
       
       จากสาวน้อยที่มีพื้นเพมาจากซูโจว เจิ้งจื่อเหว่ย บอกว่าในตอนแรก หลิวเจียหลิง แทบจะพูดภาษากวางตุ้งไม่ได้เลย เธอยังสวมรองเท้าส้นสูงไม่เป็นด้วยซ้ำ และต้องใช้เวลาในการเรียนรู้การเข้าสังคม แบบคนเมืองชาวฮ่องกงอยู่พอสมควร ก่อนจะปรับตัวได้ ซึ่ง เจิ้งจื่อเหว่ย ก็ชมเชยว่าสิ่งที่ทำให้ หลิวเจียหลิง ประสบความสำเร็จจนมาถึงทุกวันนี้ก็คือการทำงานหนักเท่านั้น
       

        เหล่านักแสดงชื่อดังในวงการบันเทิงฮ่องกงต่างแสดงความเห็นเรียกร้องให้ทางการหยุดการใช้ความรุนแรงกับเหล่าผู้ประท้วง รวมถึง "หวงซิวเซิง" (Anthony Wong) ที่บอกว่าผู้ชุมนุมไม่ใช่ "หวงเฟยหง" ทุกคนมีแต่ร่มจะไปทำอะไรใครได้
       
       นักแสดงรุ่นใหญ่เจ้าของบท "ซาลาเปาเนื้อคน" อันลือลั่น หวงซิวเซิง แทบจะเป็นนักแสดงคนแรกๆ ที่ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้น โดยเขาได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ "หยุดทำสงคราม" กับประชาชนได้แล้ว เพราะทุกคนที่มาประท้วงมาตัวเปล่าโดยไม่ได้มีอาวุธอะไรเลย "พอแล้วสงครามแบบนี้!! ผู้ประท้วงมีอาวุธอะไรด้วยรึ? หวงเฟยหง เท่านั้นล่ะที่จะใช้ร่มเป็นอาวุธได้ แก๊สน้ำตา 87 ลูกกับคนที่ถือแค่ร่มเนี่ยนะ ตำรวจฮ่องกงนี่เจ๋งโคตรๆ เลย"
       
       นอกจากนั้นเขายังกล่าวอีกว่า "แก๊สน้ำตา 87 ลูก กลายเป็นเรื่องตลก 87 ครั้งไปแล้ว นอกจากนั้นนะ เพราะเกิดการประท้วงขึ้นก็ควรเลิกงานจุดพลุในวันที่ 1 ต.ค. (วันชาติจีน) ด้วย เปลี่ยนไปจุดแก๊สน้ำตาแทนก็แล้วกัน ... ส่วนใครจะไปไหนช่วงนี้ก็อย่าลืมพกร่มไปด้วยแล้วกัน!"
       
       โดยการประท้วงครั้งนี้ถูกเรียกว่า Umbrella Revolution เป็นครั้งแรกจากทวิตเตอร์ของ อดัม คอตตอน แห่ง New Yorker ที่อธิบายถึงเหล่าผู้ชุมนุนที่มักจะพกร่มติดตัวเพื่อป้องกันตัวเองจาก แก๊สน้ำตา และระเบิดควันนั่นเอง
       

       หลังชีวิตต้องวุ่นวายเพราะเรื่องคดียาเสพติดของลูกชายอยู่พักใหญ่ ล่าสุด “เฉินหลง” (Jackie Chan) ได้เดินทางกลับไปทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยแอ็กชันสตาร์ชื่อดังได้เริ่มเตรียมงานถ่ายทำสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่เขาจะแสดงคู่กับ “ฟั่นปิงปิง” (Fan Bing Bing) และ “จอห์นนี น็อกซ์วิลล์” (Johnny Knoxville) แล้ว
       
       Mingpao News ได้เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 2 ก.ย. ที่ผ่านมา เฉินหลง ได้เดินทางไปถึงเหอเป่ยเพื่อถ่ายทำหนังแอ็กชันเรื่องใหม่ Skiptrace แล้ว แม้หนังจะมีกำหนดเริ่มถ่ายทำในอีก 4 วันข้างหน้า (6 ก.ย.) แต่พระเอกนักบู๊ชื่อดังก็ยังตัดสินใจเดินทางมาก่อนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนที่นักแสดงร่วมทั้ง ฟั่นปิงปิง และ จอห์นนี น็อกซ์วิลล์จะเดินทางมาถึงในเร็วๆ นี้
       
       โดยหนังจะเล่าเรื่องของนักสืบชาวฮ่องกงที่มีเพื่อนคู่หูเป็นนักพนันชาวอเมริกา ซึ่งทั้งสองต้องร่วมมือกันในการแกะรอยคดีใหญ่จากที่ฮ่องกง ไปถึงจีนแผ่นดินใหญ่ และเดินทางผจญภัยไปในสถานที่ต่างๆ ทั่วเมืองจีน โดยหนังได้ผู้กำกับฮอลลีวูด เรนนี ฮาร์ลิน มากุมบังเหียน
       

ดาราชาวฮ่องกง "ทังอิ๋งอิ๋ง" (Angela Tong / 湯盈盈) ขำไม่ออกเลยทีเดียวเมื่อเกิดกระแสล้อเลียนว่าลูกสาวของเธอช่างเกิดมาเป็นเด็กมีกรรม เพราะหน้าตาดันไปเหมือน "เฉินเจียเล่อ" (Chin Kar Lok / 錢嘉樂) ผู้เป็นพ่อ จนแทบจะหาความน่ารักแบบเด็กผู้หญิงไม่เจอ
       
       ตั้งแต่ลูกสาวที่ชื่อว่า อาลีซา เฉิน (Alyssa Chin / 錢凱晴) ลืมตาดูโลกเมื่อเดือน มี.ค. นักแสดงสาว ทังอิ๋งอิ๋ง ก็มักจะพาลูกไปไหนต่อไหนด้วยเสมอตามประสาคุณแม่มือใหม่ แม้แต่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อก็ยังพาลูกไปด้วย จนมีภาพของลูกสาวปรากฏในสื่อต่างๆ มากมาย
       
       แต่ล่าสุดกลับเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงรูปร่างหน้าตาของลูกสาวที่ยังอายุไม่ถึงขวบของเธอกับดารานักบู๊ เฉินเจียเล่อ เมื่อหลายคนแสดงความเห็นแบบค่อนข้างจะหยาบคายออกมาว่าลูกสาวของทั้งคู่ช่างดูไม่เหมือนเด็กผู้หญิงเอาเสียเลย และหน้าตาไม่น่าจะสวยเหมือนแม่เพราะดูคล้ายกับคุณพ่อ เฉินเจียเล่อ เสียมากกว่า
       
       โดยชาวเน็ตฮ่องกงคนหนึ่งได้เขียนข้อความแบบไม่มีเกรงใจสองนักแสดงดังเลยว่า "พูดตามตรงนะ ลูกของทั้งคู่ขี้เหร่โคตรๆ เลย" ส่วนอีกคนก็แสดงความเห็นได้รุนแรงพอกันว่าถ้า เฉินเจียเล่อ แต่งงานกับแฟนคนก่อนไปลูกสาวก็อาจจะน่ารักกว่านี้ "ถ้าแม่เด็กคือ หลีซานซาน (Lee San San / 李珊珊) ลูกจะสวยกว่านี้รึเปล่านะ?"
       

ปัญหาความขัดแย้งของสมาคมนักแสดงฮ่องกงดูจะได้ข้อยุติลงแล้ว เมื่อขาใหญ่แห่งวงการภาพยนตร์ "เฉินหลง" (Jackie Chan) ได้กลับมารับหน้าที่เป็นนายกสมาคมอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้งนายกขึ้นใหม่ จนตำแหน่งดังกล่าวต้องว่างลงหลายเดือน
       
       นับจาก เจิ้งจื่อเหว่ย (Eric Tsang) ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งนายกสมาคมนักแสดงไปเมื่อเดือน ต.ค. ปีก่อน ตำแหน่งดังกล่าวก็ว่างลง และไม่สามารถเลือกตั้งคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่แทนได้เสียที เพราะนักแสดงเจ้าบทบาท หวงซิวเซิง (Anthony Wong) แสดงเจตจำนงต้องการสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ แต่ เฉินซันชง เลขานุการของสมาคมปฏิเสธไม่ให้เขาเข้าร่วมชิงตำแหน่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า "หวงซิวเซิง ไม่ได้เป็นสมาชิกของสมาคม" ซึ่งเธอคิดว่าหากให้เขาลงสมัครชิงตำแหน่ง จะเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมกับผู้สมัครรายอื่น จนทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในหมู่สมาชิก และไม่สามารถลงมติเลือกนายกฯ คนใหม่ได้
       
       จนสุดท้าย เฉินหลง ที่เคยดำรงตำแหน่งดังกล่าวเมื่อหลายปีก่อนจึงตัดสินใจกลับมารับหน้าที่เดิมอีกครั้ง
       
       โดย เฉินหลง อยู่ระหว่างทำงานที่ต่างประเทศ จึงไม่สามารถมาร่วมแถลงข่าวการรับตำแหน่งนายกสมาคมคนใหม่ที่จัดขึ้นเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ เจิ้งจือเหว่ย จึงรับหน้าที่แถลงข่าวแทน และอธิบายว่าทุกคนมองตรงกันว่า เฉินหลง คือผู้มีความเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากที่สุด อย่างไรก็ตามเพราะเขาทำงานอยู่ต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่ จึงต้องการทีมงานที่มีประสิทธิภาพมาคอยช่วยเหลือด้วย
       

ชื่อของนักแสดงหญิงวัย 50 ปี “หลันเจี๋ยอิง” (Yammie Nam) กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง เมื่อสื่อฉบับหนึ่งอ้างว่าเธอได้ให้สัมภาษณ์ยอมรับเป็นครั้งแรก ว่าที่ชีวิตของตัวเองต้องดิ่งลงเหว มีปัญหาทางจิต และส่งผลไปถึงการทำงาน จนมีสภาพชีวิตความเป็นอยู่อันย่ำแย่ในทุกวันนี้ เป็นผลของการถูกขาใหญ่ในวงการบันเทิงข่มขืน เมื่อประมาณเกือบ 30 ปี
       
       เมื่อเดือนก่อนเคยมีรายงานข่าวในสื่อของที่ฮ่องกงว่า หลันเจี๋ยอิง ได้หายตัวไป แต่ล่าสุดนิตยสาร Next Magazine ได้อ้างว่าพวกเขาได้คลิปวิดีโอที่เป็นเสียงสัมภาษณ์ของ หลันเจี๋ยอิง มา และในคลิปดาราวัย 50 ปี ยังพูดถึงเรื่องที่ตัวเองโดนล่วงละเมิดทางเพศเป็นครั้งแรก และยังเปิดเผยถึงชื่อของชาย 2 คนที่ลงมือย่ำยีเธอด้วย
       
       ตามข้อมูลจากปากของ หลันเจี๋ยอิง เธอได้เปิดเผยว่า ชายคนหนึ่งที่ข่มขืนเธอได้เสียชีวิตไปแล้ว โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ประเทศสิงคโปร์ และเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่ส่งผลกระทบถึงเธอทั้งทางร่างกาย และจิตใจ อดีตดาราสาวคนสวยแห่งยุค 80s ยังเปิดเผยว่าเธอเคยเชือดข้อมือตัวเอง เพื่อพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วด้วย
       
       จากคำสัมภาษณ์ที่ หลันเจี๋ยอิง พูดเอาไว้ เธอเล่าว่าในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่สิงคโปร์นั้น ขาใหญ่แห่งวงการหนังคนหนึ่งใช้กุญแจสำรอง เปิดเข้ามาในห้องพักในโรงแรมของเธอ ระหว่างที่เธอมาเยี่ยมกองถ่ายหนัง และลงมือขืนใจเธอ โดย หลินเจี๋ยอิง ยังกล่าวว่าเขาดูจะมีอาการมึนเมา และไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่ เธอจึงไม่ได้แจ้งความให้กับตำรวจทราบ เพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่โตขึ้นมา แต่สิ่งที่วิตกกังวลมากที่สุดในตอนนั้นก็คือ กลัวว่าเธอตัวเองจะท้องขึ้นมา จึงไปพบแพทย์เพื่อขอยายุติการตั้งครรภ์
       

      ไอดอลหนุ่มเชื้อสายไทยแห่งวง 2PM ได้รับคัดเลือกให้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ตอนพิเศษ ส่วนหนึ่งของซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน ที่สร้างจากการ์ตูนชื่อดัง ที่จะมีกำหนดฉายในปีหน้า
       
       Oricon เปิดเผยว่า นิชคุณ (NichKhun) จะได้ร่วมแสดงในภาพยนตร์ตอนพิเศษในชุด “คินดะอิจิ” ที่สร้างจากการ์ตูนที่ทุกคนรู้จักกันดี ในตอนที่ชื่อว่า Kindaichi Shonen no Jikenbo Gokumon Juku Satsujin Jiken ที่มีกำหนดจะออกอากาศทาง NTV ในปี 2014 และนี่จะนับเป็นการรับงานแสดงทางโทรทัศน์ญี่ปุ่นของ นิชคุณ เป็นครั้งแรกด้วย
       
       นิชคุณ ยังได้เปิดเผยกับสื่อญี่ปุ่นว่าตัวละครของเขาจะมีบทสำคัญในเรื่องอยู่พอสมควร และเขาเองก็กำลังอยากแสดงในซีรีส์เรื่องนี้มาก เพราะเป็นโอกาสที่จะได้ร่วมงานกับนักแสดงเก่งๆ และยังได้เพื่อนใหม่ๆ ด้วย
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ คินดะอิจิ ในตอน Kindaichi Shonen no Jikenbo Hong Kong Kowloon Zaiho Satsujin Jiken ก็เคยมีการเลือกให้ไอดอลจากเกาหลีใต้อย่าง ซึงรี (Seungri) แห่งวง BIGBANG มาร่วมแสดงด้วย พร้อมทีมนักแสดงนานาชาติ อาทิ เจิ้งจือเหว่ย (Eric Tsang), อู๋จุน (Wu Zun) และ วิเวียน ซู (Vivian Hsu) เป็นต้น
       

       "เกรซ เฉิน" (Grace Chan / 陳凱琳) ตัวเต็งในการประกวด "มิสฮ่องกง 2013" (Miss Hong Kong 2013) คว้ามงกุฏไปได้ตามความคาดหมาย พร้อมรับรางวัลพิเศษไปอีก 2 สาขา ในการประกวด "มิสฮ่องกง" ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมมีส่วนร่วมโหวตให้คะแนนสาวงาม ที่ปีนี้ไม่มีปัญหาเรื่องระบบเหมือนปีก่อนอีกแล้ว
       
       เสร็จสิ้นไปเรียบร้อยแล้วสำหรับการประกวด มิสฮ่องกง 2013 เมื่อค่ำคืนของวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมาโดย เกรซ เฉิน สามารถคว้าตำแหน่งสาวงามอันดับ 1 แห่งเกาะฮ่องกงไปได้ตามการคาดเดาของหลายๆคน พร้อมรับรางวัลพิเศษอีก 2 รางวัล รวมถึง ขวัญใจช่างภาพ ในการประกวดที่มีสาวงามขึ้นโชว์โฉมในรอบสุดท้าย 10 คน
       
       เกรซ เฉิน ยังถือว่าเป็นสาวงามขวัญใจชาวฮ่องกงอย่างแท้จริง ด้วยคะแนนโหวตถึง 61.5% ส่วน นางงามจอมฉาว แทมมี โอหยัง (Tammy Ou Yang / 歐陽巧瑩) ที่ได้รับฉายา "มิสกอสซิป" ที่มีข่าวเสียๆ หายๆ มากมายได้รับเสียงโหวตมาในอันดับ 8 และ เป็กกี้ สวี (Peggy Tsui / 徐韶蓓) มีเสียงโหวตอยู่ในอันดับสุดท้าย

       นักศึกษาสาววัย 22 ปี โดดเด่นด้วยส่วนสูง 5 ฟุต 4 นิ้ว กับสัดส่วน 30-22-33 และน้ำหนัก 87 ปอนด์ ที่หลายคนคิดว่าเธอผอมเกินไปหน่อยสำหรับตำแหน่งมิสฮ่องกง นอกจากนั้นก็ยังโดนลือว่าอาจจะไปทำสวยด้วยแพทย์มาอย่างที่สาวงามในยุคนี้หลายๆคนโดนด้วย อย่างไรก็ตาม เกรซ เฉิน ก็ยังทำได้ดีที่สุดในการประกวดรอบสุดท้ายเมื่อค่ำคืนในวันอาทิตย์ และคว้าตำแหน่งไปครองได้ในท้ายที่สุด
       

       บรรดานักแสดงนำ, ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างหนังสุดฮิต Infernal Affairsหรือ "สองคมสองคน" ต่างเดินทางมาเมืองไทย เพื่อเคารพศพ "อาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว" หรือ "หลวงปู่มังกรขาว" ที่ถือว่ามีส่วนต่อความสำเร็จของหนังไม่น้อย
       
       หลังเสียชีวิตลงตั้งแต่วันที่ 17 ส.ค. ยังมีคนบันเทิงฮ่องกงเดินทางมาเมื่อไทยเพื่อเคารพศพ "อาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว" กันอย่างเนืองแน่น ก่อนที่จะถึงพิธีฝังศพในวันที่ 1 ก.ย. ที่จะถึงนี้ โดยล่าสุดเจ้าพ่อวงการบันเทิง "ปีเตอร์ แลม" (Peter Lam / 林建岳) ผู้สร้างหนังดัง Infernal Affairs ก็เดินทางมาเพื่อไว้อาลัยให้กับ "หลวงปู่มังกรขาว" ด้วย
       
       ปีเตอร์ แลม ประธาน/ซีอีโอของ Media Asia Entertainment Group ยักษ์ใหญ่แห่งวงการบันเทิงฮ่องกง ได้เดินทางมาถึงเมืองไทย เพื่อเคารพศพของ อาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยเดินทางมาพร้อมกับลูกชาย และ มิเชล แลม ที่ว่ากันว่าเป็นแฟนสาวคนปัจจุบันของเขา นอกจากนั้นสื่อฮ่องกงยังรายงานว่าคณะของ ปีเตอร์ แลม ยังได้เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างการเดินทางมาถึงตำหนักมังกรขาวด้วย
       

รายงานข่าวจากฮ่องกงเปิดเผยว่าเหล่านักแสดง, ผู้กำกับ และผู้คนในแวดวงบันเทิงฮ่องกงต่างเดินทางมาเมืองไทย เพื่อเคารพศพ "หลวงปู่มังกรขาว-อาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว" ที่ถึงแก่กรรมด้วยโรคหลอดลมอักเสบในวัย 76 ปี
       
       ข่าวระบุว่า แอนดรู เลา หรือ หลิวเหว่ยเฉียง ผู้กำกับหนังชุด Infernal Affairs ถึงกับหยุดงานทันทีเมื่อได้ทราบข่าว และเดินทางมาถึงประเทศไทยเพื่อเคารพศพร่างทรงของ "หลวงปู่มังกรขาว" อาจารย์กิมน้ำ แซ่จิว ที่เสียชีวิตลงเมื่อไม่กี่วันก่อน เช่นเดียวกับ นักแสดงตลกชื่อดัง เจิ้งจือเหว่ย (Eric Tsang) ก็เดินทางตรงมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ทันที
       
       ผู้สื่อข่าวยังรายงานว่า หลิวเหว่ยเฉียง เดินทางกลับถึงฮ่องกงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใสตามปกติ แต่ระหว่างให้สัมภาษณ์เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการเดินทางไปเคารพศพของหลวงปู่มังกรขาว ผกก. ชื่อดังก็ดูมีใบหน้าที่เศร้าหมองลงทันที
       
       โดยเขาเปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ไม่กี่เดือน เขาเพิ่งจะเดินทางมาเมืองไทยเพื่อพบกับหลวงปู่มังกรขาว และได้รับคำแนะนำให้ทำงานให้หนักต่อไป หลิวเหว่ยเฉียง ยังเปรยว่าเขาอาจจะไม่สามารถมาร่วมในพิธีศพในวันที่ 1 ก.ย. ได้เพราะติดงานถ่ายในหนังช่วงนั้นพอดี "งานต้องมาก่อน ตอนนี้กำลังถ่ายทำ From Vegas to Macau อยู่ด้วย ถ้าหาเวลามาได้ก็จะมาแน่นอน คนในวงการคงไปกันเยอะนะครับในวันนั้น"
       
       ฝ่าย เจิ้งจือเหว่ย ก็กล่าวว่าเขาทำใจกับความสูญเสียได้แล้ว ส่วนเรื่องพิธีศพนั้นอาจจะต้องดูตารางการทำงานก่อน เพราะในช่วงนั้นจะมีการประกวดมิสฮ่องกงพอดี ถ้าบริษัทอนุญาตเขาก็อยากจะไปร่วมไว้อาลัย
       

ในวาระอายุครบ 60 ปีของ นักแสดง/ผู้กำกับ/ดาวตลก/ผู้อำนวยการสร้าง ผู้ได้รับความนับถือมากที่สุดในฮ่องกงอีกคน "เจิ้งจือเหว่ย" (Eric Tsang) ได้จัดงานฉลองในปีสำคัญขึ้นที่สวนสนุกดัง ที่มีแขกเป็นคนดังมาร่วมงานมากมาย แต่ในอีกด้านก็มีการเปิดเผยออกมาว่า ชื่อเสียง และความยิ่งใหญ่ต่างๆที่ได้รับมานั่น นักแสดงร่างเตี้ยผู้ยิ่งใหญ่ก็ต้องแลกไปด้วยชีวิตและความสุขส่วนตัวต่างๆมากมาย
       
       เมื่อสัปดาห์ก่อน เจิ้งจือเหว่ย ได้มีโอกาสจัดงานเลี้ยงวันคล้ายวันเกิดปีที่ 60 ปี ซึ่งตรงกับวันที่ 14 เม.ย. ในฮ่องกงดิสนีย์แลนด์ เป็นงานที่มีเพื่อน ในวงการมาร่วมงานถึง 600 ชีวิต แม้จะทำให้นักท่องเที่ยวสวนสนุกดังต้องได้รับความไม่สะดวก จนเจ้าของงานต้องออกมาขอโทษขอโพยกัน แต่งานก็ยังได้รับความสนใจจากสื่อต่างๆมากมาย ถึงขั้นมีการนำภาพไปแพร่ภาพผ่าน TVB Jade ในสุดสัปดาห์ที่แล้วด้วย
       
       อย่างไรก็ตาม แม้จะมีชื่อเสียงและความสำเร็จ จนไปถึงฐานะในวงการบันเทิงที่ถือว่ายิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง แต่อีกด้าน เจิ้งจือเหว่ย ต้องเสียสละความสุขด้านอื่นไปมากมาย รวมถึงชีวิตแต่งงานที่ล้มเหลว และความสัมพันธ์กับลูกๆ ที่ไม่ค่อยราบรื่นนักด้วย
       
       เจิ้งจือเหว่ย เคยแต่งงานมาแล้วสองครั้ง ครั้งแรกเจ้าสาวเป็นนักแสดงชาวไต้หวัน หวางเหม่ยฮัว ที่มีพ่อแม่ของเขาเป็นผู้จัดแจงหามาให้ โดยการแต่งงานเกิดขึ้นตั้งแต่นักแสดงตลกร่างเล็กอายุเพียงแค่ 19 ปีเท่านั้น ถือว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตคู่ที่อายุน้อยพอสมควร ถึงขั้นที่มีข่าวออกมาถึงข้อตกลงที่ว่า เจ้าสาวได้ยินยอมที่จะให้สามีได้ใช้ชีวิตอย่างมี "อิสรภาพ" และทำตัวเหมือนคนโสดไปอีก 3 ปีเลยทีเดียว
       

      ลือกันไปทั่วถึงความสัมพันธ์ลึกซึ้ง เป็นความสนิทสนมชนิดพิเศษ ของขาใหญ่แห่งวงการบันเทิงฮ่องกง "เจิ้งจือเหว่ย" (Eric Tsang / 曾志偉) กับดาราสาวดาวรุ่ง "เมนี จาง" (Meini Cheung / 張美妮) แห่งสังกัดทีวีบี ที่ระยะหลังมีคนสังเกตเห็นว่าทั้งสองมักจะไปไหนต่อไหนด้วยกันเสมอ จนทำให้หน้าที่การงานในวงการบันเทิงของฝ่ายหญิงดูจะก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว
       
       ข่าวลือดังกล่าวเริ่มต้นเป็นที่พูดถึงกัน หลังมีคนสังเกตว่าระยะหลัง เจิ้งจือเหว่ย ที่กำลังจะอายุครบ 60 ปีในเดือน เม.ย. นี้ มักจะพาดาราสาวดาวรุ่งสังกัดทีวีบี เมนี จาง ไปร่วมงานอีเวนต์ต่างๆด้วยเสมอ ถึงขั้นพาไปร่วมทานอาหารค่ำในหมู่รุ่นน้อง และเพื่อนสนิทในวงการบันเทิงที่ประกอบไปด้วย เฉินเสี่ยชุน (Jordan Chen), เหมียวเฉียวเหว่ย (Michael Miu), หูติงซิ่น (Nancy Wu), ชิเหม่ยเจิน (Jaime Chik) และโทบี เหลียง (Toby Leung) ในคาสิโนแห่งหนึ่งที่มาเก๊าเมื่อเร็วๆนี้ด้วย
      
       นอกจากนั้นเธอยังได้ไปร่วมงานอีเวนต์ต่างๆเคียงข้างกับเขา แม้จะไม่ได้มีคิวต้องขึ้นแสดงอะไร แต่ก็ยังได้ร่วมพบปะ และถ่ายภาพกับสปอนเซอร์เจ้าของสินค้ารายใหญ่อยู่เสมอ ล่าสุดเมื่อไม่กี่วันนี่เอง เจิ้งจือเหว่ย ยังถึงขั้นเหมาไนท์คลับแห่งหนึ่ง เพื่อฉลองวันเกิดให้กับรุ่นน้องในวงการคนนี้ด้วย
       
       สื่อในฮ่องกงเปิดเผยว่า ทั้งสองเพิ่งจะมีโอกาสได้ทำความรู้จักกัน ผ่านการแนะนำของอดีตมิสฮ่องกง จางเจียเอ๋อ เมื่อ 6 เดือนก่อนนี่เอง และติดต่อกันเรื่อยมา จนมาสนิทกันหลังได้ร่วมปาร์ตี้งานหนึ่ง ซึ่งชุดเซ็กซีที่ฝ่ายหญิงสวม และนิสัยที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายของเธอ เป็นที่ประทับใจของ เจิ้งจือเหว่ย เป็นอย่างมาก
       

       นักแสดงรุ่นใหญ่ "เจิ้งจื่อเหว่ย" (Eric Tsang / 曾志伟) โดนจับกุมเมื่อกลางสัปดาห์ก่อน ด้วยข้อหาทำร้ายร่างกาย "เคนนี่ หว่อง" (Kenny Wong / 黄浩) สามีดาราสาวคนหนึ่ง และยังเป็นเจ้าของร้านอาหาร อันเป็นสถานที่ซึ่งมีข่าวการเสพยาของดารากลุ่มใหญ่หลุดออกมา จนกลายเป็นข่าวสั่นสะเทือนวงการบันเทิงตลอดเดือนที่ผ่านมา
       
       หลังโดนจับกุมในวันพุธที่แล้ว เจิ้งจื่อเหว่ย จึงได้รับการประกันตัวไปในวันเดียวกัน โดยนักแสดงรุ่นใหญ่โดนตั้งข้อหาทำร้ายร่างกาย และขู่กรรโชก ซึ่งเขาต้องมีกำหนดไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งในเดือน ม.ค. ปีหน้า
       
       ปัญหาที่ทำให้นักแสดงวัย 57 ปี โดนดำเนินคดีเกิดขึ้นหลังเขาลงมือตบหน้าสั่งสอน เคนนี่ หว่อง สามีของดาราสาว ฉีซุ่หมิ่น (Suki Chui / 徐淑敏) ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่ง หลังได้พบกันที่พิธีแต่งงานงานหนึ่งเมื่อช่วงต้นเดือน
       
       โดยฝ่าย เจิ้งจื่อเหว่ย แสดงความไม่พอใจ เคนนี่ หว่อง อย่างรุนแรงในกรณีที่คู่กรณีสร้างปัญหาให้กับดาราในวงการบันเทิงฮ่องกง เมื่อเกิดข่าวการเสพยาของดารากลุ่มใหญ่ที่ร้านอาหารของเขา นอกจากนั้นยังมีข่าวลือว่ามีคลิปที่เก็บภาพพฤติกรรมการใช้ยาของเหล่าดาราเอาไว้ด้วย โดยระหว่างการวิวาทกันในงานเลี้ยงแต่งงาน เจิ้งจื่อเหว่ย ยังขู่ห้ามไม่ให้ เคนนี่ หว่อง ส่งเทปอะไรให้กับเจ้าหน้าที่อย่างเด็ดขาดด้วย
       
       ประเด็นฉาวดังกล่าวยังทำ เคนนี่ หว่อง ต้องโดนรังควานจากสมาชิกแก๊งนอกกฏหมาย เพราะในงานปาร์ตี้ที่ว่ากันว่ามีการเสพยานั้น ยังมีดาราสาว โจซี เหอ (Josie Ho / 何超仪) ลูกสาวของเจ้าพ่อบ่อนพนันแห่งมาเก๊า สแตนลี เหอ (Stanley Ho / 何鸿燊) เข้าไปมีส่วนร่วมด้วย
       

       นักแสดงสาวคนดังแห่งวงการหนังฮ่องกง "เวโรนิกา ยิป" (Veronica Yip Yuk Hing / 葉玉卿) ผู้โด่งดังโดยเฉพาะกับหนังประเภทขายความวาบหวิวหรือที่เรียกว่า "หนังเกรด 3" กำลังจะกลับคืนสู่วงการภาพยนตร์อีกครั้ง กับหนังตลกสำหรับฉายในเทศกาลตรุษจีนปีหน้า
       
       อดีตนางพญาแห่งหนังเกรด 3 เวโรนิกา ยิป ผู้เคยเป็นขวัญใจของหนุ่มๆ ฮ่องกงเมื่อร่วม 20 ปีก่อน เป็นดาราซูเปอร์สตาร์คนหนึ่งแห่งยุคหนังวาบหวิวฮ่องกงรุ่งเรือง ได้ตัดสินใจทิ้งวงการบันเทิงไปเมื่อปี 1996 ทิ้งให้ผลงานเรื่อง Scarred Memory เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในชีวิต ก่อนจะแต่งงานกับนักธุรกิจ เจฟฟรีย์ วู และย้ายไปอาศัยที่ต่างประเทศจนถึงปัจจุบัน
       
       อย่างไรก็ตามหลังได้รับคำชักชวนจากเพื่อนในวงการมาตลอด ในที่สุด เวโรนิกา ยิป ได้ตัดสินใจที่จะหวนคืนสู่วงการบันเทิงแล้ว แต่จะไม่ใช่ในหนังวาบหวิวที่เคยสร้างชื่อให้กับเธอแต่อย่างใด แต่ดาราวัย 45 ปี จะมารับบทในหนังตลก I love Hong Kong 2013 ที่วางโปรแกรมทองสำหรับเข้าฉายในช่วงตรุษจีนปีหน้า
       
       โดยล่าสุด เวโรนิกา ยิป ได้เดินทางมาถึงฮ่องกง เพื่อกลับมาเยี่ยมมารดา รวมถึงทำงานหนังเป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ซึ่งเจ้าตัวก็บอกว่าลูกๆ ทั้ง 3 คน และสามีเป็นคนอนุญาตให้เธอกลับมาที่นี่ได้เอง "ตอนฉันเห็นข้อความของลูกสาวคนโตที่ส่งมาถึงเมื่อลงเครื่อง ที่บอกว่าคิดถึงแม่จัง ก็ยังรู้สึกผิดเลยค่ะ ที่ต้องอยู่ที่นี่ไปอีก 2 สัปดาห์ กำลังคิดอยู่ว่าจะชดเชยให้ลูกยังไงดี"
       

       "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) ให้สัมภาษณ์เปิดโอกาสว่ามีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน ที่เขาจะกลับไปรับงานแสดงทางจอโทรทัศน์ กับสังกัดเก่า TVB หากบทมีความเหมาะสม ซึ่งถ้าทุกอย่างเกิดขึ้นจริงๆ ก็ถือจะว่าเป็นครั้งแรกในรอบมากกว่า 20 ปีที่พระเอกอันดับ 1 แห่งวงการบันเทิงฮ่องกงกลับมารับงานแสดงทางจอโทรทัศน์อีกครั้ง
       
       TVB ยักษ์ใหญ่แห่วงการโทรทัศน์ฮ่องกงกำลังพยายามกลับมาทุ่มเท ในการสร้างผลงานซีรีส์ หรือหนังชุดทางโทรทัศน์อีกครั้ง ทั้งดึงตัวผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง หวังจิง (Wang Jing) มาสร้างซีรีส์ให้กับสถานี และยังมีการติดต่อให้ เจิ้งจือเหว่ย (Eric Tsang) มาอำนวยการสร้างซีรีส์ฟอร์มใหญ่เรื่องใหม่ด้วย
       
       โดยสำหรับโครงการของ เจิ้งจื่อเหว่ย ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพัฒนาบทกันอยู่นั้น ยังมีข่าวว่า ดาวตลกคนดังกำลังติดต่อส่งเทียบเชิญให้ หลิวเต๋อหัว ซูเปอร์สตาร์ฮ่องกงมารับบทนำ กับซีรีส์ที่จะมีความยาวประมาณ 30 - 40 ตอน จนกระทั่งในงานอีเวนต์เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ทีผ่านมา หลิวเต๋อหัว ได้กล่าวถึงข่าวที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แม้จะไม่ได้ยืนยันอะไรอย่างเป็นทางการ แต่เขาก็ไม่ได้ปิดโอกาส สำหรับการรับงานแสดงทางโทรทัศน์อีกครั้ง
       
       "ถ้าบทมีความเหมาะสม ผมก็พร้อมจะพิจารณาครับ" หลิวเต๋อหัวกล่าว แต่ก็ยังไม่วายพูดติดตลกว่า "ถ้าเป็นซีรีส์ไอดอลวัยรุ่น ผมก็จะพิจารณาก่อนเลย"
       

       คดีความที่เศรษฐีเกย์ “หลิวติงซิง” ถูกนักแสดงชาย 3 คน และฟิตเนสเทรนเนอร์อีก 1 คนฟ้องร้องในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ทำให้ข้อมูลที่ว่าเขาเคยถ่ายภาพนู้ดของชายหนุ่ม 35 คนเอาไว้ มีทั้งนักแสดง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ ถูกเปิดเผยออกมา
       
       สื่อรายหนึ่งได้ตีพิมพ์ชื่อของนักแสดง และเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมแล้ว 35 คน ที่ว่ากันว่า เคยโพสท่าเซ็กซีให้เกย์รุ่นใหญ่ลั่นชัตเตอร์ถ่ายภาพ ซึ่งในที่สุด หลิวติงซิง ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างต่อสู้ในคดีล่วงละเมิดทางเพศได้ยอมรับว่าลิสต์รายชื่อดังกล่าวเป็นของจริง โดยเขายังเปิดเผยอีกว่าเคยถ่ายภาพของนักแสดงหนุ่มหล่อ หลอจ้งเสียน ไว้ถึง 3 หน นอกจากนั้น หนุ่ม วิลเลียม เฉิน ก็เคยมาเป็นนายแบบให้เขาถ่ายภาพเก็บเอาไว้ด้วย
       
       โดยเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ หลิวติงซิง อายุครบ 62 ปี ซึ่งเขาไม่ได้มีกำหนดต้องไปขึ้นศาล จึงใช้เวลาให้สัมภาษณ์ถึงงานอดิเรกการเก็บสะสมภาพนู้ดของหนุ่ม ทั้งในวงการบันเทิง และบรรดาผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ตอนนี้มีเก็บเป็นคอลเลกชันส่วนตัวถึง 100,000 ภาพแล้ว!!! บางคนเป็นภาพในชุดลำลอง, บางคนเป็นภาพเปลือยอก และบางคนก็ถึงขั้นสวมกางเกงจีสตริงถ่ายภาพกันเลยทีเดียว
       
       หลิวติงซิง ยังเผยถึงรสนิยมส่วนตัวว่าเขามองไปที่หนุ่มหุ่นล่ำที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามก่อนเป็นอันดับแรก นอกจากนั้น ก็ยังชมไปถึง หลอจ้งเสียน ว่า นอกจากจะบึกบึนดีแล้วก็ยังหน้าตาหล่อเหลาด้วย ส่วน วิลเลียม เฉิน นั้นเคยมาเป็นนายแบบให้เขาถ่ายภาพเก็บเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนแล้ว
       
       

หลังจากที่มีรายงานข่าวสุดฉาวของบันเทิงฮ่องกงออกมา เกี่ยวกับกรณี นักแสดงชายรุ่นพี่ลวนลามนักแสดงสาวรุ่นน้อง ส่งให้คนในวงการบันเทิงแสดงความคิดเห็นไม่พอใจต่อพฤติกรรมดังกล่าวเป็นอย่างมาก ด้าน"อาเจียว" (Gilliang Chung / 钟欣桐) เผยเป็นนัยไม่ใช่ความผิดครั้งแรก
       
       โรส เฉิน (Rose Chan) หรือ เฉินหัวซุน (陈嘉桓) ที่ตกเป็นเหยื่อถูกคุกคามทางเพศโดยรุ่นพี่นักแสดงชาย เบนนี เฉิน (Benny Chan) หรือ เฉินเฮ่าหมิน (陈浩民) และ โจ หม่า (Joe Ma) หรือ หม่าเต๋อจง (马德钟) ขณะอยู่ในเหิงเตียน จีนแผ่นดินใหญ่เมื่อไม่กี่วันก่อน ซึ่งนิตยสารซันเดย์ได้ตีพิมพ์ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวจนกลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่ว นอกจากสร้างความไม่พอใจให้คนทั่วไปแล้วคนในวงการบันเทิงเอง ก็แสดงความไม่พอใจออกมาต่อต้านพฤติกรรมดังกล่าวเช่นกัน
       
       โดย จางเจียฮุย (Nick Cheung / 張家輝) และ เยิ่นต๊ะหัว (Simon Yam / 任達華) 2 นักแสดงชื่อดังต่างก็แสดงความไม่พอใจต่อพฤติกรรมของฝ่ายชาย โดยจางเจียฮุย ถึงขั้นระเบิดอารมณ์แบบโกรธเคืองว่า "ถ้ามีใครมาทำกับลูกสาวผมแบบนี้นะ ผมจะฆ่ามัน!"
       
       "ผมและภรรยาผม (กวงหย่งเหอ / Esther Kwan / 關詠荷) ต่างก็เป็นนักแสดงและยังเป็นพ่อแม่ของลูกสาวด้วย ถ้ามีการลวนลามแบบนี้เกิดขึ้น ผมสนับสนุนให้ตำรวจยื่นมือเข้ามาช่วยจัดการในสถานการณ์แบบนี้ ถ้านึกในส่วนของครอบครัวเฉินหัวซุน พวกเขาคงต้องเจ็บปวดมากๆ"
       
       "ถ้ามีใครมาทำกับลูกสาวผมแบบนี้ล่ะก็ ผมจะฆ่ามัน! แม้ว่าคุณจะเมา คุณก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง!"
       

นักแสดงตลกชื่อดัง “เจิ้งจื่อเหว่ย” (Eric Tsang) ใช้ประสบการณ์ส่วนตัว แนะนำสองนักแสดงรุ่นน้องอย่าง “จางป๋อจือ” (Cecilia Cheung) และ “เซียะถิงฟง” (Nicholas Tse) ว่าหากหมดรักกันแล้ว การหย่าก็ไม่ใช่ทางเลือกที่ผิด แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือเรื่องลูก ที่ต้องคิดถึงพวกเขาไว้ให้มาก

“การหย่ากันไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหรอกครับ” เจิ้งจื่อเหว่ย ที่เคยผ่านการหย่าร้างมาแล้ว แนะนำไปถึงนักแสดงรุ่นน้องที่เขาเคยร่วมงานด้วยทั้งสองคน “โดยเฉพาะคู่ที่ไม่สามารถทำความเข้าใจกันได้แล้ว และไม่สามารถให้อภัยกันได้”

เจิ้งจื่อเหว่ย ยังเชื่อว่าทุกวันนี้ผู้หญิงพึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น เรื่องการใช้ชีวิตจึงไม่ได้เป็นปัญหาอีกต่อไป “มันไม่มีแล้วล่ะครับ ที่ผู้หญิงต้องมาพึ่งพาอาศัยสามี และต้องเลี้ยงลูกเพียงอย่างเดียว เซียะถิงฟง กับจางป๋อจือ มีรายได้ระดับหัวแถวด้วยกันทั้งคู่ เรื่องเดียวที่ต้องคิดก็คือ จะทำอย่างไรที่จะยุติธรรมสำหรับเด็กๆมากที่สุด”

เจิ้งจื่อเหว่ย เองก็เคยผ่านประสบการณ์เลี้ยงลูกในฐานะพ่อม่ายมาแล้ว ซึ่งเขามองว่ามันเป็นสิ่งที่หนักหนาสาหัสเอาเรื่อง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ “มันคือประเด็นสำคัญสำหรับพ่อแม่ที่แยกทางกันเลย คือต้องซื่อสัตย์กับลูก พูดตรงๆไปเลยว่าอะไรเกิดขึ้นกันแน่ ทำไมพ่อกับแม่ถึงจะไม่อยู่ด้วยกันอีกแล้ว และยืนยันกับลูกให้ได้ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อความรักของเราที่มีให้กับพวกเขาเลย ลูกๆจะต้องเข้าใจแน่นอนครับ”

Manager Online

เป็นเรื่องฮือฮาไม่น้อยกับข่าวความสัมพันธ์ของคนดังต่างวัยอย่าง ดาวตลกคนดัง "เจิ้งจื่อเหว่ย" (Eric Tsang) กับอดีตรองมิสฮ่องกง "หลี่ฮุ่ยอี้" (Koni Lui) ที่ดูเหมือนว่าทั้งสองจะมีความสนิทสนมกันเป็นพิเศษในระยะหลัง และเป็นผลพลอยได้ที่ทำให้อาชีพในวงการบันเทิงของฝ่ายหญิง ดูจะรุ่งขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วย

สาวใจถึง: หลี่ฮุ่ยอี้

หลี่ฮุ่ยอี้ อดีตรองมิสฮ่องกงเมื่อปี 2006 เข้าวงการบันเทิงมาถึง 5 ปีแล้วในฐานะนักแสดงสังกัดของทีวีบี แต่ไม่ใช่งานแสดงที่ทำให้สาวคนนี้โด่งดังเป็นที่รู้จัก หากแต่เป็นการโชว์ความเซ็กซี่ในงานอีเวนต์ หรือพรมแดงต่างๆ ต่างหากที่ทำให้ใครๆก็รู้จัก หลี่ฮุ่ยอี้

สาวสวยผู้มีจุดเด่นอยู่ที่ช่วงขายาว 44 นิ้ว ไม่เคยกังวลใจในการอวดขาสวยๆ และรูปร่างของตัวเอง รวมถึงในงานประกวด มิสเตอร์ฮ่องกงเมื่อปี 2010 ที่ผ่านมา ซึ่ง หลี่ฮุ่ยอี้ ร่วมเป็นกรรมการ แต่กลับขโมยซีนด้วยชุดราตรีสีแดงสดแหวกด้านหน้า โชว์เนินอกขาวๆ ซึ่งนอกจากจะเตะตาต้องใจบรรดาหนุ่มแล้ว ยังสร้างความไม่สบายใจ ให้กับคนดูส่วนหนึ่ง ที่โทรศัพท์ร้องเรียนเข้าไปที่ทีวีบีถึง 29 สาย เพื่อตำหนิงานประกวดในวันนั้น สืบเนื่องจากความเซ็กซี่ของเธอ

ซึ่งนอกจากด้านความเซ็กซี่แล้ว ข่าวกับหนุ่ม ๆ ก็เป็นสิ่งที่สาวคนนี้ไม่เคยห่าง

เคยมีข่าวว่า หลี่ฮุ่ยอี้ ได้คบหาดูใจกับ ดิ๊กสัน หว่อง อดีตผู้เข้าประกวดมิสเตอร์ฮ่องกง แต่ในเวลาเดียวกันเธอยังมีข่าวกับนักแสดงรุ่นใหญ่ในวงการอย่าง หวงซิวเซิง ระหว่างร่วมถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Turning Point ด้วยกัน

ในตอนนั้นมีข่าวถึงขั้นที่ว่า หวงซิวเซิง ถึงกับออกปากเรียกร้องไปที่ผู้กำกับ เพื่อเพิ่มบทให้กับ หลี่ฮุ่ยอี้ ทั้งๆที่ตอนแรกเธอเพียงมาเข้าฉากในฐานะดารารับเชิญเท่านั้น

อย่างไรก็ตามข่าวความสัมพันธ์ของ หวงซิวเซิง (Anthony Wong Chau Sung) และหลี่ฮุ่ยอี้ ก็เงียบไป เมื่อภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวปิดกล้องไปในเวลาต่อมา ... จนกระทั่งล่าสุดอดีตรองมิสฮ่องกงคนนี้ ก็กลับมามีข่าวกับหนุ่มใหญ่อีกครั้ง และคราวนี้เป็นคนที่ นิตยสารไทมส์ เคยให้ฉายาว่าเป็น "ก็อดฟาเธอร์ แห่งวงการบันเทิงฮ่องกง" อย่าง เจิ้งจื่อเหว่ย เลยทีเดียว

รุ่งสุดๆ หลังคบ "ก็อดฟาเธอร์" แห่งวงการบันเทิงฮ่องกง

นับเป็นข่าวเศร้าของวงการบันเทิงฮ่องกงทีเดียวหลังการเสียชีวิตของ "ฟุงสุยอัน" (David Tsui / 大傻) ดาวร้ายชื่อดังจากเกาะฮ่องกงที่คุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี โดยเขาเสียชีวิตจากโรคมะเร็งหลังโพรงจมูกก่อนลุกลามไปยังตับเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยญาติๆเตรียมฝังศพนักแสดงชื่อดังในวันพรุ่งนี้ โดยที่ภรรยาใหม่ไม่ขอเข้าร่วมพิธีด้วยเหตุผลว่าลูกชายวัย 6 ขวบยังเด็กเกินไปที่จะรับรู้ว่าพ่อของเขาจากโลกนี้ไปแล้ว

เดวิด สุย หรือ ฟุงสุยอัน จากไปด้วยโรคมะเร็งขณะมีอายุได้ 54 ปี โดยมีเพื่อนนักแสดงทั้งอลัน ทัม, อีริค เจิ้ง, และนิค เฉิง รายล้อมคอยส่งอยู่ข้างเตรียงเป็นครั้งสุดท้าย ซึ่งตามรายงานระบุว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาอยากเห็นหน้าลูกชายวัย 6 ปีที่เขาห่วงที่สุดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะจากโลกนี้ไปอย่างสงบ

เดวิด ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก (Nasopharyngeal Carcinoma NPC) ก่อนที่มะเร็งร้ายจะลุกลามไปที่ตับจนเป็นเหตุให้เขาเสียชีวิตในวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมาในเวลา 23:45 น. ที่ร.พ. แบบติสท์ ซึ่งทันทีที่ทราบข่าวเหล่าบรรดาเพื่อนสนิทต่างมุ่งตรงไปที่ร.พ.เพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย

ตามรายงานระบุว่าเดวิด รู้ตัวดีว่าเขากำลังจะตาย ไม่กี่วันก่อนเสียชีวิตเขาจึงขอกลับไปอยู่ที่บ้าน ก่อนจะถูกส่งตัวเข้าร.พ.อีกครั้งในคืนที่อาการของเขาทรุดหนักลงอย่างมาก ซึ่งทันทีที่ถูกส่งตัวเข้าร.พ. นักแสดงชื่อดังอยู่ในอาการโคมาไม่สามารถพูดและรับประทานอาหารใดๆได้ น้ำหนักของเขาลดลงเหลือน้อยกว่า 100 ปอนด์ และต้องใส่เครื่องช่วยหายใจอยู่ตลอดเวลา

แต่ปฏิกิริยาของเขาตอบสนองทันทีเมื่อได้ยินเสียงของลูกชายวัย 6 ขวบที่เข้าเยี่ยมอาการพ่อ ซึ่งตามรายงานจากแหล่งข่าวระบุว่า ในตอนบ่ายลูกชายวัย 6 ขวบของเขาเรียกชื่อเขาและบอกว่ากำลังจะไปเล่นปิงปอง ทันทีที่ได้ยินเดวิดก็พยายามจะส่งเสียงพูดออกมา นอกจากนั้นแต่ละวันเขารอเวลาที่ลูกชายเลิกเรียนเพื่อมาเยี่ยมเขาที่ร.พ. โดยเขาเคยขอลุกจากเตียงคนไข้เพื่ออกไปเล่นกับลูกชายสักครั้ง แต่ก็ได้รับการปฏิเสธเพราะเขาไม่แข็งแรงพอ