Donnie Yen (C)

        สื่อจีนยืนยันว่านักแสดงแอ็กชั่นชื่อดัง "เจินจือตัน" (Donnie Yen) เตรียมรับบทเป็นอัศวินเจได (Jedi) ในหนังไซไฟฟอร์มยักษ์ Star Wars 8 ที่จะเข้าฉายในปี 2017
       
       หลังเคยชิมลางงานในฮอลลีวูดมาแล้วหลายเรื่อง อาทิ Blade 2 (รับบทสมทบ และกำกับคิวบู๊) และ Shanghai Knights มาแล้ว ล่าสุดสื่อจีนเปิดเผยว่า เจินจือตัน หรือ ดอนนี เยน ได้เซ็นสัญญาเพื่อรับบทเด่นในหนังแฟรนไชน์ระดับตำนานอย่าง Star Wars 8 ที่ถือว่าเป็นภาค 2 ของไตรภาคชุดใหม่ของหนังชุดนี้ โดยสื่อจีนอ้างว่า เจินจือตัน ยังจะได้รับบทเป็น "อัศวินเจได" และเขายังจะได้ร่วมแสดงกับ แฮร์ริสัน ฟอร์ด (Harrison Ford) ผู้รับบทเป็น ฮาน โซโล ด้วย
       
       ตามรายงานของสื่อจีนระบุว่าผู้สร้างมีตัวเลือกสำหรับบทดังกล่าวคือ เจินจือตัน กับ เจ็ต ลี (Jet Li) ที่ถือว่าโด่งดังในระดับนานาชาติมากกว่า แต่สำหรับในเมืองจีนในขณะนี้ก็ถือว่า เจินจือตัน มีชื่อเสียงไม่ได้เป็นรองเลย นอกจากนั้นค่าตัวของเขายังถูกกว่า เจ็ต ลี ถึงครึ่งหนึ่งด้วย สุดท้าย เจินจือตัน จึงได้บทดังกล่าวไป
       
       โดย เจินจือตัน จะได้รับค่าตัวประมาณ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีกำหนดเดินทางไปลอนดอนเพื่อเริ่มต้นถ่ายทำในเดือนหน้า โดยหนังจะมีผู้กำกับดาวรุ่ง ไรอัน จอห์นสัน (Looper) เป็นผู้กุมบังเหียนหนังภาคนี้
       

        นักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังเผยภาพแผลที่จมูก จากเหตุผิดคิวระหว่างถ่ายทำฉากแอ็กชั่นในหนัง “Ip Man 3” ที่เหล่านักแสดงหลายๆ คนในเรื่องต่างสะบักสะบอมจากการถ่ายทำฉากบู๊ที่เข้มข้นดุเดือดไปตามๆ กัน
       
       หลังจาก ไมค์ ไทสัน (Mike Tyson) กระดูกนิ้วร้าวไปแล้ว เพราะไปชกโดนศอกของ เจินจือตัน (Donnie Yen) เข้าระหว่างเล่นฉากบู๊ด้วยกัน ล่าสุดก็ถึงคราวของพระเอกของเรื่องกันบ้าง ที่ได้รับบาดเจ็บ จากการถ่ายทำฉากแอ็กชั่นกับ จางจิน (Zhang Jin) เมื่อสองวันก่อน
       
       โดยในฉากดังกล่าวตัวละครของ จางจิน ได้ใช้ดาบผีเสื้อ ส่วนตัวละครอาจารย์ยิปมัน ซึ่ง เจินจือตัน รับบทใช้ดาบยาว ซึ่งก็เพราะคิวบู๊ออกแบบให้ทั้งคู่ต้องฟาดอาวุธมาใกล้หน้าของอีกฝ่ายมาก สุดท้ายจึงเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจนได้ ซึ่งพอเกิดเรื่อง จางจิน ก็รีบเข้าไปขอโทษ เจินจือตัน ทันที
       
       อย่างไรพระเอกซูเปอร์สตาร์นักบู๊แห่งยุคกลับไม่คิดอะไรมาก และบอกว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับหนังบู๊อยู่แล้ว … “แค่อุบัติเหตุเล็กน้อยครับ เรื่องธรรมดาหลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว ผมไม่อยากให้เกิดขึ้น เขาก็ไม่อยากให้เกิด เอาเสือกับมังกรมาเจอกันก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นเครื่องพิสูจน์เลยว่านักแสดงสู้ และเสี่ยงแต่ไหน ในการเล่นฉากบู๊ เพื่อให้ความบันเทิงกับผู้ชม”
       
       Ip Man 3 ผลงานการกำกับของ วิลสัน ยิป ที่ได้ หยวนวูปิ อาจารย์ของ เจินจือตัน มากำกับคิวบู๊ กำลังอยู่ระหว่างถ่ายทำ เพื่อเข้าฉายในช่วงปีหน้า

Manager Online

        อดีตแชมเปียนโลกรุ่นเฮฟวีเวตได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย บริเวณนิ้วมือระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Ip Man 3 โดยข่าวระบุว่า "ไมค์ ไทสัน" (Mike Tyson) ถึงขั้นกระดูกนิ้วร้าว เพราะโดน "เจินจือตัน" (Donnie Yen) ผู้รับบท "อาจารย์ยิปมัน" ปรมาจารย์มวยหย่งชุนตีศอกไปโดนมือ
       
       โดยระหว่างการพูดคุยกับนักข่าวครั้งล่าสุด ไมค์ ไทสัน ยังได้กล่าวติดตลกถึงเรื่องนี้ว่า "ตอนแรกใครๆ ก็เป็นห่วงแต่ จือตัน (เจินจือตัน) ว่าอาจจะบาดเจ็บ ไม่มีใครมาห่วงอะไรผมเลย ตอนนี้บาดเจ็บแบบนี้ก็ยังไม่มีใครมาดูแลอีก"
       
       ซึ่งฝ่าย เจินจือตัน ได้อธิบายว่าเรื่องทีเกิดขึ้นเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากความผิดพลาดระหว่างการถ่ายทำคิวบู๊ ที่เขาแทงศอกไปโดนนิ้วของตำนานแห่งวงการมวย แต่พระเอกคนดังก็ยังชื่นชม ไมค์ ไทสัน ว่า "เขาเป็นมืออาชีพมากครับ ตอนเกิดเรื่องขึ้นผมไม่ได้คิดเลยว่ามันจะร้ายแรง เราก็เลยถ่ายทำกันต่อไป แต่หลังไปตรวจที่โรงพยาบาลถึงรู้ว่ากระดูกนิ้วเขาร้าว ผมเสียใจจริงๆ"
       
       โดย เจินจื่อตัน ยังเอ่ยปากถึง ไทสัน ว่าเป็นเป็นคนที่ฉลาด และอ่อนน้อมถ่อมตนมาก การถ่ายทำก็เป็นไปด้วยดี เวลาว่างระหว่างพักกอง เขา และ ไทสัน มักจะแลกเปลี่ยนประสบการณ์เกี่ยวกับการทำงานในสายของแต่ละคนเสมอ
       
       Ip Man 3 ถือเป็นครั้งที่ 3 ที่ เจินจือตัน จะได้กลับมารับบท ยิปมัน ปรมาจารย์มวยหย่งชุน และอาจารย์ของ บรูซ ลี โดยหนังกำลังอยู่ระหว่างถ่ายทำ และน่าจะเข้าฉายได้ในปีหน้า

Manager Online

        ผู้สร้างหนัง Ip Man 3 จัดงานแถลงข่าวเปิดตัวหนังที่เซียงไฮ้เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา พร้อมเปิดตัวคู่ต่อกรของ "อาจารย์ยิปมัน" (Yip Man) ในหนังภาคนี้ ซึ่งก็คืออดีตแชมป์เปียนโลกรุ่นเฮฟวีเวต "ไมค์ ไทสัน" (Mike Tyson) นั่นเอง
       
       โดย เจินจื่อตัน (Donnie Yen) ที่ได้กลับมารับบทเป็นอาจารย์ยิปมันเป็นครั้งที่ 3 ได้กล่าวระหว่างงานแถลงข่าวว่า "ไมค์ คุณเป็นแชมป์ตัวจริง และเป็นไอดอลของผมด้วย ผมไม่มีทางกล้าขึ้นสังเวียนไปพร้อมกับคุณเด็ดขาด แต่สำหรับหนังเรื่องนี้ผมจะพยายามทำให้ดีที่สุด เพื่อสร้างฉากแอ็กชั่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ของหนังศิลปะป้องกันตัวขึ้นมาให้ได้"
       
       Ip Man 3 เป็นผลงานการกำกับของ วิลสัน ยิป ที่กลับมารับหน้าที่เดิมอย่างที่เคยฝากผลงานเอาไว้ในหนัง 2 ภาคแรก โดยนอกจาก เจินจื่อตัน และ ไมค์ ไทสัน แล้ว หนังยังจะมีดาราแอ็กชั่นมาแรง ฉางจิน ร่วมแสดงด้วย โดยหนังน่าจะเข้าฉายได้ในปีหน้า

Manager Online

        ผู้สร้างหนัง Ip Man 3 เผยว่าอดีตแชมป์โลก “ไมค์ ไทสัน” (Mike Tyson) ได้เซ็นสัญญาที่จะร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ด้วย และแน่นอนว่าจะต้องมีฉากต่อสู้ของเขากับ “เจินจื่อตัน” (Donnie Yen) เจ้าของบทปรมาจารย์หย่งชุน “ยิปมัน” ด้วย
       
       หนังแอ็กชั่นกังฟู Ip Man 3 ได้เปิดกล้องเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันนี้ (25 มี.ค.) ที่เซียงไฮ้ ซึ่งแน่นอนว่าหนังจะได้ เจินจื่อตัน กลับมารับบทครูมวยชื่อดัง ยิปมัน เป็นครั้งที่ 3 นอกจากนั้นหนังก็ยังจะได้อดีตนักมวยแชมป์โลกรุ่นเฮฟวีเวท ไมค์ ไทสัน มารับบทเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ของ ยิปมัน ด้วย
       
       ฝ่าย เรย์มอนด์ หว่อง ผู้อำนวยการสร้างของหนัง และผู้บริหาร Pegasus Motion Pictures ได้เปิดเผยถึงไอเดียการดึงนักมวยระดับตำนานมาร่วมเล่นหนังเรื่องนี้ว่า “สองปีก่อนตอน ไมค์ ไทสัน เปิด Weibo สิ่งแรกที่เขาถามคนจีนก็คือ ใครคือนักสู้ที่เก่งที่สุดในเมืองจีน ซึ่งก็มีคนเขียนชื่อของ เจินจื่อตัน ตอบไป ผมเลยเกิดไอเดียขึ้นมาครับ สำหรับหนังภาคนี้เราอยากจะได้ฉากแอ็กชั่นที่ดุเดือดที่สุด และฉากต่อสู้ระหว่าง เจินจื่อตัน กับ ไมค์ ไทสัน ก็น่าจะตอบโจทย์ที่สุดแล้ว”
       
       ส่วน ไทสัน ก็กล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “ใครคือสุดยอดนักมวย และปรมาจารย์กังฟูของเมืองจีน? รอก่อนแล้วกัน ผมกำลังจะมาแล้ว ขอบคุณที่ทำให้รู้จักกังฟู”
       

        นักแสดงแอ็กชั่นชื่อดังที่มีผลงานทั้งในหนังฮอลลีวูด และหนังฮ่องกงได้เสียชีวิตลงด้วยวัยเพียง 42 ปี จากสาเหตุที่คาดกันว่าน่าจะเป็นการใช้ยาเกินขนาด
       
       ดาราแอ็กชั่น/สตั้นแมน แดร์เรน ชาห์ลาวี (Darren Shahlavi) ได้เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ผ่านมา ที่บ้านของเขาในลอสแอนเจลิส โดย TMZ รายงานอ้างอิงแหล่งข่าวจากเจ้าหน้าที่ว่าเขาเสียชีวิตจากการใช้ยา (ประเภทที่ต้องจ่ายตามใบสั่งแพทย์) เกินขนาด โดยข่าวเผยว่า ชาห์ลาวี เคยมีประวัติการใช้ยาเสพติด และติดเหล้ามาก่อน
       
       แดร์เรน ชาห์ลาวี เกิดมาในครอบครัวชาวอิหร่านอพยพ ที่สต็อกพอร์ต เชสเชียร์ ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. 1972 โดยตอนอายุ 7 ขวบเขาได้เข้าสู่โลกของศิลปะป้องกันตัวเป็นครั้งแรก หลังมีโอกาสเรียนยูโด จนเมื่อได้ดูหนังของ บรูซ ลี และ เฉินหลง เขาจึงเริ่มมีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักแสดงแอ็กชั่น และมุ่งเรียนรู้ศิลปะป้องกันตัวหลายสาขา ทั้ง คาราเต้, มวย, คิงบ็อกซซิง และมวยไทย ที่ยิมในแมนเชสเตอร์
       
       จนเมื่อปี 1996 ชาห์ลาวี จึงตัดสินใจทำตามความฝัน ด้วยการเดินทางไปที่ฮ่องกง และได้ทำงานกับผู้กำกับคิวบู๊ระดับตำนาน หยวนวูปิง ในหนัง Tai Chi 2 ที่เขารับบทเป็นตัวร้าย หลังจากนั้นจึงมีผลงานในวงการหนังอย่างต่อเนื่อง ทั้งหนังแอ็กชั่น Bloodmoon และ Sixty Million Dollar Man (คนไม่ธรรมดายืดได้หดได้) ของ โจวซิงฉือ
       

        สื่อจีนเผยรายชื่อนักแสดงระดับซูเปอร์สตาร์ 5 ที่แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ธรรมดา เพราะพวกเธอเป็นถึงลูกหลานของตระกูลมหาเศรษฐีที่หลายๆ คนถือว่าร่ำรวยยิ่งกว่าสามีเสียอีก
       
       หญิงสาวนอกวงการที่เป็นภรรยาของพระเอกชื่อดังหลายๆ คน อาจถูกมองว่าเป็นเหมือน "ซินเดอเรลลา" ที่ได้แต่งงานกับ "เจ้าชาย" ในฝันของสาวๆ แต่ความจริงแล้วพวกเธอเหล่านี้ก็มีพื้นเพที่ไม่ธรรมดาเช่นเดียวกัน เพราะสาวๆ เหล่านี้ล้วนเป็นทายาทของมหาเศรษฐี หรือสมาชิกแห่งตระกูลผู้ร่ำรวยด้วยกันทั้งนั้น

        "จูเลียนเชี่ยน" คุณหนูแห่งตระกูลใหญ่ในมาเลเซีย
       
       ถึงแม้ปัจจุบัน จูเลียนเชี่ยน ภรรยาของ หลิวเต๋อหัว (Andy Lau) จะดูเป็นผู้หญิงเรียบๆ ที่ใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ แต่อันที่จริงแล้ว เธอมาจากตระกูลใหญ่ของครอบครัวชาวจีนในมาเลเซีย ที่มีพ่อทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และแม่เป็นคนในแวดวงสังคมชั้นสูง นอกจากนั้นเธอยังมีคุณลุงคือ วินเซน ตัน แห่ง Berjaya Group ที่ทำธุรกิจหลายอย่าง และปัจจุบันมีลูกจ้างถึง 16,000 คนด้วย
       
       โดย จูเลียนเชี่ยน พบรักกับ หลิวเต๋อหัว ตอนที่เธออายุได้ 18 ปี ส่วนเขาอายุ 24 ปี ซึ่งแม้ตอนนั้นเขาจะถือว่ามีชื่อเสียงแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ร่ำรวยอะไร สื่อฮ่องกงยังแสดงความเห็นว่า หลิวเต๋อหัว ได้ใช้เวลาถึง 20 ปีเศษ ในการสร้างชื่อเสียง และสะสมความร่ำรวย จึงจะสามารถทัดเทียมกับครอบครัวของภรรยาได้ในที่สุด

        "โจวเหวินฟะ" (Chow Yun Fat) กับลูกสาวมหาเศรษฐีแห่งสิงคโปร์
       

        “กัวฟู่เฉิง” (Aaron Kwok) ประกาศว่าเขาจะรับบท “เห้งเจีย” ในหนัง The Monkey King 2 ที่จะฉายในฉายในช่วงตรุษจีน 2016 แทนที่ “เจินจื่อตัน” (Donnie Yen) ที่รับบทนี้เอาไว้ในหนังภาคแรก นอกจากนั้นหนังยังอาจจะได้ “กงลี่” (Gong Li) มารับบทเป็นเด่นในเรื่องด้วย
       
       หลังจากรับบทเป็นปีศาจวัวสุดหล่อใน The Monkey King ล่าสุด กัวฟู่เฉิง ได้ประกาศว่าเขาจะกลับมาเล่นหนังภาค 2 แต่จะไม่ได้รับบทเดิมอีก เพราะคราวนี้เขาจะแสดงเป็น เห้งเจีย ตัวเอกของเรื่องแทนที่ เจินจื่อตัน ที่รับบทนี้เอาไว้ในหนังภาคแรก แต่เพราะพระเอกนักบู๊คนดังรับเล่นหนังเอาไว้หลายเรื่องแล้ว จึงไม่สามารถกลับมารับบทนี้ได้อีกในภาค 2 ส่วนทาง Filmko ผู้สร้างก็อยากจะเร่งเปิดกล้องหนังให้ทันเวลา หลังภาคแรกสามารถกวาดรายได้ในจีนแผ่นดินใหญ่ทะลุ 1,000 ล้านหยวนมาแล้ว
       
       ข่าวระบุว่าอันที่จริงแล้วผู้สร้างเองอยากให้ เจินจื่อตัน มารับบทเห้งเจียในหนังภาคต่อมาก แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายไม่สามารถตกลงเรื่องค่าตัวกันได้ นอกจากนั้นพระเอกนักบู๊วัย 51 ปี ยังมีตารางการทำงานที่ค่อนข้างแน่นเพราะรับหนังเอาไว้แล้วหลายเรื่อง
       

        ผู้สร้างหนังกำลังภายในฟอร์มใหญ่ Crouching Tiger, Hidden Dragon ภาค 2 ที่ได้ "มิเชล โหยว" (Michelle Yeoh) มารับบทนำคู่กับ "ดอนนี เยน" (Donnie Yen) เผยภาพแรกจากหนังมาให้ชมกันแล้ว พร้อมกำหนดเข้าฉายที่หนังจะลงโรงภายในปีหน้า พร้อมกับปล่อยให้ดาวน์โหลดไปดูกันที่บ้าน ในวันแรกของการเข้าฉายด้วย
       
       โดยล่าสุดมีข่าวว่า The Weinstein Co. ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ได้เซ็นสัญญากับบริษัทจัดจำหน่ายภาพยนตร์ทางระบบออนไลน์ชื่อดัง Netflix ในการจัดจำหน่ายหนังทางอินเตอร์เน็ตแล้ว ซึ่งมีข่าวว่าหนังจะเข้าโรงพร้อมๆ กับการปล่อยให้โหลดกันทางอินเตอร์เน็ตในวันที่ 28 ส.ค. 2015 นี้เลยทีเดียว
       
       Crouching Tiger, Hidden Dragon ผลงานการกำกับของ อังลี ที่ใช้ทุนสร้างเพียง 17 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นงานที่ทำเงินอย่างมหาศาลถึง 213 ล้านเหรียญฯเมื่อปี 1999 และยังคว้ารางวัลออสการ์ไปหลายสาขา รวมถึงหนังภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมด้วย
       
       ส่วนหนังภาค 2 ที่มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Crouching Tiger, Hidden Dragon 2: The Green Legend ยังจะมี เจสัน สก็อต ลี, แฮร์รี ชุม จูเนียร์ จากหนังทีวีชุด Glee และ โรเจอร์ หยวน ร่วมแสดงด้วย ส่วนหน้าที่กำกับจะตกเป็นของ หยวนวูปิง และยังมีผู้กำกับเชื้อสายเวียดนาม ชาร์ลี เหงียน มากำกับกอง 2 ของหนัง
       

เอเจนซี – สามดาราใหญ่ของเกาะฮ่องกง สวนกระแสเอาถังน้ำแข็งราดหัวเพื่อบริจาคเงิน “โจว เหวินฟะ” (Chow Yun Fat) พูดผ่านภรรยาระบุ เสียดายน้ำ แต่จะช่วยบริจาคแทน ส่วน “สตีเฟน โอว (Stephen Au) - อู๋ เจิ้นหวี่ (Francis Ng)” ก็ปฏิเสธคำท้าโดยให้เหตุผลในทำนองเดียวกัน
       
       จากกระแส กล้า ท้า ราดน้ำแข็ง (Ice Bucket Challenge) ซึ่งถูกจุดกระแสมาจากสหรัฐอเมริกา เพื่อสนับสนุนการบริจาคเงินให้การวิจัยเพื่อผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (ALS) จนกระแสลามมาถึงคนดังในแถบทวีปเอเชีย เช่น ประเทศเกาหลีใต้ ไทย รวมถึงฮ่องกง ไต้หวัน และจีน โดยบรรดาดาราซูเปอร์สตาร์ทั้งจากแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง ตลอดจนไต้หวัน อาทิ หลิว เต๋อหัว (Andy Lau) จาง จื่ออี๋ (Zhang Ziyi) หวัง ลี่หง (Wang Lee Hom) เจเรมี หลิน (Jereme Lin) เจย์ โจว (Jay Chou) เจิน จื่อตัน (Donnie Yen) หลี่ ปิงปิง (Li Bing Bing) ฯลฯ ต่างเข้าร่วมกิจกรรมกันหมด
       
       วานนี้ (21 ส.ค.) จากการรายงานของแอปเปิล เดลี สื่อฮ่องกงถึงกรณีที่ดาราใหญ่ “โจว เหวินฟะ” รวมถึงดาราฮ่องกงอีกสองคนคือ สตีเฟน โอว (โอว จิ่นถัง) และอู๋ เจิ้นหวี่ ซึ่งโจวถูกท้าทายจาก จาง เจียฮุย (Nick Cheung) และเจิน จื่อตันให้รับคำท้า Ice Bucket Challenge โดยโจว เหวินฟะ กล่าวปฏิเสธคำท้าดังกล่าวผ่านเฉิน ฮุ่ยเหลียน (จัสมิน ตัน) ภรรยา ซึ่งให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า “พวกเราคงไม่ทำ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองน้ำดื่ม แต่พวกเรายืนยันจะช่วยบริจาคเงินแทน”
       

       นักบู๊ชื่อดังชาวไทย “จา พนม” (Tony Ja) ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่ SPL II ร่วมกับนักแสดงชื่อดังจากฮ่องกงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “กู่เทียนเล่อ” (Louis Koo), “อู๋จิง” (Wu Jing), “จางจิน” และผู้กำกับ “เจิ้งป๋อไช่”
       
       เปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับ SPL II ผลงานหนังฮ่องกงเรื่องแรกของ จา พนม โดยสื่อในฮ่องกงรายงานว่าดาราบู๊ชื่อดังชาวไทยกลายเป็นดาวเด่นในการแถลงข่าวเปิดตัวหนัง ซึ่งจัดขึ้นที่ฮ่องกงเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่งานนี้ จา ได้มีโอกาสร่วมงานกับดาราชื่อดังชาวฮ่องกงหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เยิ่นต๊ะหัว (Simon Yam), จางจิน (Max Zhang) เจ้าของรางวัลตุ๊กตาทองฮ่องกงคนล่าสุดจากหนัง The Grandmaster, ดาวบู๊กังฟูคนดัง อู๋จิง จากหนัง SPL ภาคแรก นอกจากนั้นยังจะมี กู่เทียนเล่อ รับบทตัวร้ายประจำเรื่องด้วย
       
       ข่าวระบุว่าหนังอยู่ระหว่างการถ่ายทำในฮ่องกง ซึ่งแน่นอนว่าส่วนใหญ่จะเป็นฉากแอ็กชันต่างๆ และทางทีมงานยังจัดหน่วยรักษาความปลอดภัยมาให้ จา พนม ถึง 20 ชีวิตเลยทีเดียว โดย จา ต้องออกลีลาคิวบู๊ในฉากต่อสู้มากมายในหนัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องปะทะกับยอดฝีมือกังฟูอย่าง อู๋จิง และ จางจิน ซึ่งเขาบอกว่าเก่งกันทั้งคู่ และ จา ยังกล่าวว่าดาราแอ็กชันทุกคนในหนังเรื่องนี้ล้วนมีลีลาการต่อสู้เป็นของตัวเอง
       
       ในการแถลงข่าว จา ยังแนะนำตัวเองด้วยภาษาจีนกวางตุ้ง และเผยใจว่าเขาสนุกกับการทำงานมากๆ แม้จะต้องใช้ล่ามตลอดการถ่ายทำก็ตาม
       

       เตรียมทำภาคต่อแล้วสำหรับภาพยนตร์เรื่อง Crouching Tiger, Hidden Dragon ที่ล่าสุดเตรียมเปิดกล้องทำภาค 2 โดยลือกันว่างานนี้ “เซียะถิงฟง” (Nicholas Tse) อาจรับบทลูกชายของ “จางจื้อยี่” (Zhang Ziyi) ในภาคใหม่
       
       หลังมีข่าวว่าจะมีการทำ Crouching Tiger, Hidden Dragon ภาค 2 นักแสดงชื่อดังอย่าง เจินจื่อตัน (Donnie Yen) ก็ถูกวางตัวให้รับบทนำในภาคนี้รวมถึง มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ก็เตรียมกลับมาคืนจอในภาคนี้อีกครั้ง โดยมีรายงานว่า เซียะถิงฟง นักแสดงหนุ่มชื่อดังก็ถูกทาบทามและกำลังอยู่ในช่วงพูดคุยตกลงว่าจะรับแสดงเรื่องนี้หรือไม่ด้วย
       
       ตามรายงานจาก Phoenix บริษัทผลิตภาพยนตร์ระบุว่ามีการติดต่อเซียะถิงฟงให้มาร่วมแสดงในภาคนี้แล้ว หลังจากที่ถูก จางจื้อยี่ ปฏิเสธที่จะกลับมารับบท อวี้เจียวหลง ในภาคนี้
       
       โดยเซียะถิงฟง จะรับบทเป็นลูกชายของ อวี้เจียวหลง ที่มาตามหาชาติกำเนิดของตนเอง ขณะที่นักแสดงสาวชาวจีนอย่าง เซียซีถง อาจรับบทเป็นแฟนสาวของเขาในเรื่อง
       
       เมื่อสื่อจีนได้สอบถามไปยังผู้จัดการของเซียะถิงฟง ก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่มีการยืนยันในเรื่องนี้ เพราะตารางงานของนักแสดงหนุ่มแน่นมาก “เขาได้รับข้อเสนอให้มารับบทลูกชายของจางจื้อยี่จริง แต่ยังไม่มีอะไรยืนยันได้ในตอนนี้ เพราะว่าเซียะถิงฟงงานยุ่งมาก ตารางงานของเขาแน่นมาก ทำให้จัดตารางงานได้ค่อนข้างยาก”
       

       “จา พนม” (Tony Ja) เดินทางไปฮ่องกงเพื่อเริ่มถ่ายทำหนังแอ็กชั่น SPL 2 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และล่าสุดได้มีภาพแรกของนักแสดงแอ็กชั่นชาวไทย ระหว่างกำลังถ่ายทำหนังภาคต่อเรื่องนี้ออกมาให้ชมกันเป็นครั้งแรก
       
       นอกจาก Fast & Furious 7 ที่เพิ่งจะได้กลับมาถ่ายทำต่อเมื่อเดือนก่อน จา พนม ยังจะมีหนังต่างประเทศอีกเรื่องก็คือภาพยนตร์แอ็กชั่น SPL 2 ซึ่งล่าสุด จา เพิ่งจะเดินทางไปฮ่องกง เพื่อเปิดกล้องหนังเรื่องนี้เมื่อวันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมา และมีภาพระหว่างการถ่ายทำออกมาให้ชมกันแล้วจาก Facebook อย่างเป็นทางการของเขาเอง
       
       SPL ภาคแรกที่มี เจินจื่อตัน (Donnie Yen), หงจินเป่า (Sammo Hung), เยิ่นต๊ะหัว (Simon Yam) และ อู๋จิง (Wu Jing) แสดงร่วมกันเข้าฉายเมื่อปี 2005 และประสบความสำเร็จจนส่งให้พระเอก เจินจื่อตัน กลายเป็นนักบู๊สุดฮ็อตแห่งยุค จนกระทั่งล่าสุดทาง Sil-Metropole Organization Ltd. ได้ตัดสินใจสร้างหนังภาคต่อของ SPL และแม้จะไม่มี เจินจื่อตัน รับบทนำเหมือนภาคแรก แต่ก็ได้ จา พนม ดาราแอ็กชั่นชาวไทยมาร่วมแสดงกับ หงจินเป่า, เยิ้นต๊ะหัว, อู๋จิง และยังมี จางจิ้น นักแสดงเจ้าของรางวัลตุ๊กตาองฮ่องกงสาขาสมทบชายจากหนัง The Grandmaster ร่วมแสดงด้วย
       

       "เจินจื่อตัน" (Donnie Yen) นักแสดงบู๊ชื่อดังที่ควบ 2 ตำแหน่งทั้งนักแสดงนำ และ ผกก.คิวบู๊ เนรมิตรภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สุดอลังการแห่งปี "The Monkey King 3D" ประกาศกร้าวยกพวกบุกชัทดาวน์โรงหนังทั่วกรุงเทพ 27 ก.พ.นี้ พร้อมเผยส่วนที่โหดสุดของการถ่ายทำไม่ใช่การเล่นฉากบู๊แต่เป็นการแต่งเอฟเฟ็กต์หงอคง
       
       ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ยิ่งใหญ่แห่งปีใน "The Monkey King 3D"หรือชื่อภาษาไทยว่า "ไซอิ๋ว 3D ตอนกำเนิดราชาวานร" ภาพยนตร์แอ็คชั่นสุดอลังการที่ทุ่มทุนสร้างกว่า 200 ล้านบาทและยังคว้าตัวทีมงานผู้สร้างภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Avatar (อวตาร) และภาพยนตร์เรื่อง 300 มาร่วมเนรมิตรฉากบู๊สุดอลังการ
       
       นำแสดงโดยสุดยอดนักแสดงแถวหน้าชื่อดัง อาทิ เจินจื่อตัน ที่งานนี้เจ้าตัวควบ 2 ตำแหน่งทั้งนักแสดงนำและผู้กำกับคิวบู๊ ร่วมด้วย กัวฟู่เฉิน (Aaron Kwok), โจวเหวินฟะ (Chow Yun Fat), เหอยุ่นตง (Peter Ho), เซียะถิงฟง (Nicholas Tse), เฉินฮุ่ยหลิน (Kelly Chen), เฉินเฉียวเอิน (Joe Chen), ไอรีน หวัง ฯลฯ จากผลงานการกำกับของเจิ้งป๋อไช่
       
       เจินจื่อตัน ซึ่งรับบท ซุนหงอคง นักแสดงนำของเรื่องและยังควบตำแหน่งผู้กำกับคิวบู๊เล่าถึงบรรยากาศการถ่ายทำภาพยนตร์สุดอลังการ The Monkey King 3D นี้ว่า
       

ผู้สร้าง Crouching Tiger, Hidden Dragon 2 ยืนยันจะไม่มีการเปลี่ยนตัวนักแสดงนำจาก “เจินจื่อตัน” (Donnie Yen) เป็น “หลิวเต๋อหัว” (Andy Lau) แต่อย่างใด หลังมีข่าวลือว่า Weinstein Company กับ “เจินจือตัน” มีปัญหาเรื่องการเจรจาค่าตัวกันไม่ลงตัว
       
       หลังจากภาคแรกเข้าฉายมาได้ 14 ปีเต็ม ก็เพิ่งจะมีการประกาศสร้างภาคต่อของ Crouching Tiger, Hidden Dragon ขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อปีก่อน และมีกำหนดจะเริ่มถ่ายทำในเดือน มี.ค.ปีนี้ แต่สุดท้ายวันเปิดกล้องกลับต้องเลื่อนไปเป็นในเดือน พ.ค.พร้อมข่าวลือว่าหนังมีปัญหาเรื่องการเจรจาค่าตัวของนักแสดงนำ
       
       โดยเกิดข่าวลือขึ้นว่า เจินจือตัน พระเอกนักบู๊คนดังแห่งยุคเรียกร้องค่าตัวสำหรับการแสดงนำใน Crouching Tiger, Hidden Dragon 2 มหาศาลถึง 30 ล้านหยวน (ประมาณ 162 ล้านบาท) ทางผู้สร้างจึงกำลังพิจารณาที่จะเปลี่ยนตัวผู้แสดงนำ จากเขาไปเป็น หลิวเต๋อหัว แทน
       
       อย่างไรก็ตามล่าสุดทางบริษัท Weinstein Company ผู้สร้างหนังเรื่องนี้ได้ยืนยันผ่านแถลงการณ์ว่านักแสดงนำของ Crouching Tiger, Hidden Dragon ยังจะคงเป็น เจินจื่อตัน และ หยังจื่อฉุน หรือ มิเชล โหย่ว (Michelle Yeoh) ตามเดิม
       

“โจวเหวินฟะ” (Chow Yun Fat) นักแสดงชื่อดังกัดเพื่อนนักแสดงอย่าง”เจินจื่อตัน” (Donnie Yen) กลางงานแถลงข่าวภาพยนตร์ The Monkey King ที่ปักกิ่ง บอกเป็นคนอารมณ์ร้ายอีกฝ่ายโต้กลับบอก”โจวเหวินฟะ”เรียกค่าตัวสูงเวอร์เกินไป
       
       เป็นการกัดกันของ 2 นักแสดงดังโจวเหวินฟะ และ เจินจื่อตัน ที่โคจรมาร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง The Monkey King โดยในงานแถลงข่าว โจวเหวินฟะได้เปรียบเทียบเจินจื่อตันกับ Monkey King โดยระบุว่า “ใครๆก็บอกว่าเจินจื่อตันเจ๋งสุดในจักรวาล และด้วยเอ็ฟเฟ็กต์ 3D ที่ดีที่สุด ผู้ชมที่ได้ชมภาพยนตร์จะรู้ว่านักสู้ที่เก่งที่สุดก็คือ Monkey King ผมก็ได้แต่หวังครับว่าหลังจากจบหนังเรื่องนี้ อารมณ์ของเจินจื่อตันจะพัฒนาขึ้นให้ดีกว่านี้”
       
       ด้านเจินจื่อตันก็ไม่รอช้ารีบกัดตอบแบบคมเฉือนคมกันเลยทีเดียว “เพราะว่าโจวเหวินฟะเขาสูงค่ามาก ค่าตัวสูงมาก เขาไม่ควรพลาดแม้แต่นิดเดียวครับ”
       
       ส่วนกัวฟู่เฉิน (Aaron Kwok) ที่รับบทนำในภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นกัน ก็ได้เข้ามาห้ามศึกโดยชี้แจงถึงบทของเจินจื่อตัน ว่าเป็นเพราะเจินจื่อตันต้องรับเล่นหลายบทบาท เขาจึงคาดหวังกับตัวเขาเองไว้สูงมาก เขาเลยเครียดมากเมื่อไปไม่ถึงจุดที่เขาหวังไว้ ก่อนจะกล่าวปิดท้ายเหน็บเบาๆว่า “เราก็ยังคงหวังว่าเจินจื่อตันจะปรับเปลี่ยนอารมณ์ให้เบาๆลงบ้างเหมือนกันนะครับ”
      

รางวัล "ไม้กวาดทองคำ" (Golden Broom Awards) ที่จะมอบให้กับหนัง และนักแสดง ที่น่าผิดหวังประจำปี 2014 ประกาศรายชื่อผู้มีโอกาสลุ้นรางวัลในสาขาต่าง ๆ ออกมาแล้ว และมีดาราดังได้ลุ้นรางวัลหลายคนทั้งสาวสวยชาวไต้หวัน "หลินจือหลิง" (Lin Chi Ling / 林志玲), ดาราสาวที่เพิ่งแต่งงานไป "หยางมี่" (Yang Mi / 楊冪) และดาวรุ่งมาแรง "จิงเทียน" (Jing Tian / 景甜) ส่วนฝ่ายชายก็มีทั้ง "หลิวเต๋อหัว" (Andy Lau) และ "เจินจือตัน" (Donnie Yen / 甄子丹) ที่ได้ลุ้นรางวัล
       
       ถือว่าเป็นปีที่ 5 แล้วสำหรับ รางวัลไม้กวาดทองคำ ซึ่งถูกเรียกว่า "รางวัลราสซี่แห่งจีนแผ่นดินใหญ่" ที่จะมอบให้กับผลงาน และนักแสดงที่น่าผิดหวังประจำปี โดยปีนี้มีคนดังในวงการหนังมีชื่อชิงรางวัลที่คงไม่มีใครอยากได้มากมายเช่นเคย
       
       โดยในสาขานักแสดงหญิงน่าผิดหวังแห่งปีก็มีทั้ง เฉินเหยียนซี (Michelle Chen / 陳妍希) จาก Badges of Fury (不二神探) และ Together (在一起) ที่ต้องแย่งรางวัลกับ หยางมี่ จากหนังสุดฮิต Tiny Times (小時代) ที่ทำเงินมากมาย แต่ตัวหนังและนักแสดงก็โดนจวกยับ และแน่นอนว่าสาวสวยชาวไต้หวัน หลินจือหลิง ที่ได้ชิงรางวัลนี้แทบทุกปี ก็ได้ลุ้นรางวัลจากทั้ง Sweetheart Chocolate (甜心巧克力) และ Switch (天機-富春山居圖) นอกจากนั้นดาวรุ่งมาแรง จิงเทียน ก็ชิงรางวัลจากหนัง 2 เรื่องคือ Special ID (特殊身份) และ Police Story 2013 (警察故事2013)
       

ปีเดียวรับงานหนังไป 8 เรื่อง จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ “กู่เทียนเล่อ” (Louis Koo) จะกลายเป็นคนบันเทิงฮ่องกงอันดับ 1 แห่งปี 2013 ไปแล้ว ด้วยการทำรายได้แซงหน้าแชมป์เก่า 3 ปีซ้อนอย่าง “เจินจื่อตัน” (Donnie Yen) ได้ในปีนี้
       
       อดีตขวัญใจวัยรุ่นจาก TVB ใช้ความพยายามในวงการภาพยนตร์อยู่ถึงร่วม 2 ทศวรรษจนสามารถก้าวขึ้นมาอยู่แถวหน้าได้อย่างเต็มตัว และถึงตอนนี้ก็พูดได้แล้วว่า กู่เทียนเล่อ คือซูเปอร์สตาร์แห่งวงการหนังฮ่องกง ด้วยการมีงานมากถึง 8 เรื่องในปีนี้ โดยในปี 2013 มีหนังของเขาเข้าฉายไปแล้ว 3 เรื่องได้แก่ The White Storm, Out of Inferno และ Drug War นอกจากนั้นยังมีหนังอีก 5 เรื่องที่ถ่ายทำไปแล้วและรอฉายอยู่ในปีหน้า ซึ่งทั้งหมดก็กลายมาเป็นแหล่งรายได้ก้อนโตของเขาไปแล้ว
       
       โดยสื่อฮ่องกงประมาณการว่า กู่เทียนเล่อ น่าจะมีรายได้ในปี 2013 อยู่ที่ 236 ล้านเหรียญฮ่องกง (หรือประมาณ 1,000 ล้านบาท) นกจากนั้นปีหน้าเขาจะยังมีงานหนังอีกหลายเรื่อง ได้แก่หนังตลก Hello Babies, Golden Chicken SSS หนังภาคต่อสุดฮิตทั้ง Overheard 3 และ Don't Go Breaking My Heart 2 นอกจากนั้น กู่เทียนเล่อ ยังได้แสดงในหนังเรื่อง Aberdeen ของ เผิงเฮ่าเสียง และถูกวางตัวในหนังแอ็กชั่น Z Storm รวมถึงกำลังเจรจาเพื่อรับบทนำในหนังว่าด้วยชีวิตของเหล่านักบิน และแอร์โฮสเตสที่ดัดแปลงมาจากหนังชุดของทีวีบีอย่าง Triumph in the Skies ด้วย เรียกว่าปี 2014 จะเห็นหน้ากันจนเบื่อแน่นอน
       

ยืนยันแล้วว่าต่อจากร่วมแสดงในหนังฮอลลีวูด The Fast And Furious 7 แล้ว "จา พนม" (Tony Jaa) จะได้ร่วมแสดงในหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่จากฮ่องกง SPL 2 ที่งานนี้เขาจะได้ประชันบทบู๊กับดารากังฟูชาวจีนแผ่นดินใหญ่ "อู๋จิง" (Wu Jing) ด้วย
       
       SPL ที่มี เจินจื่อตัน (Donnie Yen), หงจินเป่า (Sammo Hung), เยิ่นต๊ะหัว (Simon Yam) และ อู๋จิง แสดงร่วมกัน ได้ชื่อว่าเป็นหนังแอ็กชั่นที่สร้างความฮือฮาให้กับวงการภาพยนตร์ฮ่องกงเมื่อปี 2005 และล่าสุดทาง Sil-Metropole Organization Ltd. เพิ่งจะไฟเขียวให้มีการสร้างภาคต่อของหนังว่าด้วยการต่อสู้ระหว่างตำรวจ และมาเฟียเรื่องนี้เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งข่าวระบุว่าหนังภาคนี้จะได้ แอนดี้ อัน (Andy On) กับ อู๋เจินอวี้ (Philip Ng) มาร่วมแสดงกับ หงจินเป่า กับ อู๋จิงจากหนังภาคแรก ส่วน เจินจื่อตัน พระเอกของหนังภาคแรก ไม่สามารถหาเวลากลับมารับบทนำได้ แต่อาจจะมาแสดงบทรับเชิญแทน
       
       อย่างไรก็ตามในเวลาเดียวกันก็มีข่าวลือว่า ผู้สร้างกำลังพยายามดึงตัวนักแสดงแอ็กชั่นระดับโลกอีกคนอย่าง จา พนม ให้มาร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้แทน ซึ่งแฟนหนังฮ่องกงเองก็ดูจะตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย เพราะทั้งองค์บาก และ ต้มยำกุ้ง ก็เป็นที่รู้จักดีของแฟนหนังที่นั่นดีอยู่แล้ว แต่สุดท้าย จา พนม ได้ตัดสินใจรับงานในฮอลลีวูดเป็นครั้งแรกในหนัง The Fast And Furious 7 ข่าวการรับหนังฮ่องกงจึงดูเงียบๆไป
       
       แต่เมื่อเร็วๆนี้ มีรายงานว่าระหว่างถ่ายทำ The Fast And Furious 7 จา พนม ได้หาเวลาเดินทางไปฮ่องกง และมีข่าวตามมาทันทีว่าอาจจะเป็นการเดินทางไปเพื่อเจรจาร่วมแสดงใน SPL 2 นั่นเอง

       หนังแอ็กชั่น Special ID ผลงานการแสดงนำ, ร่วมกำกับ และอำนวยการสร้างของ "ดอนนี เยน" (Donnie Yen) กำลังจะเข้าฉายในจีน และฮ่องกง ซึ่งงานนี้พระเอกนักบู๊ได้มีโอกาสอธิบายปัญหาระหว่างการถ่ายทำ ซึ่งสุดท้ายถึงขั้นทำให้ดาวบู๊ชาวจีนแผ่นดินใหญ่ "จ้าวเหวินจั๋ว" (Vincent Zhao) ถอนตัวจากโปรเจ็คนี้ไป

       "เจินจือตัน" (Donnie Yen) กล่าวระหว่างร่วมงานเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งตัวละครจากหนัง The Monkey King ที่เขาสวมบทบาทที่ Madame Tussauds ในฮ่องกงเมื่อวันศุกร์แล้วพร้อมเปิดใจว่าด้วยขั้นตอนที่ยุ่งยากมากในการสร้าง และถ่ายทำ คงจะทำให้เขารับเล่นหนัง "ไซอิ๋ว" เพียงภาคเดียวเท่านั้นพอ
       
       ขณะที่ไซอิ๋วฉบับของ โจวซิงฉือ (Stephen Chow) ที่ใช้ชื่อว่า Journey To The West Conquering The Demons เข้าฉายไปตั้งแต่ปลายปีก่อน และประสบความสำเร็จอย่างงดงามไปแล้ว แต่ The Monkey King ของ เจินจือตัน กลับต้องเลื่อนฉายจนทำให้เกิดเสียงลือว่าหนังอาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างตามมา โดยในงานเปิดตัวหุ่นขี้ผึ้งจากตัวละครที่ Madame Tussauds เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา พระเอกนักบู๊คนดังยอมรับว่าเขากดดันอยู่ไม่น้อยกับการหยิบเอาวรรณกรรมคลาสสิคของจีนมาสร้างเป็นหนังใหญ่ "เมื่อคุณหยิบหนังเรื่องนี้มาสร้าง คุณก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ด้วย หากคุณทำออกมาไม่ดี ก็คงจะโดนด่าไปตลอดกาล"
       
       เขายังเปิดเผยว่าต้องนั่งแต่งหน้าเป็นเวลา 5 ชั่วโมงทุกวันในการแปลงโฉมเป็น "ซุนหงอคง" และต้องใช้เวลาถอดชุดและขนออกอีกวันละ 1 ชั่วโมง "ผมนั่งในห้องแต่งหน้าจนหลังแข็ง ต้องใส่ฟันยางจนแทบจะเคี้ยวอะไรไม่ได้ ทำแบบนั้นอยู่ 4 เดือนเต็ม หนังเรื่องนี้ทารุณร่างกายผมจนเกินขีดจำกัด แก่ไปหลายปีเลย คงไม่ทำหนังอะไรแบบนี้อีกแล้ว โหดเกินไป"
       

       เว็บไซต์ Filmbiz รายงานว่าบริษัทภาพยนตร์ Edko (安樂影片有限公司) เตรียมจะหยิบเอาเรื่องราวของ "หวงเฟยหง" (Wong Fei-hung) กลับมาสร้างเป็นหนังอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ผู้สร้างเลือกที่จะเล่าเรื่องในช่วงวัยหนุ่มของยอดจอมยุทธที่เคยมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์
       
       โดยข่าวระบุว่าขณะนี้หนังได้รับไฟเขียวจากหน่วยงานควบคุมด้านภาพยนตร์ของรัฐบาลจีนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการมอบหมายให้ คริสตีน ตู้ (Christine TO / 杜緻朗) ที่เคยเขียนบทหนังกังฟูดังๆ อาทิ Fearless (霍元甲 [2006]) ที่เล่าถึงเรื่องราวของ ฮั่วหยวนเจี๋ย และ True Legend (蘇乞兒 [2009]) หนังเกี่ยวกับยาจกซู ให้มารับผิดชอบบทภาพยนตร์
       
       ซึ่งตามข่าวหนัง หวงเฟงหง เรื่องใหม่จะใช้ชื่อว่า "Rise of the Legend" (黃飛鴻) และจะเน้นเรื่องราวในช่วงวัยหนุ่มของ หวงเฟยหง ก่อนที่เขาจะเติบโต และพัฒนาฝีมือจนกลายเป็นครูมวยแห่งตำนานอย่างที่ปรากฎในหนังหลายๆเรื่อง
       
       หวงเฟยหง (1847 - 1924) เป็นครูมวยผู้เชี่ยวชาญเพลงหมัดหงกวน ที่โด่งดังอยู่ในแถบกวางตุ้ง เมื่อช่วงยุคก่อนสิ้นสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งที่ผ่านมาเคยมีการนำชีวิตของท่านมาดัดแปลงเป็นหนัง และหนังชุดเพื่อฉายทางโทรทัศน์มากมาย ทำให้มีนักแสดงชื่อดังได้สวมบทบาทเป็น หวงเฟยหง มาแล้วจำนวนไม่น้อย
       

       ยอดนักบู๊แห่งฮ่องกงได้โอกาสกลับมาทำหนังแอ็กชั่นที่หนักหน่วง และรุนแรงอีกครั้งใน Special ID ที่เพิ่งปล่อยตัวอย่างแรกให้ชมกันพร้อมการแถลงข่าวเปิดตัวหนังที่ปักกิ่ง ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 22 ก.ค. ที่ผ่านมา

       ดาวบู๊ชาวฮ่องกงกล่าวระหว่างเปิดตัวหนังใหม่ "วิ่งสู้ฟัด 2013" ว่าเขาคงต้องขอกลับคำที่ว่าจะไม่เล่นหนังแอ็กชั่นอีกแล้ว เพราะผลงานเรื่องนี้ก็ยังจะเต็มไปด้วยฉากพะบู๊ดุเดือดเช่นเดิม แต่ก็จะมีเนื้อหาที่หนักแน่นจริงจังด้วย
       
       หลังประกาศว่า CZ12 จะเป็นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่เรื่องสุดท้ายของตนเอง แต่ล่าสุดระหว่างการแถลงเปิดตัวหนังใหม่ที่เซียงไฮ้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา เฉินหลง (Jackie Chan) ได้เอ่ยปากขอกลับคำ และยอมรับว่าหนังใหม่ของเขาอย่าง Police Story 2013 ก็จะเป็นหนังแอ็กชั่นเหมือนเดิม
       
       เฉินหลง ยังเล่าว่าเป็นเขาเอง ที่ขอแก้บทเพิ่มฉากแอ็กชั่นที่แต่เดิมไม่มีในบทภาพยนตร์ดั้งเดิมลงไป "บทมีการแก้ไข พัฒนาทั้งเนื้อเรื่อง และใส่ฉากแอ็กชั่นลงไป ผมยังชอบถ่ายฉากบู๊ครับ เพราะมันทั้งตื่นเต้นและรู้สึกสุดยอดจริงๆ เมื่อได้ถ่ายทำฉากเจ๋งๆ โดยไม่ใช้สลิงค์"
       
       "บางทีผมอาจจะประกาศว่านี่คือหนังแอ็กชั่นเรื่องสุดท้ายอีก แต่ถ้าคนยังอยากให้ผมเล่นหนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่ไปเรื่อย ๆ อีกล่ะ ... ผมก็คงจะเล่นต่อไปอีกน่ะครับ" แจ็คกี้ ชาน กล่าว "คิดว่าสุดท้ายก็คงเล่นต่อไปอยู่ดี ...ทำไมไม่มีผู้กำกับคนไหนให้ผมเล่นหนังรักบ้างเลยนะ"

       แม้จะยังเป็นหนังบู๊ตามถนัดเหมือนเดิม แต่ เฉินหลง ยังบอกอีกกว่า Police Story 2013 จะมีเนื้อหาที่จริงจังมากขึ้น ที่ในหนังเรื่องนี้เขาจะสวมบทบาทเป็นตำรวจหนุ่มใหญ่ชาวจีนผู้มีจิตใจมั่นคง แตกต่างจากบทตำรวจฮ่องกงในหนังภาคก่อนหน้าอยู่พอสมควร
       

“ฟ่านปิงปิง” (Fan Bing Bing) นักแสดงสาวชื่อดังจากแดนมังกรขึ้นแท่นแทนที่ “เจย์ โจว” (Jay Chou) แชมป์เก่าขึ้นอันดับคนดังทรงอิทธิพลที่สุดในวงการบันเทิงจีนของปีนี้
       
       ทางฟอร์บส์จีนได้มีการจัดอันดับ 100 คนดังทรงอิทธิพลที่สุดเป็นประจำทุกปี โดยในปีนี้เพิ่งประกาศผลเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีสาวฟ่านปิงปิงขึ้นแท่นเป็นอันดับหนึ่ง โดยดูจากหลายๆปัจจัยทั้งรายได้, ผลการค้นหาออนไลน์ และการปรากฏตัวตามสื่อต่างๆทั้งหนังสือพิมพ์, นิตยสาร และ โทรทัศน์
       
       แม้ว่ารายได้รวมของฟ่านปิงปิงจะทำรายได้อยู่ที่ 523 ล้านบาทซึ่งตามหลังเจินจื่อตัน (Donnie Yen) อยู่ แต่นักแสดงสาวมักปรากฏตัวในเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติและงานอีเวนต์ต่างๆ ทั้งงานประกาศผลรางวัลออสการ์และเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ซึ่งถือว่าออกสื่อใหญ่ได้บ่อยครั้งกว่าส่งให้เธอไต่ขึ้นอันดับหนึ่งไปได้ในที่สุด
       
       ด้านเจย์ โจว แชมป์เก่าเมื่อปีที่แล้วถูกดันร่วงมาอยู่อันดับ 2 ตามมาด้วย หลิวเต๋อหัว (Andy Lau), เฉินหลง (Jackie Chan), จางจื้อยี่ (Zhang Ziyi), เฉินอี้ซิน (Eason Chan), หยางมี่ (Yang Mi), หวงเสี่ยวหมิง (Huang Xiaoming), ไช่อี้หลิน (Jolin Tsai) และ หลินจื่อหลิง (Lin Zhi Ling) ทางด้านหวงเสี่ยวหมิงนั้นนับเป็นนักแสดงชาวจีนที่โดดเด่นมากที่เดียวเมื่อเขามีชื่อติดหนึ่งในร้อยเป็นปีที่ 9 ติดต่อกัน
       
       ส่วนทางด้านผู้ที่ทำรายได้มากที่สุดเป็นของนักแสดงชาวฮ่องกง เจินจื่อตัน ซึ่งทำรายได้รวมไปทั้งหมด 549 ล้านบาท ตามด้วยฟ่านปิงปิงที่ตามหลังมาติดๆ ส่วนทางด้านเจย์ โจว อยู่ในอันดับ 3 ด้วยรายได้รวม 500 ล้านบาท